LOGINเหมือนจันทร์ได้สติอีกครั้งเมื่อบางอย่างเย็นๆแนบใบหน้า เธอปรือตาขึ้นอย่างยากเย็นเพราะมันยังรู้สึกหนักอึ้งและมึนศีรษะ แต่พอเห็นชายแปลกหน้าชัดเจน เหมือนจันทร์ก็เบิกตากว้าง ผลักอกเขา ขยับตัวนั่งติดหัวเตียง
ใบหน้าขาวนวลซีดเผือด สำรวจเรือนร่างตนเองพบว่าเสื้อผ้ายังอยู่ครบจึงพอเบาใจ ใช้แขนกอดตัวเองแน่น จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชังและหวาดหวั่น
“คุณ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ที่นี่คือที่ไหน คุณทำอะไรฉัน”
คุณ ที่เธอถามนั้น ก็คือผู้ชายแปลกหน้าซึ่งขโมยจูบแรกของตนไปนั่นเอง
สิโรจน์ยกยิ้มนิดๆ แววตาแสดงความพึงพอใจ เขาวางผ้าเย็นสำหรับเช็ดหน้าผิวอ่อนโยนลงกับโต๊ะข้างเตียง จากนั้นจึงย้ายสายตามาประสานกับหญิงสาว
“ใจเย็นๆ ไม่ต้องกังวล เธออยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งของฉัน และฉันก็คือเจ้าหนี้ที่เธอต้องอยู่ชดใช้ วางใจ ฉันไม่ใช่คนชอบบังคับฝืนใจใคร”
ใบหน้าคมคายไม่ทุกข์ร้อน ทุกคำพูดราบเรียบเหมือนคุยเรื่องปกติทั่วไป ทั้งที่ประโยคเหล่านั้นมันกำลังทำให้เธอสั่นกลัวเพิ่มมากขึ้น
“คุณ คุณคือเสี่ยสิโรจน์ คือเจ้าหนี้ของพ่อเหรอ”เหมือนจันทร์แทบไม่อยากเชื่อว่าคนที่ขโมยจูบแรกไปจะกลายมาเป็นเจ้าหนี้ของตนไปได้
คนฟังพยักหน้ารับ สีหน้าราบเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาจนเหมือนจันทร์รู้สึกว่าถูกยื้อแย่งอากาศไปจนหมด
“ฉันขอร้อง ได้โปรดอย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ ฉันจะหาเงินมาใช้หนี้ให้คุณแน่นอน ได้โปรดเมตตาฉันด้วยเถอะค่ะ ฉันจะไม่หนีไปไหนแน่”เหมือนจันทร์ยกมือพนมไหว้ร้องขอความเมตตาเสียงสั่น น้ำตาปริ่มขอบดวงตาเจียนจะไหล เพียงแค่นึกถึงเรื่องราวอัปยศซึ่งอาจจะเกิดขึ้นแล้วก็แทบอยากกัดลิ้นตัวเองให้ตายไปเสีย
สิโรจน์ขยับยิ้มมุมปาก พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
“สามเดือน”
“คะ”
“อีกสามเดือน จำนวนเงินสิบล้านมาวางตรงหน้า เธอจะเป็นอิสระ”
“ตะ แต่ว่าเวลาน้อยแค่นั้นฉันจะไปหามาจากไหน ฉันขอเวลาเพิ่มได้ไหม ฉันสัญญาว่าจะคืนคุณให้ครบทุกบาททุกสตางค์เลยนะคะ”เหมือนจันทร์พอใจชื้น มองดูอีกฝ่ายก็ไม่ได้ไร้เหตุผลและชอบขืนใจผู้หญิงอย่างที่นึกกลัว
“อยากได้เวลาเท่าไหร่”
เหมือนจันทร์กัดริมฝีปากครุ่นคิดด้วยความเคร่งเครียด เงินจำนวนนี้ยอมรับว่ามันมากกว่าทั้งชีวิตเธอจะหาได้ง่ายๆ แต่มันจะต้องมีสักหนทาง จะต้องมีสักทางแน่นอนเพียงแต่อาจจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเท่านั้น
“ฉัน ฉันอยากได้เวลาห้าเดือนค่ะ”
“มากไป”
“งั้นขอสี่เดือนก็ได้ค่ะ นะคะ ฉันขอร้อง ฉันไม่เบี้ยวคุณแน่ๆค่ะ ได้โปรดเถอะนะคะ ฉันจะชดใช้เงินให้คุณแน่”เหมือนจันทร์น้ำตาคลอ อ้อนวอนทางสายตาขอร้องเขาอย่างน่าสงสาร เหมือนกับว่าตนเป็นหมาป่าซึ่งออกล่าเหยื่อตามปกติ แล้วต้องมาเจอลูกกวางน้อยโดดเดี่ยวบนภูเขา
“เห็นฉันเป็นคนใจดีขนาดนั้น?”
“ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่ผู้ชายจะบังคับขืนใจผู้หญิงหากไม่ยินยอม ฉันเชื่อค่ะว่าคุณเป็นคนดีและมีเหตุผลมากคนหนึ่ง เพราะฉะนั้น ฉันหวังว่าคุณจะเห็นใจ ให้โอกาสฉันเถอะนะคะ”เหมือนจันทร์เหมือนขายวิญญาณไปกับคำโป้ปดหมดแล้ว ทั้งที่ในใจเธอกล่าวหาเป็นคนร้ายคนเลวต่างๆนานา ทว่าสิ่งที่แสดงออกมาคงมีเพียงคำเยินยอซึ่งจะช่วยให้เธอปลอดภัยเท่านั้น
สิโรจน์แค่นยิ้มเล็กน้อย ทิ้งตัวพิงกับเก้าอี้แล้วแสดงสีหน้าครุ่นคิด สายตาก็ลอบมองสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มทว่านิสัยกลับแสบใช่เล่น
นึกว่าเขาอ่านคนไม่ออกหรือยังไง คำพูดหลอกลวงซึ่งแสร้งเพื่อเอาตัวรอดพวกนี้น่ะ เขาเจอมันมาเยอะทีเดียว
“ได้โปรดเถอะนะคะเสี่ย ให้โอกาสฉันสักครั้งนะคะ”
“ได้ ฉันให้เวลาเธอสี่เดือน แต่ว่า”
เหมือนจันทร์ยังไม่ทันจะดีใจจนสุดก็ต้องกักเก็บอารมณ์ไว้เมื่อเขามีข้อแม้ แถมแววตาดุดันหรี่ลงแสดงความป่าเถื่อนบางอย่างจนเธอใจสั่นขึ้น
“วันนี้ต้องมีค่าเสียเวลาของฉัน”
“เสี่ย…อยากให้ฉันทำอะไรคะ”เหมือนจันทร์แทบหยุดหายใจ ถามออกไปเชื่องช้า หวาดระแวง
“จูบสักจูบ”
หน้าด้าน มักมาก ไม่รู้จักอาย เหมือนจันทร์ได้แต่ก่นด่าคนไร้ยางอายพูดเรื่องพวกนี้หน้าตาเฉย แต่สิ่งที่แสดงออกไปมีเพียงความนิ่งเท่านั้น
“จูบ…เหรอคะ”
“หรือว่าจะมากกว่านั้นก็ได้ถ้าเต็มใจทำ”
“ไม่ค่ะ จูบแค่จูบ”เหมือนจันทร์คล้ายถูกปั่นประสาทจนสติหลุด จึงได้พูดอะไรบ้าๆออกไปทั้งที่ตั้งใจจะปฏิเสธ พอรู้ตัวเท่านั้นแหละ ใบหน้าก็พลันร้อนเห่อ ใจเต้นแรงจนต้องหลุบหลบ
สิโรจน์ยกยิ้มมุมปากชอบใจ ขยับมานั่งบนเตียงใกล้ๆกับเหมือนจันทร์จนเธอสะดุ้ง จะหนีก็ไม่ได้เมื่อสิโรจน์ใช้แขนทั้งสองยันหัวเตียงกักขังเธอไว้
“จูบสิ”
“คะ แค่จูบเดียวได้ไหมคะ”
“เป็นลูกหนี้ที่เรื่องเยอะจัง”
“ได้โปรดเถอะนะคะ ฉัน ฉันไม่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้”พูดไปแล้วก็อายหน้าม้าน ทำไมจะต้องมาสาธยายเรื่องไม่เป็นเรื่องให้สิโรจน์ฟังด้วยเนี่ย
ชายหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่นึกย้อนดีๆ ท่าทางตื่นตกใจเมื่อถูกขโมยจูบหนนั้นก็แวบเข้ามาในหัว
“ได้ เริ่มเลย”
เหมือนจันทร์ข่มความประหม่าไว้ จำต้องเงยหน้าสบตากับเขา หลุบมองริมฝีปากดำคล้ำซึ่งหนหนึ่งเคยมอบสัมผัสเร่าร้อนให้จนเธอจำแทบไม่ลืม
มือเล็กวางบนบ่าแกร่งเพื่อพยุงตัว ขณะโน้มใบหน้าไปใกล้ริมฝีปากหนาซึ่งวางนิ่งรอรับสัมผัส
เอาน่า ไม่เป็นไรหรอกจันทร์ แค่นิดเดียว เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว อึดใจเดียวเท่านั้น
เหมือนจันทร์หลุบตาต่ำหลบสายตาเขาซึ่งจ้องมองไม่วางตา เผยอริมฝีปากแล้วบดจูบลงริมฝีปากหนาเบาๆ ตั้งใจจะผละตัวออก ทว่ากลับถูกจูบอย่างดูดดื่มด้วยคนตัวสูง เขาใช้มือหนึ่งล็อกท้ายทอยไว้แน่น อีกข้างรวบกอดเอวเล็กดึงเข้ามาแนบชิด สัมผัสจู่โจมรวดเร็วทำให้ไม่ทันตั้งตัว ยิ่งเรียวลิ้นแทรกเข้าในโพรงปากแล้วดูดดื่มลิ้นเล็กอย่างหิวกระหายนั่นยิ่งทำให้เธอผวา หลับตาปี๋ กำเสื้อเขาแน่น ร่างกายเริ่มต่อต้าน พยายามดันตัวไปด้านหลังเพื่อเว้นระยะห่าง แต่เขาก็ร้ายเหลือ ใช้มือดันหลังเล็กแนบชิดจนอกสาวบดเบียดอกแกร่ง รอบตัวอุณหภูมิสูงขึ้นทั้งที่แอร์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
หัวใจเหมือนจันทร์เต้นระรัว พยายามผินหน้าหนีแต่สู้แรงไม่ไหว ยิ่งเขาบดจูบเร่าร้อนรุนแรงมากเพียงใด เธอยิ่งเหมือนจะขาดอากาศหายใจไปเมื่อนั้น
เหมือนจันทร์ตัวสั่นสะท้าน เมื่อฝ่ามือเขาลูบไล้ทั่วแผ่นหลังงามเชื่องช้า คล้ายกำลังหลอกล่อเหยื่อเข้าปาก มอบความอ่อนโยนฉาบหน้าก่อนจะลิ้มรสด้วยความป่าเถื่อน
