Beranda / รักโบราณ / สตรีแกร่ง หลินซูเหมย / ตอนที่ 2 คุณหนูห้าผู้อ่อนแอ

Share

ตอนที่ 2 คุณหนูห้าผู้อ่อนแอ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-02 12:54:14

ณ เมืองหนานอัน เมืองแห่งการค้าขายของแคว้นต้าตง ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหนานอันแห่งนี้นั้น ทำให้มีตระกูลของขุนนางและตระกูลของพ่อค้าจากหลากหลายสกุลมาสร้างจวนและลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองแห่งนี้ รวมไปถึงจวนสกุลหลินของเจ้ากรมการกลาโหม 'หลินหยาง' ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในจวน เขามีฮูหยินและมีอนุภรรยาอีกสองคน มีบุตรชายกับบุตรีรวมห้าคน จากฮูหยินสองคนคือ ‘หลินชูจ้าน’ และ ‘หลินเยว่หรู’ กับอนุภรรยารองสองคนคือ ‘หลินจางหลง’ และ ‘หลินจินหรู’ และจากอนุภรรยาคนที่สองอีกหนึ่งคน คือ 'หลินซูเหมย' ภายในจวนแห่งนี้นั้นจึงมีเรือนทั้งหมดสี่หลัง หลังแรกเป็นบ้านใหญ่ และไล่ไปตามลำดับ

“ท่านพี่...ลูกซูเหมยป่วยอีกแล้วเจ้าค่ะ” อนุซูฉีมารดาของหลินซูเหมยบอกผู้เป็นสามีขณะที่เขามาค้างที่เรือน

"เจ้าว่าอย่างไรนะ ลูกห้าป่วยอีกแล้วอย่างนั้นหรือ" หลินหยางเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เขาเป็นชายที่ไม่ลำเอียง รักและห่วงใยบุตรทุกคนของตนอย่างเท่าเทียมกัน

"เจ้าค่ะท่านพี่ ยิ่งนางเติบโตขึ้นก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ"

"แล้วเจ้าตามท่านหมอมาดูนางหรือยัง"

“ตามมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกเพียงว่าลูกห้านั้นมีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก นางต้องออกกำลังให้มากกว่านี้ เพราะนางเอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่ภายในห้องจึงทำให้นางไม่มีเรี่ยวแรง”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงบอกให้ลูกห้าออกจากห้องเสียบ้าง ให้นางไปเดินเล่นจะได้มีเรี่ยวแรงมากขึ้น” ผู้เป็นสามีสั่งออกมาหลังจากยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ อายุบุตรีคนเล็กนั้นเพียงสิบห้าปี แต่ทว่ากลับมีร่างกายที่ไม่แข็งแรงเช่นกับพวกพี่ๆ

“เจ้าค่ะท่านพี่ พรุ่งนี้น้องจะให้นางออกจากเรือนไปเดินออกกำลังเสียบ้าง”

อนุซูฉีบอกผู้เป็นสามี ถึงนางจะได้รับความรักและความเอ็นดูจากเขา แต่ทว่ากับท่านฮูหยินและอนุรองนางกลับได้รับการดูถูกและข่มเหงรังแกสารพัด อาจจะเพราะนางเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา ไม่ใช่ลูกหลานของขุนนาง หรือตระกูลพ่อค้ามีเงิน นางจึงไม่ได้รับการยอมรับจากเด็กรับใช้ภายในจวน นางรับรู้เรื่องที่บุตรีของนางถูกบุตรีของอนุรองรังแกมาโดยตลอดแต่นางนั้นมีฐานะต่ำต้อยจึงมิอาจจะช่วยเหลือหลินซูเหมยได้

ภายในเรือนไม้ยามเซิน* บนเตียงไม้มีร่างผ่ายผอมบางของหญิงที่เพิ่งเข้าสู่วัยสาวนอนหันหลังห่มผ้าอยู่ สาวใช้วัยไล่เลี่ยกันคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง

“คุณหนูสาวเจ้าคะ วันนี้อากาศดีเราออกไปเดินเล่นชมดอกไม้ในสวนกันดีไหมเจ้าคะ”

เสี่ยวเอ๋อสาวรับใช้ข้างกายที่รักและซื่อสัตย์กับคุณหนูอ่อนแออย่างคุณหนูห้าเอ่ยชวนคุณหนูขึ้นมาตามคำสั่งของนายท่านหลินหยาง

“ข้าไม่มีแรง…เสี่ยวเอ๋อ ข้าไม่อยากจะลุกไปที่ใดทั้งนั้น” คุณหนูสามเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา

“แต่คุณหนูเจ้าคะ นายท่านกำชับมาว่าให้คุณหนูออกกำลังบ้างนะเจ้าคะ อีกอย่างท่านหมอก็บอกมาเช่นนั้นด้วย” เสี่ยวเอ๋อพยายามหว่านล้อมคุณหนูของเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เสี่ยวเอ๋อ…เจ้าก็รู้ ถ้าหากข้าออกไปเดินเล่นภายในสวนดอกไม้ตามที่เจ้าว่า ข้าก็ไม่วายถูกพี่สี่รังแกข้า ไหนจะพวกคนในจวนที่ไม่เคยเห็นข้าเป็นคุณหนูของที่นี่อีก”

หลินซูเหมยบอกสาวรับใช้ข้างกายเสียงแผ่วเบา หลินซูเหมยนอกจากจะมีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เกิดแล้ว นางและมารดามักจะถูกกลั่นแกล้งจากคนรับใช้บ้านใหญ่และบุตรีของอนุรองอยู่เสมอ

“บ่าวรู้เจ้าค่ะ แต่นายท่านสั่งมานะเจ้าคะ ถ้าคุณหนูไม่ทำตามความต้องการของนายท่าน นายท่านจะขุ่นเคืองใจเอาได้นะเจ้าคะ”

เสี่ยวเอ๋อพยายามเกลี้ยกล่อมจนคุณหนูห้ายอมใจอ่อน นางค่อยๆ พยุงร่างกายผอมบางของตนลุกขึ้นจากฟูกนอนที่ปูอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ เสี่ยวเอ๋อไม่รีรอที่จะช่วยเหลือคุณหนูของนางให้ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง

ร่างผ่ายผอมเยื้องย่างตามทางไปยังสวนดอกไม้หลังเรือนของตน ณ ที่แห่งนั้นนางไม่รู้มาก่อนเลยว่า พี่สาวต่างมารดาของนางจะเดินเล่นอยู่ที่นั่นก่อนหน้านั้นแล้ว

“เอ๋….. น้องห้า นี่เจ้าออกมาจากห้องได้ด้วยหรือ ข้าก็นึกว่าเจ้าป่วยจวนใกล้ตายแล้วเสียอีก"

หลินจินหรูหรือคุณหนูสี่แห่งสกุลหลิน วัยสิบเจ็ดปีเอ่ยทักทายผู้เป็นน้องสาว นางเพียงต้องการออกมาเดินชมดอกไม้ภายในสวนไม่คิดว่าจะมีเรื่องสนุกให้ทำ

“ท่านพ่อขอให้ข้าออกมาจากเรือนบ้าง เพราะเห็นว่าข้าไร้เรี่ยวแรง ท่านพ่อจึงอยากให้ข้าได้ออกกำลังเผื่อว่าจะดีขึ้น” หลินซูเหมยตอบไปตามตรงแม้ภายในใจจะรู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่ไม่น้อยที่ตนเกิดมาร่างกายไม่สมบูรณ์แข็งแรงเฉกเช่นผู้อื่น

เสี่ยวเอ๋อที่พยายามจะยืนขวางไม่ให้คนพวกนี้มาใกล้นายหญิงน้อย กลับถูกเด็กรับใช้คนสนิทของคุณหนูสี่กันตัวออกห่างจากคุณหนูของนาง หลินซูเหมยเห็นท่าไม่ดีจึงตอบไปตามตรง

“หึ! ร่างกายผ่ายผอมเยี่ยงศพเดินได้เช่นเจ้าจะเอาอะไรมาดีขึ้น ข้าว่ามีแต่จะขวางหูขวางตาคนอื่นเสียเปล่าๆ เด็กๆ พาน้องห้าของข้ากลับเรือนไปประเดี๋ยวนี้ ข้าเกรงว่าหากท่านพี่เยว่หรูเดินผ่านมาชมดอกไม้ในสวนแห่งนี้แล้วนางจะไม่เจริญตา”

หลินจินหรูเอ่ยออกมาอย่างไม่รักษาน้ำใจคนฟัง สาวรับใช้ที่ติดตามนางมาด้วยตั้งท่าจะเดินไปจับแขนของคุณหนูห้าตามคำสั่ง

“หยุดนะ!!! อย่าแตะต้องคุณหนูของข้า” เสี่ยวเอ๋อร้องห้ามออกมาอย่างไม่เกรงกลัว

“บังอาจ!! เจ้าเป็นเพียงเด็กรับใช้ข้างกายนาง กลับกล้าหาญขึ้นใส่คุณหนูสี่เช่นข้าอย่างนั้นรึ! ดี!! พวกเจ้าจัดการนางให้หลาบจำ”

