ชายฉกรรจ์ผู้โชคร้ายร้องโหยหวนไม่เป็นภาษาคนเมื่อถูกเสี่ยวหงจับแขนพลิกสะบัดจนเสียงดังกรุบกรับล้มลงไปกองกับพื้น
หึ! ข้าเคยเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้างแถมยังชกต่อยกับคู่อริเป็นงานอดิเรก เจ้าอยากมายั่วโมโหข้าก่อนทำไมกัน
ชายฉกรรจ์อีกคนพุ่งเข้ามาทางเสี่ยวหงแต่ก็ถูกนางจัดการจนสลบเหมือด คนอื่นๆ ได้แต่หันหน้ามองกันไปมาอย่างลังเล
"ใครจะเข้ามาอีกก็เชิญ หากไม่อยากพิการแบบสหายของพวกเจ้าก็เข้ามา"
หยางซูจวิ้นที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังได้แต่ยืนอ้าปากค้างมองเสี่ยวหงสลับกับชายฉกรรจ์ที่สลบเหมือดอยู่ตรงหน้า ตั้งแต่เขาเกิดมาไม่เคยเห็นสตรีที่ไหนดุดันเท่านางมาก่อนเลย
"ใครกล้าล่วงเกินองค์ชายรองจับตัวมันไปให้หมด!!!"
เสี่ยวหงละสายตาจากกลุ่มชายฉกรรจ์ตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองที่มาของเสียงและได้พบกับใครบางคนที่นางอยากพบเขามาหลายวัน
อวิ๋นหลัวซี
ความจริงเสี่ยวหงคิดอยากจะทำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไปเยี่ยมฮูหยินจวนโหวที่กำลังป่วย แต่คิดไปคิดมาก็ดูจะไม่เหมาะเท่าใดนัก นางกับเขาเพิ่งพบกันเพียงครั้งเดียวที่งานเทศกาลแข่งขันว่าวประจำปี ถึงเขาจะเคยบอกนางว่าหากต้องการความช่วยเหลือให้ไปหาเขาที่จวนโหวได้ก็ตาม
แต่นางจะไปขอความช่วยเหลืออะไรจากเขากันเล่า? ขอให้เขารับรักดีหรือไม่
มู่มู่ลอบบิดเบ้มุมปากตน นายหญิงของมันอาการคลั่งรักกำเริบใช่รึไม่?
"ถวายพระพรองค์ชายรอง ขออภัยที่กระหม่อมมาช้าไปพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่เป็นไรๆ นางเป็นคนช่วยข้าไว้"
หยางซูจวิ้นชี้มือมาที่เสี่ยวหงก่อนจะหันไปมองอวิ๋นหลัวซีอย่างกล้าๆ กลัวๆ
อวิ๋นหลัวซีเป็นสหายสนิทของหยางเส้าเฉินพี่ชายของเขา เขานับถืออวิ๋นหลัวซีเหมือนพี่ชายร่วมสายเลือดด้วยซ้ำ พี่ชายผู้นี้ยามใจดีก็ดียิ่งนัก ยามใจร้ายก็ทำเขากลัวจนตัวสั่น ดูสายตาที่มองเขาตอนนี้นั้นมันมีทั้งคำตำหนิและด่าว่าไม่น้อย
เขาก็แค่หนีออกมาเที่ยวเล่นเพียงครู่เดียวเท่านั้นใครจะคิดว่าจะถูกพวกอันธพาลนี่ทุบตีกันเล่า
อวิ๋นหลัวซีมองตามมือของหยางซูจวิ้นก่อนจะมีสีหน้าประหลาดใจไม่น้อย
"แม่นางเสี่ยวหง"
กรี๊ด!!! เขาจำชื่อข้าได้
"คารวะซื่อจื่อเจ้าค่ะ"
"เจ้าคือผู้ที่ช่วยองค์ชายรองไว้"
เสี่ยวหงที่มัวแต่สนใจในความหล่อของอวิ๋นหลัวซีจนลืมหยางซูจวิ้นไปจนหมดสิ้น ตอนนี้นางได้สติแล้วจึงหันไปมองหยางซูจวิ้นด้วยสายตามึนงง
"เจ้าเป็นองค์ชาย?"
