ログインในขณะเดียวกัน เสี่ยวอวิ๋นก็คงเหมือนผู้อื่น เสื้อคลุมขนจิ้งจอกดำที่อีกฝ่ายสวม ทำให้หยวนชิงอี้ดูดีมาก ราวกับนางพญา ทว่าเสื้อคลุมตัวนี้ มองแล้วเข้าใจได้ว่าเป็นของบุรุษ เช่นนั้นผู้ใดเห็นต่างคาดเดาได้ว่า หยวนชิงอี้เป็นสตรีที่มีเจ้าของแล้ว
“คุณหนูยังไม่ออกเรือน บ่าวคิดว่าถอดเสื้อของใต้เท้าผู้นั้นออกจะดีหรือไม่” “เสี่ยวอวิ๋น เจ้าก็ใจแคบเหมือนพี่ห้าหรือ” หยวนชิงอี้เอ่ย และหยิบของที่ต้องการไปเรื่อย จวบจนกำลังจะก้าวออกจากร้าน ก็เป็นเหตุให้นางชนชายหนุ่มคนหนึ่ง ร่างบอบบางเซเสียหลัก และตกไปอยู่ในอ้อมกอดของคนผู้นั้นทันที “โอ้ คุณหนูระวัง” หยวนชิงอี้แสร้งยกมือขึ้น ปิดริมฝีปากพร้อมไอเบาๆ พอแจ้งให้ผู้อื่นรู้ว่าตนไม่สบาย “ขออภัยที่ข้าไม่ทันได้ดูทางให้ดี” ชายหนุ่มนิ่วหน้า ยามนี้มีสิ่งให้ฉงน ทั้งประหลาดใจ หนึ่งคือเสื้อคลุมขนจิ้งจอกดำที่อีกฝ่ายสวม สองใบหน้างามล่มเมืองของสตรีผู้นี้ จริงอยู่มิอาจเทียบได้กับสตรีที่เขารักทั้งห่วงใย แต่นางก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร ยิ่งได้ใกล้ชิดกัน เฟยเตี้ยนต้องยอมรับว่าเขาหวั่นไหว “คุณชาย... เอ่อ คนมองเยอะเหลือเกิน ทะ ท่านปล่อยข้าเถิด” ปากบอกเขาอย่างนั้น แต่มือของหยวนชิงอี้กำลังบีบที่ต้นแขนกำยำของเฟยเตี้ยน ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก พลางมองไปยังเสี่ยวอวิ๋น ในตอนนั้นเขาจำนางได้ว่าเป็นสาวใช้ของเรือนรองตระกูลหยวน “สตรีผู้นี้คือใครกัน” เสี่ยวอวิ๋นยอบตัว และตอบว่า “คุณหนูแปดหยวนเจ้าค่ะขออภัยด้วย เจ้านายของบ่าวนางพึ่งพลัดตกน้ำ ร่างกายมิใคร่แข็งแรง” ชายหนุ่มถอนลมหายใจแรงๆ และถามต่อ “เสื้อคลุมนี้เล่า... ไฉนถึงมาอยู่กับนางได้” “เอ่อ ผู้มีพระคุณสวมให้คุณหนูแปด ในตอนที่พานางมาส่งเจ้าค่ะ” “เฮอะ... ครั้งหนึ่งคนชั่วช้าพยายามแย่งมันไปจากข้า และรับปากว่าจะรักษาให้ได้ สุดท้ายเขาก็ไม่เห็นค่า คนผู้นี้ช่างไร้สัจจะ” หยวนชิงอี้ยังปั้นสีหน้าไม่รู้สิ่งใด แม้ในใจกำลังยิ้มเยาะ นั่นเป็นเพราะอาภรณ์ที่นางห่มคลุมร่างกาย เมื่อไม่นานนี้ หวิดทำให้เกิดศึกชิงนางในเทศกาลล่าสัตว์ที่เมืองหลวง ฝั่งหนึ่งคืออ๋าวเซียวเหริน อีกฝั่งคือบุรุษผู้นี้ เฟยเตี้ยน ซื่อจื่อรุ่ยอ๋อง (ลูกชายของน้องชายฮ่องเต้) ส่วนสตรีที่มีสองใจ ฝ่ายนั้นเป็นนางเอกในนิยาย คุณหนูเจ็ดแห่งจวนเจ้ากรมโยธานั่นเอง (หยวนหลินปิง) “อย่างไรเขาก็มอบให้คุณหนูแปดแล้ว หวังว่าเจ้าจะรักษามันไว้เป็นอย่างดี” หยวนชิงอี้ยิ้มให้เขา ท่าทีนางไม่ได้แสดงจริตใดๆ หากเป็นไปด้วยธรรมชาติ และด้วยเหตุนี้ เฟยเตี้ยนจึงไม่อาจทำกิริยาไม่ดีต่อนาง “คุณหนูแปด มิใช่เหตุบังเอิญที่เราพบกัน หากเป็นเพราะข้าร่วมเดินทางมากับพี่รองของเจ้า นอกจากสะสางคดีแล้ว ยังรับเจ้ากับพี่สาวกลับจวนใต้เท้าหยวนด้วย” ได้ยินแล้ว หยวนชิงอี้ก็คำนับขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนจะหยิบถุงหอมใบใหม่ ที่นางเลือกสมุนไพรชั้นดีเอาไว้หลายอย่าง “ข้าชอบศึกษาเรื่องกลิ่นหอม อีกทั้งมันช่วยทำให้ผ่อนคลาย และยังเป็นยารักษาโรคทางอ้อมด้วย ดังนั้นหวังว่าเอ่อ ซื่อจื่อจะไม่รังเกียจ” เฟยเตี้ยนเอื้อมมือไปรับ และสูดกลิ่นจากถุงหอม ซึ่งทำให้เขาชอบใจมิน้อย “คุณหนูแปดมีความอัจฉริยะ ทางด้านกลิ่นจริงๆ ภายหน้าข้าหวังว่าจะได้ถุงหอมที่พิเศษเช่นนี้อีก” เฟยเตี้ยนบอกนางจบ เขาก็อยากดึงคำพูดกลับคืนเสียจริง บัดซบนี่เขาเผลอไผลเกี้ยวนางใช่หรือไม่ เมื่อหยวนชิงอี้เตรียมก้าวจากไป เพื่อดูสินค้าอื่นๆ ที่นางสนใจ เฟยเตี้ยนก็ล่วงเข้าไปในอกเสื้อของตน เขาได้มีดสั้นมาเล่มหนึ่งตั้งใจจะกรีดปลายนิ้ว เพื่อขับเลือดออกมา หากเป็นยามนี้ที่หยวนชิงอี้หันมามองเขาและเห็นภาพดังกล่าว “ซื่อจื่อ... ถุงหอมข้าไม่มีพิษใดๆ ทั้งสิ้น และหากท่านรู้สึกว่าธาตุในร่างกาย มีความเข้มข้นขึ้นสูง นั่นอาจเป็นเพราะช่วงนี้ ซื่อจื่อไม่ได้ผ่อนปรนกับร่างกายของตนก็เพียงเท่านั้น” หยวนชิงอี้ทำให้เฟยเตี้ยนหน้าแดงขึ้นมา และเขาไม่เอ่ยคำใด ได้แต่หมุนตัวแล้วก้าวจากนาง ราวกับกลัวว่าหยวนชิงอี้จะเอ่ยสิ่งที่ทำให้เขา ต้องทำตัวไม่ถูกไปมากกว่านี้*********************
หญิงสาวเข้าไปยังร้านขายเครื่องประดับ และเครื่องประทินโฉม หยวนชิงอี้ไม่ได้มีเงินมาก นางใช้อย่างประหยัดดังนั้นจึงเลือกของเท่าที่จำเป็น ทว่าเหล่าเถ้าแก่เห็นว่านางเรียกลูกค้าคนอื่นได้ จึงพยายามรั้งให้อยู่ที่ร้าน พร้อมเสนอให้หยวนชิงอี้เลือกของต่างๆ ได้ตามใจ
“คุณหนูนอกจากปิ่นปักผม ต่างหูมุก ข้ายังจะเพิ่มเงินให้อีกสิบตำลึง ขอเพียงช่วยอยู่ที่นี่อีกสักครึ่งชั่วยาม หรือท่านจะลองเลือกสวมเสื้อคลุมเจ้าสาว ที่ตัดเย็บไว้แล้วข้าก็จะยินดียิ่ง” สิ่งที่เถ้าแก่เอ่ย คือการใช้ความสวย และเสน่ห์ของหยวนชิงอี้ เชื้อเชิญคนที่ผ่านไปมาเข้าร้านนั่นเอง “เถ้าแก่ คุณหนูของข้า เป็นสตรีตระกูลใหญ่ และยังไม่มีชายใดในดวงใจ หากท่านจะให้นางลองสวมชุดเจ้าสาว ไม่เท่ากับลบหลู่เกียรติกันหรือ” เสี่ยวอวิ๋นว่า และแยกเขี้ยวให้เถ้าแก่ อีกฝ่ายเลยเต้นผาง รีบแก้ตัวทันที “เจ้าเข้าใจผิด ชุดแต่งงานร้านค้า ผลิตจากไหมชั้นดี ปักด้วยดิ้นเงินและทอง อีกอย่างฝีมือช่างมาจากเมืองหลวง เสื้อผ้าที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองลิ่ว