Masukหัวหน้าขันทีจ้าวหมิงที่อยู่ด้านหลัง รีบก้าวเข้ามาพลางแย้มยิ้ม “ฉู่อ๋อง เรื่องนี้โทษฝ่าบาทมิได้นะพ่ะย่ะค่ะ เป็นเพราะการรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายเลือดนั้นน้อยคนนักจะทำสำเร็จ ฝ่าบาทเพียงแต่กังวลว่าท่านจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน จึงให้เตรียมการไว้ล่วงหน้า”“จริงสิ ฝ่าบาททรงทราบว่าครานี้ท่านอ๋องบาดเจ็บ จึงรับสั่งให้บ่าวไปเลือกของล้ำค่าจากคลังหลวงมาถึงยี่สิบชิ้น”พูดจบ เขาก็ตะโกนไปนอกห้องว่า “ยกเข้ามาให้หมด!”มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ในมือแต่ละคนล้วนถือถาดที่วางสมบัติล้ำค่าไว้หนึ่งชิ้นจ้าวหมิงหัวเราะแห้ง ๆ พลางเริ่มแนะนำให้ฉู่หนิงฟัง “ท่านอ๋องเชิญชมดู ขวดนี้คือโอสถเพิ่มพลังลมปราณ ส่วนขวดนี้เป็นโอสถเสริมพละกำลัง”“และท่านดูเกราะอ่อนไหมทองผืนนี้ ดาบหรือกระบี่ทั่วไปมิอาจทำอันตรายได้เลย หากภายหน้ามีเหตุลอบสังหารอีก เกราะนี้ย่อมคุ้มครองให้ท่านปลอดภัย”“และยังมี...”“พอแล้ว”ฉู่หนิงโบกมือขัดจังหวะจ้าวหมิงที่ยังตั้งท่าจะกล่าวต่อ พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “ในเมื่อเป็นรางวัลจากเสด็จพ่อ ย่อมไม่ใช่ของธรรมดา ข้าขอรับไว้ทั้งหมดก็แล้วกัน!”แล้วหันไปมองเสิ่นหว่านอิ๋ง “รบกวนหว่านอิ๋ง เจ้าพาคนไปจัดเก็บของพวก
ภายในเรือนหลัง จวนฉู่อ๋องกลิ่นหอมจากกระถางกำยานลอยฟุ้งไปทั่วห้อง ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นที่ชวนให้ใจสงบปลอดโปร่งเสิ่นหว่านอิ๋งมองฉู่หนิงที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง ดวงหน้างดงามจับตาเผยรอยยิ้มออกมาฉู่หนิงในยามปกติมักแสดงท่าทียียวนกวนประสาท ยากนักที่จะได้เห็นเขาสงบนิ่งเช่นนี้ตั้งแต่กลับมาจากหมู่บ้านหลิวอวิ๋น ก็หลับยาวจนตะวันตกดิน หากมิใช่เพราะต้องกินอาหารเย็น ก็คงไม่อาจหักใจมารบกวนเขาเสิ่นหว่านอิ๋งวางถาดอาหารในมือลงข้างเตียง แล้วก้าวเข้าไปข้างเตียง กระซิบเบา ๆ “ท่านอ๋อง ถึงเวลามื้อเย็นแล้วเพคะ”ฉู่หนิงที่หลับอยู่รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นรินผ่านข้างหู ชวยให้หัวใจคันยิบยิบสองตาค่อย ๆ ลืมตา ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มพร้อมลักยิ้มก็ปรากฏเข้าสู่สายตาใต้แสงเทียนที่ส่องสว่าง กลิ่นหอมจากกระถางกำยานภายในห้องลอยคลุ้งอยู่ด้านหลังของเสิ่นหว่านอิ๋ง มองจากล่างขึ้นบน ดั่งเทพธิดาเสด็จลงสู่ปฐพี เปี่ยมด้วยรัศมีสิริมงคลเพียงแวบแรก ฉู่หนิงก็ถูกภาพตรงหน้าดึงดูดจนถลำลึก ไม่อาจละสายตาได้ นิ่งงันไปทันทีเสิ่นหว่านอิ๋งถูกจ้องจนเริ่มเขินอาย เอ่ยเสียงขุ่นเบา ๆ “มองข้าแบบนี้ทำไม?”ฉู่หนิงหัวเราะเบา
