Share

บทที่ 212

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ในกลางดึกเช่นนี้ สุดท้ายก็ระเบิดแล้ว นางหมินรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจมาก จึงหันหลังกลับและออกไป

เสียงคำรามของชายและหญิงดังมาจากด้านหลัง และพร้อมกับเสียงกรีดร้องของจ้านเส้าฮวนอีกด้วย นางหมินค่อยๆ เดินไปยังห้องโถงใหญ่ของลานด้านใน เมื่อก่อนซ่งซีซีก็นั่งอยู่เก้าอี้นั้นเป็นผู้นำจัดการเรื่งต่างๆ ของครอบครัว

งานต่างๆ ที่วุ่นวายซับซ้อน นางมักจะมีความอดทน และปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเมตตาเสมอ แม้ว่าท่านแม่สามีจะอาการกำเริบในตอนกลางคืน นางยังเฝ้าดูแลทั้งคืน วันถัดไปก็ไม่พักผ่อนสักหน่อย ยังคงทำงานต่อ

ดูเหมือนนางจะเหนื่อยไม่เป็นด้วยเลย แต่ใครล่ะที่ไม่เหนื่อย? มันแค่เพียงทนไว้ก็เท่านั้น

ก่อนหน้านี้นางหมินไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้นางเข้าใจทุกอย่างแล้ว

นางนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวแรง และมองไปที่ห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่า เพื่อประหยัดเงิน ระเบียงข้างหน้าแค่จุดโคมไฟเพียงอันเดียว มันส่งแสงส่องที่โต๊ะเก้าอี้อย่างโดดเดี่ยว จวนแม่ทัพแก่งนี้ราวกับหลุมฝังศพ

นางมีความสุขกับซ่งซีซี ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด แต่เพื่อตอนที่นางอยู่จวนแม่ทัพ นางให้ความช่วยเหลือกับตนเองไม่น้อย

ไม่เพียงแต่ด้านวัตถุเท่านั้น ตอนนี้นางทำหน้า
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ผู้หญิงที่กล้าหาญออกจากจวนไปแล้ว
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
จุดเริ่มต้นของชีวิตที่วุ่นวายของจวนแม่ทัพ
goodnovel comment avatar
kanizzar
อ่านดีๆก็มีโฆษณามาคั่น รำคาญมาก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 213

    จ้านเป่ยว่างได้เลื่อนตำแหน่ง ยี่ฝางก็หวังว่าตนเองจะได้ดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางได้ ต่อให้เป็นแค่ทหารในกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวง หรือไม่ก็หัวกน้ากลุ่มของกองทัพซวนเจียก็ได้นางรู้ดีว่าตนเองทำเรื่องผิด ตำแหน่งสูงๆ นางไม่หวังแล้ว แต่ถึงยังไงสงครามชายแดนเฉิงหลิง นางเป็นคนสร้างผลงานมากที่สุด มองข้ามสงครามของเขตหนานเจียง ให้นางดำรงตำแหน่งงานเล็กๆ ก็มิใช่เรื่องยากตราบใดที่นางยังมียศถาบรรดาศักดิ์อยู่ นางก็ยังสามารถลืมตาอ้าปากขึ้นได้แต่นางคิดง่ายเกินไป แม้แต่ซ่งซีซีก็มียศแบบในนาม ไม่ต้องไปทำงานที่สำนักกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงจริงๆ และไม่ต้องเข้าร่วมฝึกฝนของกองทัพซวนเจียด้วย แน่นอนว่าหากมีความจำเป็นจริงๆ นางก็ไปได้ นางไม่ต้องไป แต่ไม่ใช่ว่าไปไม่ได้ดังนั้น ยี่ฝางรอเป็นเวลาหลายวัน แต่กลับได้รับเอกสารจากกระทรวงกลาโหมที่ระบุบว่านางโดนไล่ออกจากกองทัพ และผลงานทั้งหมดที่นางสร้างขึ้นในชายแดนเฉิงหลิง ก็ถูกกำจัดไปหมดนางไม่ใช่แม่ทัพยี่อีกต่อไป หรือแม้แต่ทหาร ผลงานที่ชายแดนเฉิงหลิงก็หายไปหมด ราวกับว่านางไม่เคยออกศึกมาก่อนนางจำเป็นต้องคืนตราประทับของแม่ทัพและอาวุธที่ออกโดยกระ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 214