นางหันไปสั่งสาวรับใช้สองคนที่เดินมาด้วยกันให้จัดการกับเสี่ยวเอ๋อ หลินซูเหมยที่อ่อนแอไม่สามารถช่วยเหลือเสี่ยวเอ๋อได้จึงได้ร้องไห้ออกมา

“หือๆๆ ท่านพี่อย่าทำเสี่ยวเอ๋อเลยเจ้าค่ะ ผิดที่น้องไม่สั่งสอนเสี่ยวเอ๋อให้ดีเอง น้องขออภัยแทนนางด้วยนะเจ้าคะ” คนผอมแห้งแรงน้อยเอ่ยออกมาอย่างอ้อนวอน

“ครานี้คงจะไม่ได้หรอกนะน้องห้า เพราะเด็กรับใช้ของเจ้าล้ำเส้นข้ามาแล้ว เอ้า!!! ยืนนิ่งกันทำไม จัดการนางให้หลาบจำเพื่อครั้งหน้านางจะได้มิกล้าขึ้นเสียงกับข้าอีก” หลินจินหรูเดินไปจับแขนของน้องสาวเอาไว้พร้อมกับออกคำสั่งให้คนของนางจัดการสาวรับใช้คนสนิทของผู้เป็นน้องสาว

“เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!!”

เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังไปตามแรงตบ แต่ทว่าเสี่ยวเอ๋อกลับไม่ยอมคุกเข่าเพื่อขอโทษกลับยอมทนกัดฟันไว้ให้พวกสาวใช้ของคุณหนูสี่ตบ

“เสี่ยวเอ๋อ….. ฮือๆๆๆ ยกโทษให้เสี่ยวเอ๋อด้วยเถอะนะเจ้าคะ นางมิได้ตั้งใจเสียงดังใส่ท่านพี่จริงๆ แค่กๆๆ” หลินซูเหมยพยายามเอ่ยห้ามปรามพี่สาวของนางพร้อมทั้งส่งเสียงไอออกมา

“ว๊าย!! ทำไมเจ้าถึงไออย่างนี้ นี่เจ้าจะเอาโรคมาปล่อยข้าหรือเปล่า”

หลินจินหรูรีบปล่อยมือที่จับน้องสาวอยู่ก่อนหน้า พร้อมทั้งบ่นออกมาให้กับคนป่วยทันที

“หยุดนะ!!! พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน”

ราวกับเสียงสวรรค์ หลินเยว่หรู คุณหนูรองบุตรีที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ของจวนเดินเข้ามาเห็นภาพเบื้องหน้าพอดีจึงตะโกนเพื่อห้ามปราม นางไม่ชอบการใช้กำลัง เพราะว่าการเป็นบุตรีของภรรยาเอกนางจึงได้เรียนรู้มากกว่าบุตรีคนอื่นๆ ภายในจวนแห่งนี้

“ทะ..ท่านพี่”

หลินจินหรูอุทานชื่อของพี่สาวต่างมารดาออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่จะส่งสัญญาณให้สองสาวใช้ปล่อยตัวเสี่ยวเอ๋อ หลินซูเหมยรีบสาวเท้าเข้าไปหาสาวใช้ของนางทันที

“นางทำผิดเรื่องอะไร เจ้าถึงต้องกระทำการรุนแรงเช่นนี้” หลินเยว่หรูเอ่ยถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่จะเดินไปยืนข้างๆ น้องห้าของนาง

“น้องห้า.. นี่เจ้ามีแรงเดินแล้วหรือ” หลินเยว่หรูเอ่ยถามน้องเล็กออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ท่านพี่… ข้าพอมีแรงนิดหน่อยเจ้าค่ะ ท่านพ่อกำชับท่านแม่บอกให้ข้าออกกำลังเสียบ้าง ข้าเลยจำต้องออกมาเดินที่สวนดอกไม้แห่งนี้ หากข้าทำให้ท่านพี่ไม่สบายใจ ข้าขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ” หลินซูเหมยตอบพี่สาวคนรองยืดยาวพร้อมกับเอ่ยขอตัว

“เจ้าพูดอะไรอย่างนั้น จวนแห่งนี้ก็เป็นจวนของเจ้า ดอกไม้ก็เป็นของจวน ใช่ของข้าผู้เดียวที่ไหนกันเล่า เจ้าเดินออกกำลังให้สบายใจแล้วค่อยกลับไปพักเถิด" หลินเยว่หรูคว้าแขนบอบบางเอาไว้ก่อนที่จะเอ่ยกับน้องห้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"น้องสี่… แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้รุนแรงกันถึงเพียงนี้”