หยางซูจวิ้นพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆ
"ช่างทำตัวไม่สมกับการเป็นองค์ชายยิ่งนัก เจ้าอายุเพียงเท่านี้ก็ติดการพนัน ดื่มสุราเมานารีแล้วหรือ?"
หยางซูจวิ้นเบ้ปากน้อยๆ แล้วใครกันเล่าเป็นคนลากเขากลับมาที่นี่ ซ้ำยังชวนเขาเล่นการพนันนั่นด้วย ชิ!
"แม่นางเจ้าอย่าได้กล่าววาจาล่วงเกินองค์ชาย มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษสถานหนักรู้หรือไม่"
"ท่านรองแม่ทัพอวิ๋นช่างเถิดๆ นางเป็นสหายของข้าเองอย่าถือสาหาความกับนางเลย"
"ข้าเป็นสหายเจ้าเมื่อใดกันพ่อหนุ่มน้อย"
หยางซูจวิ้นถลึงตาใส่เสี่ยวหงก่อนจะเดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของนาง
"เจ้าอยากถูกโบยงั้นรึ! เสด็จแม่ของข้าเป็นถึงฮองเฮา ดุมากด้วย"
"อ้อ!! ไอ้ต้าวติดแม่"
"ห้ามว่าข้านะ!!! แล้วเจ้าพูดภาษาอะไรน่ะ ประหลาดจริงเชียว"
"หากข้าประหลาดเจ้าก็ไม่ต้องมาเป็นสหายข้าสิ"
"ไม่ได้!!! ไว้คราวหน้าข้าจะพกตำลึงมาเยอะๆ เราจะได้มาเล่นด้วยกันอีกดีหรือไม่ เจ้าคือเทพธิดานำโชคของข้าเชียวนา โอ๊ย!!!"
เสี่ยวหงฟาดฝ่ามือไปที่กลางศีรษะของหยางซูจวิ้นอย่างเต็มแรง
"คราวหน้าต้องเอาตำลึงมาให้มากกว่านี้เข้าใจรึไม่ คิกๆ"
"คิกๆ เข้าใจๆ"
อวิ๋นหลัวซีมองคนทั้งสองที่สนทนาไปพลางทุบตีกันไปพลางก่อนจะขมวดคิ้วแน่น
นางกับองค์ชายรองสนิทกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ เหตุใดเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหยางซูจวิ้นมีสหายสนิทเป็นสตรี
"เสี่ยวหง ข้าขอเตือนเจ้าด้วยความหวังดี การกระทำของเจ้าเป็นการล่วงเกินองค์ชาย ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปเพราะเห็นแก่องค์ชายรอง หากมีครั้งหน้าข้าคงไม่สามารถละเว้นเจ้าได้"
จุ๊ๆๆๆ!!! ท่านรองแม่ทัพรูปงามผู้นี้กำลังข่มขู่นางเช่นนั้นหรือ
"ที่ซื่อจื่อกล่าวมาข้าเข้าใจดีเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้ามีเรื่องอยากถามซื่อจื่อสักหน่อย"
"ว่ามา"
"หากท่านไม่ให้ข้าล่วงเกินองค์ชายรอง เช่นนั้นข้าล่วงเกินท่านแทนได้หรือไม่เจ้าคะ"
"เจ้าหมายความว่าเช่นไร?"
เสี่ยวหงฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าของอวิ๋นหลัวซี
"ข้าชอบท่าน ท่านคือบุรุษในฝันของข้า หากท่านยังไม่แต่งงาน เช่นนั้นเรามาแต่งงานกันดีหรือไม่?"