    เซี่ยหลูโม่ไปที่สถาบันว่านซงเหมิน และสนมฮุ่ยไทเฟยได้ส่งคนไปตามหาซ่งซีซีให้เข้าวังหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ ความคิดที่สนมฮุ่ยไทเฟยมีต่อซ่งซีซีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ มันยังไม่เพียงพอที่นางเปลี่ยนใจมายอมรับซ่งซีซีเป็นลูกสะใภ้ของนางนางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเวลานาน จนพบว่านางไม่มีวิธีที่จะมารับมือ ซ่งซีซียังกล้าทำตัวกำเริบต่อหน้าองค์หญิงใหญ่เสียอีก ดังนั้นใช้วิธีแบบบังคับก็ไม่ได้ผลดังนั้น นางจึงวางแผนที่จะใช้อารมณ์และเหตุผลเพื่อทำให้นางยอมแพ้โดยสมัครใจเมื่อซ่งซีซีมาถึงตำหนักฉางชุน นางเห็นว่าได้จัดโต๊ะไว้ มีน้ำชาและของว่างเตรียมไว้ให้พร้อม แม้แต่ใบหน้าที่เย่อหยิ่งของสนมฮุ่ยไทเฟยก็ยังฝืนยิ้มออกมามันมองออกว่านางกำลังฝืนยิ้ม เพราะมันดูแข็งมากหลังจากที่ซ่งซีซีคารวะเสร็จ สนมฮุ่ยไทเฟยก็ให้ตนข้างกายออกไปหมด ก่อนจะคุยเล่นกับนาง"ข้าเป็นหวังดีต่อเจ้าจริงๆ นะ เจ้าถูกโม่เอ๋อหลอก โม่เอ๋อมีคนรักในใจตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อก่อนเขาเคยสาบานว่าจะแต่งงานกับคนนั้นให้ได้ นอกจากหญิงคนนั้นแล้ว เขาจะไม่แต่งกับผู้อื่น ใจของเขาไม่มีทางมีที่ว่างให้เจ้า แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รักตนเอง เจ้าจะมี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 215

    นางมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามของซ่งซีซี และรูปร่างที่เพรียวบางของนาง มันก็ยากที่จะจินตนาการว่านางจะฆ่าศัตรูเป็นสามท่อนในมีดเดียวอย่างที่โม่เอ๋อพูดเลยจากนั้นนางก็นึกถึงสิ่งที่นางพูดในงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ และถามว่า "วันนั้นที่เจ้าทำให้องค์หญิงใหญ่ขุ่นเคืองใจอย่างนั้น ไม่กลัวนางแก้แค้นเจ้าหรือ?"ซ่งซีซีทำท่าใจเย็น "เสือที่ไม่มีฟันแล้ว ทำไมนางต้องไปกลัวล่ะ"สนมฮุ่ยไทเฟยกล่าวอย่างเย็นชา "เจ้ายังเด็กเกินไป และไม่รู้ฝีมือของนาง นางมีกลอุบายมากมายอยู่ลับหลัง คนแบบนี้ มักจะชอบเล่นลูกไม้ลับหลัง เจ้าคอยดูได้เลย""หากนางเล่นลูกไม้ลับหลังสักครั้ง งั้นเราก็โต้กลับอย่างเปิดเผยให้นางสองครั้ง เราเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ได้ทำผิดอะไร จะมองในแง่เปิดเผยหรือแง่ลับหลัง เราต่างไม่เกรงกลัวหรอก แต่กลับนางนั่นเอง มีเรื่องมากมายที่คนอื่นยังไม่รู้ พอคนมีจุดอ่อนแล้ว งั้นก็รับมือได้ง่ายเลย"ขณะที่นางพูด นางก็กำถ้วยในมือให้แน่นขึ้น จนทำให้มันแตกออกเลย จากนั้นวางเศษถ้วยไว้บนโต๊ะเมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจของสนมฮุ่ยไทเฟยก็สั่นเทา และนางก็งอเอวที่เดิมทียึดตรงเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เมื่อตระหนักว่านี่เป็นสัญญาณของควา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 216

    หลังจากที่ซ่งซีซีออกจากวัง นางก็ขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าไปยังจวนองค์หญิงใหญ่จริงๆเดิมทีนางก็วางแผนจะไปจวนขององค์หญิงใหญ่ในวันนี้อยู่แล้ว แต่เกิดความล่าช้าเนื่องจากถูกเรียกตัวเข้าวังอย่างกะทันหันแต่ก็ไม่ถือว่าล่าช้าอะไร ยามนี้ก็เลยเที่ยงแล้ว คิดดูแล้วองค์หญิงใหญ่ก็คงตื่นจากการงีบหลับยามเที่ยงแล้ว กำลังมีพลังงานอยู่ ไม่น่าทำให้คนเราผิดหวังในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้จัดการกับสินเดิมที่เอากลับมาจากจวนแม่ทัพ บางอย่างก็ถูกจัดเก็บไว้ บางอย่างก็ถูกขายออก ส่วนสิ่งของที่ขายไม่ได้นั้นก็กองไว้ที่มุมนึงเมื่อแต่งงานกับเซี่ยหลูโม่ จะไม่สามารถใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นสินเดิมได้อีก ดังนั้นหลังจากจัดเรียงในคลังเพื่อดูว่าต้องซื้อสิ่งของใดบ้าง ลุงฟูจะได้ทำรายการเอาไว้ท่ามกลางกองสิ่งของเลอะเทอะเหล่านั้น ได้พบอนุสรณ์พรหมจรรย์ที่องค์หญิงใหญ่มอบให้การแกะสลักของสิ่งนี้ดูประณีตจริงๆ และวัสดุที่ใช้ก็มีราคาแพงมากเช่นกัน ถึงขนาดแกะสลักจากหยกเหอเทียนด้วยซ้ำแน่นอนว่า "ของขวัญ" อันล้ำค่าเช่นนี้จะต้องส่งคืนให้กับองค์หญิงใหญ่ตอนที่องค์หญิงใหญ่มอบอนุสรณ์พรหมจรรย์นั้น เป็นเวลาที่ข่าวการตายของท่านพ่อและพี่ชายของนา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 217