และยังได้รับความนิยมในหมู่ของเหล่าองค์หญิง ท่านหญิง รวมถึงเหล่าสนมของฮ่องเต้ กิจการข้าแม้จะเล็ก ทว่าไม่ได้ขายให้คนทั่วไปง่ายๆ อย่าได้คิดว่ามีเงินแล้ว จะซื้อทุกสิ่งอย่างได้ตามใจ ของข้าที่นำมาแสดงคือผลงานชิ้นเอกทั้งสิ้น” หยวนชิงอี้ชอบเถ้าแก่ผู้นี้มิน้อย เขาเป็นพวกนิยมชื่อเสียง และของยิ่งหายาก ย่อมมีมูลค่า การให้นางอยู่ในร้านนานสักหน่อย นั่นคงเป็นแผนที่จะทำให้ผู้อื่นสนใจ ทั้งอยากครอบครองสินค้าที่เขามี ...หยวนข่ายถอนหายใจหลายรอบ ก่อนหน้านี้ที่เขามารับน้องสาวทั้งสองคนล่าช้าเพราะมีเหตุจำเป็น อดีตสาวใช้ในจวนคนหนึ่ง อ้างว่ามีบุตรชายกับเขาและนางพยายามใช้เป็นข้อต่อรอง ทั้งที่เขาพยายามอย่างยิ่งจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ด้วยเขามีสตรีที่หมายปองอยู่แล้ว ฝ่ายนั้นอยู่ในตระกูลใหญ่และนางรังเกียจบุรุษที่ยุ่งเกี่ยวกับสาวใช้ยิ่ง ขณะที่เขาถอนหายใจหลายหน เฟยเตี้ยนก็ก้าวเข้ามาหาพอดี “เสี่ยวชิงเล่า... เหตุใดข้าไม่พบนางในงาน” หยวนข่ายคล้ายจะได้สติในตอนนั้น “เอ่อ นางไม่สบายพักอยู่ที่เรือนในจวนตระกูลเหอ” เฟยเตี้ยนเลิกคิ้วสูง อดเป็นห่วงหยวนชิงอี้ไม่ได้ ด้วยทุกคนออกมาสนุกสนาน แต่ทิ้งนางไว้จวน “เช่นนั้น ข้าคงต้องไปที่จวนตระกูลเหอ ขอพบนางสักหน่อย” “ซื่อจื่อ ทำเช่นนั้นได้หรือ ข้ากับน้องสาวเป็นแขกใต้เท้าเหอ ส่วนท่านเป็นแขกข้าอีกที” “พี่ข่าย...แต่ไหนแต่ไรข้าก็ให้เกียรติท่านเสมอ และคิดว่าเป็นบุรุษใช้ได้ รักพี่น้อง แต่หนนี้ข้าดูท่านผิดไปมาก” หยวนข่ายรู้สึกเสียหน้า เขาทำเสียงไอเพื่อขจัดความละอาย ก่อนเอ่ยกับเฟยเตี้ยน “ซื่อจื่อ ท่านกั
เมื่อเจ้าบ้านเหอได้เห็นสองพี่สองตระกูลหยวน เขาถามถึงหยวนชิงอี้ ฝ่ายหยวนซูซูรีบตอบเสียงสดใส “นางไม่สบายเจ้าค่ะ ไข้กำเริบอีกแล้ว และยังออกตุ่มตามลำตัว และแขนขา ข้าเกรงว่าหากออกมาสัมผัสอากาศด้านนอกคงแย่กว่าเดิม จึงให้แม่บ้านจุ้นดูแลอยู่ไม่ห่าง อีกทั้งคุณหนูเหอสี่ ให้สาวใช้ส่งน้ำแกง และสมุนไพรไปสำหรับดื่มและกินแล้ว ทุกอย่างเลยไม่มีเรื่องน่ากังวล” หยวนซูซูพูดจาฉะฉาน ใครได้ยินก็ชมชอบ ผิดแต่นางงามน้อยที่สุดในหมู่สตรีที่มางานวันนี้ บุรุษจึงไม่ได้ให้ความสนใจ “น่าเสียดายจริงๆ ข้าอยากให้นางได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตาบ้าง” “ความปรารถนาดีของท่านลุง นางย่อมทราบ ภายหลังหลานจะให้น้องแปดมาตอบแทนแน่นอน” “หากต้องการหมอ หรือสิ่งใดเพิ่มคุณหนูห้าหยวนบอกลุงได้เลย จะให้คนดูแลอย่างเต็มที่ น้องสาวเจ้าเป็นเด็กอาภัพยิ่งนัก” หยวนซูซูคำนับอีกฝ่าย และมิวายเอ่ยว่า “อย่างไรเสีย ดวงนางเป็นอริต่อผู้อื่น หลานกล่าวได้เท่านี้จริงๆ เจ้าค่ะ” เจ้าบ้านเหอไม่ได้ซักไซ้สิ่งใดอีก เขาพยักหน้าเข้าใจ และก้าวไปประจำที่นั่งของตน ขณะเดียวกัน หนุ่มสาววัยเดียวกันกับหยวนซูซู ก็ปรากฏตัวหลา
