แววตาที่เจ็บปวดมองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก หลินเฟิ่งปลดเสื้อของนางออกอย่างไร้ความปราณี เสี่ยวเอ๋อนอนสั่นเพราะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะสู้ชายตรงหน้าได้ นางไม่คิดเลยว่าคนที่นางเคยคิดจะมอบรักให้จะมาทำกับนางเช่นนี้
แต่ไม่ทันที่หลินเฟิ่งจะทำอะไรนางต่อเหมือนเขาจะดื่มมากไปทำให้เขาเกิดอาการอาการมึนหัว เขานั่งลงข้างๆนางก่อนที่จะล้มตัวลงนอนสลบไป ดั่งสวรรค์จะรู้ถึงความไม่ยุติธรรมต่อนาง เสี่ยวเอ๋อทำอะไรไม่ถูก นางดีใจที่เขาไม่ทันได้ขืนใจนาง นางรีบจับเสื้อมาสวมใส่ก่อนที่จะไปจับตัวของหลินเฟิ่งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาเมาหลับไปแล้วจริงๆ
"คุณชายเฟิ่ง ท่านหลับไปจริงๆใช่หรือไม่" แม้นางจะดูว่าเขาหลับแต่นางก็ยังคงกลัวเขาอยู่ดี นางค่อยๆใช้นิ้วเขี่ยๆที่แขนของเขาแต่ร่างกายหลินเฟิ่งไม่ได้ตอบสนองต่อการแตะตัวของนาง เสี่ยวเอ๋อรีบลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่ห้องพักของหยางหยางทั้งๆที่ยังสั่นอยู่
"หยางหยาง เปิดประตูให้ข้าที" เสี่ยวเอ๋อมาเคาะประตูห้องของหยางหยาง เมื่อนางได้ยินก็รีบมาเปิดประตูดูว่าคุณหนูของนางมาทำอะไรในเวลาเยี่ยงนี้
"คุณหนู นี่มันก็ดึกมากแล้วคุณหนูมีอะไรให้หยางหยางรับใช้เจ้าคะถึงมาหาข้าที่ห้องเช่นนี้หรือว่าคุณหนูไม่สบาย" หยางหยางเปิดประตูก็ถามคุณหนูของนางทันที เสี่ยวเอ๋อเมื่อเห็นหน้าของหยางหยาง นางเก็บความรู้สึกหวาดกลัวและความเสียใจไว้ไม่อยู่ นางจึงปล่อยน้ำตาไหลหลินออกมาต่อหน้าหยางหยาง จนนางเองก็ต้องตกใจรีบพาคุณหนูของนางมานั้งที่เตียง
"หยางหยางขะ..ข้า ฮือ ๆ..."
"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะคุณหนูใครมาทำอะไรคณหนูหรือเจ้าคะ เข้ามาข้างในก่อนเถอะทำไมคุณหนูถึงตัวสั่นแบบนี้ละ" หยางหยางโอบกอดคุณหนูของนางมานั่งที่เตียงพร้อมลูบหลังปลอบนางเบาๆ
"คุณชายหลินเฟิ่ง..เขาช่างน่ากลัวยิ่งนักข้าอยากกลับบ้านไปหาท่านแม่"
"คุณชายหลินเฟิ่งทำอะไรคุณหนูเจ้าคะ"
"เขา...จะขืนใจข้า ตั้งแต่ข้ามาอยู่ที่นี่ข้าไม่เคยมีความสุขเลยหยางหยาง คุณชายหลินเฟิ่งเขายังมองข้าเป็นเพียงตัวแทนพี่เสี่ยวหลินเท่านั้น ข้าเจ็บตรงนี้ข้าปวดตรงนี้เหลือเกินหยางหยาง ฮื้อ...." เสี่ยวเอ๋อทุบไปที่หน้าอกข้างซ้ายของนาง น้ำตาแห่งความเจ็บปวดก็ไหลรินออกมาไม่ขาดสาย
"คุณหนูเจ้าคะ หยางหยางข้าใจคุณหนูดีแต่คุณหนูมาอยู่ที่จวนของคุณชายแล้วคุณหนูก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของคุณชาย สามีภรรยานอนด้วยกันมิใช่เรื่องใหญ่นี่เจ้าคะ " หยางหยางนางก็ได้ตอบตามความคิดของนาง