“อื้อ”เหมือนจันทร์หอบหายใจหนัก ทุบอกแกร่งเบาๆบอกเขาให้รู้ว่าเธอกำลังขาดอากาศหายใจตาย เรียวลิ้นสัมผัสดูดดึง ขบเม้มปากบางด้วยแรงอารมณ์ต้องการ จากนั้นจึงผละออก ไม่ลืมจะทิ้งสัมผัสดุดันด้วยการขบเม้มเบาๆที่ซอกคอ
เหมือนจันทร์ปรือตาขึ้นด้วยความมึนงงชั่วครู่ แล้วก็ต้องหน้าแดงเรื่อหลุบตาลง รีบยันตัวออกห่างเมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของชายตัวโต
น่าแปลก ที่ไม่ได้นึกรังเกียจสัมผัสจากเขาเหมือนที่คิดไว้
“อยากทำต่อไหม”
“ฉะ ฉันอยากกลับบ้านค่ะ ได้โปรดให้ฉันกลับบ้านนะคะเสี่ย”เหมือนจันทร์ใบหน้าร้อนวูบวาบ ใจเต้นแรงจนเจ็บอก กอดตัวเองแน่นแล้วบอกเขาอย่างวิงวอน
สิโรจน์มองของหวานด้วยความเสียดาย อุตส่าห์ตะล่อมเหยื่อมาจนถึงที่แต่กลับได้เพียงจูบเดียวเท่านั้น แต่ช่างเถอะ รอจนถึงเวลาที่กำหนด เหมือนจันทร์ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากเขาไปได้ อีกทั้ง เผลอๆ อาจไม่ต้องรอนานขนาดนั้น
สิโรจน์หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาคนสนิทอย่างจักร ขณะที่สายตาแน่วแน่ตรึงไว้กับหญิงสาวบนเตียงนอน
“ขึ้นมารับเหมือนจันทร์กลับบ้าน เปลี่ยนสัญญานิดหน่อย”
ชักอยากให้ถึงวันที่เหมือนจันทร์เข้ามาอยู่ในอาณาเขตของตนเสียแล้วสิ อยากจะลิ้มลองเนื้อหอมหวานตรงหน้า ว่าจะอร่อยคุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนไปหรือเปล่า
กนกนุชยกมือปิดปากด้วยความดีใจ วิ่งเข้าไปกอดเหมือนจันทร์ด้วยความห่วงใย ลูบศีรษะระทุยปลอบโยนด้วยทั้งหมดที่เธอจะสามารถทำได้
“จันทร์ นี่จันทร์”
เหมือนจันทร์น้ำตาคลอ ผละจากอ้อมกอดแม่ทั้งที่ใจยังสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา
“จันทร์ขอเวลาเสี่ยเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ค่ะแม่ เขายังไม่ได้ทำอะไรจันทร์”
กนกนุชยกมือทาบอกด้วยความโล่งใจ กอดลูกสาวอีกครั้งแล้วจึงปล่อย สองสาวหันมองลูกน้องของเสี่ยสิโรจน์จากไป พากันเข้าบ้าน แล้วก็ต้องเบิกตากว้างตกใจเมื่อเห็นดนัยยืนหน้าตึงตรงหน้า
“เงินมากมายขนาดนั้นพวกมึงมีปัญญาชดใช้กันหรือไง โธ่เว้ย อุตส่าห์หาทางรอดให้ดีๆไม่ชอบ อยากตายกันหมดหรือไง”
“หยุดพูดไปได้แล้วคุณดนัย เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นก็เพราะคุณ ยังไม่รู้จักสำนึก หยุดกล่าวโทษคนอื่นนอกจากตัวเองสักที”
ดนัยพลันโมโหเลือดขึ้นหน้า ตบหน้ากนกนุชอีกครั้งด้วยความโมโห เหมือนจันทร์กอดแม่ตนเองแน่น น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความเสียใจเจ็บปวด
“พ่อเลิกใช้กำลังทำร้ายแม่สักทีเถอะ จันทร์ขอร้อง”
ดนัยแสยะยิ้มมุมปาก จ้องมองสองแม่ลูกราวคนแปลกหน้าน่าเกลียดชัง กระชากแขนเหมือนจันทร์ขึ้นมาบีบแน่น
“นางลูกโง่ ได้ของดีไว้ในมือแท้ๆยังปล่อยให้หลุดจนได้ แกมันใช้ไม่ได้เลย”
“จันทร์”กนกนุชร้องไห้จนตัวโยน เข้าไปกอดเหมือนจันทร์เมื่อถูกดนัยตบหน้าแล้วผลักไปอีกด้าน
เหมือนจันทร์ตัวสั่นเทิ้ม น้ำตานองหน้าด้วยความชอกช้ำ กอดกนกนุชแน่น สองแม่ลูกปรายตามองดนัยสาวเท้าออกจากบ้านด้วยความหัวเสียหลังจากทำร้ายร่างกายจนพอใจ
“ขอโทษ แม่ขอโทษจันทร์”
เหมือนจันทร์กักเก็บความเสียใจและโกรธเคืองไว้ในอก กอดกนกนุชแน่น อ้อมกอดของมารดาสั่นเทาอย่างน่าสงสาร ไม่มีกำลังจะปกป้องลูกน้อย ซ้ำร้ายยังพาเธอมาเจอเรื่องแย่ๆอีก
“ขอโทษ แม่ขอโทษ”
ความเจ็บปวดตรงแก้มซ้ายยังมีให้รู้สึก ทว่าเหมือนจันทร์ไม่คิดปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเสียเปล่า เธอทุ่มเทสมัครหางาน แม้ผิดหวังร้อยครั้งแต่ไม่เคยคิดถอดใจ
นับจากวันนั้นก็ผ่านมาสองอาทิตย์กว่าแล้ว เธอยังหางานใหม่จากเดิมไม่ได้ แม้จะพยายามจนสุดตัวแต่ก็ยังคงต้องรอเท่านั้น
บรรวรรณได้ข่าวว่าหญิงสาวเดือดร้อนเรื่องเงิน แม้อยากจะช่วยแต่หญิงสาวยังปฏิเสธ อีกทั้ง เธอบอกว่าต้องการเงินจำนวนมาก ซึ่งบรรวรรณเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย เกรงว่าคงช่วยได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังอยากจะเสนองานลับๆให้
“ตอนนี้ งานที่ทำเงินได้มากที่สุดก็เห็นแต่จะมีงานนั้นเท่านั้น”
งานนั้นที่ว่า ทำเหมือนจันทร์หน้าซีดเผือดใจสั่น ก้มหน้าลงด้วยความหวาดหวั่น รู้ว่าบรรวรรณเป็นห่วงเธอมาก จนต้องมาพูดงานลับนั้นให้
“ตะ แต่จันทร์ยังไม่พร้อม”หากต้องทำงานนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับการต้องเป็นคู่นอนของเสี่ยเลยสักนิด เธออุตส่าห์หนีจากเสี่ยมาได้แล้ว หรือว่า มันจะมีแต่หนทางนั้นจริงๆ
“พี่รู้ จันทร์ลองเอาไปคิดดีๆ หากเมื่อไหร่ที่เปลี่ยนใจ โทรหาพี่ได้ตลอด”
“ขอบคุณค่ะพี่วรรณ”
แต่ทุกอย่างก็ผิดคาดไปหมด เมื่อกลับมาถึงบ้าน เหมือนจันทร์ก็แทบเข่าอ่อนเมื่อพบว่ากนกนุชเป็นลมหมดสติอยู่หน้าประตู ซ้ำร้ายข้าวของภายในห้องถูกรื้อค้นราวกับมีโจรขึ้นบ้าน
เหมือนจันทร์ไม่มีเวลาครุ่นคิด เธอโทรเรียกรถพยาบาลพากนกนุชไปส่งถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย รับรู้ข่าวร้าย ซึ่งทำให้ใจดวงน้อยเต้นระรัวไปด้วยความสิ้นหวัง
“แม่ของคุณมีภาวะเลือดออกในสมองจากการถูกกระแทกของแข็ง เราจำเป็นต้องส่งไปโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่านี้ ซึ่งอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายสูง และหากไม่รีบผ่าตัด เกรงว่าคงจะมีชีวิตได้อีกไม่นาน”
เหมือนจันทร์ทรุดตัวนั่งเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดแรง น้ำตาร้อนๆไหลอาบแก้มนวล ทำไม ทำไมเป็นแบบนี้ เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย ทำไม ใครทำอะไรกนกนุชกัน
ค่ารักษาเบื้องต้นตีราคาอยู่ที่สองแสน เธอพอมีเงินเก็บอยู่จึงได้กลับบ้านเพื่อดูว่ามันเพียงพอจะช่วยยื้อชีวิตของกนกนุชได้อีกสักหน่อยหรือเปล่า แต่ทว่า สมุดบัญชีกลับหายไปพร้อมบัตรเอทีเอ็ม ที่บ้านถูกรื้อจนเสียหายขนาดนี้คงเพราะหาเงินเก็บก้อนสุดท้ายของเธอ
และไม่อาจคิดเป็นคนอื่นได้ นอกจากดนัยคนเดียวเท่านั้น
“อ้าว กลับมาเร็วเหรอวันนี้”
เหมือนจันทร์ทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ หันตัวเผชิญหน้ากับดนัยซึ่งกลับบ้านพอดี เห็นการแต่งตัวดูดี กระเป๋าหรูที่ถือแล้วก็ยิ่งโมโห เข้าไปจะกระชากกระเป๋าเงินแต่ดนัยกลับรู้ทันแล้วผลักเธออย่างแรงจนเสียหลักล้มกับพื้น ความเจ็บตามร่างกายยังน้อยกว่าในใจ
“พ่อทำแบบนี้ทำไม ทำร้ายแม่แล้วยังไม่พาไปส่งโรงพยาบาล รู้ไหมว่าตอนนี้อาการแม่หนักขนาดไหน”
ดนัยชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีโกรธขึ้งของเหมือนจันทร์ เขาปรายตามองหากนกนุชด้วยท่าทีไม่สนใจเท่าไหร่ ไม่เห็นก็ไม่หา เดี๋ยวก็โผล่หัวมาเองนั่นแหละ
“อะไรของแกหนักหนา ร้องไห้คร่ำครวญน่ารำคาญ”
“เอาเงินจันทร์มานะ พ่อไม่มีสิทธิ์เอาเงินจันทร์ไปแบบนี้”เหมือนจันทร์ไม่สนว่าตอนนี้เงินเหลือเท่าไหร่ ยันตัวลุกเพื่อแย่งกระเป๋าในมือดนัย แต่เธอหรือจะสู้แรงเขาไหว สุดท้ายก็ถูกผลัก แถมยังถูกตบหน้า ไม่พอ เมื่ออีกฝ่ายคว้าไม้แขวนเสื้อได้ก็ระดมทุบตีจนเจ็บร้าวระบมที่หลัง
“พ่อเคยคิดว่าจันทร์เป็นลูกบ้างไหม เคยรักจันทร์บ้างไหม”เหมือนจันทร์ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน กอดตัวเองแน่น ตวัดดวงตาแดงก่ำมองดนัยซึ่งทิ้งไม้แขวนลงพื้นด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม
“เงินแกก็เหมือนเงินฉัน ให้ใช้แค่นี้ไม่ได้หรือไงวะ ฉันกำลังเครียด ต้องการเงินผ่อนคลายโว้ย อย่าเห็นแก่ตัวเก็บเงินไว้ใช้คนเดียว ฉันคือพ่อแก จำเอาไว้”ดนัยหัวเสียไม่น้อย เจอแต่อะไรไม่รู้น่าโมโหชะมัด
“แม่กำลังจะตาย แม่มีภาวะเลือดออกในสมองต้องใช้เงินผ่าตัด พ่อคืนเงินจันทร์มาเถอะ”เหมือนจันทร์บอกเสียงสั่นรัวเร็ว ตะคอกกลับจนดนัยหยุดนิ่งกับที่