อวิ๋นหลัวซียืนเหม่อลอยไม่ได้สติเหมือนคนไร้จิตวิญญาณ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสตรีที่บอบบาง สดใสอ่อนหวานผู้นี้จะกล้าเกี้ยวพาราสีเขากลางวันแสกๆ ซ้ำยังทำต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้
หยางซูจวิ้นซู้ดปากอย่างอดไม่ไหว เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ยอมเป็นสหายกับนาง นางช่างเผ็ดร้อนยิ่งนัก
"เจ้าระวังคำพูดด้วย เป็นสตรีจะเสียเกียรติเอาได้"
อวิ๋นหลัวซีที่ดึงสติกลับมาได้แล้วหันไปมองเสี่ยวหงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ไม่กล้าสบตานางตรงๆ
"ท่านเขินอายข้าหรือเจ้าคะ"
"เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน"
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านเสียเกียรติเพราะข้า ข้าจะรับผิดชอบท่านเอง ข้าจะขอเป็นภรรยาของท่านไปชั่วชีวิต"
"องค์ชายรองเชิญเสด็จกลับวังเถิดพ่ะย่ะค่ะ"
อวิ๋นหลัวซีไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาหันหลังเดินจากไปไม่แม้แต่จะรอหยางซูจวิ้นด้วยซ้ำ
หยางซูจวิ้นหันมาโบกมือให้เสี่ยวหงก่อนจะรีบเร่งเดินจากไป
เสี่ยวหงไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้างที่มองนาง ยุคโบราณเช่นนี้เป็นยุคที่เอาเปรียบสตรียิ่งนัก ทำไมกันล่ะ? สตรีที่เคยถูกถอนหมั้นดูไร้ค่าเช่นนั้นเชียวหรือ
แต่ใครจะสนใจกันเล่าว่าใครจะมองนางเช่นไร นางไม่แคร์เสียหน่อย นางถือคติด้านได้อายอดเชียวนา
"ไม่พบกันเสียนาน ดูเจ้าจะเปลี่ยนไปไม่น้อย"
เสี่ยวหงที่กำลังหันหลังเตรียมจะเดินออกไปก็หันกลับไปเจอกับใครบางคนที่นางไม่อยากเจอเข้า
ชินอ๋องหยางเทียนฉี
ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมบอกนางว่านี่คือชินอ๋องหยางเทียนฉี
"ถวายพระพรชินอ๋องเพคะ"
"ไม่ต้องมากพิธี"
"หากไม่มีสิ่งใดแล้วหม่อมฉันขอตัวเพคะ"
หยางเทียนฉีขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจ อะไรกัน! เมื่อครู่เขายังเห็นนางทำท่าทางเกี้ยวพานอวิ๋นหลัวซีอย่างหน้าไม่อาย แต่พอได้เจอกับเขานางกลับทำเหมือนเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
"เดี๋ยวก่อน"
เสี่ยวหงหลับตาลงด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับหยางเทียนฉีด้วยแววตาเฉยชา
"พระองค์มีสิ่งใดอยากพูดกับหม่อมฉันหรือเพคะ หม่อมฉันมีเรื่องให้ต้องสะสางต่อ อีกอย่างชายหญิงมิควรชิดใกล้เพคะ"
หยางเทียนฉียกยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยัน
ชายหญิงมิควรชิดใกล้!
"เจ้าว่าชายหญิงมิควรชิดใกล้ เช่นนั้นเหตุใดเมื่อครู่เจ้าจึงได้เอ่ยปากขอบุรุษแต่งงานได้อย่างไร้ยางอายทั้งที่เพิ่งถูกข้าถอนหมั้นเล่า?"
เสี่ยวหงยกยิ้มมุมปากอย่างดูแคลน
ทิ้งขว้างไม่ไยดีแล้วยังคิดจะหวงก้างอีกหรือ
"หม่อมฉันน่ะหรือเพคะไร้ยางอาย? หากหม่อมฉันไร้ยางอาย พระองค์คงไม่ไร้ยางอายยิ่งกว่าหรือเพคะ ถอนหมั้นกับหม่อมฉันเพื่อจะได้แต่งงานกับน้องสาวหม่อมฉัน หม่อมฉันทำสิ่งใดผิดหรือเพคะ ตอนนี้พระองค์กับหม่อมฉันเราทั้งคู่ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน หม่อมฉันอยากจะแต่งงานกับผู้ใดก็ไม่ใช่เรื่องที่พระองค์ต้องสอดมือเข้ามายุ่ง"
"เสี่ยวหง!!! เจ้า เจ้ามันก็แค่บุตรบุญธรรม มิใช่พี่สาวสายเลือดเดียวกับเสี่ยวชิง เป็นเพียงเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงได้เชิดหน้าชูตาก็ถือว่าดีเท่าใดแล้ว ข้าไม่มีทางลดตัวไปแต่งงานกับคนไร้หัวนอนสายเลือดชนชั้นต่ำเช่นเจ้า"
หยางเทียนฉีที่โมโหจัดเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเองพูดสิ่งใดออกไปเขามีสีหน้ารู้สึกผิดไม่น้อย
สายตาคนรอบข้างที่มองเสี่ยวหงเริ่มเปลี่ยนไป คำวิจารณ์ต่างๆ ลอยเข้ามาเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย
"ที่แท้นางก็เป็นเด็กที่ท่านเสนาบดีเก็บมาเลี้ยงนี่เองไม่ใช่บุตรสาวสายตรง"
"หากข้าเป็นท่านอ๋องก็คงไม่ยินยอมแต่งกับนาง นางเป็นคุณหนูจอมปลอม คุณหนูเสี่ยวชิงต่างหากที่คู่ควรกับท่านอ๋อง"
"ชูคอทำตัวว่าสูงส่งที่แท้ก็เป็นเด็กที่ไร้หัวนอนปลายเท้า"
เสี่ยวหงยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา หากเป็นเจ้าของร่างเดิมตอนนี้คงได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งวิ่งหนีกลับจวนไปแล้วเป็นแน่ แต่ไม่ใช่กับนาง ความจริงก็คือความจริง นางเองก็ไม่ได้อยากจะใช้ชีวิตอยู่ในจวนสัปปะรังเคนั่นตลอดไปอยู่แล้ว
"คงจะพอใจท่านอ๋องแล้วใช่หรือไม่เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อน"
"เสี่ยวหง"
เสี่ยวหงไม่แม้แต่จะหันไปมองหยางเทียนฉี นางเดินไปพลางลูบคลำตั๋วเงินหลายร้อยใบที่เหน็บอยู่ข้างเอวอย่างมีความสุข
มีเงินแล้ว คงต้องหาทำเลดีดีเปิดสำนักดูดวงได้แล้วสินะ
งานแต่งงานของอวิ๋นหลัวซีและหยางซูหนี่ว์ ถูกจัดขึ้น หลังจากพิธีอภิเษกสมรสของหยางซูจวิ้นและอวิ๋นเฟยหนึ่งเดือน นางกับอวิ๋นหลัวซีใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างมีความสุข หยางซูหนี่ว์ให้กำเนิดบุตรเป็นฝาแฝดชายหญิงให้แก่อวิ๋นหลัวซี เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง อวิ๋นเสวียนเองก็หลงรักหลานแฝดทั้งสองมาก ทุกวันหลังจากเลิกงานเขาก็จะต้องรีบกลับมาหาหลานฝาแฝดน้อยทั้งสองอวิ๋นหลงเยียนเองก็ถูกบิดาจับได้ว่าเขาลอบมีความสัมพันธ์กับหรงจิง อวิ๋นเสวียนในตอนแรกนั้นก็ยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากเท่าใดนัก และไม่ได้ด่าทอต่อว่าบุตรชายคนรองเหมือนเช่นเคย อวิ๋นหลงเยียนและหรงจิงก็ช่วยกันดูแลสำนักดูดวงเชียนเซียง จนกิจการรุ่งเรืองไปได้ดีรัชศกเฉิงเยี่ยปีที่60ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยทรงสิ้นพระชนม์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ได้ขึ้นเป็นไทเฮา ช่วงชีวิตของนางมีความสุขอยู่กับการเลี้ยงหลานๆ หยางซูจวิ้นเองก็มีพระโอรสถึงสี่องค์ สร้างความมั่นคงแก่ราชวงศ์ไม่น้อยรัชศกซูจวิ้นปีที่5ห้าปีหลังจากที่หยางซูจวิ้นขึ้นครองราชสมบัติเขาได้แต่งตั้งหยางเส้าเฉินขึ้นเป็นชินอ๋อง"ท่านพ่อเจ้าคะ อุ้มข้าหน่อยเจ้าค่ะ"หยางเส้าเฉินมอง
