ログイン“เถ้าแก่ช่างมองการณ์ไกล มีความคิดหลักแหลม เอาละ ข้าอยากเป็นไม้แขวนเสื้อให้ท่าน...” หยวนชิงอี้บอกเขา และเลือกเสื้อสีแดงมงคลลายนกยูง ที่ปักอย่างงดงาม
“ข้ามีเสื้อขนจิ้งจอกดำแล้ว และไม่มีสิ่งใดแทนได้ ส่วนเสื้อด้านใน ตัวนี้ถูกใจข้ายิ่ง”
เมื่อหญิงสาวแต่งตัวเรียบร้อย ก็ประดับดอกไม้สดบนศีรษะ ในยามนั้นหยวนชิงอี้ ดูราวเทพธิดาที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ ทุกคนที่ได้เห็นต่างมองนางด้วยความตื่นตะลึง ก่อนจะถูกสะกดสายตาเอาไว้ เนิ่นนาน
“คุณหนูเรือนใด ถึงได้งามล้ำลึก และเฉิดฉายเพียงนี้”
“ถูกต้อง เป็นไปได้หรือไม่ว่า สตรีเลอโฉมอันดับปีนี้ ถึงเวลาเปลี่ยนคนแล้ว”
หยวนชิงอี้ได้ยินชัด ส่วนเสี่ยวอวิ๋นก็พลอยชื่นชมเจ้านายของตนไปด้วย และระหว่างที่อยู่ในร้านชุดมงคลกับเครื่องประดับ หยวนซูซูที่ได้รับรายงานจากแม่บ้านจุ้น นางก็นั่งรออยู่ที่เหลาอาหารและน้ำชาไม่ไหว ใจร้อนรุ่ม ปล่อยให้หยวนชิงอี้คาดสายตาเพียงเล็กน้อย นางก็ก่อเรื่องอีกจนได้ และขณะที่จะก้าวไปเพื่อลากตัวอีกฝ่ายมาอบรม ตอนนั้นคนจากบ้านหลักหยวนก็เดินทางมาถึงพอดี
“เจ้าคือน้องหยวนห้า...”
หยวนข่ายยิ้มกว้าง พร้อมหัวเราะร่วน ความจริงเขามาถึงที่นี่พร้อมกับเฟยเตี้ยน ทว่ามีเรื่องที่ต้องสะสางอย่างเร่งด่วนจึงต้องปลีกตัวไปจัดการ หาไม่แล้วอาจสร้างความยุ่งยากให้เขาในภายหน้าได้
“เหตุใดสีหน้าน้องห้าถึงได้ดูเครียด และมีความกังวลเช่นนั้น”
“ก่อนมาถึงเมืองลิ่วเกิดเหตุกับน้องแปด นางยังเป็นสตรีที่อัปมงคลไม่จบไม่สิ้น ตอนนี้กำลังสร้างปัญหาให้พวกเราแล้ว”
“จงอธิบายให้กระจ่าง”
“แม่บ้านของข้าแจ้งว่า นางสวมชุดเจ้าสาวอยู่ในร้านตรงหัวมุมถนน และกำลังให้คนวาดภาพเอาไว้ด้วย”
“สตรีกำพร้าทั้งบิดา มารดา แล้วถูกส่งตัวอยู่ที่อื่น ด้วยมีดวงเป็นอริกับบ้านรอง ข้าคงโทษนางไม่ได้ แต่อย่างไรย่อมต้องให้นางรู้จักธรรมเนียมมากกว่านี้ เอาละ...น้องห้าจงทำหน้าที่ของตนให้ดี และข้าจะคอยสนับสนุนเจ้าในเรื่องนี้”
ภายในร้านดังกล่าว มีคนเข้ามามุงดูหยวนชิงอี้ไม่น้อย และนางก็โดนเด่นในชุดเจ้าสาวกับเสื้อคลุมขนจิ้งจอกดำ เมื่อหยวนซูซูไปถึง ก็ส่งเสียงสูงปรี๊ดพร้อมกับให้คนของตนลากตัวหยวนชิงอี้ออกไปนอกร้าน
“คุณหนู... โปรดระงับโทสะ ข้าเป็นคนขอร้องให้คุณหนูท่านนี้ เป็นแบบชุดเจ้าสาว ไม่มีเรื่องใดเสียหายเลย ทุกอย่างล้วนเป็นมงคล”
หยวนซูซูเตรียมเปิดปากปะทะคารมกับเถ้าแก่ แต่หยวนข่ายมีสีหน้าตึง แล้วเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ ว่า
