Share

บทที่ 232

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งโหวผิงหยางกล่าวว่า "เจ้าก็พูดถูก หากความจริงเป็นเช่นนี้หล่ะก็ แม้ว่าวันนั้นท่านแม่ของเจ้าจับสร้อยข้อมือไว้ไม่อยากปล่อย แต่ด้วยการโต้แย้งของข้าอย่างมีเหตุผล นางก็มอบมันให้ข้า ร้านจินจิงคืนเงินให้นาง เหตุการณ์นี้มาจัดการเช่นนี้ก็ถือว่าเรียบร้อบดี"

เมื่อซ่งซีซีได้ยินเช่นนั้น นางก็รู้ว่าเรื่องยังไม่จบ เลยไม่ได้ถามอะไร รอให้นางพูดต่อ

ฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าไม่ดีนัก "หลังจากที่ข้านำสร้อยข้อมือกลับจวนแล้ว ข้าพบว่าสร้อยข้อมือที่ข้าสั่งทำนั้นมีอัญมณีห้าเม็ด และชิ้นนี้มีหกเม็ด เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่อันที่ข้าสั่ง ข้าเลยส่งคนไปที่ร้านจินจิงเพื่อสอบถามดู ถึงจะรู้ว่าท่างชองที่รับผิดชอบในการทำสร้อยข้อมือให้ข้าได้กระทำความผิดและหนีไปโดยนำสร้อยข้อมือของข้าติดตัวไปด้วย ส่วนชิ้นนี้ มันเป็นของที่ท่านแม่ของเจ้าสั่งทำไว้จริงๆ เป็นสินเดิมที่จะมอบให้เจ้า แต่ทางร้านจินจิงไม่ได้บอกตอนนั้น เพราะมีแขกคนอื่นอยู่ด้วย และไม่สะดวกที่จะอธิบายว่าเป็นเพราะช่างทองนำของหนีออกไป เดิมทีวางแผนว่าจะมาให้คำอธิบายวันถัดไป แต่ข้าพบข้อผิดพลาดก่อนก็ส่งคนไปถาม จากนั้นถึงรู้ความจริง"

ซ่งซีซีตกใจเล็กน้อย ท่านแม่วางแผน
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter
Mga Comments (4)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
สินเดิมที่ท่านแม่สั่งทำให้นาง
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
สร้อยข้อมือมีค่ายิ่งนัก
goodnovel comment avatar
Aphinya Pananunt
เริ่มไม่สนุกแล้ว
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 233

    ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งโหวผิงหยางยืนกรานที่จะเรียกเก็บเงินเพียงหนึ่งตำลึงเท่านั้น ไม่ว่าซ่งซีซีจะว่ายังไง นางก็ไม่ยอมรับเงินมากกว่านั้นอีกเลยซ่งซีซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับความน้ำใจนี้ไว้ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งโหวผิงหยางกล่าวก่อนจะจากไป "ข้ามีวาสนากับคุณหนู หากคุณหนูมีเวลาว่าก็ขอเชิญไปเที่ยวจวนของข้าสักหน่อย หรือว่า ข้าจะมาจวนเสนาบดีกั๋วกงเพื่อมาคุยเล่นกับคุณหนูสักหน่อย"ซึ่งหมายความว่าทั้งสองครอบครัวจะไปมาหาสู่กันในอนาคตแน่นอนว่าซ่งซีซีรู้ดีว่ามันไม่ใช่มาจะประจบประแจง ชื่อเสียงของโหวผิงหยางนางก็ได้ยินมาบ้าง พวกเขาไม่จำเป็นต้องประจบประแจงใครเลย เพราะพวกเขาเป็นครอบครัวที่มีอายุร่วมศตวรรษและลูกหลานในตระกูลนั้นมีไม่น้อยที่ทำงานในราชสำนัก และบุคคลสำคัญที่มีอำนาจใหญ่ก็ไม่น้อยด้วยไม่ว่าจะยังไง มีเพื่อนเพิ่มมาคนนึงมันก็ดีกว่าเพิ่งศัตรูให้ และยังมีวาสนาที่ผูกมัดกับสร้อยข้อมือเส้นนี้อีกด้วยซ่งซีซียิ้มและก้มศีรษะ จากนั้นค่อยส่งนางออกจากจวนด้วยตนเอง "ข้ามีวาสนากับฮูหยินผู้เฒ่า ย่อมหาได้ยากเลย"หลังจากมองเห็นฮูหยินผู้เฒ่าจากไป ซ่งซีซีไปที่ห้องโถงหมิงเซ่อของท่านแม่ และนั่งบนเก้าอี้นุ่นที่น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 234

