เสียงสี่เสียงดังขึ้นมา เป็นผู้ชายสองคน และผู้หญิงหนึ่งคน และเอลฟ์อีกหนึ่งตน ชายคนแรกรูปร่างสูงใหญ่ผมยาวสีทอง ในมือถือขวาน เขาคือ โมดิ บุตรแห่งธอร์ อีกคนรูปร่างเตี้ยล่ำเป็นมะขามข้อเดียว ใช้ตะบองเป็นอาวุธ เขาคือ แม็กนี บุตรแห่งธอร์ สวนผู้หญิงในกลุ่มนั้น มีใบหน้างดงาม ผมสีแดง ถักเปีย มีรูปร่างกำยำล่ำสัน ใช้ดาบกับโล่เป็นอาวุธ นางคือ ทรุด บุตรีแห่งธอร์
ส่วนเอลฟ์นั้นรูปร่างสูงโย่ง ผมสีแดง ผิวเข้ม ในมือถือดาบ เขาชื่อว่า เพาเดอร์ บุตรแห่งธอร์
“หวังว่าข้าจะไม่เผลอฆ่าญาติของเจ้าไปนะ” แม็กนีพูด เพาเตอร์หันไปพูดว่า
“ข้าไม่ใช่เอลฟ์แถวนี้”
ทั้งสี่เข้าต่อสู้ทันที
มารีสนำทหารเข้าต่อสู้ เขาเป่าขลุ่ยและมีแท่งน้ำแข็งพุ่งใส่พวกทหารผู้รุกราน ทำให้พวกมันต้องเริ่มถอยห่าง ส่วนอลิซซ่า เธอใช้คถาปล่อยพลังสายฟ้าใส่พวกทหารล้มตายไปจำนวนมาก แต่แล้วบุตรของธอร์ทั้งสี่ก็บุกเข้ามา และจัดการเหล่าเอลฟ์ได้ ทั้งหมด เมื่อ อลิซซ่าเห็นเพาเดอร์ก็พูดว่า
“นี่เจ้าเป็นเอลฟ์เผ่าไหนกัน ทำไมถึงช่วยเผ่าอื่นโจมตีพวกเรา”
“ข้าไม่ใช่เอลฟ์ที่นี่ ข้าขอจัดการพวกมันเอง พวกเจ้าอยู่เฉย ๆ นะ” เพาเดอร์พูด และควงดาบออกไป และมองไปที่มารีสก่อนจะพูดว่า
“ล้อเล่นหรือเปล่า แกจะเอาขลุ่ยมาสู้กับดาบเนี่ยนะ” เพาเดอร์พูด มารีสเป่าขลุ่ยซ้ำอีกที แท่งน้ำแข็งพุ่งไป แต่เพาเดอร์ใช้ดาบปัดทิ้งได้ทั้งหมด และเข้าประชิดตัว มารีสเอาขลุ่ยรับดาบเอาไว้ได้
”ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าขลุ่ยของแกจะสู้ดาบนี่ได้”
เพาเดอร์รู้สึกถึงความเย็น เลยต้องถอยออกมา ขลุ่ยนี้ปล่อยไอเย็นกลายเป็นดาบ และเข้าโจมตี เสียงอาวุธกระทบกันดังสนั่น เชิงการต่อสู้ของมารีสไม่ได้ด้อยกว่าเพาเดอร์เลยแม้แต่น้อย
“เฮ้ย ! เล่นมากเกินไปแล้วเพาเดอร์” ทรุด ตะโกนเสียงดัง เพาเดอร์พยักหน้ารับรู้และ เขียนเครื่องหมายลงไปบนดาบ ดาบมีไฟลุกพรึ่บขึ้นมาละลายดาบน้ำแข็งของมารีส และยังไม่ทันไรก็เผาร่างของมารีสแม้จะไม่ถึงตายแต่เขาก็เจ็บหนัก อลิซซ่าร่ายมนตร์รักษามารีส ไม่งั้นเขาตายแน่ เขาถูกทรุด จับกดเอาไว้ มารีสพยายามจะลุกแต่เขาสู้แรงของเธอไม่ได้ ! ผู้หญิงคนนี้มีพละกำลังยิ่งกว่าเขาซะอีก โมดิ แม็กนีเดินเข้าไปหาอลิซซ่า นางรีบยิงพลังสายฟ้าเข้าใส่แต่อีกฝ่ายหาเป็นอะไรไม่
“พวกข้านะบุตรแห่งสายฟ้าโวย ไอ้พลังสายฟ้าเนี่ยสำหรับข้าแล้วมันเหมือนกับนวดคลายเส้น” แม็กนีพูด อลิซซ่าร่ายมนตร์เกิดลมแรงมากระแทกทั้งสองกระเด็น