    ซ่งซีซีเลิกคิ้ว มองดูใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวขององค์หญิงใหญ่ นางเหลือบมองเห็นสาวรับใช้กำลังวิ่งเข้ามาขวางหน้าองค์หญิงใหญ่ ก่อนตะโกนว่า "องครักษ์ องครักษ์มานี่!"ซ่งซีซียกริมฝีปากขึ้นแล้วยิ้ม "องค์หญิงใหญ่ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้าแค่มาคืนของเท่านั้น"สายตาขององค์หญิงใหญ่ตกลงไปที่อนุสรณ์พรหมจรรย์ในมือของนาง สีหน้าเปลี่ยนอย่างไม่น่ามองทันที ของนี้ยังเก็บไว้อยู่หรือของแบบนี้ ไม่ควรพังให้ไม่เหลือชิ้นดีด้วยความโกรธหลังจากได้รับมันหรือ? วันนั้นแค่คิดซะว่า นางพูดเพ้อเจ้อ ไม่ไม่ถึงว่านางได้เก็บมันไว้จริงๆหัวหน้าองครักษ์นำคนกำลังจะวิ่งเข้าไป ทว่าองค์หญิงใหญ่ตะโกนอย่างดุดันว่า "ถอยออกไป เฝ้าอยู่ที่หน้าประตู"มีเพียงคนใกล้ชิดข้างกายนางเท่านั้นเท่านั้นที่รู้เรื่องอนุสรณ์พรหมจรรย์ จะพูดอย่างใดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่สามารถให้คนนอกเห็นเข้าจริงๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเหล่านี้ไม่ใช่องครักษ์ส่วนตัวที่คอยอยู่ข้างกายนางในฝ่ายใน พวกเขาเป็นองครักษ์ฝ่ายนอก เก็บความลับไว้ไม่ได้มากที่สุด บางทีดื่มสรุเยอะไปหน่อย ก็พูดอะไรไปหมดสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ นางยังคงอยู่ต่อ ทันทีที่ประตูปิดลง องค์หญิงใหญ่ก็จับตามองซ่งซีซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 218

    ในห้องหนังสือหลวง อู๋ต้าปั้นเข้าไปรายงาน "ฝ่าบาทพะยะค่ะ องค์หญิงใหญ่เข้าวังแล้ว ทรงบอกว่าจะพบฝ่าบาท"ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นจากกองรายงานต่างๆ โยนปากกาทิ้ง และยื่นมือออกไปนวดลางคิ้ว “ได้บอกว่ามีเรื่องอะไร?”อู๋ต้าปั้นพูดอย่างระมัดระวัง "ไม่ได้บอก แต่มองเห็นชัดว่ากำลังโกรธอยู่"ฮ่องเต้เยาะเย้ยว่า "เสด็จอาของข้าคนนี้เป็นคนแข็งแกร่งตลอด ทุกเทศการหรือปีใใหม่ที่นางเข้าวัง ก็มักจะวางมาดเป็นผู้ใหญ่ต่อหน้าข้า ไม่ค่อยมาหาข้าเป็นการส่วนตัวเอง เพราะยังไงก็คงไม่มีเรื่องอะไรที่องค์หญิงใหญ่อย่างนางจัดการไม่ได้ มีความเป็นไปได้สูง เพราะเรื่องในงานเลี้ยงวันเกิด"เขาเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิด แต่บอกไม่ได้ว่าได้รู้เรื่องทั้งหมด ทว่าเรื่องผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว ที่เข้าวังวันนี้ก็ยังเพราะเรื่องนั้นหรือ?"เชิญนางเข้ามา" ฮ่องเต้กล่าวอู๋ต้าปั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "องค์หญิงใหญ่อยู่ในตำหนักฉือหนิง กำลังรอให้ฝ่าบาทเข้าไปหา ได้ยินว่าได้เรียกสนมฮุ่ยไทเฟยไปด้วย""ให้ข้าไปหางั้นเหรอ?" ฮ่องเต้ยิ้มบางๆ รอยยิ้มไม่เข้าตา "ได้เลย ข้าที่เป็นรุ่นน้องควรไปเยี่ยมเสด็จอาสินะ"อู๋ต้าปั้นโค้งคำนับแล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 219

