เสี่ยวเอ๋อเดินลงจากเกี้ยวเข้ามาในโรงเตี้ยมพร้อมหยางหยาง เฒ่าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมก็เดินมาต้อนรับเสี่ยวเอ๋อทันที
''แม่นางเดินทางมาเหนื่อยๆเชิญด้านในเลยขอรับ ทางโรงเตี้ยมของเรายังมีโต๊ะว่างเหลืออยู่ไม่ทราบว่าแม่นางมากันกี่ท่านกันขอรับ"
"เรามากันสามคนแต่อีกคนรออยู่ข้างนอก"
"งั้นเชิญด้านในเลยขอรับ" เฒ่าแก่โรงเตี้ยมผายมือให้เสี่ยวเอ๋อและหยางหยางเดินไปที่โต๊ะด้านในสุด
"ที่โรงเตี้ยมของท่านมีอะไรน่าอร่อยแนะนำเราบ้าง" หยางหยางผู้ที่หิวได้ถามขึ้นทันที
"มีหลายอย่างเลยขอรับ"
หยางหยางทำหน้าขุ่นคิดว่านางจะทานอะไรดี เสี่ยวเอ๋อจึงสั่งให้เฒ่าแก่จัดอาหารที่ขึ้นชื่อมาให้กับหยางหยาง
"เฒ่าแก่จัดอาหารที่ขึ้นชื่อของโรงเตี้ยมท่านมาให้เราสักสองสามอย่าง ข้าจะให้ท่านห่ออีกชุดหนึ่งได้หรือไม่"
"ได้ขอรับขอให้แม่หญิงทั้งสองท่านทานให้อร่อยเดี๋ยวข้าจะบอกพ่อครัวให้โปรดรอสักครู่" เฒ่าแก่ได้เดินจากไปในครัว หยางหยางที่หิวจนนางอยู่นิ่งไม่ได้จึงนับตะเกียบเล่นไปมา
สักพักเสียงข้างนอกจวนก็ดังโวยวายอย่างกับว่ามีเรื่องอันใดกัน หยางหยางนางอยากรู้อยากเห็นมันเป็นนิสัยที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็กๆ นางจึงรีบลุกขึ้นออกไปดูทันที
"หยางหยางเจ้าจะไปไหน อย่าไปเลยเจ้าอาจจะเจ็บตัวไปด้วย"
"ข้าไม่กลัวหรอกเจ้าค่ะ ท่านนั่งรอข้าอยู่ที่โต๊ะนี่นะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะรับกลับมา" นางพูดจบก็ได้เดินออกไปข้างนอกทันที แต่ทว่าเสี่ยวเอ๋อนางก็เป็นห่วงหยางหยางนางไม่นั่งเฉยจึงเดินออกตามมาดูกับหยางหยางเช่นกัน
"พี่สาวเกิดเรื่องอันใดขึ้นกัน" หยางหยางได้ถามกับผู้หญิงที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่
"ก็พวกอันธพาลพวกนั้นนะสิ ชอบมาเก็บส่วยกับคนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเรา แถมยังใช้อำนาจจากท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายมาขู่ให้ชาวบ้านแถวนี้ส่งของไปให้ที่จวนของพวกเขา วันนี้ก็เป็นวันที่พวกเราต้องหาของส่งให้ถ้าชาวบ้านผู้ใดไม่มีอะไรให้ คนพวกนั้นก็จะทุบตีเราดั่งพวกสัตว์ชั้นต่ำ" พี่สาวผู้นี้พูดด้วยอารมณ์โมโหและรู้สึกไม่เป็นธรรมต่อพวกชาวบ้าน เสี่ยวเอ๋อนางรู้สึกสงสารชาวบ้านด้วยความผลีผลามจึงได้ยกถุงเบี้ยของนางให้กับพวกที่มาขู่จะเอากับชาวบ้าน
"นี่พวกเจ้า ถ้าอยากได้ของจากชาวบ้านวันนี้ข้าจะเป็นคนให้แทนเองพวกเจ้ามาเอาเบี้ยของข้าไปแล้วเอาข้าวของคืนชาวบ้านไปซะ"" เสี่ยวเอ๋อยกถุงเบี้ยชูให้กับคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าคนกลุ่มนี้
