Home / รักโบราณ / สตรีบ้าของจอมมาร / บทที่ 22 ถึงเวลามีบ่าวของตน

Share

บทที่ 22 ถึงเวลามีบ่าวของตน

last update Last Updated: 2025-11-07 03:02:32

บทที่ 22 ถึงเวลามีบ่าวของตน

       เสิ่นหรงลี่กะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรกับเรื่องตรงหน้า สตรีทั้งสี่นางมองมาอย่างไม่ใคร่พอใจนัก เรื่องนี้ทำให้หรงลี่สับสนอยู่มากทีเดียว ด้วยมิเคยพบคนทั้งสี่มาก่อน นางจึงได้แต่หันมองซ้ายทีขวาทีพยายามเสี่ยงไม่สบตากับคนเหล่านั้น

“ใครส่งพวกเจ้ามา” องค์ชายรองเอ่ยถามออกไป

“ฮองเฮาและเสียนเฟยส่งพวกหม่อมฉันมาติดตามรับใช้ใกล้ชิด เพื่ออบรมสั่งสอนธรรมเนียมทั้งหมดที่สะใภ้ราชวงศ์ควรต้องเรียนรู้เพคะ การเรียนรู้แค่ยามไปที่วังมารคงไม่เพียงพอจะขัดเกลาได้” ตัวแทนของนางกำนัลกล่าว

“ข้าสามารถหาคนมาดูแลนางเองได้ ผู้อื่นมิต้องลำบาก”

“หม่อมฉันรับคำสั่งจากฮองเฮามาแล้วย่อมต้องทำให้ลุล่วงเพคะ” นางกำนัลทั้งกลุ่มยังคนยืนแน่นิ่งไม่ไหวติง และมีท่าทางไร้ความเกรงใจแฝงอยู่

“เช่นนั้นข้าคงต้องเอาไปคืนด้วยตนเอง” ตงเฟยเทียนเตรียมจะหันไปสั่งให้คนของตนเข้าไปจับนางกำนัลเหล่านั้น แต่ถูกกงมู่จ่ายห้ามไว้เสียก่อน

“ออกไปรอด้านนอกก่อนเถิด ขอเราสกุลกงคุยกันเพียงแค่คนในครอบครัวและว่าที่บุตรเขยครู่หนึ่ง” เมื่อผู้มีอายุอาวุโสที่สุดกล่าววาจาออกมาเช่นนี้ คนในโถงก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี

       เมื่อเหลืออยู่เพียงแต่คนภายในแล้ว กงมู่จ่ายก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ทุกอย่างนั้นไม่ใช่ว่าเจ้าจะจัดการแบบกองทัพได้เสียหมด”

“แต่ส่งคนมาเช่นนี้อาจเป็นอันตรายต่อนางเกินไป” กงหรูอี้กล้าเอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อมีเพียงครอบครัวตน

“นั่นก็จริงอยู่ แต่หากไม่เหลือช่องทางให้พวกเขาสืบข่าวคราวใดได้เลยจะเป็นอันตรายกับนางมากกว่า” 

“ข้าปกป้องนางได้ องครักษ์หญิงก็กำลังให้ต้าต้าฝึกเป็นการส่วนตัว กระทำเช่นนี้ไม่หักหน้ากันเกินไปหน่อยหรือ จะหาว่าพวกเราหาคนมาติดตามนางไม่ได้หรือไร” องค์ชายรองเอ่ย แม้ว่าเขาจะเข้าใจว่าต้องเหลือพื้นที่ให้ศัตรูรู้สึกว่าได้สืบเสาะบ้าง แต่ส่งนางกำนัลอบรมให้มาอยู่ติดตัวเช่นนี้ เหมือนตั้งใจกลั่นแกล้งมิให้นางได้มีความผ่อนคลายได้เลย

“หากให้กลับทั้งหมดคงไม่ได้ แต่หากให้เหลือเพียงสองคนเพื่อตัดกำลังคงจะได้อยู่” จงม่านอี้กล่าวตามความคิดของตน