“ขออภัยด้วยเถ้าแก่ น้องสาวข้าผู้นี้ ยังเยาว์วัย และยังดูเหมือนว่าท่านพยายามใช้นางเพื่อทำการค้าโดยมิชอบ ใยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง” สิ่งที่หยวนข่ายกล่าว ทำให้หยวนชิงอี้ฟังพร้อมใช้ความคิดอย่างละเอียด พี่รองหยวนเป็นผู้ที่ช่วยงานในเรือนหลัก ถึงเขาแม้เป็นลูกฮูหยินรอง หากมีสง่าราศี อย่างไรนางต้องรู้จักนิสัยเขาให้มาก และยามนี้หากหยวนชิงอี้ไม่ได้เขามาเป็นพวก ก็อย่าคิดเป็นศัตรูจะดีที่สุด
“พี่รอง... ข้าไม่ทันคิดสิ่งใดจริงๆ ด้วยเห็นเสื้อผ้าสวยงาม นับแต่จำความได้ไฉนข้าจะได้มีโอกาสสวมเสื้อผ้าเช่นนี้” หยวนชิงอี้เอ่ยแล้ว คนที่อยู่บริเวณดังกล่าวต่างส่งเสียงซุบซิบ และอดสงสารในชะตากรรมโฉมงามผู้นี้ไม่ได้
“น้องแปดหยุดพูดและทำตัวเหลวไหลเสียที”
หยวนซูซูตวาดลั่น และสืบเท้าเข้าไปใกล้หยวนชิงอี้หมายจะตบใบหน้างดงามนั้นสักฉาดสองฉาด หากร่างสูงของเฟยเตี้ยนก้าวมาแล้วเอาตัวเข้าขวางไว้ได้ทัน
“คุณหนูท่านนี้ อย่าได้ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ”
น้ำเสียงที่ทุ้มกังวาน ทั้งเรือนกายกับความสง่าของเฟยเตี้ยน ทำให้หยวนซูซูสติหลุดหายชั่วขณะ บุรุษผู้ นี้นางไม่เคยพบเขามาก่อน แต่มั่นใจเหลือเกินว่า จะต้องเป็นคนที่นางสมควรใกล้ชิดด้วย เขาดูไม่เหมือนคนทั่วไป มากด้วยเสน่ห์ชวนสตรีหลงใหล และหยวนซูซู ที่นิยมคนรูปงาม ย่อมต้องตกหลุมรักได้ในทันที
หยวนซูซูอ้าปากค้าง ดวงตานางมองเฟยเตี้ยนไม่กะพริบ กิริยาดังกล่าวชวนให้ขายหน้าเป็นอย่างมาก หยวนข่ายจึงต้องรีบสะกิดน้องสาว และเอ่ยกับเฟยเตี้ยนเพื่อตัดปัญหา
“ซื่อจื่อมาได้ทันเวลาพอดี ข้าฝากเป็นธุระเรื่องร้านค้าที่นี่ พยายามใช้อำนาจในทางมิชอบ ข่มเหงจิตใจหยวนแปดของข้าให้สวมชุดเจ้าสาว เพื่อเขาจะได้หากินกับความงามของนาง”
หยวนข่ายเอ่ยกับเฟยเตี้ยน ด้วยฝ่ายนั้นมีตำแหน่งผู้ตรวจการพิเศษ และมีป้ายพระราชทานสามารถสอบสวนคดีความเพื่อความโปร่งใสได้ โดยเฉพาะหากเกี่ยวพันไปถึงการใช้อำนาจมิชอบของขุนนาง รวมถึงการตรวจสอบคหบดีที่ทำการค้าอย่างไม่สุจริต
“พี่รองรู้จักคุณชายท่านนี้ด้วยหรือ”
หยวนซูซูตาเป็นประกาย พลางมองพี่ชายตนสลับเฟยเตี้ยน
“ซื่อจื่อรุ่ยอ๋อง... ภายหน้าเขาย่อมไม่พ้นเกี่ยวดองกับตระกูลหยวน”
หยวนข่ายกล่าวจบ ก็เห็นว่าเฟยเตี้ยนมีสีหน้าเรียบเฉย ปกติจะต้องพอใจในสิ่งที่เขากล่าว แต่ไหนแต่ไรคนผู้นี้เขาออกตระกูลหยวน เพราะมีใจให้กับน้องเจ็ดของเขา (หยวนหลินปิง)
ฝ่ายเฟยเตี้ยนหันไปสนใจหยวนชิงอี้ และรู้ว่าความเป็นส่วนตัวของสตรีที่ยังไม่ออกเรือนสำคัญยิ่ง ทว่าคนที่กำลังมีปัญหากับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้
“คุณหนูแปด พบกันอีกแล้ว...”