“นับแต่ที่ข้าได้รับพิษร้ายจากผู้ไม่หวังดี ของเสียจากภายในก็ถูกขับออกมาผ่านทางการถ่ายเบา บางครั้งมีเลือดเน่าปนด้วย ส่วนกลิ่นนี้ ข้าพยายามหาสมุนไพรกำจัดแล้ว ตะ แต่...มันคงต้องใช้เวลา” หยวนชิงอี้พยายามเชื่อมโยงเรื่องที่เกิดขึ้น รวมถึงเมื่ออยู่เมืองลิ่วนางได้เข้าร้านสมุนไพร ซื้อหาหลายสิ่ง ด้วยเหตุนี้ทำให้หยวนซูซูเชื่อว่าน้องสาว มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในร่มผ้า ทั้งที่ความจริง อีกฝ่ายสร้างเรื่องเท็จเพื่อเอาตัวรอด “ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ต้องได้รับบทเรียน” หยวนซูซูยังยืนยันจะให้เข็มเงินสั่งสอนหยวนชิงอี้เช่นเดิม “คุณหนูห้า ทำเช่นนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ การลงโทษใดๆ ย่อมต้องเป็นหยวนฮูหยินจากเรือนหลัก คนเดียวเท่านั้นที่สั่งการได้” เสี่ยวอวิ๋นเอ่ย และเข้ามาขวางด้วยเป็นห่วงเจ้านายของตน แต่หยวนซูซูรำคาญมาก นางผลักอีกฝ่ายกระเด็นไปชนกับขอบโต๊ะ ศีรษะได้แผลและมีเลือดไหล “พี่ห้า... ท่านทำเกินไปแล้ว” “ฮิๆ ๆ อย่าพึ่งร้อนใจ กระทำเช่นนี้ถึงจะเรียกว่า เกินไปต่างหากละ สตรีไร้ยางอายชิงอี้” ยามนั้นแม่บ้านจุ้นไม่ได้เป็นคนใช้เข็มแทงต้นขาของหยวนชิงอี้ แต่เป็นหยวนซูซู ค
กระทั่งมาถึงตระกูลเหอ ซึ่งเป็นญาติฝ่ายของใต้เท้าหยวน ทุกคนก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ที่สำคัญที่นี่ มีชายหนุ่มที่ยังไร้ภรรยา การพาน้องสาวทั้งสองมาพัก ย่อมเป็นเจตนาของคนใต้เท้าหยวน ด้วยภายหน้าหากตระกูลเหออยากส่งแม่สื่อไปทาบทามหยวนซูซู และหยวนชิงอี้ ก็จะเป็นเรื่องน่ายินดี คนตระกูลเหอแม้จะยิ้มแย้มแจ่มใส่ ทว่าดวงตาพวกเขาเก็บซ่อนความลึกลับเอาไว้ไม่มิด บุรุษหลายคนได้เห็นรูปโฉมหยวนชิงอี้ ก็ให้ความสนใจยิ่ง คนที่โสดก็ยิ่งกระตือรือล้นอยากผูกสัมพันธ์กับนาง “ทุกท่าน... น้องสาวข้า ยังไม่หายจากไข้ดี อีกอย่างนางใช่ว่า จะมีวาสนาผูกไมตรีจิตกับใครได้ง่ายๆ ขอให้คุณชายทั้งหลายเข้าใจเรื่องนี้ด้วย” หยวนซูซูจงใจฉีกหน้าน้องสาว ฝ่ายหยวนข่ายก็ถอนหายใจหลายครั้งหลายหน เขาไม่ใช่คนไร้เหตุผล แต่เมื่อคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากับหยวนชิงอี้ ก็เอนเอียงว่า นางคงมีดวงอัปมงคลอยู่ไม่มากก็น้อย “ข้ากับน้องทั้งสองคน รวมถึงบ่าวไพร่ ขอบคุณความเมตตาจากตระกูลเหอด้วยใจจริง” เจ้าบ้านเหอโบกมือโบกไม้ไม่ให้ทุกคนมีพิธีรีตอง หรือต้องเกรงใจกันมาก อย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนงมงายสิ่งใด