    ท่านหญิงเจียอี้กลับมาอาศัยที่จวนองค์หญิง และแม่ลูกสองคนต้องทนทุกข์ทรมานจากการด่าทอ ตอนที่ชาวบ้านชาวเมืองด่าซ่งซีซีนั้น พวกนางจะรู้สึกสะใจมากแค่ไหน ตอนนี้ก็ฃโกรธมากแค่นั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับอนุภรรยาของจวนองค์หญิงถูกแพร่กระจาย องค์หญิงใหญ่ไม่เพียงแต่โกรธ แต่ยังเริ่มสงสัยคนสนิทข้างกายของนาง ได้เผยแพร่ข้อมูลใดๆ รั่วไหลออกไปหรือไม่การสอบสวนทีละคนแบบนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้จวนองค์หญิงวุ่นวายได้ระยะหนึ่ง บวกกับท่านหญิงเจียอี้กำลังมีปัญหากับครอบรัวสามี นางกำลังอารมณ์หดหู่ วันๆ เอาแต่ใส่อาารมณ์ทำไม่ดีกับสาวใช้ที่จวนองค์หญิงเดิมที นางคิดว่าหลังจากกลับไปพักอาศัยที่บ้านพ่อแม่ของตนเองสักระยะนึง โหวผิงหยางจะมารับนางกลับ แต่ใครจะไปรู้ว่าไม่เพียงแต่โหวผิงหยางไม่ไปรับเท่านั้น แม้แต่คนรับใช้จากจวนโหวก็ไม่ได้ไปตามหานาง แต่กลับได้ยินข่าวว่าแม่สามีของนางไปที่จวนเสนาบดีกั๋วกงเพื่อขอโทษซ่งซีซีนางโกรธเกี้ยวในใจ ดูเหมือนว่าตราบใดที่หญิงชราจะมีชีวิตอยู่ นางก็ไม่มีทางกุมอำนาจได้ ยิ่งไม่มีสถานะใดๆ ในครอบครัวของสามีตนเองด้วยเพียงแต่ความคิดชั่วร้ายเคยเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีประโย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 235

    เมื่อถึงกลางเดือนสิงหาคม ก็ใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว เซี่ยหลูโม่ยังไม่กลับมาไปตั้งเดือนกว่า และซ่งซีซีรู้สึกแปลกเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกว่าแค่ไปรายงานสักหน่อยเดี๋ยวก็กลับเหรอ?ใช้เวลาไปภูเขาเหม่ยชานเพียงสองสามวันก็พอ ถ้านับกับต้องพักที่นั่นต่ออีกกี่วัน สิบวันก็เพียงพอที่ไปกลับแล้วหรือว่าเกิดเรื่องที่ภูเขาเหม่ยชานแล้วหรือ?เป็นเวลาพอดีเลยที่ได้รับจดหมายจากเสิ่นว่านจือ ในจดหมายของเสิ่นว่านจือได้เขียนมาหลายหน้า ล้วนเป็นเรื่องสนุกที่เกิดขึ้นในภูเขาเหม่ยชาน ยังบอกว่ากุ้นเอ๋อร์ได้ซื้อเครื่องสำอางกลับไป แล้วถูกอาจารย์ขังบริเวณ แต่ไม่ได้ถูกทุบตีซ่งซีซียิ้มในจดหมายยังแสดงถึงความยินดีให้กับนางที่จะแต่งงาน และบอกว่าเมื่อนางแต่งงาน เพื่อนๆ ที่ภูเขาเหม่ยชานจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้นางข่าวงานแต่งงานของนางแพร่กระจายในภูเขาเหม่ยชาน ซึ่งหมายความว่า เซี่ยหลูโม่เคยไปที่ภูเขาเหม่ยชาน และสถาบันว่านซงเหมินด้วย ดูเหมือนว่าอาจารย์จะชอบเซี่ยหลูโม่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่แจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการแต่งงานของนางในภูเขาเหม่ยชานเสิ่นว่านจือยังกล่าวอีกว่าตอนนี้ทั้งสถาบันกำลังเตรียมสินเดิมให้นาง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 236