สองมืออันอ่อนนุ่มของเสิ่นหว่านอิ๋งกดเบา ๆ ไปทั่วศีรษะของฉู่หนิง ชายหนุ่มที่ผ่อนคลายลงรู้สึกสงบอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนต่อหน้าผู้อื่น เขาคือบุรุษผู้ระแวดระวังรอบด้าน ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบแต่ต่อหน้าเสิ่นหว่านอิ๋ง เขายอมปลดเกราะป้องกันในใจลงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของฉู่หนิงเสิ่นหว่านอิ๋งก้มหน้าลง เห็นฉู่หนิงหลับอยู่บนตักของตน ใบหน้างดงามของนางเผยรอยยิ้มออกมานางถอดผ้าคลุมไหล่ออก ใช้คลุมให้ฉู่หนิงแทนผ้าห่ม สองมือโอบกอดเขาไว้แน่นไออุ่นจากร่างของเขาทำให้เสิ่นหว่านอิ๋งรู้สึกสงบในใจ ความหวาดกลัวและกังวลที่สั่งสมในหลายวันที่ผ่านมา ในที่สุดก็สลายหายไปในยามนี้นางที่ไม่ได้นอนทั้งคืน ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ไม่นานก็หลับใหลไปขณะที่โอบกอดฉู่หนิงไว้และในเวลานี้เอง ข่าวการเปลี่ยนเลือดสำเร็จของฉู่หนิงก็ถูกส่งมาถึงพระราชวังภายในตำหนักอิงอู่ฮ่องเต้ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ดวงเนตรเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ใบหน้าที่มักเคร่งขรึมฉายแววตะลึงขึ้นมาเล็กน้อยเดิมเขาคิดว่าฉู่หนิงคงตายแน่ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีชีวิตรอด!ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น มององครักษ์เงาในโถงตำหนัก อดไม่ได้ที่จะตรัสถาม “มิใช่ว่า
องค์รัชทายาทได้แต่มองรถม้าของฉู่หนิงแล่นผ่านไปต่อหน้าเพลิงโทสะและความอัดอั้นตันใจท่วมท้นถึงขีดสุด!ไอ้คนบ้าสมควรตายนี่ กล้าจะมาล้างแค้นข้า!ข้าก็ทำไม่สำเร็จแท้ ๆ แต่เขายังยืนกรานไม่ยอมจบเรื่องนี้เสียทีเสบียงสามล้านหาบนั่น ข้าจะไปหาเสบียงมากมายขนาดนั้นจากที่ไหนได้เจ้าคนร้ายกาจผู้นี้ตั้งใจจะทำให้ข้าลำบากแต่ไอ้บ้าฉู่หนิงก็เอ่ยปากแล้วว่า เขาจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ นี่เป็นการเตือนข้าว่า เขาจะไปทูลฟ้องต่อเสด็จพ่อชัด ๆจะทำอย่างไรดี หรือจะฉวยโอกาสสังหารเขาเสียเลย?ไม่ได้แน่ คนข้างกายฉู่หนิงมีมากมาย อีกทั้งหร่านหมิงเป็นยอดแม่ทัพ หากลงมือตอนนี้ย่อมไร้โอกาสชนะหรือจะต้องยอมรับข้อเรียกร้องไร้เหตุผลของเขาจริงหรือ?ในขณะที่องค์รัชทายาทครุ่นคิด รถม้าของฉู่หนิงก็แล่นผ่านเขาไปแล้ว หากชักช้าไปกว่านี้ ฉู่หนิงก็จะจากไปแล้วจริง ๆยามนั้นเอง องค์รัชทายาทหรี่ดวงตา แววเหี้ยมเกรียมแวบผ่าน “น้องสิบแปด เสบียงสามล้านหาบนั้นมากเกินไป ข้าจัดหามากสุดได้สองล้านหาบ!”เพื่อไม่ให้เสด็จพ่อเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จึงต้องยอมถอยชั่วคราวแม้จะหวั่นใจ แต่เพื่อรักษาตำแหน่งองค์รัชทายาทไว้ จึงจำต้องตอบตกลงข้อเ