อวิ๋นเสวียนผู้เป็นบิดารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์หญิงผู้นี้จะกล้าเข้ามากอดรัดนัวเนียอยู่กับบุตรชายของเขาอวิ๋นหลัวซีมองบิดาของเขาด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูด"ลูกเป็นคนพาซูหนี่ว์มาเองขอรับ""อาหลัว เหตุใดเจ้าจึงบังอาจเรียกชื่อองค์หญิงเช่นนี้!!!"อวิ๋นหลัวซีมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหยางซูหนี่ว์ที่กอดแขนอวิ๋นหลัวซีอยู่นั้นก็จ้องมองอวิ๋นเสวียนด้วยรอยยิ้มตาหยี"ท่านพ่อสามีไม่ต้องเกรงใจไปเจ้าค่ะ ข้ากับอาหลัวเราก็เหมือนคนคนเดียวกัน เรียกชื่อเพียงเท่านี้เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ"จินรั่วอวิ๋นลอบปรายตามองหยางซูหนี่ว์ ช่างกล้านัก นางที่เป็นว่าที่คู่หมั้นยังไม่ใจกล้าเท่านางเลย"เอ่อ นี่ก็เย็นมากแล้ว รับสำรับกันเถิด อาหลัวท่านแม่ของเจ้าเล่า?"ท่านแม่ไม่สบายขอรับ กำลังนอนพักอยู่ในเรือน ลูกให้คนนำสำรับเย็นไปให้แล้วขอรับ""อืม เด็กๆ จัดโต๊ะอาหาร"ไม่นานอาหารก็ถูกยกขึ้นมาวางเต็มโต๊ะ อวิ๋นหลัวซีคีบอาหารให้หยางซูหนี่ว์อย่างใส่ใจ จินรั่วอวิ๋นที่เห็นเช่นนั้น ทำได้เพียงลอบกัดฟันกรอด"ท่านพี่หลัว ลองชิมสาลี่นี่ดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เป็นสาลี่ที่เก็บมาจากบ้านสวนบนเขาของตระกูลจ
หยางซูหนี่ว์ใช้ชีวิตอยู่ในวังด้วยความเบื่อหน่าย วันๆ นางต้องทนเรียนการเย็บปักถักร้อย งานวาดภาพ อ่านตำราสอนหญิง มันเป็นสิ่งที่นางไม่ถนัดและไม่มีใจรักในด้านนี้"องค์หญิงเพคะ อีกครู่หนึ่งแม่นมฉางจะเข้ามาสอนองค์หญิงปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกเหมยนะเพคะ"กลอกตาไปมาก่อนจะมองหมิงหยวนด้วยสายตาเบื่อหน่ายอีกครั้ง สำนักดูดวงเชียนเซียงเริ่มเปิดกิจการภายใต้การดูแลของหรงจิง ตอนนี้หมอนั่นฝีมือก้าวหน้าไปไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าหยางซูหนี่ว์ แต่ก็ไม่ไปปล่อยผีออกมาเดินเล่นอย่างคราวก่อนอีก หยางซูหนี่ว์เองก็ไปที่สำนักดูดวงบ้างเป็นบางครั้ง ผู้คนต่างรู้หมดแล้วว่าแท้จริงแม่หมอผู้เก่งกาจคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ พวกเขาจึงยกย่องนางราวเทพธิดาและแวะเวียนมาที่สำนักดูดวงเชียนเซียงทุกวันหวังจะได้ชื่นชมพระบารมีขององค์หญิง"วันนี้ข้าจะไม่เรียนเย็บปักอะไรทั้งสิ้น ไปเตรียมชุดนางกำนัลมาข้าจะออกนอกวัง""แต่องค์หญิงเพคะ""หากเจ้ายังห้ามข้าอีก ข้าจะสั่งให้ผีมาหลอกเจ้าทั้งวันทั้งคืน!!! ""โอ๊ยย!!! องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยอมแล้วเพคะ""ดีมาก ไปเตรียมชุดให้ข้า หากแม่นมฉางมาบอกให้นางกลับไปก่อนวันนี้ข้าไม่มีอารมณ์เรียน"หยางซูหนี