"ไม่นะคุณหนูท่านไม่น่าทำแบบนี้เลยเจ้าค่ะ แค่ให้คุณหนูรออยู่ข้างในท่านออกมาทำไมกัน ท่านรู้หรือไม่แค่เบี้ยขอท่านไม่กี่หยวนคงไม่พอให้กับคนพวกนี้หรอกเจ้าค่ะ" หยางหยางรีบดึงถุงเบี้ยมาจากมือของเสี่ยวเอ๋อแต่ก็ไม่ทันคนพวกนั้นก็ได้มาแย่งเอากับมือของนางแถมยังได้ทำร้ายนางอีกด้วย
"คุณหนูของเจ้ายกให้ข้าแล้วก็ต้องเป็นของข้า เจ้าบังอาจจะเอาเบี้ยนี้ไปไม่ได้"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แล้วพวกเจ้าก็ไม่มีมีสิทธิ์มาเอาของชาวบ้านเช่นกัน." หยางหยางแย่งถุงเงินคืนมาแต่ก็ต้องถูกชายผู้นี้ตบเข้าที่หน้าอย่างจัง
"เจ้าปากดีนักนะ รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นคนของเสนาบาดีฝ่ายซ้ายถ้าพวกเจ้าไม่อยากเจ็บตัวเหมือนแม่นางผู้นี้ก็อย่ามาขัดขวางพวกข้า"
"หยางหยางเจ้าเจ็บหรือไม่" หยางหยางนางล้มลงเพราะแรงตบเข้าที่ใบหน้าของนาง จนตอนนี้ใบหน้าที่ขาวซีดเริ่มแดงขึ้นเป็นรอยนิ้ว
"ข้าไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกคุณหนุ"
"เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายคนของข้าเจ้าเป็นคนของตระกูลใดกันข้าจะไปแจ้งต่อตระกูลของพวกเจ้า" เสี่ยวเอ๋อลุกขึ้นต่อว่าชายที่ทำร้ายหยางหยาง
"แม่นางผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนักพวกเรายกข้าวของไปให้หมดส่วนข้าจะอุ้มแม่นางผู้นี้ไปด้วย" สิ้นคำพูดของชายผู้เหี่ยมโหดเสี่ยวเอ๋อเริ่มหน้าเสีย นางไม่น่าออกมายุ่งเรื่องนี้ตั้งแต่ทีแรกอย่างที่หยางหยางบอกเลย ชายผู้นั้นดึงแขนของเสี่ยวเอ๋อให้เดินตามตันเองไป เสี่ยวเอ๋อเริ่มกังวลและกลัวเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น นางร้องไห้ขอให้พวกนั้นปล่อยนาง หยางหยาจะมาช่วยคุณหนูของนางก็ถูกลูกน้องของชายผู้นี้จับตัวไว้
"ปล่อยข้านะ เจ้าอยากได้อะไรข้าจะเอาให้เจ้าทุกอย่างปล่อยข้าไปเถอะ"
"ข้าจะปล่อยแม่นางไปได้อย่างไร ถ้าปล่อยแม่นางไปก็เหมือนปล่อยให้หนูน้อยที่แสนสวยหลุดมือไปนะสิ"
"หยางหยางช่วยข้าด้วย " เสี่ยวเอ๋อเมื่อพูดกับชายผู้นั้นไม่รู้เรื่องนั้นจึงหันมาขอความช่วยเหลือจากหยางหยาง
"ปล่อยคุณหนูของข้าเดี๋ยวนี้นะ เจ้ารู้หรือไม่คุณหนุของข้าเป็นบุตรของตระกูลเสี่ยว ถ้าเจ้าพาตัวของคุณหนูไปพวกเจ้าต้องเจอดีแน่"
"ฮาฮ่า เจ้าคิดว่าข้ากลัวหรือไง ตระกูลของเจ้าแทบจะไม่มีอำนาจใดในเมืองนี้แล้ว" คนผู้นี้แทบจะไม่กลัวต่ออำนาจของตระกูลเสี่ยวแต่อย่างไร เขาคิดว่าตระกูลเสนาบดีฝั่งซ้ายนั้นยิ่งใหญ่กว่าไหนจะบุตรสาวที่จะเข้าร่วมคัดเลือกพระชายาให้องค์รัชชายาทอีกด้วย
"แล้วข้าทำอะไรเจ้าได้หรือไม่" สิ้นเสียงของชายผู้นั้นก็มีเสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังผู้คนต่างหันไปมองดูรวมทั้งเสี่ยวเอ๋อด้วย
"คุณชายช่วยคุณหนูข้าด้วย คนพวกนี้จะจับคุณหนูของข้าไปทำมิดีมิร้าย"
หยางหยางเมื่อเห็นองครักษ์ขององค์รัชทายาทจึงขอความช่วยเหลือทันที
"เจ้าเป็นใครถึงมาแส่เรื่องของพวกข้า" แต่ทว่าชายผู้นี้หากลัวไม่
องครักษ์จึงยกป้ายหยกประจำตัวขององค์รัชทายาทขึ้นมาให้พวกนั้นดู
"คุณหนูผู้นี้เป็นแขกของข้า ถ้าเจ้าไม่ปล่อยนางเรื่องที่เจ้าขู่เข็นชาวบ้านและขู่เอาข้าวของที่ชาวบ้านแทบจะไม่มีกินอันจะกิน เรื่องนี้อาจจะถึงหูของฮ่องเต้ เจ้านายของเจ้าก็อาจจะเดือดร้อนเอาได้ จะเอาอย่างไรจะปล่อยคุณหนูหรือจะให้ข้าเอาเรื่องนี้ไปทูลฮ่องเต้ดี" เมื่อเขาเห็นป้ายหยกและคำขู่ขององครักษ์ก็เริ่มกลัวความผิดถ้าเรื่องนี้ถึงหูของฮ่องเต้ท่านเสนาบดีฝั่งซ้ายอาจจะได้รับความเดือดร้อนแถมตัวเขาเองก็อาจจะถูกลงโทษไม่แน่ท่านเสนาบดีอาจจะฆ่าเขาทิ้งก็เป็นได้ เขาจึงปล่อยตัวเสี่ยวเอ๋อและเรียกลูกน้องให้ออกไปจากตรงนี้ คนพวกนั้นเมื่อเห็นสัญญาณจากหัวหน้าจึงรีบวิ่งกันไปด้วยความเร็ว เมื่อพวกนั้นจากไปเสี่ยวเอ๋อก็รู้สึกโล่งอกหยางหยางรีบวิ่งไปหาคุณหนูของนาง
"ข้าต้องขอบคุณท่านด้วยที่เข้ามาช่วยข้า"
"เพราะคุณหนูเป็นคนดีที่จะช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ถ้าท่านเห็นเหตุการณ์แบบนี้อีกท่านอย่าเข้ามายุ่งให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นด้วยนะขอรับวันหน้าท่านอาจจะไม่โชคดีเช่นนี้"
"ข้ามิกล้าช่วยใครแล้ว หยางหยางเจ้าเข้าไปที่โรงเตี้ยมไปให้เฒ่าแก่จัดอาหารแก่ท่านผู้นี้ด้วยข้าอยากจะตอบแทน"
"มิต้องหรอกขอรับ ข้าเพียงทำตามคำสั่งคุณชายเท่านั้น ตอนนี้มีคนอยากเจอท่านเขารออยู่ในโรงเตี้ยมท่านจะไปพบเขาได้หรือไม่" ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นจางเหว่ยเสี่ยวเอ๋อจึงไม่ปฎิเสธ นางเดินตามเข้าไป เมื่อครู่ที่นางเข้ามาในโรงเตี้ยมเหตุใดนางถึงไม่เห็นจางเหว่ยกันนะ
"เจอกันอีกแล้วนะแม่นางเสี่ยวหลินเชิญนั่งก่อน"
"ขอต้องขอบคุณท่านที่ให้คนของท่านออกไปช่วยข้าอาหารมื้อนี้ข้าขอเลี้ยงท่านเอง" เสี่ยวเอ๋อก้มคำนับขอบคุณน้ำใจของจางเหว่ย
"เจ้ารู้หรือไม่มันอันตราย ผู้หญิงตัวเล็กเช่นเจ้าถ้าวันนี้ข้าไม่อยู่ที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น"
จางเหว่ยตำหนิเสี่ยวเอ๋อด้วยความเป็นห่วง เมื่อครู่เขาเองก็อยากจะออกไปช่วยนางด้วยตนเองแต่ถูกองครักษ์ห้ามไว้ หากชายผู้นั้นทำอะไรแม่นางเสี่ยวหลินแม้แต่ปลายเล็บเขาเองจะจับชายกลุ่มนี้ไปถลกหนังและโบยเป็นพันๆครั้ง