“อะไรเนี่ย”
“ข้าน่ะไม่ใช้ได้แค่สายฟ้าหรอกนะ พายุสังหาร” อลิซซ่าร่ายมนตร์ เกิดกระแสลมพุ่งมาพัดร่างของทั้งสองกระเด็นอีก เธอกำลังจะร่ายมนตร์อีกครั้ง แต่ว่าทรุดโผล่ตรงหน้าตอนไหนก็ไม่รู้และชกเธอกระเด็น
“ไม่ควรส่งผู้ชายมาทำงานของผู้หญิงนะ จัดการนางซะสิ” ทรุด พูด โมดิกับแม็กนี มองหน้ากันและเดินเข้าไปหาอลิซซ่า มารีสรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขากำลังจะรีบไปช่วยอลิซซ่า
“ใครให้แกยืนขึ้น” ทรุดพูดและจับเขากดลงกับพื้นอีกครั้ง
“เจ้าก็เป็นสตรีเหมือนกับนาง ทำไมจะปล่อยให้นางเจอเรื่องแบบนี้ได้”
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า นางแพ้พวกเรา พวกเราจะทำอะไรนางก็ได้” มารีสถึงน้ำตาไหลมันไม่ใช่น้ำตาแห่งความอ่อนแอแต่มันเป็นน้ำตาแห่งความคับแค้นใจ ที่ไม่สามารถช่วยอลิซซ่าได้
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสี่สะดุ้งเฮือก หญิงสาววัยกลางคน มีใบหน้าที่งดงาม สวมเกราะ ถือหอกเดินเข้ามา พร้อมกับกลุ่มทหารหญิงอีกกลุ่มใหญ่
“ท่านเฟย์จา” ทั้งสี่พูดพร้อมกัน
“ถึงนางเป็นผู้พ่ายแพ้สงคราม แต่เราไม่ใช่คนเถื่อน ต้องให้เกียรตินางด้วยเอาตัวไป” เฟย์จาสั่ง เหล่าทหารหญิงมาจับตัวอลิซซ่าและมารีสไป ตอนนี้ดินแดนของเอลฟ์รูมิแย่ตกเป็นของโอดินแล้ว ทุกคนต่างประสบค์กับความสิ้นหวัง
ที่อาณาจักร ยออาน
วันนี้คือ วันเก็บเสบียง โดยจะมอบหมายให้ทหารแต่ละกลุ่มไป เก็บเสบียงตามเมืองต่าง ๆ ในอาณาจักรยออา โดย งานนี้คนที่จะมอบหมายงานคือ ดิดิเย่ร์ โดยราชาเทียรี่สั่งมาว่า
“ให้ดิสมัส ร่วมงานด้วยนี้ด้วย” ซึ่งเขาเลยถือโอกาส ส่งงานที่อันตรายที่สุดให้ดิสมัส
“เมือง ป๊วซซง ข้ามีทหารแค่ 300 คน ท่านให้ข้าไปเก็บเสบียงที่เมืองนั้นเลยเหรอ”
“ให้ทำอะไรก็ไปทำเถอะอย่าพูดมาก หรืออยากให้สั่งขังเจ้า !” ดิดีเย่ร์พูดตัดบท
เมืองป๊วซซงนั้น เดิมเป็นที่ตั้งเอลฟ์ฟอร์แคร์เผ่า แซมม่อน เป็นดินแดนที่อยู่ติดกับแม่น้ำสายใหญ่ ที่พวกเขาเรียกว่า มูมอง จึงเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา อยู่เต็มไปหมด หลังจากที่พวกเอลฟ์รานุนยึดดินแดนก็กลายเป็นแหล่งเสบียงที่ใหญ่แหล่งหนึ่ง โดยพวกเอลฟ์รานุนได้มาทำไร่เพาะปลูกข้าวสาลี่เลี้ยงนกโดโด้ และวัวกันที่นี่ อาจจะพอบอกได้ว่า ที่นี่เจริญขึ้นหลังจากที่ โดนพวกเอลฟ์รานุนบุกก็ได้ แต่ว่าการมาเอาเสบียงที่นี่นั้น มันเรื่องเสี่ยงพอสมควร เพราะยังมีเอลฟ์ฟอร์แคร์บางส่วน ที่ไม่ยอมจำนนแถมพวกนี้ยังสมคบกับพวกออร์ค คอยมาดักปล้นบ่อย ๆ ด้วย เรียกว่ากว่าจะได้เสบียงมาต้องมีบาดเจ็บล้มตายกันพอสมควรเลย