"ถึงข้าจะเป็นภรรยาของคุณชายแต่ข้าเป็นเพียงในนามเมื่อถึงฤดุหนาวข้าก็จะจากที่นี่ไป ข้าทนอยู่ที่นี่กับคนไร้หัวใจเช่นคุณชายหลินเฟิ่งไม่ได้หรอกนะหยางหยาง ไม่อาจจจะเป็นตัวแทนให้ใครได้"
'' คุณหนูนอนพักสักหน่อยเถอะเจ้าคะ วันนี้คุณหนูคงเหนื่อยมามากพอแล้ว เดี๋ยวข้าจะจุดธูปหอมให้นะเจ้าคะ คุณหนูจะได้รู้สึกสบายใจขึ้น" หยางหยางจับคุณหนูของนางนอนลงบนที่นอนและห่มผ้าให้ ก่อนจะลุกออกไปเอาธูปหอมมาจุดเพื่อทำให้นอนหลับสบาย
รุ่งสางหลินเฟิ่งตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนหัวเขามองไปรอบๆห้องก็ต้องแปลกใจนี่มันห้องของเสี่ยวเอ๋อนี่หน่า เขาจำได้ว่ามื้อวานเขานั่งดื่มอยู่ที่ห้องของเขาทำไมเขาถึงมาอยู่ที่ห้องของเสี่ยวเอ๋อได้ เขานึกย้อนไปก็มีภาพแทรกเข้ามาในหัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ย้อนกลับมาอยู่ในสมองของเขา เขารีบหันมองข้างๆก็ไม่เห็นเสี่ยวเอ๋อแล้ว หลินเฟิ่งรีบลุกขึ้นทันที
"นี่ข้าทำอะไรลงไป...นางคงจะเสียใจมากจนทนเห็นหน้าข้าไม่ได้ เลยตื่นนอนก่อนข้าสินะ เหตุใดข้าถึงได้ยำยีนางเช่นนี้"
หลินเฟิ่งเขาคิดว่าเมื่อคืนนี้เขาได้ย่ำยีนางและนางก็ได้เป็นภรรยาของเขาเต็มตัวมิใช่ ภรรยาในนาม
"เจ้าเห็นเสี่ยวหลินหรือไม่นางออกไปไหน" เขาได้ถามคนใช้ที่ถูพื้นอยู่หน้าห้องของเสี่ยวเอ๋อ
"ข้าไม่เห็นคุณหนูเลยเจ้าค่ะ" คนใช้ได้ถูพื้นต่อส่วนหลินเฟิ่งเขาก็ได้เดินกลับไปที่ห้องของเขา
"คุณชายฮูหยินใหญ่มาขอรับ. " หลินเฟิ่งที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์อยู่คนใช้ก็ได้เดินเข้ามาบอก
"ให้ท่านแม่เข้ามาได้ เดี๋ยวข้าจะออกไป เจ้าเตรียมน้ำชาให้ข้าด้วย"
"ได้ขอรับคุณชาย"
เมื่อหลินเฟิ่งแต่งตัวเสร็จแล้วก็ได้เดินออกมาหาแม่ของเขาที่นั่งจิบน้ำชารอ
"ท่านแม่มาหาข้าแต่เช้ามีเรื่องอันใดรึเจ้าค่ะ"
"ก็ภรรยาของเจ้านะสิไปหาข้าตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน นี่เจ้ามีเรื่องอันใดกันหรือไม่ทำไมนางถึงมาขอข้าจะกลับไปเยี่ยมท่านพ่อกับท่านแม่ที่จวนของนาง" หลินเฟิ่งได้ยินก็รู้สึกผิดนี่เขาทำร้ายนางจนนางได้หนีหน้าเขากลับไปที่จวนแต่เขาเองก็ไม่กล้าจะบอกความจริงกับท่านแม่จึงโกหกนางไป
"ไม่มีเรื่องอันใดหรอกเจ้าค่ะ นางคงคิดถึงบ้านของนาง ท่านแม่ไม่ต้องคิดมาก"
"ข้าไม่คิดมากเรื่องนี้หรอก เรื่องที่ข้าคิดมากน่าจะเรื่องเกี่ยวกับบุตรของเจ้าต่างหากเมื่อไหร่เสี่ยวหลินจะมีหลานให้ข้าได้ ถ้าอีกหนึ่งเดือนนางยังไม่ตั้งท้องข้าจะรับซูหมิงเข้ามาอยู่ที่จวนในฐานะภรรยาของเจ้าอีกคน เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ว่าซูหมิงนางก็รักเจ้ามาตั้งแต่เด็กพวกเจ้าเติบโตมาด้วยกัน นางเฝ้ามองแต่เจ้าเพียงผู้เดียวขนาดเจ้าแต่งกับแม่นางเสี่ยวหลินนางก็ยังมาหาเจ้าที่จวนอยู่บ่อยครั้ง."