เฟยเตี้ยนเอ่ย สีหน้าเขาระบายยิ้มบางเบา กิริยาดังกล่าวย่อมไม่รอดพ้นสายตาหยวนซูซูกับหยวนข่าย ซึ่งฝ่ายหลังนั้น ฉงนอยู่มิน้อย แต่เดิมเฟยเตี้ยนบอกกับเขาว่า มอบหัวใจเขาให้แก่หยวนหลินปิงผู้เดียวเท่านั้น
“วันนี้ข้านึกว่าตนเองจับไข้ จนมองเห็นสิ่งต่างๆ ผิดเพี้ยน แต่เอาเถิด ตระกูลหยวนมีสตรีงามหลายคน เป็นใครก็หวั่นไหวได้”
หยวนข่ายถอนหายใจหลายรอบ ก่อนหน้านี้ที่เขามารับน้องสาวทั้งสองคนล่าช้าเพราะมีเหตุจำเป็น อดีตสาวใช้ในจวนคนหนึ่ง อ้างว่ามีบุตรชายกับเขาและนางพยายามใช้เป็นข้อต่อรอง ทั้งที่เขาพยายามอย่างยิ่งจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ด้วยเขามีสตรีที่หมายปองอยู่แล้ว ฝ่ายนั้นอยู่ในตระกูลใหญ่และนางรังเกียจบุรุษที่ยุ่งเกี่ยวกับสาวใช้ยิ่ง ขณะที่เขาถอนหายใจหลายหน เฟยเตี้ยนก็ก้าวเข้ามาหาพอดี “เสี่ยวชิงเล่า... เหตุใดข้าไม่พบนางในงาน” หยวนข่ายคล้ายจะได้สติในตอนนั้น “เอ่อ นางไม่สบายพักอยู่ที่เรือนในจวนตระกูลเหอ” เฟยเตี้ยนเลิกคิ้วสูง อดเป็นห่วงหยวนชิงอี้ไม่ได้ ด้วยทุกคนออกมาสนุกสนาน แต่ทิ้งนางไว้จวน “เช่นนั้น ข้าคงต้องไปที่จวนตระกูลเหอ ขอพบนางสักหน่อย” “ซื่อจื่อ ทำเช่นนั้นได้หรือ ข้ากับน้องสาวเป็นแขกใต้เท้าเหอ ส่วนท่านเป็นแขกข้าอีกที” “พี่ข่าย...แต่ไหนแต่ไรข้าก็ให้เกียรติท่านเสมอ และคิดว่าเป็นบุรุษใช้ได้ รักพี่น้อง แต่หนนี้ข้าดูท่านผิดไปมาก” หยวนข่ายรู้สึกเสียหน้า เขาทำเสียงไอเพื่อขจัดความละอาย ก่อนเอ่ยกับเฟยเตี้ยน “ซื่อจื่อ ท่านกั
เมื่อเจ้าบ้านเหอได้เห็นสองพี่สองตระกูลหยวน เขาถามถึงหยวนชิงอี้ ฝ่ายหยวนซูซูรีบตอบเสียงสดใส “นางไม่สบายเจ้าค่ะ ไข้กำเริบอีกแล้ว และยังออกตุ่มตามลำตัว และแขนขา ข้าเกรงว่าหากออกมาสัมผัสอากาศด้านนอกคงแย่กว่าเดิม จึงให้แม่บ้านจุ้นดูแลอยู่ไม่ห่าง อีกทั้งคุณหนูเหอสี่ ให้สาวใช้ส่งน้ำแกง และสมุนไพรไปสำหรับดื่มและกินแล้ว ทุกอย่างเลยไม่มีเรื่องน่ากังวล” หยวนซูซูพูดจาฉะฉาน ใครได้ยินก็ชมชอบ ผิดแต่นางงามน้อยที่สุดในหมู่สตรีที่มางานวันนี้ บุรุษจึงไม่ได้ให้ความสนใจ “น่าเสียดายจริงๆ ข้าอยากให้นางได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตาบ้าง” “ความปรารถนาดีของท่านลุง นางย่อมทราบ ภายหลังหลานจะให้น้องแปดมาตอบแทนแน่นอน” “หากต้องการหมอ หรือสิ่งใดเพิ่มคุณหนูห้าหยวนบอกลุงได้เลย จะให้คนดูแลอย่างเต็มที่ น้องสาวเจ้าเป็นเด็กอาภัพยิ่งนัก” หยวนซูซูคำนับอีกฝ่าย และมิวายเอ่ยว่า “อย่างไรเสีย ดวงนางเป็นอริต่อผู้อื่น หลานกล่าวได้เท่านี้จริงๆ เจ้าค่ะ” เจ้าบ้านเหอไม่ได้ซักไซ้สิ่งใดอีก เขาพยักหน้าเข้าใจ และก้าวไปประจำที่นั่งของตน ขณะเดียวกัน หนุ่มสาววัยเดียวกันกับหยวนซูซู ก็ปรากฏตัวหลา