“ข้าช่วยเจ้าได้แค่นี้แล้วนะ ต่อไปดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยล่ะ”ดิสมัสถึงกับโกรธจัดสำหรับเขา เบต้านั้นเหมือนกับญาติคนหนึ่ง ที่โตมากับเขา เมื่อเสียเบต้า ดิสมัสก็เรียกพลังจากความแค้นและความตายให้มารวมในร่างของเขา โจมตีอย่างบ้าคลั่ง โอดินพยายามรับมือแต่ก็ยิ่งลนลาน และในที่สุด เขาก็ฟันโดนโอดินเข้าที่หน้า ทำให้ผ้าปิดตาของโอดินเป็นรอยโดนฟัน โอดินต้องถอยและขว้างหอกไป ดิสมัสหลบและฟันหอกให้มันตกพื้นและหยิบมันขว้างใส่โอดิน หอกลอยไปเสียบร่างของโอดิน แต่กลับไม่มีการระเบิดโอดินกระชากออกมาแล้วพูดว่า “หอกนี่ไม่ฆ่านายมันหรอกนะ เจ้าทำให้ต้องใช้พลังนี้ เตรียมตัวเถอะ”ร่างของโอดินเปล่งแสงออกมา และเข้าโจมตีอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้มันรวดเร็วและรุนแรงมาก ดิสมัสรับมือไม่ได้ เขาพลาดโดนแทงทะลุกระอักเลือดล้มลงไป โอดินถีบร่างของเขากระเด็น ออกจากหอก ขณะที่อยู่ระหว่างความเป็นความตาย นั้นดิสมัสได้เห็น เทียรี่ยืนข้าง ๆ โลกิในร่างแม่ของเขา เฮล นายฮ้อยคำแหง แก่น จ้อย มิ่ง แม่เฒ่าคำ แม้แต่ห้าวอยู่ตรงหน้า เบต้า บากีร่า ชาล็อต นี่เขากำลังจะตายสินะ ถึงได้เห็นภาพคนเหล่านี้ “บักมัดเอ๋ย ! เจ้าบ่ถึ
“ข้าจะแก้แค้นให้เอง เจ้าอย่าออกไปจะได้มั้ย ให้ข้าตายก่อน ที่เจ้าค่อยไปสู้เถอะ เพราะข้าไม่อยากเห็นเจ้าเจ็บตัว” ดิสมัสพูดคำแพงพูดอะไรไม่ออกแล้ว นางตัดสินกอดเขาเอาไว้แน่นแล้วพูดว่า “อ้ายต้องกลับมานะ” “ข้ากลับมาแน่” ทั้งสามออกไปพร้อมกัน โอดินยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้ท่าทางของคนหวาดกลัวหรือยอมแพ้เลยสักนิด กลับมีท่าทางที่เข้มแข็ง ราวกับว่าตัวเองไม่ได้เสียเปรียบอะไรเลย เอาหอกชี้หน้าของเอลฟ์ทั้งสาม “เลือกเอาจะตายหรือยอมจำนน” “ทำเป็นพูดดีเจ้าเหลือแค่คนเดียวแล้วนะ ยังคิดจะต่อสู้อีกเหรอ” ดาเมี่ยงพูดเย้ย “คนที่เสียไปข้าหามาคืนได้ เสมอนั่นล่ะ เพราะอะไรรู้มั้ย” โอดินพูดจนก็สร้างลูกพลังแสงสีดำออกและยิงออกไป ทั้งสามหลบแทบไม่ทัน “เพราะข้าคือ เทพ !”โอดินเข้าโจมตีโดยเป้าหมายของเขาคือดิสมัส แต่ว่า ดิสมัสกับดิดิเย่ร์เสกโกเล็มขึ้นมาพร้อมกัน “EMETH”แต่โกเล็มแตกละเอียดในพริบตา แต่ก็ช่วยให้ดิสมัสตั้งตัวและยิงกะโหลกเพลิงใส่โอดิน แต่โอดินใชหอกทำลายได้ทั้งหมด และเข้ากระหน่ำ ดิสมัสเอาดาบปัดป้องการโจมตีของโอดิน ดาเมี่