ลมหนาวพัดโบกโบยมากระทบผิวกายของเสี่ยวเอ๋อที่ยืืนดูชาวบ้านช่วยกันเก็บเกี่ยวข้าวของเมื่อถึงฤดูหนาวอีกครา ตอนนี้นางได้มาเที่ยวที่บ้านเกิดของแม่ขององค์รัชทายาทเพื่อมาพักเหนื่อยกับงานที่นางได้มอบหมาย นางคิดว่าเมื่อเป็นพระชายาแล้วจะสบายแต่ก็ยังมีงานที่พระชายาต้องทำอีกมากมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานางได้เรียนรู้และทำเต็มที่มาตลอด จางเหว่ยจึงพานางออกมาเที่ยวเพื่อพักผ่อนบ้าง เมื่อมาอยู่ที่เงียบสงบเช่นนี้ทำให้นางได้นึกย้อนไปยังอดีต ถ้านางยังทนอยู่กับหลินเฟิ่งจะเป็นอย่างไร แต่นางก็เพียงคิดได้เพียงเท่านั้นก็ถูกโอบกอดทางด้านหลังด้วยแขนอันอบอุ่นของจางเหว่ย นางจึงเอนตัวไปพึงอกแกร่งของเขา"เจ้าไม่หนาวหรือไง ""ไม่หนาวหรอกเจ้าค่ะตอนนี้ข้ามีผ้าห่มที่แสนจะอบอุ่นที่สุดในใต้หล้า""ผ้าห่มอันใดกัน""ก็อ้อมกอดท่านไงเจ้าคะ""ข้าต้องรู้สึกดีใจใช่หรือไม่" จางเหว่ยพูดด้วยน้ำแผ่วเบาเต็มไปด้วยความน้อยใจอยู่ลึกๆ"ทำไมถึงพูดเช่นนั้นกันเจ้าคะ""ก็ตลอดเวลาที่เจ้าอยู่กับข้าในฐานะพระชายาข้ายังไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อข้าเลย ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เจ้าทำดีกับข้าอยู่ทุกวันนี้เพราะว่าหน้าที่พระชายาหรือว่าเจ้ามีความ
เสี่ยวเอ๋อเมื่อกลับมาคืนนั้นนางก็ได้ไตร่ตรองเรื่องราวที่ผ่านมานางจะไม่แก้แค้นอีกต่อไป ต่อจากนี้นางจะหาความสุขให้ตนเองบ้าง หากนางจะแก้แค้นกันไปมาก็ไม่มีวันสิ้นสุด แถมตอนนี้นางเองก็มีเรื่องที่ต้องทำอีกมากมายเช่นวันนี้ที่นางกำลังถูกเหล่านางในสวมเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับมากมายแถมยังรุมกันเติมเครื่องประทินที่หนาเตอะจนนางหนักที่ใบหน้า "พระชายาวันนี้ท่านสวยมากเลยนะเจ้าค่ะ"หยางหยางหยิบกระจกขึ้นมาให้เสี่ยวเอ๋อส่องมองตนเอง"ใช่ข้าจริงหรือหยางหยาง ""ใช่สิเจ้าคะ วันนี้เป็นวันของท่านข้าดีใจมากๆจนแทบจะร้องไห้แล้วเจ้าค่ะ " หยางหยางนางก้มลงปาดน้ำตาด้วยความปิติยินดีต่อคุณหนูของนางที่วันนี้จะเป็นพระชายาเต็มตัว"เจ้านี่ขี้แยยิ่งนักฟู่หลางในวันข้างหน้าเจ้าช่วยพาหยางหยางขี้แยผู้นี้ไปฝึกวรยุทธกับเจ้าด้วยสิ ข้าละไม่ชอบเห็นน้ำตาของนางเลย""ข้าคงสอนนางไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ""ทำไมกัน" "ก็เพราะตอนนี้นางมีผู้ที่ปกป้องนางได้และคอยดูแลนางตลอดทุกฝีก้าว""เอ๊ะ!!ใครกันทำไมข้าถึงไม่รู้ ""ก็องครักษ์เฉินอ้ายไงเจ้าค่ะ" ฟู่หลางพูดไปยิ้มไปที่ได้แหย่หยางหยางเล่น"นี่ฟู่หลางเจ้าหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ " หยางหยางอายจนหน้าแด