“นับแต่ที่ข้าได้รับพิษร้ายจากผู้ไม่หวังดี ของเสียจากภายในก็ถูกขับออกมาผ่านทางการถ่ายเบา บางครั้งมีเลือดเน่าปนด้วย ส่วนกลิ่นนี้ ข้าพยายามหาสมุนไพรกำจัดแล้ว ตะ แต่...มันคงต้องใช้เวลา” หยวนชิงอี้พยายามเชื่อมโยงเรื่องที่เกิดขึ้น รวมถึงเมื่ออยู่เมืองลิ่วนางได้เข้าร้านสมุนไพร ซื้อหาหลายสิ่ง ด้วยเหตุนี้ทำให้หยวนซูซูเชื่อว่าน้องสาว มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในร่มผ้า ทั้งที่ความจริง อีกฝ่ายสร้างเรื่องเท็จเพื่อเอาตัวรอด “ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ต้องได้รับบทเรียน” หยวนซูซูยังยืนยันจะให้เข็มเงินสั่งสอนหยวนชิงอี้เช่นเดิม “คุณหนูห้า ทำเช่นนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ การลงโทษใดๆ ย่อมต้องเป็นหยวนฮูหยินจากเรือนหลัก คนเดียวเท่านั้นที่สั่งการได้” เสี่ยวอวิ๋นเอ่ย และเข้ามาขวางด้วยเป็นห่วงเจ้านายของตน แต่หยวนซูซูรำคาญมาก นางผลักอีกฝ่ายกระเด็นไปชนกับขอบโต๊ะ ศีรษะได้แผลและมีเลือดไหล “พี่ห้า... ท่านทำเกินไปแล้ว” “ฮิๆ ๆ อย่าพึ่งร้อนใจ กระทำเช่นนี้ถึงจะเรียกว่า เกินไปต่างหากละ สตรีไร้ยางอายชิงอี้” ยามนั้นแม่บ้านจุ้นไม่ได้เป็นคนใช้เข็มแทงต้นขาของหยวนชิงอี้ แต่เป็นหยวนซูซู ค
กระทั่งมาถึงตระกูลเหอ ซึ่งเป็นญาติฝ่ายของใต้เท้าหยวน ทุกคนก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ที่สำคัญที่นี่ มีชายหนุ่มที่ยังไร้ภรรยา การพาน้องสาวทั้งสองมาพัก ย่อมเป็นเจตนาของคนใต้เท้าหยวน ด้วยภายหน้าหากตระกูลเหออยากส่งแม่สื่อไปทาบทามหยวนซูซู และหยวนชิงอี้ ก็จะเป็นเรื่องน่ายินดี คนตระกูลเหอแม้จะยิ้มแย้มแจ่มใส่ ทว่าดวงตาพวกเขาเก็บซ่อนความลึกลับเอาไว้ไม่มิด บุรุษหลายคนได้เห็นรูปโฉมหยวนชิงอี้ ก็ให้ความสนใจยิ่ง คนที่โสดก็ยิ่งกระตือรือล้นอยากผูกสัมพันธ์กับนาง “ทุกท่าน... น้องสาวข้า ยังไม่หายจากไข้ดี อีกอย่างนางใช่ว่า จะมีวาสนาผูกไมตรีจิตกับใครได้ง่ายๆ ขอให้คุณชายทั้งหลายเข้าใจเรื่องนี้ด้วย” หยวนซูซูจงใจฉีกหน้าน้องสาว ฝ่ายหยวนข่ายก็ถอนหายใจหลายครั้งหลายหน เขาไม่ใช่คนไร้เหตุผล แต่เมื่อคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากับหยวนชิงอี้ ก็เอนเอียงว่า นางคงมีดวงอัปมงคลอยู่ไม่มากก็น้อย “ข้ากับน้องทั้งสองคน รวมถึงบ่าวไพร่ ขอบคุณความเมตตาจากตระกูลเหอด้วยใจจริง” เจ้าบ้านเหอโบกมือโบกไม้ไม่ให้ทุกคนมีพิธีรีตอง หรือต้องเกรงใจกันมาก อย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนงมงายสิ่งใด