ธอร์เข้าต่อสู้ทันที การโจมตีของมังกรกระดูกนั้นรุนแรงมาก แต่ธอร์ก็รีบมือได้ และยิงสายฟ้าสวนไป เมื่อมังกรกระดูกโดนโจมตี ความเจ็บปวดจะส่งผ่านมายังร่างกายของดิดิเย่ร์ด้วย แต่เขากัดฟันใช้มังกรกระดูก ต่อสู้ ดิสมัสเห็นดังนั้นเขาเรียกเจ้านกแสกออกมา ให้มันพาบินขึ้นไปฟ้าไป และเขาก็กระโดดลงไปตรงหัวของมังกรกระดูก และส่งพลังเพิ่มให้ “คิดจะทำอะไร” ดิดิเย่ร์ถาม ดิสมัสตอบว่า “ขืนให้ท่าน ควบคุมมันคนเดียว ท่านได้เป็นศพแน่”ดิดิเย่ร์ไม่มีเวลาจะมาเถียงกับดิสมัสแล้ว เมื่อทั้งสองเสริมพลังให้เจ้ามังกรกะโหลก มันเขาโจมตีอีก ธอร์หลบได้ ธอร์ใช้ค้อนทุบเข้าที่ร่างของมังกรกระดูก แม้มันจะมีรอยร้าว แต่ด้วยพลังของเอลฟ์ทั้งสอง ช่วยซ่อมร่างของมังกรกระดูก ทำให้ไม่ได้เสียหายมากมายอะไร “ดิดิเย่ร์ ร่ายมนตร์กัดกินใส่มังกรนี่” ดิสมัสร้องบอก ดิดิเย่ร์ไม่ถามอะไรเขาทำตาม เวทย์กัดกิน ปกติจะใช้ทำลายคู่ต่อสู้แต่เมื่อร่างใส่โครงกระดูกมังกร มันกลับทำให้ มังกรมีเนื้อหนัง ขึ้นมัน และดูดพลังสายฟ้าที่ธอร์ยิงออกมาเข้ามาในร่างได้ ทำให้มันมังกรสามารถพ่นสายฟ้ากลับไปหาธอร์ได้ แต่ธอร์ใช้ค้อนรีบเอาไว้ จึงเกิ
เจ้านกแสกปล่อยนายของมันลงไป ดิสมัสฟาดดาบหมายจะเล่นงานหัวของธอร์แต่ว่า อีกฝ่ายยกค้อนขึ้นมารับคมดาบเอาไว้เต็ม ๆ และเหวี่ยงร่างของดิสมัสกระเด็น เจ้านกแสกอรอลโต้ รีบไปโฉบนายของมันไม่งั้นเขากระแทกพื้นแน่ ดิสมัสจำต้องลงพื้นเพื่อตั้งหลัก และเหล่ามนุษย์หนูก็วิ่งมาสมทบกับเขา “คิดจะทำบ้าอะไรวะเนี่ย” ดิดิเย่ร์พูดขึ้นมาและส่งสัญญาณให้พวกโดวาฟเอาอาวุธออกมา มันคือเครื่องเหวี่ยงหิน ! หินจำนวนมากถูกเหวี่ยงลอยไป แต่ถูกธอร์ทำลายได้เกือบทั้งหมด แถมหินเหล่านี้ก็ตกลงมากลายเป็นเหมือนฝนมรณะ ที่สังหารคนไปจำนวนมาก ทำให้การใช้เครื่องเหวี่ยงหินไม่ใช่ความคิดที่ดีแล้ว เหล่าพานรมฤค นำโดนพนารีบมาอาสาทันที “เหวี่ยงพวกเราขึ้นไป” “เฮ้ย ! พวกแกว่าไงนะ” ดิดิเย่ร์แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย “ยิงพวกข้าขึ้นไป พวกข้าจะไปทำรถศึกนั้นร่วงลงมาแล้ว พวกเจ้าค่อยหาทางจัดการพวกมัน”พนาพูด ดิดิเย่ร์ทำหน้าไม่ถูกเขาเลยพูดว่า “ไอ้โรคเสียสติมันเป็นโรคติดต่อแน่ ๆ”พวกพานรนฤคถูกยิงขึ้นฟ้าไปจำนวนมาก พวกมันหลายตัวโดนสายฟ้าบาดเจ็บ ล้มตาย แต่ก็มีหลายตัวเหมือนกันที่มารุมเกาะรถศึกของธอร์
