LOGINริมฝีปากแห้งคลี่ยิ้มบาง “ไม่รู้สิ แต่ตอนแรกที่เจอเหมือนตัวร้ายในละครเลย หล่อก็จริงแต่หน้าตาร้าย ๆ พูดจาร้าย ๆ นิสัยแรง ๆ แต่พอคุยนาน ๆ เข้า…ก็เหมือนมันเป็นแค่เปลือกนอก ความจริงแล้วนิสัยโอเคเลย”
“เค้าชอบเตงหรือเปล่า ผู้หมวดอะไรนั่น” เรย์ถามประชดประชันติดหยอกล้อเช่นทุกทีแต่ครั้งนี้สารวัตรกลับนิ่งเงียบไม่หันมาสบตาแล้วยิ้มดังเดิม ท่าทีชวนให้เข้าใจผิดนั่นทำให้เรย์รู้สึกไม่ปกติ ดวงตาคู่สวยที่เคยมองมาด้วยความเอ็นดูหายไปที่ไหนสักที่ “ไม่หรอก” สารวัตรหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ “เราต้องทำภารกิจด้วยกัน งานนี้มันค่อนข้างสำคัญ แต่เป้าหมายของเราสองคนต่างกันมากเลยล่ะ” “ยังไงอะ” เรยาถามเรื่อยๆ ใบหน้าทะเล้นหุบยิ้มลงเรื่อยๆ ทั้งที่อยากจะถามมากกว่านั้น อยากจะกระชากคอถามว่าทำไมต้องทำท่าางแบบนี้อยากจะห้ามไม่ให้มองใคร ห้ามยิ้มให้ใคร ห้ามไปเมาแล้วทำตัวน่ารักหน้าล่อต่อหน้าคนอื่น ความรู้สึกที่เคยเปิดเผยได้อย่างตรงไปตรงมาบัดนี้กลับคาอยู่ในลำคอ ความรู้สึกที่เริ่มเข้าใจว่าการเติบโตขึ้นแล้วไม่สามารถพูดทุกสิ่งที่คิดได้คล้ายจะเข้าใจมันก็ตอนนี้ “ผู้หมวดอุดมดูเหมือนจะชอบเงินพอสมควรเลย แต่ฉันไม่ได้สนใจมัน” เรย์หรี่ตา กัดริมฝีปากหงุดหงิดเล็กๆ ที่สารวัตรไม่ใช่คนหน้าเงินถ้าเขารักเงินสักหน่อยก็คงใช้เงินซื้อความมสัมพันได้ง่ายๆ “แล้ว…เตงเป็นคนดีขนาดนี้ จะไปทำงานกับคนหน้าเงินแบบนั้นได้ยังไง” สารวัตรกลับมายิ้มอบอุ่นแม้จะยังดูเหนื่อยล้าก่อนสบตากัน “นายคิดว่าจะหนีคนที่ชอบเงินพ้นเหรอ เรย์” ควาามเงียบระหว่างคนสองคนเกิดขึ้นปุบปับคล้ายเดินมาอยู่ดีๆ ไฟก็ดับสนิทชนิดที่หาสวิตช์ไม่เจอ ปากบางๆ ของคีรติขยับส่งเสียงอีกครั้ง “ทุกอย่างบนโลกนี้ต้องใช้เงินแลกเปลี่ยน ต่อให้ฉันไม่สนใจมัน แต่ทุกเดือนก็ต้องรับเงินเดือน ทุกวันก็ต้องซื้อข้าวกิน ของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ยันรถ เชื้อเพลิง…หรือแม้แต่กระดาษชำระก็ยังต้องใช้เงินแลกมันมา” “เงินมันมักจะเปลี่ยนให้คนดี ๆ กลายเป็นปีศาจนะ” คีรติหัวเราะใช้สายตาเอ็นดูอย่างเคยมองมาราวกับมองเด็กอนุบาลถามคำถามใสซื่อ “แล้วไงล่ะ เราก็เลือกได้อยู่ดีว่าจะเป็นปีศาจ เป็นเพื่อนกับปีศาจ เป็นครอบครัวเดียวกับปีศาจ…หรือจะเป็นเจ้านายของปีศาจ” เรย์เลิกคิ้ว “เจ้านาย? แล้วเราจะทำยังไงให้เป็นเจ้านายปีศาจได้ล่ะ คนที่หายใจเข้าออกเป็นเงิน เป็นความอยากได้อยากมี เป็นความเห็นแก่ตัว…เราจะควบคุมพวกนั้นได้ยังไง” สารวัตรหนุ่มยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ แววตาเรียบนิ่งแต่คำพูดแฝงแรงกดดัน “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง…คนหน้าเงินก็ต้องแพ้ให้กับคนที่มีเงินมากกว่าไม่ใช่เหรอ” เรย์ไม่เคยเข้าใจอะไรยากๆ แบบนี้มาก่อนแต่เป็นเพราะคนที่พูดเป็นคนที่ตนรู้สึกพิเศษเด้วยมากๆ สิ่งเหลล่านั้นก็คล้ายจะเข้าใจได้ง่ายดายขึ้น “เตง…สร่างเมายังน่ะ” คีรติหัวเราะในลำคอเหมือนไม่ใส่ใจ “อือ…นั่นสิ ยังมึน ๆ อยู่เลย ไปอาบน้ำก่อนนะ…ซักอะไรอยู่น่ะ ผ้าปูที่นอนเหรอ” เรยาพยักหน้า รีบตอบ “อื้อ เค้ากลัวมันมีกลิ่นอับ…เดี๋ยวเตงนอนไม่สบาย” คีรติหยุดเท้า หันกลับมาส่งยิ้มบาง “อ่อ…อื้อ ขอบใจนะ” ร่างสูงเพรียวขยับก้าวแปลกตาไม่รู้ว่าเจ้าตัวรู้ไหมว่าถูกทำโทษเพราะมีบางคนหึงจัด…ภายในห้องน้ำ มุมปากได้รูปกระตุกยกเพียงเสี้ยววินาที “สุดท้ายคนที่ไม่คิดอะไรก็มีเพียงคนตายแล้วเท่านั้น” หน้ากระจกที่มีใบหน้างดงามยิ้มอย่างอบบอุ่นอ่อนโยนเอยกับคนในนั้นเบบาๆ เรยานึกถึงคนในห้องน้ำเหม่อคิดถึงสิ่งที่คนแก่กว่า เคยคิดไปเองว่าสารวัตรคีรติไม่สนใจเงิน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนรวย เกลียดคนมีเงินที่ได้มาจากความเจ้าเล่ห์ แต่ตอนนี้คนตรงหน้าบอกว่ามันจำเป็น ไม่ใช่จำเป็นในการดำเนินชีวิต แต่..จำเป็นในการควบคุมคนมีเงินอีกที ประโยคนั้นวนซ้ำในหัวเรย์ไม่หยุด จนเริ่มกลายเป็นคำถามหนักอก… ถ้าจะชนะพวกหิวเงินได้ ต้องเหนือกว่าด้วยเงิน แล้วถ้าอยาก “ชนะใจ” นายตำรวจที่นอนข้างกันแทบทุกคืนล่ะ? เคยคิดว่าคนหน้าตาใจดี ยิ้มง่าย ขี้สงสารอย่างคีรติ คงจะชอบเด็กอ้อน ๆ ตลก ๆ ที่ทำให้หายเครียดจากงานเหนื่อย ๆ …แต่พอได้ยินชื่อ หมวดอุดม หลุดออกจากปากอีกฝ่าย พร้อมท่าทีที่จริงจังและแปลกตาไปหมด เรย์กลับเริ่มลังเลว่า “ความใจดี” แบบที่เห็น อาจไม่ใช่คำตอบที่ว่าจะได้ใจนายตำรวจยังไง ไม่ชอบคนเห็นแก่เงิน ไม่ชอบคนปากร้าย หน้าตาร้าย ๆ แต่กลับมีข้อยกเว้น…เพียงเพราะฝ่ายนั้นไม่เคยยอมใครแต่กลับยอมให้คนคนนึงได้…ต่อให้โง่ยังไงก็มองออกว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องงาน…ถ้าสารวัตรจะจริงจังกับหมอนั่นล่ะ คำพูดที่ทิ้งปริศนาไว้ให้ตีความทำเรยานั่งไม่ติดที่ใจสั่นแปลก ๆ หรือว่าสารวัตรยอดรักของเขา…กำลังสนใจไอ้หมอนั่นจริง ๆ ? ยิ่งคิดก็ยิ่งหนาว ทั้งที่แดดเปรี้ยงจนไข่เปียก! ความใกล้ชิดในการทำงานที่บังคับให้คีรติกับอุดมต้องอยู่ทีมเดียวกัน อันตรายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะในความใกล้ชิดนั้น…วิกฤติอาจกลายเป็นโอกาสได้เสมอ ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่าง บางทีเขาอาจต้องมองคนที่ตัวเองรักถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา “ต้องหาแนวร่วม” เรยาน่ารักที่สุดในโลก: พวกมึง…รวมตัวที่บาร์ใต้ดินด่วน กูกำลังเจอปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต โรม:ปัญหาของมึงใหญ่ทุกเรื่องไอ้เรย์ แวซาย:เปลี่ยนชื่อกลุ่มดิ๊ เห็นแล้วขี้ไม่ออก ปีรามิดเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นปีรามิดสร้างวันเดียวเสร็จ โรม:ไอ้มิด ไอ้เหี้ย เปลี่ยนชื่ออื่นไม่ได้หรือไงวะ โรมเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นกูเป็นอมตะเพราะกูชื่อโรม เรย์:ไอ้พวกเหี้ย!!ฟังกู อย่าเมินกู ฟังก๊อน!! 😡 แวซายเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นแวร์ซายไม่ชอบอาบน้ำ เรย์:หยุดเปลี่ยนชื่อกลุ่มก่อนดิ๊เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง! เรย์เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นเรยาคือนางเอกนะจ๊ะนิ้วยาวของเรยาเกี่ยวขอบกางเกงผ้านุ่มลื่นสีขาวลงพ้นเนินสะโพกดึงลงจนร่วงหล่นลงไปกองกับพื้นทำให้ท่อนล่างคุณตำรวจไร้เครื่องป้องกัน“ตัวเองชอบตอนเค้าติดสัตว์ไง” ปากได้รูปที่ชอบพ่นคำลามกทำเอาเจ้าของงบ้านนมันเขี้ยวอย่างหนักมือข้างหนึ่งของคุณตำรวจบีบกรามเจ้าหมาตัวโตแน่นแตเจ้าตัวดีกลับเอียงหน้ามาเลียหลังมือขาวสว่างเอาอกเอาใจ สองมือที่กอบกุมก้อนสะโพกแน่นสอดลึกลงไปในร่องหลืบคับแคบ รอยยิ้มเล็กๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าสารวัตรหนุ่มยิ่งทำให้หมาอย่างเรย์ได้ใจหันหน้ามองเนื้อแท่งขาวราวกับบไส้กรอกอวบอิ่มสิ่งกลิ่นหอมหวน เกร็งข้อมือโอบอุ้มก้อนเนื้อแน่นยกขึ้นน้อยๆ ร่างสูงของสารวัตรต้องเขย่งปลายเท้าเจ้าหมาเด็กไม่รู้สำนึกว่าทำความผิดยังคงนัวเนียของโปรดไม่หยุดหย่อนหน้าหล่อๆ มุดกลางหว่างขาคนพี่แหงนหน้าเสยปลายลิ้นลากผ่านถุงเนื้อนุ่มนิ่มปาดเลียลำร้อนขาวเนียนยิ่งกว่าผิวเด็กอ่อน แท่งเนื้อที่มักจะมีปฏิกริยากับสัมผัสของหมาบ้าอย่างเรย์เสมอมือสองข้างของสารวัตรคีรติต้องประคองบ่ากว้างเอาไว้เมื่อถูกช้อนสะโพกขึ้นจนไม่สามารถเหยียบพื้นได้ ขาสองข้างกางออกกว้างจนแทบจะขี่คอคนเมา“อืมมม~”คุณตำรวจส่งเสียงครางแผ่วทุกครั้งที่เก
เวลาต่อมาสภาพห้องใต้ดินเละเทะเศษขนมเกลื่อนกราดกระป๋องเบียร์ขวดน้ำอัดลมและน้ำเปล่าเป็นกอง ทั้งหมดมึนเมาตามๆ กันแค่นั่งยังเซ เสียงพูดคุยยืดยานฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง“มึงจะกลัวอะไรเราสี่คนเป็นส.ส นะมิดจี้มึงเองก็บอกว่ามันไม่กล้าทำอะไร” แวซายพูดพลางโยนถุงขนมบนโต๊ะให้น้องเล็กปีรามิดตะครุบกอบโกยเอามากอดไว้ไม่แบ่งใคร “ถ้ามันต้องทำขึ้นมาล่ะแล้วพวกมึงจะมีปัญญาคลอดลูกไปคืนแม่กูหรือไง!?” เสียงขึ้นสูงอย่างกับจะกัดใครสักคน“มึงนี่หงุดหงิดง่ายชะมัดตอนโมโหเสียงก็ยิ่งแหบเหมือนอะไรก็ไม่รู้ แกว๊กๆๆๆๆ” โรมหัวเราะ“ทำไมไม่เอาอย่างลูกพี่ลูกน้องมึงบ้างวะ เอาสมองมาไว้ที่จู๋ไม่ต้องคิดห่าอะไร เด้าอย่างเดียวไม่เครียดก็เด้า หิวก็เด้า อิ่มก็เด้า เลี้ยงง่ายสัด”“เออจริง มึงน่าจะแดกน้ำอสุจิแทนข้าวไปเลยนะ” อีกคนเสริม“ชมกูอยู่ปะวะ จะได้เขินถูก” เรยายกคิ้ว ยิ้มกวนปีรามิดกอดอก หัวเราะหึ ๆ เพราะอารมณ์เย็นลง“สมองอยู่ที่จู๋จริง ๆ”“ทำไมพ่อแม่พวกเราถึงมาเป็นนักการเมืองวะ” เรย์ยกขวดเหล้า ขยับปากยิ้มจาง ๆ “แดกบ้านแดกเมืองแล้วมันเท่ดีมั้งแล้วมาตอแหลว่ารักประเทศ ““จริง…” เสียงแวซายรับคำเบา ๆ“อย่าทำตัวน่าเบื่อ
วันเสาร์บ้านผู้หมวดอุดมศักดิ์แกร่ก…แต๊กกกกๆๆๆๆๆๆ …“ไอ้เหี้ย! กูบอกให้ระวังหลังไง!”เสียงตะโกนปนหัวเราะดังออกมาจากห้องโถง เสียงเมาส์กดคลิกตามจังหวะเกมก้องสะท้อนผนัง ตัวละครกระโดดเล็กน้อย หมุนตัวหลบการโจมตีในเกม เสียงปัง ๆ ๆ ดังตามจังหวะมือเขย่าเมาส์“หนวกหู!! เมื่อไหร่จะเลิกเล่นเกมส์สักที” หมวดอุดมศักดิ์พ่นลมหายใจตวาดลั่นบ้าน“แป๊บนึงกำลังจะชนะแล้ว” ปีรามิดทำเสียงยียวนเออออแต่ไม่ขยับเขยื้อนจากหน้าจอ“หยุดเล่นเดี๋ยวนี้!!” น้ำเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยอำนาจ ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งไป“มีเมลล์ส่งเข้ามาหาคุณด้วยล่ะ ผมปลดล็อคดู เขาบอกว่าอะไรน้าฟินแลนด์สามวันเวลาสามนาฬิกา…เหมือนรหัสลับปฏิบัติการในเกมส์เลย” ร่างผอมบางลอยหน้าลอยตาเล่นเกมส์ต่อสู้เสียงดังแล้วหัวเราะไปพร้อมกันตึก ตึก ตึกหมั่บบ!!