เฟยเตี้ยนมองหยวนข่ายแวบหนึ่ง และยื่นมือไปตบไหล่เขา“พี่ข่าย... เรื่องของท่านก็ยังไม่เรียบร้อยดี อย่างไรคงต้องใส่ใจให้มากขึ้น” หยวนข่ายหัวเราะเสียงแห้งๆ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เฟยเตี้ยนกำลังเตือนสติ ไม่ให้ยุ่งเรื่องของเขานั่นเอง “ขอบคุณซื่อจื่อที่เตือน เช่นนั้น ข้ารบกวขอให้ท่านเป็นธุระเรื่องนี้ก็แล้วกัน” บอกจบ เขาก็เรียกสตรีทั้งสองคนให้ก้าวตามไป หากเป็นเฟยเตี้ยนที่รั้งหยวนชิงอี้เอาไว้ “รูปก็วาดใกล้เสร็จแล้ว ให้จิตรกรในร้านสานต่อจนเรียบร้อยดีหรือไม่ ส่วนสิ่งใดที่ไม่เข้าใจกัน ข้าจะช่วยคลี่คลาย” หยวนชิงอี้หันไปมองหยวนข่าย ฝ่ายนั้นไม่เสียเวลาคิดว่า เขาตอบว่า “หยวนแปดได้ซื่อจื่อดูแล นับว่าโลกของนางยังมีแสงสว่างส่องถึงบ้าง” “ได้อย่างไรกัน น้องแปดด้อยประสบการณ์ อีกทั้งข้าก็เป็นพี่สาวนางมาจากเรือนเดียวกัน เยี่ยงนั้นสมควรอยู่ที่นี่ด้วย” หยวนซูซูรีบส่งเสียงประท้วง ทว่าหยวนข่ายย่อมรู้ความต้องการของเฟยเตี้ยนจึงจับแขนอีกฝ่ายแล้วกึ่งลากกึงจูงพาออกไปจากบริเวณนั้น******************** เถ้าแก่ร้านชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับ หรือไป๋กว
“เถ้าแก่ช่างมองการณ์ไกล มีความคิดหลักแหลม เอาละ ข้าอยากเป็นไม้แขวนเสื้อให้ท่าน...” หยวนชิงอี้บอกเขา และเลือกเสื้อสีแดงมงคลลายนกยูง ที่ปักอย่างงดงาม “ข้ามีเสื้อขนจิ้งจอกดำแล้ว และไม่มีสิ่งใดแทนได้ ส่วนเสื้อด้านใน ตัวนี้ถูกใจข้ายิ่ง” เมื่อหญิงสาวแต่งตัวเรียบร้อย ก็ประดับดอกไม้สดบนศีรษะ ในยามนั้นหยวนชิงอี้ ดูราวเทพธิดาที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ ทุกคนที่ได้เห็นต่างมองนางด้วยความตื่นตะลึง ก่อนจะถูกสะกดสายตาเอาไว้ เนิ่นนาน “คุณหนูเรือนใด ถึงได้งามล้ำลึก และเฉิดฉายเพียงนี้” “ถูกต้อง เป็นไปได้หรือไม่ว่า สตรีเลอโฉมอันดับปีนี้ ถึงเวลาเปลี่ยนคนแล้ว” หยวนชิงอี้ได้ยินชัด ส่วนเสี่ยวอวิ๋นก็พลอยชื่นชมเจ้านายของตนไปด้วย และระหว่างที่อยู่ในร้านชุดมงคลกับเครื่องประดับ หยวนซูซูที่ได้รับรายงานจากแม่บ้านจุ้น นางก็นั่งรออยู่ที่เหลาอาหารและน้ำชาไม่ไหว ใจร้อนรุ่ม ปล่อยให้หยวนชิงอี้คาดสายตาเพียงเล็กน้อย นางก็ก่อเรื่องอีกจนได้ และขณะที่จะก้าวไปเพื่อลากตัวอีกฝ่ายมาอบรม ตอนนั้นคนจากบ้านหลักหยวนก็เดินทางมาถึงพอดี “เจ้าคือน้องหยวนห้า...” หยวนข่ายยิ้มกว้าง พร