“เบต้ารักษาเขาเร็ว” ดิสมัสสั่ง แม้เบต้าจะไม่ชอบดาเมี่ยงแต่นางก็รักษาเขาเต็มที่ ดิดิเย่ร์หันมามองดิสมัสแล้วพูดว่า “สงสัยข้าต้องร่วมมือกับแกแล้ว ข้าไม่ใช่สายต่อสู้ตรง ๆ แบบนี้ ข้าเสียเปรียบแน่”โกเล็มสองตัวถูกทำลายอย่างง่ายดาย แต่ดิดิเย่ร์เสกขึ้นมาอีก ส่วนดิสมัสตัดสินใจเรียกเจ้าเสือดำออกมา “บากีร่าจงออกมา”เจ้าเสือดำเข้าไปโจมตีทันที แต่ไทร์หลบการโจมตีได้ แต่นั่นเป็นการเปิดช่องว่างให้ดิสมัสโจมตี แต่ไทร์เอาดาบรับดาบของดิสมัสเอาไว้ทัน แต่กลายเป็นจังหวะให้บากีร่า โจมตี แต่ไทร์เอาแขนข้างที่มือกุดไปรับคมเขี้ยวของบากีร่าเต็ม ๆ คมเขี้ยวกัดจมลงไปจนเลือดอาบ เป็นจังหวะให้ดิดิเย่ร์ ยิงกะโหลกเพลิงใส่ไม่หยุด แต่ไทร์รู้ทันเลยเหวี่ยงร่างของบากีร่ากระเด็น มารับกะโหลกไฟของดิดิเย่ร์ก่อน เจ้าบากีร่าถึงกับบาดเจ็บหนัก ดิสมัสเองก็ต้านกำลังของไทร์ไม่ได้แล้ว เขาต้องถอยออกมาไม่งั้นขาดสองท่อนแน่ “คิดว่าลูกไม้แบบนี้จะหยุดข้าได้งั้นเหรอ !”ทั้งดิดิเย่ร์และดิสมัสตัดสินใจยิงกะโหลกเพลิงใส่ไม่หยุด แต่มันกลับไม่สะดุ้งสะเทื้อนเลยแถมยังเข้ามาเหวี่ยงดาบใส่ดิดิเย่ร์ยังดีที่ดิสมัสเอาดาบมาร
“กระชากวิญญาณ” เจอคาถานี้ในระยะเผาขนแบบนี้ วิญญาณของยุรนันท์ถูกทำลาย เขาตายคาที่ทันที ดิสมัสหอบด้วยความเหนื่อย แต่ยังไม่ทันไร พลธนูบนป้อมก็เล็งธนูมาทางเขาแล้ว มาตาฮารี สั่งให้ธนูยิงธนูใส่เขา แต่ว่า “EMETH”ดิดิเย่ร์เสกโกเล็มมากันลูกธนะเอาไว้ก่อน ไม่งั้นดิสมัสกลายเป็นศพแน่ “ไม่ต้องไปกลัวฆ่าพวกมัน ตอนนี้จงฟังข้าแทนท่านยุรนันท์” มาตาฮารีสั่งอลิซซ่าได้ยินก็ตะโกนเสียงดังว่า “พวกเจ้าจะฟังนางจิ้งจอกยั่วสวาทนี่เหรอ พวกเจ้าเป็นนรสิงฆ์นะ” เหล่านรสิงฆ์เริ่มลังเล และยังไม่ทันไรเสียงกลองศึกก็ดังขึ้นมา ชูเท็นโดจิ กับอรุณนภานำทัพมาด้วยตัวเอง อรุณนภาประกาศเสียงดังลั่น “หากใครที่ทรยศยอมจำนน ข้าจะไม่เอาความเลย หากยังคิดจะต่อสู้อีก โทษเดียวที่จะได้รับคือประหาร” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหล่านรสิงฆ์ก็รีบยอมจำนนทันที ส่วนมาฮารีนั้นเห็นถ้าไม่ดีแล้ว นางจึงรีบหายตัวหนีไปทันที เหล่าเอลฟ์ยังคงเป็นเจ้าของเมืองตรงนี้ ส่วนทัพนรสิงฆ์นั้นถอนทัพกลับไปที่บ้านเมืองตัวเอง พวกพานรนฤค ได้รับการปล่อยตัว แต่น่าเสียดายมนุษย์หนูตายไปหลายตนจนเหลือน้อยแค่หลักสิบเท่านั้น