"ท่านแม่แต่ว่า...." หลินเฟิ่งเขามิได้มองซูหมิงในฐานะอื่นเขามองนางเป็นเพียงน้องสาวที่คลานตามกันออกมา
"เจ้าไม่ต้องพูดในเมื่อภรรยาของเจ้าทำหน้าที่ไม่ได้ก็ต้องให้คนอื่นทำแทนเจ้าอย่าเอาความรักของเจ้ามาอ้างกับข้า ฟางเมิงกลับห้อง"
ฮูหยินเดินสะบัดออกไปโดยไม่ได้สนใจความคิดของบุตรชายตนเอง เธอก็ไม่ได้แต่งเข้าจวนอองด้วยความรักเช่นกันทุกอย่างอยู่ที่ผลประโยชน์นางโชคดีมีบุตรชายให้ตระกูลหลินนางจึงเชิดหน้าชูตาอยู่ได้ถึงทุกวันนี้
"เฮ้อ!!! ข้าเคยทำอะไรได้ดั่งใจบ้างมั้ยนะ เสี่ยวเอ๋อเจ้าทำไมต้องหลบหน้าข้าด้วย ข้าว่าจะไปขอโทษเจ้าแต่เจ้ากลับหนีหน้าข้า " หลินเฟิ่งพูดอยู่คนเดียวก่อนจะตัดสินใจไปหาท่านพ่อของเขา เมื่อวานก่อนเขาไปสืบและได้รู้มาเรื่องแผนการของเสนาบดีฝ่ายซ้าย ส่วนเรื่องของเสี่ยวเอ๋อเขาคิดว่ารอนางกลับมาเขาค่อยไปขอโทษนางทีหลัง
ฝั่งด้านของเสี่ยวเอ๋อที่กำลังเดินทางไปหาท่านแม่ที่จวนของนางก็ได้แวะพักทานอาหารเช้าที่โรงเตี้ยม
"คุณหนูข้าหิวจัง ทำไมต้องเดินทางออกมาแต่เช้าด้วยเจ้าคะตอนนี้ท้องของข้าร้องออกมาเสียงดังจนคนควบม้าได้ยินไปหมดแล้ว" หยางหยางบนพรางใช้มือลูบที่ท้อง เสี่ยวเอ๋อนางยังไม่พร้อมที่จะพบหน้าของคุณชายหลินเฟิ่งนางเลยตื่นแต่เช้าและได้ไปขอฮูหยินใหญ่มาเยี่ยมท่านแม่ที่บ้าน
"งั้นเจ้าก็บอกคนควบม้าให้เขาแวะพักที่โรงเตี้ยมก่อนก็ได้ " หยางหยางยิ้มออกมาอย่างดีใจและตะโกนบอกคนควบม้าให้แวะโรงเตี้ยมก่อน
"นี่เจ้าคุณหนูของข้าบอกให้เจ้าแวะที่โรงเตี้ยมด้านหน้า"
"ได้ขอรับ" เมื่อถึงโรงเตี้ยมคนควบม้าก็ได้ทำให้ม้าหยุดวิ่งรถเกี้ยวก็หยุดลงทันที
ลมหนาวพัดโบกโบยมากระทบผิวกายของเสี่ยวเอ๋อที่ยืืนดูชาวบ้านช่วยกันเก็บเกี่ยวข้าวของเมื่อถึงฤดูหนาวอีกครา ตอนนี้นางได้มาเที่ยวที่บ้านเกิดของแม่ขององค์รัชทายาทเพื่อมาพักเหนื่อยกับงานที่นางได้มอบหมาย นางคิดว่าเมื่อเป็นพระชายาแล้วจะสบายแต่ก็ยังมีงานที่พระชายาต้องทำอีกมากมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานางได้เรียนรู้และทำเต็มที่มาตลอด จางเหว่ยจึงพานางออกมาเที่ยวเพื่อพักผ่อนบ้าง เมื่อมาอยู่ที่เงียบสงบเช่นนี้ทำให้นางได้นึกย้อนไปยังอดีต ถ้านางยังทนอยู่กับหลินเฟิ่งจะเป็นอย่างไร แต่นางก็เพียงคิดได้เพียงเท่านั้นก็ถูกโอบกอดทางด้านหลังด้วยแขนอันอบอุ่นของจางเหว่ย นางจึงเอนตัวไปพึงอกแกร่งของเขา"เจ้าไม่หนาวหรือไง ""ไม่หนาวหรอกเจ้าค่ะตอนนี้ข้ามีผ้าห่มที่แสนจะอบอุ่นที่สุดในใต้หล้า""ผ้าห่มอันใดกัน""ก็อ้อมกอดท่านไงเจ้าคะ""ข้าต้องรู้สึกดีใจใช่หรือไม่" จางเหว่ยพูดด้วยน้ำแผ่วเบาเต็มไปด้วยความน้อยใจอยู่ลึกๆ"ทำไมถึงพูดเช่นนั้นกันเจ้าคะ""ก็ตลอดเวลาที่เจ้าอยู่กับข้าในฐานะพระชายาข้ายังไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อข้าเลย ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เจ้าทำดีกับข้าอยู่ทุกวันนี้เพราะว่าหน้าที่พระชายาหรือว่าเจ้ามีความ
เสี่ยวเอ๋อเมื่อกลับมาคืนนั้นนางก็ได้ไตร่ตรองเรื่องราวที่ผ่านมานางจะไม่แก้แค้นอีกต่อไป ต่อจากนี้นางจะหาความสุขให้ตนเองบ้าง หากนางจะแก้แค้นกันไปมาก็ไม่มีวันสิ้นสุด แถมตอนนี้นางเองก็มีเรื่องที่ต้องทำอีกมากมายเช่นวันนี้ที่นางกำลังถูกเหล่านางในสวมเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับมากมายแถมยังรุมกันเติมเครื่องประทินที่หนาเตอะจนนางหนักที่ใบหน้า "พระชายาวันนี้ท่านสวยมากเลยนะเจ้าค่ะ"หยางหยางหยิบกระจกขึ้นมาให้เสี่ยวเอ๋อส่องมองตนเอง"ใช่ข้าจริงหรือหยางหยาง ""ใช่สิเจ้าคะ วันนี้เป็นวันของท่านข้าดีใจมากๆจนแทบจะร้องไห้แล้วเจ้าค่ะ " หยางหยางนางก้มลงปาดน้ำตาด้วยความปิติยินดีต่อคุณหนูของนางที่วันนี้จะเป็นพระชายาเต็มตัว"เจ้านี่ขี้แยยิ่งนักฟู่หลางในวันข้างหน้าเจ้าช่วยพาหยางหยางขี้แยผู้นี้ไปฝึกวรยุทธกับเจ้าด้วยสิ ข้าละไม่ชอบเห็นน้ำตาของนางเลย""ข้าคงสอนนางไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ""ทำไมกัน" "ก็เพราะตอนนี้นางมีผู้ที่ปกป้องนางได้และคอยดูแลนางตลอดทุกฝีก้าว""เอ๊ะ!!ใครกันทำไมข้าถึงไม่รู้ ""ก็องครักษ์เฉินอ้ายไงเจ้าค่ะ" ฟู่หลางพูดไปยิ้มไปที่ได้แหย่หยางหยางเล่น"นี่ฟู่หลางเจ้าหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ " หยางหยางอายจนหน้าแด
ในค่ำคืนที่เหน็บหนาวลมพัดเยือกเย็นจนแล่นเขาสู่หัวใจของหลินเฟิ่งเขาเองแม้จะทำใจเรื่องเสี่ยวเอ๋อได้แล้ว แต่ทว่าเขายังคงคิดถึงนางเสมอมา คืนนี้เขานอนไม่หลับจึงลุกออกมายืนชมจันทร์อยู่ที่ด้านนอก เมื่อเขารู้สึกง่วงนอนจึงจะเดินเข้าไปที่ห้องก็ต้องเห็นว่ามีคนสองคนที่กำลังแอบออกไปนอกจวน เขาเริ่มเอะใจเลยจะเดินไปถามแต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆกลับพบว่าเป็นซูหมิงและฟางเยี่ยสาวรับใช้ของนาง"ดึกขนาดนี้แล้วนางจะพากันไปที่ใด ทั้งๆที่ตั้งครรภ์อยู่ช่างไม่รู้ความเสียจริง" หลินเฟิ่งจึงตามออกมาอย่างเงียบๆ เขาไม่รู้เลยว่าที่ตามออกมาวันนี้จะทำให้เขาได้รู้ความจริงว่าที่แท้จริงแล้ว ลูกในท้องของซูหมิงนั้นไม่ใช่ลูกของตนเอง เพราะว่าตอนนี้เขาได้ยินเต็มสองหูจากปากของนางเอง เมื่อนางออกมานั้นเพราะนางนัดพบกับชายชู้ หลิ่นเฟิ่งที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดเขาโกรธแค้นซูหมิงอย่างมากที่หลอกลวงตระกูลของเขา ความแค้นนี้หลินเฟิ่งจึงคิดจะสะสางในค่ำคืนนี้เสียให้สิ้นซากเมื่อเขาถูกชายที่ไร้หัวนอนปลายเท้าย่ำยีศักดิ์ศรีถึงเพียงนี้ เขาจึงได้ตามชายผู้นั้นไปเมื่อทั้งสามคนแยกย้ายกัน "หืมข้าล่ะชอบจริงๆกลิ่นของเงินนี้ เจ้าอย่าคิดว่าจะหนีจากข้าไปได้
หลายวันผ่ามาเสี่ยวเอ๋อได้เข้ามาที่วังหลวงเรียนรู้มารยาทและแข่งกับบุตรของเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเก็บคะแนนในรอบต่างๆ แต่เมื่อใจขององค์รัชทายาทอยู่ที่ใครมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเลือกว่าใครคือพระชายาเพียงแต่ต้องทำตามลำดับพิธีเท่านั้น เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและผลออกมาว่าบุตรสาวของตระกูลเสี่ยว เสี่ยวเอ๋อได้รับเลือกเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทและจะจัดพิธีแต่งตั้งอีกไม่กี่วัน ทำให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่พอใจและเริ่มที่จะทำตามแผนที่วางไว้ แต่ก็ต้องถูกเปิดโปงและถูกจับในที่ว่าราชการลับนั้นโดยมีคนขององค์รัชทายาทจับกุมมาครบทุกคน และหลินเฟิ่งเองก็ได้นำหลักฐานการก่อกบฏมายื่นต่อฮ่องเต้ ทำให้คนชั่วเหล่านั้นถูกประหารและครอบครัวต้องถูกเนรเทศออกจากแคว้นแห่งนี้ไป รวมถึงตระกูลของซูหมิงด้วยเพราะวันนั้นพ่อขอฃนางก็อยู่ที่นั้นด้วย แต่ซูหมิงถูกหลินเฟิ่งขออภัยโทษจากฮ่องเต้ให้และบอกว่านางไม่รู้เรื่องอันใดของครอบครัวเลย จึงทำให้นางรอดออกมาหลินเฟิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อมีความดีความชอบให้เขาได้เป็นรับตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง เพราะความจงรักภักดีของเขาเลยได้ตำแหน่งนี้มาจางเหว่ยได้เข้ามาหาเสี่ยวเอ๋อที่ตำหนักของนางที่ถูกแ