ระหว่างทางกลับมา ฉู่หนิงเคยบอกว่าจะมีวิธีทำให้เหล่าองค์ชายทั้งหลายคืนเสบียงที่ปล้นไปได้ เดิมนางยังคิดว่าเป็นเพียงคำปลอบใจ ไม่คิดว่าบัดนี้กลับเป็นจริงขึ้นมา!หากได้เสบียงเหล่านี้คืนมาครบถ้วน กิจการร้านข้าวสารของตระกูลเสิ่นย่อมฟื้นฟูกลับมาคิดได้ดังนั้น เสิ่นหว่านอิ๋งก็อดไม่ได้ที่จะกุมมือฉู่หนิงไว้แน่นความอบอุ่นจากฝ่ามือทำให้นางรู้สึกถึงความปลอดภัยฉู่หนิงรู้สึกถึงการตอบสนองของสตรีข้างกาย อดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มให้นางจากนั้น ฉู่หนิงหันไปมององค์รัชทายาท เอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “ท่านพี่องค์รัชทายาท พี่รองได้ทำตัวเป็นแบบอย่างแล้ว ครานี้ถึงคราวของท่านแล้ว”องค์รัชทายาทแค่นเสียง “ข้าจะให้เสบียงหนึ่งล้านหกแสนหาบ!”ในชั่วขณะนั้น องค์รัชทายาทเริ่มรู้สึกเสียใจไฉนข้าจึงโลภนัก ครานั้นเหตุใดถึงไปปล้นขบวนเสบียงที่บรรทุกมากที่สุดเล่า ทำให้ตอนนี้ข้าต้องคืนเสบียงมากกว่าใครแต่ว่าฉู่หนิงกลับไม่พอใจในคำตอบนี้เลย“ท่านพี่องค์รัชทายาทนี่ช่างใจแคบนัก ในเมื่อเป็นเสบียงช่วยแนวหน้า เหตุใดถึงให้เพียงเท่านี้เล่า?”ฉู่หนิงหรี่ตา เอ่ยเสียงเรียบ “ด้วยกำลังของท่านพี่องค์รัชทายาท เสบียงสามล้านหาบ คงมิใช่เรื่องยากสำ
“น้องสิบแปด เจ้าหมายความว่าอย่างไร!”องค์ชายรองสีหน้ามืดหม่น เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ข้าเห็นว่าช่วงนี้จวนฉู่อ๋องกับตระกูลเสิ่นลำบากนัก จึงยอมควักเสบียงห้าแสนหาบของตนเองช่วยเหลือเจ้า นี่เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ?”เสบียงห้าแสนหาบนั้นเดิมก็เป็นของตระกูลเสิ่นอยู่แล้ว แค่ส่งคืนกลับไปก็จบแล้วแต่ถ้าฉู่หนิงยังคิดจะให้ข้าเพิ่มเสบียงของตัวเองลงไปด้วย นั่นไม่มีทางแน่นอน!ข้าจะไปทำการค้าขาดทุนได้อย่างไรกัน!ครั้งนี้วิ่งวุ่นเสียเปล่าก็ช่างเถิด จะให้ข้าเอาเสบียงของตนไปเติมอีกงั้นหรือ?แต่ฉู่หนิงมองใบหน้าไม่สบอารมณ์ขององค์ชายรอง แล้วกล่าวเสียงเรียบ “พี่รองพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกนัก เสบียงของข้านั้นเป็นเสบียงในกองทัพแนวหน้า หาใช่เสบียงส่วนตัวข้าไม่”“ข้าเพียงเห็นว่าเสบียงห้าแสนหาบที่ท่านจะให้นั้นน้อยเกินไป จึงอยากเตือนให้ท่านเพิ่มอีกหน่อย มิเช่นนั้นข้าก็คร้านจะให้คนไปขนส่ง”“เพราะการขนส่งไปกลับนั้นก็ต้องเสียทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ไม่น้อย”ภายใต้สายตาตกตะลึงขององค์ชายรอง ฉู่หนิงเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว เอ่ยยิ้ม ๆ ว่า“เช่นนี้แล้วกัน เพิ่มอีกเท่าตัว เสบียงหนึ่งล้านหาบ!”ในเมื่อป