“เช่นนั้นให้นางเก็บอี้ฉุนไว้ข้างตัวเลยดีหรือไม่ นางได้ร่ำเรียนพร้อมพวกเรามาทุกอย่าง ทั้งยังไว้ใจได้ อี้ฉุนเจ้าช่วยเรื่องนี้ได้หรือไม่” หรูอี้หันไปถามบ่าวของตน

“หากเป็นความต้องการของคุณหนูบ่าวยินดีเจ้าค่ะ” อี้ฉุนพยักหน้ารับเข้าใจในความคิดของคุณหนูของตน แม้นางจะไม่อาจช่วยเหลือหรงลี่ในยามคับขันได้โดยตรงด้วยข้อจำกัดของสถานะ แต่หากต้องแนะนำแนวทางนั้นเป็นเรื่องที่นางทำได้

“เช่นนั้นข้าจะสมทบให้เพิ่มคนหนึ่ง ไปตามบ่าวจากเรือนซักล้างมาทั้งหมด” กงมู่จ่ายกล่าวออกมา

“ท่านพ่อเพราะเหตุใดจึงเลือกเรือนซักล้างเล่า” หรูอี้ทาบอกอย่างตกใจที่ท่านพ่อของตนกระทำการที่แสดงความรังเกียจน้องสาวคนใหม่ของนางออกมาอย่างชัดแจ้งอีกครั้ง

“พี่หญิงครานี้ท่านพ่อทำถูกแล้ว หากเลื่อนตำแหน่งบ่าวจากเรือนซักล้าง บ่าวผู้นั้นย่อมภักดีกับข้าได้ไม่ยาก เพราะมีข้านางผู้นั้นจึงได้เลิกทำงานตรากตรำ และเปลี่ยนมาทำงานที่สบายกว่า” เสิ่นหรงลี่ที่จับสีหน้าของหรูอี้ออกจึงเอ่ยอธิบายตามความเข้าใจของตน

“ไม่โง่เขลาเช่นนี้ก็ดีจะได้ไม่ทำขายหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นบุตรสาวข้า” กงมู่จ่ายอมยิ้มชั่วพริบตาหนึ่ง

“และไม่ใช่ว่ามารทั้งหลายจะอยากรับใช้มนุษย์ คงมีแค่อี้ฉุนที่ไม่ปริปากบ่น ดูอย่างเหล่านางกำนัล สีหน้าโกรธเคืองอย่างปิดไม่มิด” จงม่านอี้กล่าวพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ

      เมื่อจงม่านอี้พูดออกมาเช่นนี้ หรงลี่ก็เข้าใจในทันทีว่าเหตุใดสตรีทั้งสี่จึงมีสีหน้าและสายตาที่มองนางมาอย่างทิ่มแทง และลามไปมีสายตาไร้ความเกรงใจต่อตงเฟยเทียนผู้เป็นองค์ชายด้วย สตรีมีอายุคงจะทำใจยอมรับได้ยากที่ต้องรับใช้ผู้ที่ต่ำต้อยกว่า

“ส่วนที่เหลือก็ให้เป็นองครักษ์หญิงที่ต้าต้ากำลังฝึก อย่างไรในยามที่ยังไม่ได้เป็นชายาก็มีผู้ติดตามได้เพียงแค่สี่คน” ตงเฟยเทียนกล่าวพร้อมกับพยักหน้าให้คนออกไปตามนางกำนัลเหล่านั้นเข้ามาได้

       หลังจากที่พวกนางเข้ามาแล้ว ก็มีการโต้แย้งกันทางคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วเมื่อกงมู่จ่ายยกเรื่องหน้าตาและชื่อเสียงของสกุลกงที่จะเสียหาย หากมิได้หาบ่าวมาติดตามบุตรสาวบุญธรรมของตนเลย เหล่านางกำนัลก็จำต้องยอม และเหลือคนไว้ที่จวนแห่งนี้เพียงสองคน

“บ่าวจากโรงซักล้างมาถึงแล้วขอรับ” ท่านพ่อบ้านที่รับรายงานมาจากคนด้านนอกนำมาแจ้งแก่ประมุขของตระกูล

“เช่นนั้นเราก็ไปด้านนอกกัน” มู่จ่ายพยักหน้าเดินนำเป็นคนแรก แต่เมื่อก้าวไปได้เพียงสองก้าวก็หันกลับมาหันเสิ่นหรงลี่ “สติปัญญาคือคุณสมบัติที่ข้าให้ความสำคัญ” เมื่อกล่าวจบจึงเดินออกไปดั่งความตั้งใจแรก

.