เสี่ยวหงเดินตามเสียงที่เรียกนางไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางเมฆหมอกที่ขมุกขมัว พลันปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่ง แต่งกายงดงามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ใบหน้าละม้ายคล้ายกับนางไม่มีผิดเพี้ยน"เจ้าคือ?""ข้าคือเจ้า และเจ้าก็คือข้า""เจ้าคือเสี่ยวหง?"หญิงสาวตรงหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนหวานสะกดสายตา นางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองเสี่ยวหงอีกครั้ง"ข้าคือหยางซูหนี่ว์ ชื่อของข้าคือหยางซูหนี่ว์ พระธิดาของฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ย"เสี่ยวหงขมวดคิ้วมุ่น นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว ฉับพลันความรู้สึกมากมาย เรื่องราวต่างๆ ภาพความทรงจำในอดีตก็ได้หวนกลับมาอีกครั้งแท้จริงแล้วนางคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน"ข้าสูญเสียความทรงจำจากเหตุการณ์ร้ายแรงในครั้งนั้น""เจ้าจะกลับมาทวงร่างเดิมหรือ?"หยางซูหนี่ว์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของเสี่ยวหงเอาไว้"ข้าต้องไปแล้ว ฝากเจ้าดูแลเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าด้วย ใช้ชีวิตให้มีความสุข อยู่กับชายที่เจ้ารัก เจ้าทำให้ช่วงชีวิตของข้าที่แสนเศร้าและทุกข์ทรมานแปรเปลี่ยนเป็นความงดงามจนข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ขอบใจเจ้ามาก เจ้ารีบกลับไปเถิด"หยางซูหนี่ว์ใช้มือผลักที่ไหล่ข
อวิ๋นหลัวซีพาเสี่ยวหงขึ้นขี่หลังม้าห้อตะบึงจนออกมานอกเขตเมืองหลวงโดยใช้ป้ายรองแม่ทัพของเขาจึงไม่เป็นที่สงสัย พวกเขาสามารถออกมาจากเมืองหลวงได้ทันเวลาก่อนที่หยางเส้าเฉินจะส่งคนตามมาทันจวนตระกูลอวิ๋นถูกสั่งกักบริเวณทันทีหลังจากมีประกาศจับอวิ๋นหลัวซีและเสี่ยวหง อวิ๋นเสวียนเอาแต่โทษตนเองว่าเป็นความผิดของเขาที่บีบบังคับบุตรชายจนต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่วนฮูหยินเอกจวนโหวเมื่อทราบข่าวว่าอวิ๋นหลัวซีกลายเป็นนักโทษตามจับของฝ่าบาทก็เป็นลมแล้วเป็นลมอีกจนบ่าวในเรือนต้องช่วยกันดูแลวุ่นวายไปทั้งจวนด้านฮูหยินรองหลันเยียนก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างมีความสุข ถือโอกาสสาปแช่งทั้งสองแม่ลูกให้ตกตายไปพร้อมกันเสีย จวนตระกูลโหวรวมถึงตำแหน่งซื่อจื่อก็จะได้ตกเป็นของนางกับอวิ๋นหลงเยียนบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งของนาง"ท่านพ่อ ท่านพี่จะปลอดภัยใช่หรือไม่ขอรับ""พี่เจ้าเป็นคนเก่ง เขาจะต้องปลอดภัย พ่อเชื่อมั่นในตัวพี่ชายเจ้าเสมอ"อวิ๋นหลงเยียนพยักหน้า เขาเองก็เชื่อมั่นในตัวของอวิ๋นหลัวซีพี่ชายคนนี้ของเขาเช่นกัน"แย่แล้วขอรับนายหญิง ฮ่องเต้ทรงประกาศจับพวกท่านทั้งสองคนขอรับ"มู่มู่กระโดดออกมาจากต้นไม้ มองดูเสี่ย