    องค์หญิงใหญ่กัดฟันแน่นและพูดสามคำออกมาว่า "ซ่งซีซี"ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ สนมฮุ่ยไทเฟยก็ก้มหน้าลงอีก และสายตาของนางก็เริ่มเหม่อลอยนางได้ส่งคนไปติดตามซ่งซีซี เพื่อดูว่านางได้ไปที่จวนองค์หญิงใหญ่หรือไม่ แต่ยังไม่ทันคนของนางกลับมารายงานเลย องค์หญิงใหญ่เข้าวังก่อนแล้ว ยังเรียกนางมาด้วยเมื่อเห็นท่าทีขององค์หญิงใหญ่ สนมฮุ่ยไทเฟยไม่จำเป็นต้องฟังคำรายงาน ก็สามารถมั่นใจได้ว่าซ่งซีซีไปที่จวนองค์หญิงแล้ว และยังพูดคำรุนแรงกับองค์หญิงใหญ่ แต่น่าจะเป็นคำพูดที่ทำให้ตนเองสะใจแน่ๆไม่รู้ว่าได้พูดอะไรไปบ้าง? สามารถทำให้ยายแก่ปากร้ายนี้โกรธมากเช่นนี้ ไม่เคยเห็นนาง เข้าวังเพื่อตามหาฮ่องเต้ออกหน้าแทนนางมาก่อนเลยไทเฮาขมวดคิ้ว "ซ่งซีซี นางเป็นอะไร เหตุใดต้องให้ฮ่องเต้ออกคำสั่งไปลงโทษนาง?"องค์หญิงใหญ่พูดด้วยความโกรธว่า "นางบุกรุกเข้าจวนของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเลย ยังพูดจาหยาบคายกับข้า"ไทเฮาเป็นคนเข้าข้างซ่งซีซีมากที่สุดแล้ว และนางก็ไม่ถูกคอกับองค์หญิงใหญ่ นางกล่าวว่า "นางบุกรุกเข้าไปจวนของเจ้า เจ้าก็สั่งให้คนไล่นางออกก็ได้แล้วนี่ ส่วนนางพูดจาหยาบคาย นางหยาบคายยังไง เจ้าว่ามาให้ฟังหน่อยสิ"องค์หญิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 220

    หลังจากได้ยินเช่นนี้ ฮ่องเต้นวดมือเบาๆ ก่อนพูดว่า "เสด็จอาใจเย็นๆ ก่อนที่นางบุกเข้าไปในจวนองค์หญิงและด่าทอท่านมันไม่เหมาะจริงๆ และเสียบุคลิกที่เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของตระกูลชั้นสูง นางได้ด่าทอท่านยังไง มีใครเป็นพยานได้หรือไม่ ท่านบอกกับข้า ข้าจะคืนยุติธรรมกับท่านแน่นอน ส่วนเรื่องที่นางใส่ร้ายท่านมอบอนุสรณ์พรหมจรรย์ให้นั้น ข้าจะสั่งให้สำนักเขตจิงจ้าวไปตรวจสอบ หากสืบเจอว่ามันเป็นเรื่องโกหกเพื่อใส่ร้ายท่าน ข้าจะลงโทษนางในรวดเดียวเลย""พยานเหรอ? มีมากมาย ทุกคนในจวนขององค์หญิงก็สามารถเป็นพยานได้ ว่านางบุกเข้ามาและองครักษ์ก็ไม่สามารถหยุดนางได้ ส่วนที่เรื่องที่นางด่าทอข้า คนในจวนขององค์หญิงก็ได้ยินเช่นกัน"นางหยุดชะงัก "สำหรับให้สำนักเขตจิงจ้าวไปตรวจสอบเรื่องอนุสรณ์พรหมจรรย์นั้น ไม่จำเป็นจริงๆ จะเสียแรงไปตรวจอย่างนั้น เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่เข้าไปอีก ประชาชนต่างก็โง่ พอเห็นสำนักของรัฐไปตรวจสอบก็คิดว่าเป็นเรื่องจริง ถึงสุดท้ายพิสูจน์ได้ว่าข้าไม่ได้ทำ แต่ก็ยากที่จะชี้แจงได้"ไทเฮาถามอย่างหงุดหงิดมากทีเดียว "ตกลงว่านางด่าทอเจ้าอะไรบ้าง เจ้าพูดมาสิ"องค์หญิงใหญ่ทำหน้าบูดบึ้ง "ไม่สำคัญว่านางได้ด

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status