ในค่ำคืนที่เหน็บหนาวลมพัดเยือกเย็นจนแล่นเขาสู่หัวใจของหลินเฟิ่งเขาเองแม้จะทำใจเรื่องเสี่ยวเอ๋อได้แล้ว แต่ทว่าเขายังคงคิดถึงนางเสมอมา คืนนี้เขานอนไม่หลับจึงลุกออกมายืนชมจันทร์อยู่ที่ด้านนอก เมื่อเขารู้สึกง่วงนอนจึงจะเดินเข้าไปที่ห้องก็ต้องเห็นว่ามีคนสองคนที่กำลังแอบออกไปนอกจวน เขาเริ่มเอะใจเลยจะเดินไปถามแต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆกลับพบว่าเป็นซูหมิงและฟางเยี่ยสาวรับใช้ของนาง"ดึกขนาดนี้แล้วนางจะพากันไปที่ใด ทั้งๆที่ตั้งครรภ์อยู่ช่างไม่รู้ความเสียจริง" หลินเฟิ่งจึงตามออกมาอย่างเงียบๆ เขาไม่รู้เลยว่าที่ตามออกมาวันนี้จะทำให้เขาได้รู้ความจริงว่าที่แท้จริงแล้ว ลูกในท้องของซูหมิงนั้นไม่ใช่ลูกของตนเอง เพราะว่าตอนนี้เขาได้ยินเต็มสองหูจากปากของนางเอง เมื่อนางออกมานั้นเพราะนางนัดพบกับชายชู้ หลิ่นเฟิ่งที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดเขาโกรธแค้นซูหมิงอย่างมากที่หลอกลวงตระกูลของเขา ความแค้นนี้หลินเฟิ่งจึงคิดจะสะสางในค่ำคืนนี้เสียให้สิ้นซากเมื่อเขาถูกชายที่ไร้หัวนอนปลายเท้าย่ำยีศักดิ์ศรีถึงเพียงนี้ เขาจึงได้ตามชายผู้นั้นไปเมื่อทั้งสามคนแยกย้ายกัน "หืมข้าล่ะชอบจริงๆกลิ่นของเงินนี้ เจ้าอย่าคิดว่าจะหนีจากข้าไปได้
หลายวันผ่ามาเสี่ยวเอ๋อได้เข้ามาที่วังหลวงเรียนรู้มารยาทและแข่งกับบุตรของเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเก็บคะแนนในรอบต่างๆ แต่เมื่อใจขององค์รัชทายาทอยู่ที่ใครมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเลือกว่าใครคือพระชายาเพียงแต่ต้องทำตามลำดับพิธีเท่านั้น เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและผลออกมาว่าบุตรสาวของตระกูลเสี่ยว เสี่ยวเอ๋อได้รับเลือกเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทและจะจัดพิธีแต่งตั้งอีกไม่กี่วัน ทำให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่พอใจและเริ่มที่จะทำตามแผนที่วางไว้ แต่ก็ต้องถูกเปิดโปงและถูกจับในที่ว่าราชการลับนั้นโดยมีคนขององค์รัชทายาทจับกุมมาครบทุกคน และหลินเฟิ่งเองก็ได้นำหลักฐานการก่อกบฏมายื่นต่อฮ่องเต้ ทำให้คนชั่วเหล่านั้นถูกประหารและครอบครัวต้องถูกเนรเทศออกจากแคว้นแห่งนี้ไป รวมถึงตระกูลของซูหมิงด้วยเพราะวันนั้นพ่อขอฃนางก็อยู่ที่นั้นด้วย แต่ซูหมิงถูกหลินเฟิ่งขออภัยโทษจากฮ่องเต้ให้และบอกว่านางไม่รู้เรื่องอันใดของครอบครัวเลย จึงทำให้นางรอดออกมาหลินเฟิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อมีความดีความชอบให้เขาได้เป็นรับตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง เพราะความจงรักภักดีของเขาเลยได้ตำแหน่งนี้มาจางเหว่ยได้เข้ามาหาเสี่ยวเอ๋อที่ตำหนักของนางที่ถูกแ