หลิวเย่ว์หลีหันมามองหน้าเสี่ยวหงก่อนจะรีบเตรียมผละออกไป เสี่ยวหงร้อนใจเป็นอย่างยิ่งจึงรีบคว้ามือของหลิวเย่ว์หลีเอาไว้"ใจเย็นๆ ก่อนนะ ข้าจะไปดูสถานการณ์ก่อน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะรีบให้คนมาแจ้งแก่เจ้า""เจ้าค่ะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าก่อนจะรีบเดินตามนางกำนัลออกมา ระหว่างทางก็สอบถามเรื่องราวไปด้วย"เรื่องราวเป็นมาเช่นไร? รองแม่ทัพอวิ๋นเข้าวังมาขอยกเลิกพระราชทานสมรสด้วยตนเองเชียวหรือ?""เพคะพระชายา รายละเอียดบ่าวเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเพคะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าด้วยความร้อนใจ นางเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ ในเมื่อเป็นรับสั่งของฝ่าบาทเช่นนั้นคงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์เสียแล้วห้องทรงพระอักษร"เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก คิดว่าเป็นคนโปรดของเรา แล้วจะฝ่าฝืนคำสั่งเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?""หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ที่กระหม่อมต้องมาทูลขอความเมตตาจากฝ่าบาทด้วยตนเอง เพราะกระหม่อมมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ""เหลวไหล!!! เจ้าแต่งจินรั่วอวิ๋นเป็นฮูหยินเอก แล้วเจ้าก็ค่อยแต่งสตรีผู้นั้นเป็นอนุก็ย่อมได้!!!""ทูลฝ่าบาท กระหม่อมต้องการแต่งสตรีผู้นั้นเป็นภรรยาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!!!"ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยวา
ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยมองชินอ๋องกับพระชายาเอกด้วยแววตาตำหนิ มู่มู่ ที่เห็นเช่นนั้น จึงกระโดดหายไปอย่างไร้ร่องรอย เสี่ยวหงถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งเพื่อทำความเคารพหยางเฉิงเยี่ย"ถวายพระพรเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องที่หน้าบวมเหมือนหัวหมูโค้งกายคำนับหยางเฉิงเยี่ยด้วยท่าทีกระดากอายไม่ต่างจากพระชายาของตนเอง หยางเฉิงเยี่ยแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำของน้องชายตนเองเท่าใด แต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความเท่าใดนัก แต่ไหนแต่ไรมาน้องชายของเขาผู้นี้ก็นิยมชมชอบความรุนแรงมาโดยตลอด "เจ้าเข้ามาถวายพระพรเสด็จแม่หรือ?""พ่ะย่ะค่ะ เฉียวฟางเฟยตั้งครรภ์แล้ว กระหม่อมจึงจะมากราบทูลข่าวดีต่อเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด คราวหน้าคราวหลังอย่าทำขายหน้าต่อบ่าวไพร่เช่นนี้อีก""พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องหยางเทียนฉีปรายตามองเสี่ยวหงด้วยความขุ่นเคืองใจ หึ!!! เจ้ารอดจากเงื้อมมือข้าไปได้อีกแล้ว ระวังตัวเอาไว้เถิด ข้าจะต้องหาทางเอาคืนเจ้าให้สาสมเป็นแน่เสี่ยวหงก้มหน้าพยายามกลั้นขำอย่างสุดกำลัง มู่มู่ก็ช่างรุนแรงเสียจริง ทำให้หน้าตาหล่อเหลางดงามของชินอ๋องกลายเป็นหัวสุกรไปเสียได้"เจ้าเองก็เช่นกัน หากยังอยากมีชีวิตรอดอยู่ในวังหลวง