.

.

       เสิ่นหรงลี่มองบ่าวที่ยืนเรียงรายอยู่ในลานด้านนอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย บ่าวโรงซักล้างจะอยู่ในจวนใดภพใดก็ดูว่าคล้ายกันหมด หน้าตาซีดเซียวทรุดโทรม อาภรณ์ที่ใส่ก็ดูซีดไร้สีสัน และหลายคนมือลอกแตกจนเห็นได้ชัด

“ข้าตามพวกเจ้ามา เพราะมีหนึ่งคนที่จะได้เลื่อนตำแหน่งและมาเป็นบ่าวประจำตัวบุตรสาวบุญธรรมของข้า” หลังจากมู่จ่ายกล่าวจบก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นท่ามกลางหมู่บ่าวจากโรงซักล้าง จากที่พวกนางเคยมีแววตานิ่งเฉยบัดนี้เปลี่ยนเป็นแววตาเปี่ยมด้วยความหวังขึ้นมาแทน

“ใครจะเป็นผู้คัดเลือกหรือเจ้าคะ” บ่าวผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดยกมือขึ้นถาม

“จะติดตามใครก็คงต้องให้ผู้นั้นเป็นผู้คัดเลือก หรงลี่เจ้าจัดการตามใจชอบแล้วกัน” กงมู่จ่ายตัดสินใจให้หรงลี่เป็นผู้เลือกเฟ้น ด้วยต้องการเห็นว่านางจะจัดการอย่างไร

“เจ้าค่ะ” หรงลี่พยักหน้า “เพราะเลือกได้เพียงผู้เดียว ข้าจึงต้องพิถีพิถันเสียหน่อย คงต้องจัดการแข่งขันและเลื่อนขั้นตามความสามารถ พวกเจ้าทั้งหมดมีกี่คนหรือ”

“เรียนคุณหนูบุญธรรมพวกเรามีกันทั้งหมดยี่สิบสองคนเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นแบ่งออกมาเป็นกลุ่มละสามคนก็แล้วกัน” หรงลี่เอ่ย

“แต่นั่น…” อี้ฉุนที่กำลังกระซิบบอกว่าหากมียี่สิบสองคนจะแบ่งกลุ่มสามคนได้ไม่ลงตัว แต่เสิ่นหรงลี่ยกมือขึ้นห้ามมิให้พูดเสียก่อน

       สิ้นเสียงนั้นบ่าวทั้งหลายก็ลงมือจับกลุ่มกันตามใจชอบในทันที หรงลี่คิดจะใช้เวลานี้เพื่อสังเกตว่าบ่าวทั้งหลายนิสัยอย่างไร ปฏิบัติตนอย่างไร และผู้ใดจะเหลือเป็นเศษเพียงคนเดียว แต่ระหว่างการแบ่งกลุ่มนางก็สังเกตว่ามีบ่าวผู้หนึ่งที่ไม่พยายามหาคนมาจับกลุ่มด้วยเลยเพียงแค่ยืนเฉยรอให้ตนเป็นเศษ

“ผู้ที่ไม่มีกลุ่มตกรอบหรือไม่เจ้าคะ” สิ้นเสียงบ่าวผู้นั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านหลัง

“แข่งผู้เดียวได้ข้าไม่ได้ว่าอะไร ในรอบแรกของการแข่งขันนี้ ให้หาหินมากลุ่มละหนึ่งก้อน”

       หลังสิ้นคำสั่งของคุณหนูเสิ่น บ่าวจากโรงซักล้างทั้งหลายก็วิ่งกรูกันไปทั่วบริเวณสวนเพื่อตามหาหินที่คิดว่าจะถูกใจว่าที่เจ้านายคนใหม่นี้

“เจ้าให้บ่าวหาหินไปทำไมหรือ” หรูอี้ที่ทนสงสัยไม่ไหวกระซิบถาม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 22 ถึงเวลามีบ่าวของตน