หมวดอุดมศักดิ์เอื้อมมือมาบีบแก้มขาวให้หันหน้ามาสบตาแรงๆ “ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับของของฉัน…อยากตายเหรอไง!” เสียงแข็งกร้าวเย็นชาเค้นต่ำกดดันคนตัวเล็กไม่ต่างจากราชสีกับลูกแมวดวงตากลมใต้ผมหน้าม้าต้องแสงวาวชั่วครู่แม้จะถูกบีบจนเจ็บกรามแต่เลือดนักสู้ก็ไม่ยอมง่ายๆ “ถ้าผมตาย ข้อมูลของคุณกับคนในความลับแ
เวลาต่อมา“พี่ค้าบ…”ปีรามิดยืนอยู่ในห้องกรง มือเล็กจับซี่เหล็กเขย่าไปมาเหมือนหมาถูกขัง“พี่จ๋า…”เสียงอ้อนกระท่อนกระแท่นโบกมือไปมาขอความเห็นยกปลายเท้ากระโดดโหย๋งเหย๋งอยู่ไม่สุข’ พี่ตำรวจปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่กินแล้ว ผมไปขอคนอื่นก็ได้ ทำไมต้องจับมาขังแบบนี้ด้วย’ ปากบางกัดสั่นแต่กัดฟันกรอด มือเล็กกระตุกกรงเหล็กแรงๆ แม่ว่ามันจะไม่สะทกสะท้านสักนิดเรยาหัวเราะในห้องควบคุม เสียงแหบพร่า “ไอ้เหี้ย… โดนจับขังแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”’ ไอ้ตำรวจนี่มันจิตใจอำมหิตชะมัด แค่คนตัวเล็กมาขอเงินกินข้าวก็จับเข้าคุกเฉยเลย’ เพื่อนอีกคนขมวดคิ้วบ่นไปเรื่อยเปื่อย’ กูว่าแล้ว ไม่มีใครใจดีขี้สงสารเท่าเมียกูอีกแล้ว’ เรยากอดอกอวดสรรพคุณคนรักที่เป็นตำรวจเหมือนกันเสียงหัวเราะพรืดดังลั่นรถด้วยความหมั่นไส้อีกครั้ง’ เลิกอวดเมียก่อนได้ไหมไอ้เรย์ ถ้าไม่อยากถูกตีนเล็กๆ ของไอ้มิดนาบหน้าก็รีบส่งคนไปประกันตัวมันเร็ว’ โรมเสนอ ปกระดิกตัวไปมา มือเล็กกวาดไปตามเหล็กกรง หางตากระพริบตาตื่น ๆร่างตัวกระแทกเบา ๆ กับพื้นห้อง ขาเต้นตุบ ๆ ไม่ได้หยุดนิ่ง’ ก็ด้ะ… รอแป๊บ ทำบัตรปลอมให้มันอยู่ ท่าทางจะเล่นด้วยยาก’ เสียงเรย์แผ่ว หรี่ตามองเพื่อน ๆ ร
ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของหมวดอุดมดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา ทั้งคู่ก้มลงมองพร้อมกัน“คนที่พูดถึง…โพสต์ชื่อใครบางคนออกมาแล้วครับ” อุดมกดขยายหน้าจอ ดวงตาเบิกขึ้นนิดหนึ่ง “ส.ส. พรรคสยามรวมใจ…คนใหม่” คิ้วเข้มของคีรติขมวดเข้าหากันทันที “เอ๊ะ พรรคนี้มันมี ส.