ไป๋หลางยกจานข้าวขึ้นมาหวังจะฟาดใส่เสี่ยวหง นางยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะยื่นมือไปกระชากศีรษะนางกำนัลผู้หนึ่ง มารับจานใบนั้นแทนนาง ส่วนนางก็เบี่ยงตัวหลบอย่างสบายใจ"อ๊าาา!!!"พวกนางกำนัลลิ่วล้อต่างอ้าปากค้างมองสหายของตนที่ใบหน้าและลำตัวมีแต่เศษอาหารและหน้าผากปูดนูนอย่างหวาดวิตก เสี่ยวหงหันไปมองพวกนางด้วยสายตาอำมหิตจนพวกนางกำนัลเหล่านั้นเย็นสันหลังวาบ"ช่างอวดเก่งนักนางตัวดี"ไป๋หลางพุ่งเข้ามาหาเสี่ยวหงอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหงหรี่ตามองไป๋หลาง ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดอกของนาง ไป๋หลางตัวลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความจุกแน่นที่บริเวณหน้าอกอย่างเจ็บปวด นางมองเสี่ยวหงด้วยสายตาเกลียดชังนางหลงรักหยางเส้าเฉินจึงยอมเข้ามาเป็นนางกำนัลในวังหลวงแห่งนี้ เดิมทีนางเป็นบุตรสาวของชาวนาจนๆ ผู้หนึ่ง นางได้พบกับหยางเส้าเฉินระหว่างที่เขาออกมาเยี่ยมเยียนความเป็นอยู่ของราษฎร นางจึงตกหลุมรักเขาตั้งแต่วันนั้น และตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องเข้าวังหลวงเพื่อให้ได้พบกับเขานางไม่หวังจะได้เป็นชายาเอกหรือชายารอง สถานะของนางต่ำต้อยเหลือเกิน ขอเพียงเขายอมรับนางเป็นสตรีบำเรอบนเตียงนางก็ยินยอ
พระราชวังใหญ่โต โอบล้อมด้วยตำหนักน้อยใหญ่ มีสระน้ำที่สวยงามทำให้รู้สึกสดชื่นน่าอยู่ไม่น้อย แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนกรงทองเอาไว้กักขังผู้คนมากมายให้ตกตายอยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้เสี่ยวหงถอนหายใจอย่างปลงไม่ตก นางเองเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่เคยถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวดังเช่นตอนนี้ นางเองยังคงปรับตัวไม่ได้เท่าใดนัก"ถวายพระพรฮองเฮา ขอฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีเพคะ""ลุกขึ้นเถิด""เป็นพระกรุณาเพคะ"เหมยฮองเฮาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เป็นนางเองที่ทูลขอต่อฝ่าบาทให้เสี่ยวหงมารับใช้นางในตำหนักเฟิ่งหวงแห่งนี้ เสี่ยวหงถือเป็นผู้ที่มีบุญคุณช่วยชีวิตนางเอาไว้ในตอนนั้น ทำความดีความชอบไม่น้อย นางเองก็ตัดใจส่งนางไปยังที่ลำบากตรากตรำไม่ลง"ข้าจะส่งเจ้าไปฝึกอบรมกับชิวหมัวหมัวเสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าถนัดทำสิ่งใดบ้าง ข้าจะได้คอยให้เจ้ามารับใช้ข้าได้ถูกที่ถูกทาง""เป็นพระกรุณาเพคะฮองเฮา"เหมยฮองเฮาโบกมือเล็กน้อย เสี่ยวหงมองเห็นชิวหมัวหมัวนางหนึ่งมาพานางเดินออกไปจากตำหนักเฟิ่งหวง เสี่ยวหงลอบพิจารณามองดูก็พบว่าเป็นหมัวหมัวที่ค่อนข้างแก่ชราไม่น้อย แต่ความน่าเกรงขามของนา