เฟยเตี้ยนมองหยวนข่ายแวบหนึ่ง และยื่นมือไปตบไหล่เขา“พี่ข่าย... เรื่องของท่านก็ยังไม่เรียบร้อยดี อย่างไรคงต้องใส่ใจให้มากขึ้น” หยวนข่ายหัวเราะเสียงแห้งๆ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เฟยเตี้ยนกำลังเตือนสติ ไม่ให้ยุ่งเรื่องของเขานั่นเอง “ขอบคุณซื่อจื่อที่เตือน เช่นนั้น ข้ารบกวขอให้ท่านเป็นธุระเรื่องนี้ก็แล้วกัน” บอกจบ เขาก็เรียกสตรีทั้งสองคนให้ก้าวตามไป หากเป็นเฟยเตี้ยนที่รั้งหยวนชิงอี้เอาไว้ “รูปก็วาดใกล้เสร็จแล้ว ให้จิตรกรในร้านสานต่อจนเรียบร้อยดีหรือไม่ ส่วนสิ่งใดที่ไม่เข้าใจกัน ข้าจะช่วยคลี่คลาย” หยวนชิงอี้หันไปมองหยวนข่าย ฝ่ายนั้นไม่เสียเวลาคิดว่า เขาตอบว่า “หยวนแปดได้ซื่อจื่อดูแล นับว่าโลกของนางยังมีแสงสว่างส่องถึงบ้าง” “ได้อย่างไรกัน น้องแปดด้อยประสบการณ์ อีกทั้งข้าก็เป็นพี่สาวนางมาจากเรือนเดียวกัน เยี่ยงนั้นสมควรอยู่ที่นี่ด้วย” หยวนซูซูรีบส่งเสียงประท้วง ทว่าหยวนข่ายย่อมรู้ความต้องการของเฟยเตี้ยนจึงจับแขนอีกฝ่ายแล้วกึ่งลากกึงจูงพาออกไปจากบริเวณนั้น******************** เถ้าแก่ร้านชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับ หรือไป๋กว
“เถ้าแก่ช่างมองการณ์ไกล มีความคิดหลักแหลม เอาละ ข้าอยากเป็นไม้แขวนเสื้อให้ท่าน...” หยวนชิงอี้บอกเขา และเลือกเสื้อสีแดงมงคลลายนกยูง ที่ปักอย่างงดงาม “ข้ามีเสื้อขนจิ้งจอกดำแล้ว และไม่มีสิ่งใดแทนได้ ส่วนเสื้อด้านใน ตัวนี้ถูกใจข้ายิ่ง” เมื่อหญิงสาวแต่งตัวเรียบร้อย ก็ประดับดอกไม้สดบนศีรษะ ในยามนั้นหยวนชิงอี้ ดูราวเทพธิดาที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ ทุกคนที่ได้เห็นต่างมองนางด้วยความตื่นตะลึง ก่อนจะถูกสะกดสายตาเอาไว้ เนิ่นนาน “คุณหนูเรือนใด ถึงได้งามล้ำลึก และเฉิดฉายเพียงนี้” “ถูกต้อง เป็นไปได้หรือไม่ว่า สตรีเลอโฉมอันดับปีนี้ ถึงเวลาเปลี่ยนคนแล้ว” หยวนชิงอี้ได้ยินชัด ส่วนเสี่ยวอวิ๋นก็พลอยชื่นชมเจ้านายของตนไปด้วย และระหว่างที่อยู่ในร้านชุดมงคลกับเครื่องประดับ หยวนซูซูที่ได้รับรายงานจากแม่บ้านจุ้น นางก็นั่งรออยู่ที่เหลาอาหารและน้ำชาไม่ไหว ใจร้อนรุ่ม ปล่อยให้หยวนชิงอี้คาดสายตาเพียงเล็กน้อย นางก็ก่อเรื่องอีกจนได้ และขณะที่จะก้าวไปเพื่อลากตัวอีกฝ่ายมาอบรม ตอนนั้นคนจากบ้านหลักหยวนก็เดินทางมาถึงพอดี “เจ้าคือน้องหยวนห้า...” หยวนข่ายยิ้มกว้าง พร