    บทที่ 22 ถึงเวลามีบ่าวของตนเสิ่นหรงลี่กะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรกับเรื่องตรงหน้า สตรีทั้งสี่นางมองมาอย่างไม่ใคร่พอใจนัก เรื่องนี้ทำให้หรงลี่สับสนอยู่มากทีเดียว ด้วยมิเคยพบคนทั้งสี่มาก่อน นางจึงได้แต่หันมองซ้ายทีขวาทีพยายามเสี่ยงไม่สบตากับคนเหล่านั้น“ใครส่งพวกเจ้ามา” องค์ชายรองเอ่ยถามออกไป“ฮองเฮาและเสียนเฟยส่งพวกหม่อมฉันมาติดตามรับใช้ใกล้ชิด เพื่ออบรมสั่งสอนธรรมเนียมทั้งหมดที่สะใภ้ราชวงศ์ควรต้องเรียนรู้เพคะ การเรียนรู้แค่ยามไปที่วังมารคงไม่เพียงพอจะขัดเกลาได้” ตัวแทนของนางกำนัลกล่าว“ข้าสามารถหาคนมาดูแลนางเองได้ ผู้อื่นมิต้องลำบาก”“หม่อมฉันรับคำสั่งจากฮองเฮามาแล้วย่อมต้องทำให้ลุล่วงเพคะ” นางกำ

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 21 ไม่อยากตบตีกับเมียหลวง

    บทที่ 21 ไม่อยากตบตีกับเมียหลวงหลังจบมื้ออาหารกับครอบครัวที่ต่างคนต่างกัดกันดังว่าเป็นการแข่งขันชิงรางวัล เสิ่นหรงลี่ก็เดินตามองค์ชายรองผู้นี้ออกมาโดยมิได้กล่าววาจาใดหากเพราะมิใช่คิดว่าเขาคือภารกิจไถ่บาปของตน นางคงจากไปและหาทางรอดเอาดาบหน้าเสียแล้ว เพราะแม้ว่าช่วงหลังของมื้ออาหารนางจะมิใช่เป้าหมายหลักของการฟาดฟันวาจา แต่คนบนโต๊ะอาหารนั้นก็ยังหาโอกาสกระทบกระทั่งเรื่องที่นางเป็นเพียงว่าที่ชายารองต่างจากสะใภ้อีกสองที่เป็นถึงชายาเอกแต่ทว่าเมื่อถึงรถม้าความอดทนของคุณหนูเสิ่นก็หมดลง นางต้องกล่าวความในใจออกมา “เหตุใดองค์ชายจึงไม่บอกกับหม่อมฉันก่อน การให้หม่อมฉันไปรู้จากปากผู้อื่นเช่นนี้อีกแล้ว นับเป็นเป็นการหักหน้ากันเกินไป หากหม่อมฉันได้เตรียมใจก่อนย่อมหาวิธีรั

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 20 ตบหัวแล้วลูบหลัง

    บทที่ 20 ตบหัวแล้วลูบหลัง“ยืนเจ้าค่ะ” อี้ฉุนกระซิบกับเสิ่นหรงลี่เมื่อมีเสียงกระดิ่งสั่นครบเก้าครั้ง ทำให้คุณหนูผู้นี้มิต้องขายหน้าที่ยืนช้ากว่าผู้ใด เมื่อรออยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นบุคคลน่าเกรงขามถึงสามพระองค์กำลังก้าวผ่านประตูเข้ามา“องค์มา-” ว่าฉุยที่กำลังจะขานการมาถึงของเจ้าเหนือหัวแคว้นมาร ถูกหยุดไว้ด้วยฝ่ามือของตงหานเฟยเสียก่อน“ไม่ต้องขาน เป็นคนกันเองทั้งสิ้น”องค์มารผู้เป็นฮ่องเต้ของแคว้นเดินมาพร้อมกับฮองเฮา และสนมเอกผู้ที่หรงลี่คาดเดาว่าเป็นมารดาขององค์ชายองค์หญิงทั้งหลาย เสิ่นหรงลี่เห็นเช่นนั้นจริงสังเกตสีหน้าขององค์ชายรอง พยายามจับสังเกตว่าผู้ใดคือมารดาของเขา แต่มองไปแล้วก็พบแต่สายตาว่างเปล่าคล้ายว่าสตรีทั้งสองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดเลย

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 19 ครอบครัวใหญ่

    บทที่ 19 ครอบครัวใหญ่องค์ชายรองที่รู้ว่าต้องอยู่รอร่วมโต๊ะกับทุกคนก่อนก็พาเสิ่นหรงลี่เดินชมสวนในบริเวณที่มิได้หวงห้ามไปพลางก่อน“ต้นไม้ในแดนมารมีสีเข้มหมดเลยหรือเพคะ”“อืม สีเข้มเช่นนี้แหละ หากสีซีดลงก็บ่งบอกถึงปัญหาที่เกิดภายในได้”“ชมสวนเสร็จแล้ว ต้องทำอันใดอีกหรือไม่เพคะ” เสิ่นหรงลี่ถามออกมา เพราะเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า และหิวขึ้นมาแล้ว ขนมกับน้ำชาที่คุยกันไว้กับองค์หญิงอิงเจาก็ยังมิได้ใส่เข้าปากรองท้องเมื่อนึกถึงขนมหรงลี่ก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะนางแน่ใจว่ายามที่กำลังมีปัญหากับองค์หญิงจูจู ในมือขององค์หญิงอิงเจาไม่มีสิ่งใดที่ถือกลับมาด้วย

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 18 ปะทะ

    บทที่ 18 ปะทะ“หน้าตาเช่นนี้ ชั้นต่ำ อันใดกัน” เสิ่นหรงลี่เอียงคอยังสงสัย พยายามมองหาองค์หญิงอิงเจาว่าไปอยู่ที่ใด“มองหาให้พี่ชายข้ามาช่วยเจ้าหรือ” องค์หญิงจูจูตวาดลั่นศาลาด้วยเสียงสูงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดท่านใดนั้นก็มีชายแปลกหน้าปรากฏตัวเพิ่มอีกสองคน คนหนึ่งมีสีหน้าเรียบขรึม อีกคนหนึ่งมีท่าทางคล้ายชายเสเพลพร้อมกับสีหน้ายกยิ้ม“จูจูโวยวายอันใดกัน” ชายที่ดูนิ่งและสุขุมกว่าเอ่ยขึ้น“สตรีผู้นี้ สมบัติจากบ้านพี่สามใช่หรือไม่ เหตุใดพานางเหยียบเข้ามาถึงในวัง ข้าไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้าเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่คนในสังคมเรา” จูจูมิได้ตอบคำถามออกไป แต่กลับหันไปยังทิศทางที่ชายอีกคนด้านข้าง

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 17 เข้าวัง

    บทที่ 17 เข้าวังในที่สุดวันมะรืนที่เฟยเทียนบอกไว้ก็มาถึง เมื่อเขาบอกว่าจะมาพบวันมะรืน เขาก็หายไปหนึ่งวันหนึ่งคืนอย่างที่ว่าจริง คราแรกเสิ่นหรงลี่แอบรู้สึกน้อยอกน้อยใจ แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาเป็นถึงองค์ชาย ทั้งยังหายตัวไปหลายสัปดาห์ เรื่องราวที่ต้องจัดการคงมีมาก ไหนจะยังเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เจอกัน แม้นางจะมิอาจตอบโต้อันใดได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีสติรับรู้คำพูดปลอบใจอย่างอ่อนหวานพรั่งพรูออกมา จนนางคิดว่าตนเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มนักรักมิใช่นักรบ หากแต่เมื่อหรูอี้และอี้ฉุนเข้ามา เขาก็หยุดคำพูดเหล่านั้นลงไปในทันที และนั่นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่นางหลับตาลง เพราะหากต้องลืมตามองหรูอี้ ตัวนางคงจะหลุดอาการขัดขืนออกมาจนถูกจับได้ยามนี้มีบ่าวหญิงหลายคนกำลังช่วยนางแต่งตัว เพราะวันนี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status