“เหอะ แค่เป็นลมจะอะไรหนักหนา อย่าคิดมาหลอกกันให้ยาก ถ้าอยากได้เงิน ก็ไปขอร้องเสี่ยสิโรจน์ เขาสนใจแกอยู่แล้วนี่ แค่ไปนอนอ้าขาให้ เดี๋ยวมันก็ปรนเปรอเงินทองมากมายให้แกนั่นแหละ ไม่รู้หรือไง ว่าเสี่ยสิโรจน์น่ะใจป้ำเรื่องผู้หญิงมากแค่ไหน แค่เอาอกเอาใจ ขออะไรให้หมด”ดนัยยังไม่ล้มเลิกความฝันจอมปลอม ขายลูกสาวเพื่อเงิน วาดฝันด้วยใบหน้ามั่นอกมั่นใจ
ทั้งคำพูด การกระทำ ท่าทางนั้นทำให้เหมือนจันทร์สิ้นสัทธาในตัวดนัย กนกนุชกำลังจะตาย แต่ดนัยไม่คิดแยแสไม่ห่วงหา เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่ามารดาหลงรักปีศาจร้ายตนนี้ได้ยังไง
รอจังหวะที่มันเผลอ เหมือนจันทร์จึงยันตัวลุกแม้จะเจ็บระบมทั่วร่างกายก็ตาม เธอวิ่งเข้าไปฉวยกระเป๋าของดนัยแล้ววิ่งออกจากบ้านสุดแรง ดนัยโมโหจนเลือดขึ้นหน้า วิ่งตามเพื่อสั่งสอนนางเด็กบ้าริอ่านเป็นขโมยตั้งแต่เมื่อไหร่
เหมือนจันทร์ใจหายวาบ เกือบจะถูกคว้าตัวได้แล้ว เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก แต่เรี่ยวแรงและความเหนื่อยล้าตามร่างกายทำให้เธอเคลื่อนไหวช้าลง และในที่สุด ดนัยก็คว้าผมเธอได้ เขากระชากอย่างแรงจนเธอหยุดเดินและถูกแย่งกระเป๋าในมือไป ตามมาด้วยความเจ็บที่หน้าซึ่งถูกบันดาลโทสะด้วยการตบอย่างแรงจนเธอฟุบลงกับพื้น หูอื้ออึงตาลายชั่วครู่แล้วก็ต้องร้องครางด้วยความเจ็บเมื่อดนัยกระชากผมแรงๆจนใบหน้าแหงนขึ้น
“มึงมันไม่รักดี นางจันทร์ อยากโดนทำร้ายเหมือนแม่มึงเหรอไง”ดนัยคำรามเสียงต่ำ หอบหายใจ กระชากแรงแล้วปล่อยผม ใช้เท้าเตะเข้าที่ไหล่เล็กจนเธอเสียหลักนอนกับพื้น ร่องรอยการทำร้ายปรากฏบนแขนเรียวแดงช้ำ
เหมือนจันทร์ร้องไห้สะอื้นจนเกือบหายใจไม่ทัน ยันตัวลุกอย่างเชื่องช้า แต่ก็ถูกเตะท้องงอตัวนอนกับพื้นอย่างหมดแรง
“อย่าริอ่านมาแย่งของกู นางเด็กบ้า”
เหมือนจันทร์หลับตาแน่น เตรียมรับความเจ็บปวดแต่แล้วทุกอย่างกลับเงียบไปไม่มีแรงกระแทกเข้ามา เธอจึงค่อยๆปรือตาขึ้นช้าๆแล้วก็เบิกตากว้างเมื่อพบว่าดนัยถูกชายฉกรรจ์สองคนรวบแขนทั้งสองข้างไว้แน่น และชายหนุ่มซึ่งย่อตัวลงมาตรงหน้าทำเอาเธอบ่อน้ำตาแตก ร้องไห้สะอื้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ดีใจ ตกใจ หวาดหวั่น
ในเวลาแบบนี้ คนที่มาช่วยกลับกลายเป็นเจ้าหนี้ที่เธออยากหนีที่สุด
“สะ เสี่ยมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย ปล่อยกูสิวะ”ดนัยหน้าถอดสี พยายามสลัดตัวแต่พวกมันจับแน่น
สิโรจน์จับจ้องกระต่ายตัวน้อยซึ่งได้รับบาดเจ็บตามร่างกายแล้ว อารมณ์พลันคุกรุ่นอย่างบอกไม่ถูก เขาอุ้มเธอขึ้น ยืนตัวตรงแล้วปรายตามองจักรด้วยความเย็นชา
“สั่งสอนหน่อย กล้าทำร้ายคนของเสี่ย ต้องเจ็บยิ่งกว่า”
“ครับ”
“ไม่นะ เสี่ย อัก”
เหมือนจันทร์หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลียหมดแรง ดวงตายังร้อนผ่าว หยาดน้ำตารินไหลด้วยความปวดร้าว
ดูเหมือนว่า ทางเลือกที่คิดว่ามี มันไม่เคยมีตั้งแต่แรก
เสี่ยสิโรจน์ เป็นชายหนุ่มอายุสามสิบแปดปี เขาอาศัยอยู่กับพ่อ พ่อแม่แยกทาง แม่แต่งงานใหม่ ส่วนพ่อก็ไม่ค่อยสนใจลูก ได้ข่าวว่ามีเมียอยู่แล้วถึงสามสิบคน ไม่รู้ผิดถูกเป็นอย่างไร แต่ดูเหมือนผู้หญิงที่พิเศษสำหรับเขาจะมีอยู่หกคน ซึ่งหกคนนี้อาศัยอยู่ในเขตรั้วบ้านของเขาที่เชียงราย การปรนเปรอไม่ผิดเพี้ยนจากดนัยกล่าวไว้ อีกฝ่ายทุ่มเทมากมายเพื่อพวกผู้หญิงเพียงเพราะถูกใจ เพราะรูปโฉมสวย
ซึ่งเธอ ก็คงจัดเป็นพวกที่ถูกใจเขา ดังนั้น อีกฝ่ายจึงได้ช่วยเหลือ พากลับมาอยู่คอนโดเดิมของคืนนั้น
สิโรจน์วางเหมือนจันทร์ลงกับโซฟาในห้องรับแขก กวาดสายตามองโดยรอบ เลิกคิ้วนิดๆเมื่อคนเก่งซึ่งยื่นข้อเสนอให้วันนั้นกลับนั่งนิ่งเงียบมาตลอดทาง
“เป็นห่วงพ่อ?”