หลินเฟิ่งโยนซูหมิงลงที่เตียงของนางอย่างแรงก่อนจะเดินไปปิดประตูห้องเพื่อไม่ให้ใครเข้ามา"ท่านพี่ข้าเจ็บนะเจ้าคะ""หึ !! แล้วเสี่ยวหลินนางไม่เจ็บรึไงนางโดนโบยไปที่หลังโดนเนื้อนางจนเลือดไหลออกมาเจ้าว่าเจ็บหรือไม่" หลินเฟิ่งตวาดใส่ซูหมิงจนนางเงียบไปสักพักก่อนจะตอบเขาคืน"ทำไมท่านพี่ถึงมาพูดกับข้าเช่นนี้เล่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ทำอันใดผิดเสียหน่อย" นางยังคงหาคำแก้ต่างให้ตนเอง"เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะโง่เชื่อเจ้าเหมือนท่านแม่ของข้า เรื่องทั้งหมดมันเป็นแผนของเจ้า" หลินเฟิ่งเข้ามาบีบที่ไหล่เล็กของซูหมิงจนนางรู้สึกถึงแรงบีบว่าเขาโมโหนางขนาดไหนจนตัวนางสั่นไปหมด"ท่านพี่ทำไมพูดปรักปรำข้าเช่นนี้ ของข้าหายจริงๆนะเจ้าคะ" ซูหมิงน้ำตาบีบน้ำตาออกมาให้หลินเฟิ่งเห็นว่านางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ"เจ้าจะให้ข้าเอายาที่เจ้าเอาไปให้เสี่ยวหลินไปตรวจหรือไม่ ยาตัวนั้นมีเพียงตระกูลเจ้าเท่านั้นที่มี อีกอย่างวันก่อนข้าเข้าไปหาเสี่ยวหลินที่ห้องของนาง นางได้บอกกับข้าว่าเจ้าไปต่อว่านางเรื่องคืนเข้าหอ เรื่องนี้เจ้าว่านางจะพูดโกหกข้าหรือ" แรงบีบที่แขนของซูหมิงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับว่าหลินเฟิ่งจะบีบบังคับให้นางพูดความจ
ซูหมิงเก็บอารมณ์เอาไว้นางไม่ได้ไปหาฮูหยินใหญ่แต่กลับห้องของนางพร้อมบอกฟางเยี่ให้ทำตามแผนที่วางเอาไว้ รุ่งเช้าของอีกวันเสี่ยวเอ๋อกับหยางหยางก็เดินชมดอกไม้ตามปกติของนาง แต่จู่ๆก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อฮูหยินใหญ่และซูหมิงที่เดินเข้ามาหานางอย่างกับมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น"ท่านแม่มาหาข้าแต่เช้ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ" "เจ้าเห็นแหวนประจำตระกูลของซูหมิงหรือไม่""ข้าไม่เคยเห็นนะเจ้าคะ ""แต่ซูหมิงบอกว่าของนางได้หายไปหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอข้าให้คนใช้หาจนทั่วจวนแล้วมีเพียงห้องของเจ้าที่ยังไม่ได้หา""ข้าไม่เคยเห็นจริงๆนะเจ้าค่ะ""งั้นเจ้าก็ให้คนใช้ของข้าเข้าไปหาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิใจของเจ้าเถอะ" ฮูหยินใช้สายตาสั่งคนใช้ของนางให้เข้าไปค้นห้องของเสี่ยวเอ๋อเสี่ยวเอ๋อนางไม่รู้จริงๆว่าแหวนประจำตระกูลของซูหมิงเป็นเช่นไร ต่อให้หาที่ห้องของนางเช่นไรก็หาไม่เจอแน่ๆ สักพักคนใช้ของฮูหยินใหญ่ก็ตะโกนออกมาจากด้านใน"ข้าเจอแล้วเจ้าค่ะ ใช่อันนี้มั้ยเจ้าคะ"คนใช้ถือถุงยาที่ซูหมิงเอามาให้เสี่ยวหลินเมื่อวานนี้ออกมา สีหน้าของเสี่ยวเอ๋อเปลี่ยนไปทันที หรือทั้งหมดนี่จะเป็นแผนของซูหมิง"มันอยู่ในห่อยานี่เจ้าค่ะ" ฟางเมิงสาว