    มื้อเที่ยงเบาๆ ซ่งซีซีดื่มแค่โจ๊กไก่หนึ่งชามเท่านั้น จากนั้นก็ไปสักการะที่ศาลเจ้าตระกูลซ่งเป็นตระกูลที่ใหญ่โตและมีห้องโถงของบรรพบุรุษ ป้ายวิญญาณของพ่อแม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ประดิษฐานอยู่ในห้องโถงของบรรพบุรุษ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปในห้องโถงของบรรพบุรุษเพื่อสักการะได้ และทำได้เพียงการโค้งคำนับข้างนอกประตูเท่านั้นวิธีเดียวที่ผู้หญิงจะเข้าไปได้ก็ต่อเมื่อเสียชีวิตไป แล้วนำป้ายวิญญาณเข้าไป อีกอย่างซ่งซีซีไม่สามารถถูกนำเข้าไปได้เพราะ นางเป็นลูกสาว และมีเพียงสะใภ้ของตระกูลซ่งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ดังนั้นหลังจากที่ท่านพ่อและพี่ชายของนางเสียชีวิตในสงคราม ท่านแม่จึงสร้างศาลเจ้าที่บ้าน และจัดวางป้ายวิญญาณของท่านพ่อและพี่ชายเอาไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการสักการะในช่วงเทศกาลหลังจากที่ครอบครัวถูกสังหารหมด ซ่งซีซีได้จัดป้ายวิญญาณของท่านแม่ พี่สะใภ้ หลานๆ ของนางทั้งหมดวางไว้ที่นั่นด้วยลุงฟูได้เตรียมเครื่องสังเวยไว้แล้ว ทั้งไก่ ขนมไหว้พระจันทร์ และผลไม้สด นางเข้าไปจุดธูป ผู้คนที่เคยอยู่กันเป็นๆ ต่อหน้าต่อตา ทว่าปัจจุบันกลายเป็นป้ายวิญญาณสี่เหลี่ยมไปหมดหลังจากจุดธู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 237

    จางต้าจ้วงสะอึกในขณะที่เขาพูด และเล่าเรื่องติดๆ ขัดๆเมื่อกลุ่มขอทานตัวน้อยกระจัดกระจายออกไป เซี่ยหลูโม่ก็เงยหน้าเห็นขอทานตัวน้อยคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับซ่งรุ่ย ลูกชายของพี่ชายรองมากขอทานตัวน้อยคนนั้นเป็นง่อยขาเดียว และวิ่งช้ามาก ในขณะที่เซี่ยหลูโม่ต้องการเข้าไปจับเขา มีคนผลักเกวียนล้มมา บังเอิญชนเข้ากับหลายๆ คน เซี่ยหลูโม่ได้แต่ช่วยชีวิตคนก่อนเมื่อเขาช่วยเหลือผู้คนอยู่นั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมองขอทานตัวน้อยคนนั้นแวบนึง ขอทานตัวน้อยกำลังเดินอย่างง่อยๆ ในไม่ช้า เขาก็ถูกจับตัวขึ้นโดยชายที่แข็งแกร่งคนหนึ่งและขึ้นไปเกวียนวัวคันนึง เขาตะโกนโดยไม่รู้ตัวว่า "รุ่ยเอ๋อร์" ขอทานตัวน้อยคนนั้นที่กำลังก้มหน้านั้นได้เงยหน้าขึ้นและมองเขาด้วยความไม่อยากเชื่อเซี่ยหลูโม่ลุกขึ้นและไล่ตามไปทันที แต่เกวียนก็เข้ามาขวางทางอีกครั้ง เซี่ยหลูโม่กระโดดขึ้นเพื่อไล่ตามรถวัวคันนั้น เมื่อเขาตามรถวัวทันเขาก็พบว่าชายผู้แข็งแกร่งและขอทานตัวน้อยก็หายไปหมดแล้วถนนในอำเภอเย่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายและปะปนไปด้วยถนนด้านข้างและตรอกซอกซอยทุกที่ และไม่แน่ว่าพวกเขาไปในทิศทางใดเนื่องจากการเดินทางครั้งนี้เซี่ยหลูโม่แค่พาจางต้าจ้ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 238

    ตอนที่เป่าจูยื่นสัมภาระให้นาง มือของนางสั่นไม่หยุดเลยไม่มีใครกล้าเชื่อว่าข่าวนี้เป็นความจริง เพราะจำนวนคนที่นับในขณะนั้นครบพอดีโดยเฉพาะเด็กๆ เด็กน้อยจากคนรับใช้ คุณชายน้อยและคุณหนูน้อยในจวนต่างอยู่กันครบเลยซ่งซีซีปากบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ในใจของนางยังคงมีความหวังริบหรี่อยู่แต่เมื่อนึกถึงฉากนั้น นอกจากศีรษะแล้ว ยังมีเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาด้วย แม้ว่าพวกมันจะเปื้อนเลือด แต่นางก็จำได้ว่ามันเป็นของรุ่ยเอ๋อร์ เพราะนางสั่งให้คนทำเสื้อผ้าชุดนั้นให้กับรุ่ย เอ่อตอนนั้น ตอนที่นางกลับบ้านพ่อแม่ และนางสั่งตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับหลานๆ ทุกคนซ่งซีซีรับสัมภาระ ดวงตาของนางว่างเปล่า และเอาแต่พึมพำ "เป่าจู ข้าแค่ไปดูสักหน่อย ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่ ข้าไม่ได้มีความหวังอะไรด้วย แต่... แต่เจ้าไปที่เรือนซุยหลานหยิบของเล่นที่รุ่ยเอ๋อร์ชอบที่สุดชิ้นหนึ่ง ก็คือเครื่องยิงนั้น ชิ้นที่ข้าทำให้เขา ได้สลักชื่อในเครื่องด้วย แท่งไม้นั้นข้ายังทดสี...""เจ้าคะ รับทราบเจ้าคะ ข้าน้อยจะไปหยิบเดี๋ยวนี้" เป่าจูรีบวิ่งออกไปอีกครั้ง เมื่อนางลงบันไดหิน ขาของนางเริ่มอ่อนแรงและล้มลงไปตรงๆ ทว่านางไม่ได้หยุดฝีเท้าก่อนรีบลุดขึ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 239