เหมือนจันทร์ส่ายหน้าบางเบา คนใจร้ายแบบนั้น เธอไม่อยากจะนับเป็นพ่ออีกต่อไป จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่าง ตอนนี้มีสิ่งสำคัญกว่า
ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยหน้าขึ้น เห็นความแดงเรื่อบนแก้มทั้งสองข้าง ดวงตาแดงก่ำบวมเล็กน้อยเพราะร้องไห้ตลอดทาง นัยน์ตามีความสับสนลังเล เพียงครู่เดียวก็เด็ดเดี่ยวมั่นคง
“ฉัน ฉันตกลงเป็นคู่นอนของเสี่ย”
สิโรจน์กดยิ้มที่มุมปาก ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เชยคางมนมาทางตนเพื่อสบประสานสายตา
“ไหนว่าขอเวลา?”
“ฉันไม่มีทางเลือกแล้ว เงินจำนวนมากขนาดนั้นฉันไม่มีปัญญาหามาให้เสี่ยในเวลาสั้นๆ อีกอย่าง ฉันร้อนเงิน ฉันอยากขอร้องให้เสี่ยช่วย”มือบางวางบนหน้าตัก ขยำกางเกงแน่นด้วยความประหม่าและอับอาย
สิโรจน์พยักหน้าเชื่องช้า ใช้นิ้วโป้งไล้กับริมฝีปากอวบอิ่มแดงเรื่อ
“หนี้ก็ส่วนหนี้ ส่วนเงินที่ขอก็ส่วนหนึ่ง”
“เสี่ยอยากให้ฉันทำอะไรให้ฉันยอมหมดเลยค่ะ ขอแค่ได้เงินเท่านั้น”เหมือนจันทร์ไม่สนว่าเขาจะมองอย่างไร ในเมื่อต้องตกเป็นของเขาแล้ว ยังไงก็คงต้องหน้าด้านขอเงินเขาเพื่อช่วยชีวิตกนกนุช ดีกว่าต้องไปรับงานของบรรวรรณ ซึ่งดีไม่ดี อาจต้องเปลืองกายเปลืองใจมากกว่านี้
คนฟังหรี่ตาลงมืดดำจนเหมือนจันทร์ลอบกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ใจเต้นระรัวกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ หากเป็นแบบนั้น เธอจะทำยังไงดี
“แน่ใจ ว่าทำได้”
“ค่ะ ฉันต้องการเงินจริงๆ”
“เท่าไหร่ ต้องการเงินเท่าไหร่”
“ฉะ ฉันยังบอกไม่ได้ แม่ของฉันต้องผ่าตัดสมอง หมอแจ้งคร่าวๆประมาณสองแสนบาท แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นอีก”เหมือนจันทร์พูดไปแล้วก็เม้มปากแน่น เพราะตอนนี้เธอไม่มีเงินติดตัวสักบาท แม้แต่เงินซื้อข้าวกิน
สิโรจน์พยักหน้ารับด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วจับจ้องมองความงดงามของดอกไม้ซึ่งบอบช้ำจากการถูกทำร้าย ทว่า กลิ่นกายหอมอ่อนๆนี้ไม่อาจปกปิดได้
“ได้ ฉันจะให้คนดูแลเรื่องค่ารักษาแม่ของเธอ แต่ว่า เวลาที่จะเป็นคู่นอนให้ฉัน ต้องเพิ่มเป็นหนึ่งปี”เขารู้สึกถูกใจใบหน้านี้ กลิ่นกายนี้ หรือแม้แต่ดวงตาหม่นเทาทว่ากลับไม่สิ้นประกายแสงสว่าง
เหมือนจันทร์ขบเม้มปากแน่น ครุ่นคิด หากเทียบกับชีวิตของกนกนุชแล้ว สิ่งเหล่านี้เล็กน้อยนัก หนึ่งปี มันไม่นานหรอก
“จันทร์ตกลงรับข้อเสนอของเสี่ยค่ะ”
“จันทร์ ฉันชอบให้เธอแทนตัวเองแบบนี้”
เหมือนจันทร์เกร็งตัว เมื่อใบหน้าคมคายยื่นมาใกล้จนรับรู้ลมหายใจ อีกฝ่ายแนบจูบที่แก้มเนียนทั้งสองข้างเบาๆ มือหนาก็เลื่อนขึ้นมากุมมือเล็กซึ่งวางบนตัก
“ถอดเสื้อผ้าออก งานของจันทร์เริ่มแล้ว”
เหมือนจันทร์ทำงานสนุกจนลืมวันลืมคืน คิดไม่ถึงว่าจะครบหนึ่งเดือนแล้วหลังจากที่สิโรจน์หายไป ตอนแรกๆยังกังวลและว้าวุ่นนิดหน่อย พอครบเดือนอย่างที่ไรยาพูด ตอนนี้จึงได้ดูสบายใจมากเหมือนจันทร์ยังทำงานที่ร้านอาหารบรรวรรณตามสัญญาสามวัน และไลฟ์สดขายเสื้อผ้าในวันหยุดทุกวัน สม่ำเสมอ ขยัน อดทน ไม่ย่อท้อ แม้แรกเริ่มจะมีคนดูเพียงสิบกว่าคน แต่เมื่อมีคนรีวิวสินค้าต่างๆ ลูกค้าก็เพิ่มขึ้น จากหลักสิบเป็นหลักร้อย จากร้อยเป็นพัน กลายเป็นว่าขายดิบขายดีจนต้องสั่งเสื้อผ้าเพิ่ม จากคอนโดซึ่งมีพื้นที่ว่างเต็ม ตอนนี้เต็มไปด้วยกองเสื้อผ้าจนไรยาได้แต่กุมขมับ แต่ถึงอย่างนั้น พอเห็นเหมือนจันทร์อดหลับอดนอนแพ็กสินค้าถึงตีสามตีสี่ เธอก็จำต้องเก็บความไม่สบายใจไว้แล้วคอยช่วยอีกฝ่ายแพ็กสินค้าส่งไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่ไม่กี่อาทิตย์ที่หญิงสาวขึ้นไลฟ์ จะขายดีเหมือนเป็นเดือนขนาดนี้“หากทำต่อไปเรื่อยๆ พี่ว่าจันทร์ไม่ต้องทำงานร้านอาหารแล้วล่ะ”เหมือนจันทร์ยิ้มร่า ไม่คิดว่าไลฟ์ขายของจะได้เงินขนาดนี้ หากตอนนั้นเธอมีทุนสักก้อนอย่างตอนนี้ ไม่แน่อาจไม่ต้องกลายมาเป็นผู้หญิงของเสี่ย“พี่ไรยาก็พูดไป”เหมือนจันทร์ยิ้มกว้างมากขึ้น อาจเพร
เหมือนจันทร์อดเม้มปากด้วยความขัดใจไม่ได้เมื่อเสียงไลน์โทรเข้ามาในเวลาสามทุ่มทุกวันนับแต่ที่สิโรจน์จากไป ทำราวกับกลัวเธอหายไป ทั้งที่ไรยาคงรายงานอยู่ตลอดแท้ๆเหมือนจันทร์สูดหายใจลึกกล้ำกลืนความรู้สึกไม่ชอบใจลง กดรับสายขานรับเสียงอ่อน“ค่ะเสี่ย”“วันนี้ทำอะไร”น้ำเสียงเรียบนิ่งดังตามสาย ตามด้วยเสียงกุกกักราวกำลังทำบางอย่างอยู่คงไม่ใช่ทำกิจกรรมอย่างว่าอีกหรอกนะเหมือนจันทร์คิดแล้วก็ทำหน้าบึ้งไม่พอใจเล็กน้อย“อยู่ห้องสิคะ วันนี้วันหยุดนี่นา”ก็เล่นให้ทำงานอาทิตย์ละสามวัน เธอยังจะไปไหนได้กัน“งั้นอยู่ห้องทำอะไรบ้าง”“อืม ทำกับข้าว ซักผ้า เก็บห้อง กวาด ถูบ้าน อะไรพวกนี้ค่ะ”เหมือนจันทร์เปิดลำโพง วางโทรศัพท์ลงกับเตียงนอน ขณะที่เธอนั่งด้านล่าง พับผ้าอย่างตั้งใจ“ของพวกนี้เป็นหน้าที่ของไรยาไม่ใช่เหรอ”มือบางชะงักก่อนพับเสื้อผ้าต่อ“ก็มันว่างนี่คะ เสี่ยไม่ให้ไปทำงานที่ร้านอาหาร ให้กินๆนอนๆอย่างเดียวเลย”“ไปชอปปิง เดินห้าง ซื้อของ เที่ยวก็ได้นี่ ไม่ได้ห้ามสักหน่อย”“ไม่เอาค่ะ”เหมือนจันทร์ตอบแทบจะทันทีเมื่อได้ยินข้อเสนอของสิโรจน์ เธอไม่อยากใช้เงินเขามากไปกว่านี้ “กลัวติดหนี้เพิ่มหรือยังไง”คนตัวเ
ธุระที่สิโรจน์พูดถึงคือการมาเดินชอปปิงห้าง คนไม่คุ้นชินอย่างเหมือนจันทร์ถึงกับทำตัวไม่ถูก ยิ่งตลอดการเดินซื้อของมีสายตามากมายจับจ้องยิ่งทำให้ประหม่า วางสีหน้าแทบไม่เป็น“เกร็งอะไรขนาดนั้น เป็นผู้หญิงของเสี่ยไม่ต้องอาย ใครๆก็อยากเป็น”แต่ไม่ใช่กับเธอ เหมือนจันทร์ตอบประโยคต่อในใจ ไม่ได้พูด และเป็นเด็กดีเดินตามเขาพาเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์ Uniqlo “เลือกชุดที่ชอบ ถูกใจกี่ชุดเอามาให้หมด หรือจะเหมาทั้งร้านก็ได้”โอ้โห อวดรวยจริงๆ เหมือนจันทร์ทำทีเป็นเดินดู แอบหยิบป้ายราคาหลักพันขึ้นทั้งนั้น ราคาแรงจนไม่กล้าหยิบจับอะไรอีก คนเดินตามหลังอย่างสิโรจน์ก็ขมวดคิ้ว เพราะเห็นเธอเดินวนเกือบทั่วร้านแต่ยังไม่หยิบชุดสักชุด“ไม่ถูกใจเหรอ”เหมือนจันทร์หยุดเท้า หันไปสบตากับสิโรจน์ พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ“เปล่าค่ะ ชุดสวยมาก แต่จันทร์ไม่อยากได้อะไรค่ะ แค่ของที่คอนโดก็พอแล้ว”สิโรจน์เลิกคิ้ว หรี่ตาจับจ้องหญิงสาวอีกครั้งราวกับค้นคว้า ปกติ พวกผู้หญิงที่พามาซื้อก็อ้อนให้ซื้อโน่นซื้อนี่เยอะแยะ แต่พอเป็นเหมือนจันทร์ นอกจากไม่เอาอะไรแล้วยังคิดจะใช้ผ้าเน่าๆของเธออีกใครรู้เข้า เสี่ยอย่างเขาคงเสียชื่อแน่“เลือกชุดที่เข้าก