ส. คนใหม่แล้วเหรอ”อุดมรีบเลื่อนหน้าจอพลางเอ่ยเสียงตื่น “เดือนหน้า…จะมีการรับตำแหน่งของ ส.ส. พรรคสยามรวมใจ คนใหม่…ทั้งหมดสี่คน”“โอ๊ะ…คุณรู้ได้ยังไงครับสารวัตร”คีรติพ่นลมหายใจออกช้า ๆ คล้ายเก็บความกังวลไม่อยู่ “ผลการโหวตของข่าววงในมันออกมาแล้ว” อุดมเม้มปากแน่น“เอ๋…แต่ไม่มีข่าวหน้าพวกเขาออกมาเลยนี่ครับ”“เห็นว่าจะได้เห็นพร้อมกันวันเปิดตัว” คีรติว่าชัดถ้อยชัดคำ เสียงทุ้มต่ำหนักแน่น “นโยบายใหม่ที่ไม่ให้เปิดเผยใบหน้าก่อนรับตำแหน่ง…เพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่ก็มีคำสั่งนั้นออกมาแล้ว”หมวดอุดมชะงัก สายตาสั่นเล็กน้อย “แปลกชะมัด…เลือกแค่จากชื่อ ไม่ต่างอะไรกับไอ้ดาร์คเว็บนี่เลย ตั้งกฎในประเทศให้ดูไม่โปร่งใสไปหมด…อีกหน่อยก็คงเป็นคอมมิวนิสต์ชัด ๆ”ความเงียบกดทับลงมาอีกครั้ง ทั้งคู่สบตากัน รู้ทันทีว่าการเชื่อมโยงเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างน่าขนลุกสารว
เสียงนาฬิกาในห้องทำเดินเป็นจังหวะขณะที่สารวัตรคีรติเอนหลังในเก้าอี้ ดวงตาเรียวเหม่อลอยไปที่ไกลแสนไกล เป็นอยู่อย่างนั้นมาหลายวันแล้วนับตั้งแต่วันที่เรยาหายไปเจ้าเด็กนั่นหายไปไม่ติดต่อกลับมา ไม่รู้ทำไมถึงหายไปทั้งที่ไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่มีเรื่องอะไรให้น่าน้อยใจแต่ทำไมถึงออกไป…“สารวัตรคีรติวันนี้เลิกงานไปดื่มกันมั้ย?”“…”“สารวัตรครับ…”ใบหน้าเรียบเฉยเหม่อมองนอกหน้าต่างไม่ไหวติงบ่งบอกว่าไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายเรียก หมวดอุดมหน้าดุจึงเร่งเสียงดังขึ้น“สารวัตรคีรติ!”“ครับ? …หมวดอุดมมีอะไรหรือเปล่า?”“พักนี้คุณดูเหม่อ ๆ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”เสียงทุ้มถามขึ้นท่ามกลางห้องทำงานที่มีเพียงไฟสลัว คีรติเงยหน้าขึ้นทันที แต่รีบปฏิเสธ“เปล่าครับ… คุณว่าไงนะ เรื่องเงิน?” น้ำเสียงพยายามราบเรียบ แต่แววตาไหววูบ“ผมได้เบาะแสจากที่หนึ่งมา” ผู้หมวดหนุ่มเอ่ยพลางกอดอก สีหน้าเคร่งเครียด“ครับ? เบาะแสอะไร? ที่ไหนครับ” คีรติขมวดคิ้ว มือที่ถือปากกาเผลอหยุดเขียนทันที“ต้องออกตัวก่อนนะ ว่าที่ผมเป็นสมาชิกดาร์คเว็บ…มันก็เพราะเราอยู่หน่วยปราบปรามพิเศษ ต้องหาข้อมูลจากเว็บพวกนี้” อุดมเอ่ยหนักแน่นจริงจัง“ครับ”“ในดาร์คเ