    ห้าวันต่อมา ถึงหลิงโจวหลังเที่ยงวันพอดีแม้ว่าระหว่างทางซ่งซีซีได้เข้าพักโรงเตี้ยม แต่นางก็กินอาหารไม่ลง และไม่กล้าดื่มน้ำเยอะไป เพราะกลัวว่าการทำธุระส่วนตัวจะเสียเวลาเพียงห้าวัน นางก็ผอมลงได้มากตามที่อยู่ที่จางต้าจ้วงให้ไว้ นางจูงม้าในขณะถามทาง และพบเลขที่ 13 ถนนชิงหลี่นี่คือทรัพย์สินที่นายอำเภอแห่งหลิงโจวซื้อไว้ จางต้าจ้วงบอกว่า ท่านอ๋องและเด็กๆ อาศัยอยู่ที่นี่ซ่งซีซียืนอยู่นอกประตูด้วยริมฝีปากแห้ง บ้านตั้งอยู่ในตรอกซึ่งค่อนข้างกว้างขวางมีคนนึงเฝ้าประตูอยู่ ดูจากเสื้อผ้าแล้วน่าจะเป็นผู้คนทำงานให้สำนักรัฐ น่าจะเป็นเซี่ยหลูโม่ยืมเจ้าหน้าที่จากสำนักรัฐมาเฝ้าประตูให้เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งจูงม้าหยุดอยู่ แต่ไม่กล้าเคาะประตูนั้น เขาจึงถามอย่างหยั่งเชิงว่า "ใช่คุณหนูซ่งหรือเปล่า"ซ่งซีซีพยักหน้า ไม่สามารถส่งเสียงจากปากได้ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างปิดคอและหน้าอกของนางไว้เมื่อเห็นนางพยักหน้า เจ้าหน้าที่ก็เคาะประตูแล้วพูดว่า "ท่านขอรับ คุณหนูซ่งถึงแล้วขอรับ"หลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน และเป็นเซี่ยหลูโม่ที่สวมเสื้อผ้าสีเขียวแต่ดูซีดเซียวเล็กน้อยเห็นไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 240

    นางแย่งเด็กจากอ้อมแขนของเซี่ยหลูโม่ และกอดเขาไว้แน่นในอ้อมแขนของตนเองเด็กคนนั้นไม่มีกล้ามเนื้อบนตัว มีเพียงกระดูก และผอมเพรียวอย่างน่าสมเพชมีกลิ่นเหม็นออกมาจากร่างกายของเขา และผมของเขาติดเป็นชิ้นๆ เขาไม่รู้ว่ามันเป็นกลิ่นคาวเลือด น้ำมันผม หรืออะไรที่เน่าแล้วแต่ซ่งซีซีกอดเขาแบบนี้ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลกปล่อยให้น้ำตาไหลอาบหน้านงอย่างไม่หยุดเด็กไม่ได้ดิ้นรน เขาถูกซ่งซีซีกอดไว้เหมือนไก่ตัวน้อย น้ำตาไหลอาบหน้าสกปรกของเขา และเป็นเครื่องหมายสีเหลืองสองเส้นความดุร้ายที่เขามีต่อเซี่ยหลูโม่นั้นหายไป เขาเป็นเหมือนของเล่น ที่อยู่นิ่งเฉย แม้ว่าเขากำลังหลั่งน้ำตา แต่ดวงตาของเขากลับเหมือนแข็งตัวไปเซี่ยหลูโม่เห็นดังนั้น หัวใจที่อยู่กระวนกระวายเป็นเวลานานนั้นก็อยู่นิ่งสักที คือสายเลือดของตระกูลซ่งตระกูลซ่งยังทิ้งสายเลือดไว้อยู่ เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าเด็กคนนี้หนีไปได้อย่างไรในตอนนั้น และเขามาอยู่ในมือของผู้ค้ามนุษย์เหล่านั้นได้อย่างไรหลังจากหลบหนีไปช่วงเวลานี้เขาอยู่ข้างรุ่ยเอ๋อร์ตลอก แต่เขาไม่ได้รู้ข้อมูลใดๆ จากเขาแม้แต่น้อย เขาถูกวางยาพิษจนเป็นใบ้ และเขาจะไม่ยอมให้คนอื่นเข้าใกล

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status