เหมือนจันทร์เรียกกำลังใจให้ตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจเคาะประตูห้องนอน“เสี่ยคะ จันทร์เองค่ะ”“เข้ามา”น้ำเสียงดุดันดังขึ้น ทำเอาเหมือนจันทร์อยากจะหันหลังหนีไปจากตรงนี้จริงๆ หากไม่ติดว่าเป็นลูกหนี้ เธอคงไม่อยู่รอแล้วสูดหายใจลึกแล้วเปิดประตูก่อนจะปิดลง ปั้นหน้ายิ้มสุดความสามารถ สาวเท้าไปหยุดข้างๆสิโรจน์ซึ่งนั่งอยู่ปลายเตียง นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงสำรวจเรือนกายเล็ก ใบหน้าวางนิ่งเฉยเสียจนคนเข้ามาใจเสีย มือหนาตบที่ว่างข้างตัว โดยไม่มีคำพูดใด “จันทร์ขอโทษค่ะ จันทร์ไม่รู้ว่าเสี่ยจะมา”เหมือนจันทร์ทิ้งตัวนั่งข้างๆ มือประสานกันแน่นบนตัก เงยหน้ามองสิโรจน์“ไปไหนมา”“คือ จันทร์ไปทำงานที่ร้านอาหารพี่วรรณมาค่ะ”คนฟังขมวดคิ้ว หรี่ตาลงดุดัน วางมือบนมือนุ่มแล้วบีบแน่น สีหน้าเย็นชาจนคนมองหน้าเจื่อน“อนุญาตให้ไปทำเหรอ”“จันทร์ไม่ทราบว่าต้องขออนุญาตจากเสี่ยด้วย”“เป็นผู้หญิงของเสี่ย ทุกตารางนิ้วบนร่างกายคือของฉัน”ฝ่ามือร้อนช้อนใบหน้างามแหงนขึ้นให้ตนสำรวจถี่ถ้วน อีกข้างก็เลื่อนจากมือเล็กไปรวบเอวคอด ดึงเข้ามาจนเหมือนจันทร์ต้องใช้มือยันอกกว้าง “จันทร์อยากทำงานค่ะเสี่ย ให้จันทร์ทำเถอะนะคะ จันทร์อยากมีเงิน
เหมือนจันทร์ยังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ สิโรจน์ก็เร่งรัดจะทำตอนนี้เลยเหรอ แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อตอบตกลงไปแล้ว“เสี่ยจะไม่ผิดสัญญาใช่ไหม”เหมือนจันทร์ยังลังเล หวาดกลัวการถูกหลอกนัก สิโรจน์ยืดตัวนั่งตรง เดินไปหยิบเอกสาร ขีดฆ่าแล้ววางลงตรงหน้าพร้อมกับนั่งที่เดิม“สัญญาลูกหนี้หนึ่งปี เซ็นซะสิ”ในสัญญามีลายเซ็นของสิโรจน์อยู่แล้ว มีสองฉบับ คาดว่าอีกฉบับให้เธอ เหมือนจันทร์จับปากกาไว้แน่น เซ็นชื่อลงไปอย่างรวดเร็ว พอเสร็จ อีกฝ่ายก็ยื่นฉบับหนึ่งมาให้เธอเก็บไว้จริงๆ“ทีนี้ จันทร์ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี”เหมือนจันทร์สูดหายใจลึก ข่มความรู้สึกขมขื่นในอกไว้ กัดฟันยอมทิ้งศักดิ์ศรีไป เธอลุกขึ้นเชื่องช้าเล็กน้อยเพราะตามร่างกายเจ็บระบมไปหมด กระนั้นก็ไม่ปริปากบ่น ถอดเสื้อยืดเก่าๆของตนออกตามด้วยกางเกงขายาว เหลือไว้เพียงชุดชั้นในสองชิ้นสิโรจน์กวาดมองเรือนร่างเย้ายวนเบื้องหน้า แม้ตามตัวจะมีรอยฟกช้ำรอยแดงเรื่อ ทว่าก็ไม่อาจปกปิดความงามของเธอได้ เขาลุกแล้วเดินมาหยุดตรงหน้า มือหยาบกระด้างวางทาบบั้นท้ายงอนงาม บีบขยำเบาๆจนหญิงสาวจิกเล็บเท้าลงกับพื้น หลุบตาต่ำไม่ได้สบตา“ไปห้องน้ำ”ไม่ได้รอฟังคำตอบ สิโรจน์ช้อนตัวเธอข
เหมือนจันทร์ได้สติอีกครั้งเมื่อบางอย่างเย็นๆแนบใบหน้า เธอปรือตาขึ้นอย่างยากเย็นเพราะมันยังรู้สึกหนักอึ้งและมึนศีรษะ แต่พอเห็นชายแปลกหน้าชัดเจน เหมือนจันทร์ก็เบิกตากว้าง ผลักอกเขา ขยับตัวนั่งติดหัวเตียง ใบหน้าขาวนวลซีดเผือด สำรวจเรือนร่างตนเองพบว่าเสื้อผ้ายังอยู่ครบจึงพอเบาใจ ใช้แขนกอดตัวเองแน่น จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชังและหวาดหวั่น“คุณ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ที่นี่คือที่ไหน คุณทำอะไรฉัน”คุณ ที่เธอถามนั้น ก็คือผู้ชายแปลกหน้าซึ่งขโมยจูบแรกของตนไปนั่นเองสิโรจน์ยกยิ้มนิดๆ แววตาแสดงความพึงพอใจ เขาวางผ้าเย็นสำหรับเช็ดหน้าผิวอ่อนโยนลงกับโต๊ะข้างเตียง จากนั้นจึงย้ายสายตามาประสานกับหญิงสาว“ใจเย็นๆ ไม่ต้องกังวล เธออยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งของฉัน และฉันก็คือเจ้าหนี้ที่เธอต้องอยู่ชดใช้ วางใจ ฉันไม่ใช่คนชอบบังคับฝืนใจใคร”ใบหน้าคมคายไม่ทุกข์ร้อน ทุกคำพูดราบเรียบเหมือนคุยเรื่องปกติทั่วไป ทั้งที่ประโยคเหล่านั้นมันกำลังทำให้เธอสั่นกลัวเพิ่มมากขึ้น“คุณ คุณคือเสี่ยสิโรจน์ คือเจ้าหนี้ของพ่อเหรอ”เหมือนจันทร์แทบไม่อยากเชื่อว่าคนที่ขโมยจูบแรกไปจะกลายมาเป็นเจ้าหนี้ของตนไปได้คนฟังพยักหน้ารับ สีหน้าร