หลินเฟิ่งโยนซูหมิงลงที่เตียงของนางอย่างแรงก่อนจะเดินไปปิดประตูห้องเพื่อไม่ให้ใครเข้ามา"ท่านพี่ข้าเจ็บนะเจ้าคะ""หึ !! แล้วเสี่ยวหลินนางไม่เจ็บรึไงนางโดนโบยไปที่หลังโดนเนื้อนางจนเลือดไหลออกมาเจ้าว่าเจ็บหรือไม่" หลินเฟิ่งตวาดใส่ซูหมิงจนนางเงียบไปสักพักก่อนจะตอบเขาคืน"ทำไมท่านพี่ถึงมาพูดกับข้าเช่นนี้เล่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ทำอันใดผิดเสียหน่อย" นางยังคงหาคำแก้ต่างให้ตนเอง"เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะโง่เชื่อเจ้าเหมือนท่านแม่ของข้า เรื่องทั้งหมดมันเป็นแผนของเจ้า" หลินเฟิ่งเข้ามาบีบที่ไหล่เล็กของซูหมิงจนนางรู้สึกถึงแรงบีบว่าเขาโมโหนางขนาดไหนจนตัวนางสั่นไปหมด"ท่านพี่ทำไมพูดปรักปรำข้าเช่นนี้ ของข้าหายจริงๆนะเจ้าคะ" ซูหมิงน้ำตาบีบน้ำตาออกมาให้หลินเฟิ่งเห็นว่านางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ"เจ้าจะให้ข้าเอายาที่เจ้าเอาไปให้เสี่ยวหลินไปตรวจหรือไม่ ยาตัวนั้นมีเพียงตระกูลเจ้าเท่านั้นที่มี อีกอย่างวันก่อนข้าเข้าไปหาเสี่ยวหลินที่ห้องของนาง นางได้บอกกับข้าว่าเจ้าไปต่อว่านางเรื่องคืนเข้าหอ เรื่องนี้เจ้าว่านางจะพูดโกหกข้าหรือ" แรงบีบที่แขนของซูหมิงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับว่าหลินเฟิ่งจะบีบบังคับให้นางพูดความจ
ซูหมิงเก็บอารมณ์เอาไว้นางไม่ได้ไปหาฮูหยินใหญ่แต่กลับห้องของนางพร้อมบอกฟางเยี่ให้ทำตามแผนที่วางเอาไว้ รุ่งเช้าของอีกวันเสี่ยวเอ๋อกับหยางหยางก็เดินชมดอกไม้ตามปกติของนาง แต่จู่ๆก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อฮูหยินใหญ่และซูหมิงที่เดินเข้ามาหานางอย่างกับมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น"ท่านแม่มาหาข้าแต่เช้ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ" "เจ้าเห็นแหวนประจำตระกูลของซูหมิงหรือไม่""ข้าไม่เคยเห็นนะเจ้าคะ ""แต่ซูหมิงบอกว่าของนางได้หายไปหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอข้าให้คนใช้หาจนทั่วจวนแล้วมีเพียงห้องของเจ้าที่ยังไม่ได้หา""ข้าไม่เคยเห็นจริงๆนะเจ้าค่ะ""งั้นเจ้าก็ให้คนใช้ของข้าเข้าไปหาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิใจของเจ้าเถอะ" ฮูหยินใช้สายตาสั่งคนใช้ของนางให้เข้าไปค้นห้องของเสี่ยวเอ๋อเสี่ยวเอ๋อนางไม่รู้จริงๆว่าแหวนประจำตระกูลของซูหมิงเป็นเช่นไร ต่อให้หาที่ห้องของนางเช่นไรก็หาไม่เจอแน่ๆ สักพักคนใช้ของฮูหยินใหญ่ก็ตะโกนออกมาจากด้านใน"ข้าเจอแล้วเจ้าค่ะ ใช่อันนี้มั้ยเจ้าคะ"คนใช้ถือถุงยาที่ซูหมิงเอามาให้เสี่ยวหลินเมื่อวานนี้ออกมา สีหน้าของเสี่ยวเอ๋อเปลี่ยนไปทันที หรือทั้งหมดนี่จะเป็นแผนของซูหมิง"มันอยู่ในห่อยานี่เจ้าค่ะ" ฟางเมิงสาว