“ท่านพี่สี่หวังดีกับข้า อยากให้ข้ากลับเข้าไปพักข้างในเรือน นางจึงจะให้เด็กรับใช้พวกนั้นไปส่งข้า แต่เสี่ยวเอ๋อนางก็ย่อมดูแลข้าได้ นางจึงไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำให้น้องหวาดกลัว นางอาจจะไม่รู้ความเพราะอยู่รับใช้น้องแต่ในเรือน พี่สี่โปรดให้อภัยนางด้วยนะเจ้าคะ” คุณหนูห้าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ทว่ายังคงชัดถ้อยชัดคำ

“น้องสี่… เจ้าก็ชอบทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ให้เสี่ยวเอ๋อดูแลนายหญิงของนางด้วยตัวเองก็ถูกต้องอยู่แล้ว เจ้าไปยุ่งด้วยเหตุอันใดกัน”

“น้องต้องขออภัยท่านพี่ น้องคงจะตีความหมายของนางผิดไปเองจึงทำให้ตามืดบอดสั่งลงโทษนางไป เสี่ยวเอ๋อ ข้าต้องขออภัยเจ้าด้วย”

หลินจินหรูเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดแต่ทว่าในใจของนางนั้นกลับรู้สึกตรงกันข้าม ดวงตากลมวาวโรจน์จ้องมองไปยังน้องห้าผู้อ่อนแอกับสาวใช้ที่กล้าขึ้นเสียงต่อหน้าของนางด้วยความชิงชัง

“จบเรื่องแล้วก็แยกย้ายกันไป ไปเถอะน้องห้า…. พี่จะพาเจ้าไปส่งที่เรือน”

คุณหนูรองประคองน้องห้าของเธอเดินตรงไปยังเรือนสี่ ซึ่งเป็นเรือนนอนของซูอี๋เหนียง ด้านหลังของคุณหนูทั้งสองมีเด็กรับใช้รวมกับเสี่ยวเอ๋อเดินตามไปสามคน

‘ถึงอย่างไรแล้วอย่างน้อยในจวนแห่งนี้ก็ยังมีคุณหนูรองที่ยังรักและเอ็นดูคุณหนูห้าผู้อ่อนแอของนางอย่างแท้จริง’

เสี่ยวเอ๋อฉีกยิ้มออกมาอย่างสบายใจ มือบางยกขึ้นมาลูบใบหน้าที่เพิ่งจะรู้สึกปวดเพราะแรงกระทบของฝ่ามือ นางยินดีถ้านางเจ็บแล้วสามารถปกป้องคุณหนูของนางได้

“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้รับความเอ็นดูจากท่านพี่ไปจากข้าคนเดียวหรอก คอยดูเถอะข้าจะเอาคืนให้สาสม ขี้โรคอย่างเจ้าจะอยู่ได้อีกนานสักเท่าใดกัน แล้วนางเสี่ยวเอ๋ออีกคน เป็นเพียงเด็กรับใช้กล้าดีอย่างไรถึงกล้ามาขึ้นเสียงใส่ข้า ถ้าพี่รองไม่มา ข้าจะสั่งให้พวกเจ้าจับนางโยนลงน้ำไปเสียเลย"

คุณหนูสี่แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมาทันที ยามที่พี่รองของนางลับสายตาไป พรางคิดไปถึงแผนการมากมายที่จะทำให้อีกฝ่ายไม่ขวางหูขวางตาเธออีกต่อไป แต่ทว่าประโยคที่เอ่ยออกมาทำเอาเด็กรับใช้ต่างหันมามองหน้ากัน หากเป็นเรื่องจริงที่คุณหนูสี่ถึงขั้นหมายมาดจะเอาชีวิตของอีกฝ่าย พวกนางสองคนคงจะไม่พ้นต้องเดือดร้อนไปด้วย

"หึ!! กลับเรือน!! ข้าหมดอารมณ์เดินเล่นแล้ว”

หลินจินหรูสบถออกมาก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินกลับเรือนของนางไป เด็กรับใช้ทั้งสองรีบสาวเท้าเดินตามคุณหนูสี่ไปไม่ห่าง

*ยามเซิน คือเวลา15.00-16.59

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สตรีแกร่ง หลินซูเหมย   ตอนที่ 44 - 1 ความสงบสุขหวนคืน (จบ)

    “ลูกชายของผู้ใดกัน ช่างเหมือนท่านแม่ของเขายิ่งนัก” ฟางเซี่ยหมินแสร้งหยอกเย้าภรรยา “ข้าทั้งอุ้มท้อง ทั้งเบ่งเขาออกมา เขาย่อมเหมือนข้าแน่อยู่แล้วเจ้าค่ะ” หลินซูเหมยยอมรับออกมาอย่างภูมิใจ “แล้วลูกล่ะเจ้าคะ ลูกเหมือนท่านพ่อหรือท่านแม่” ฟางซูลี่ สาวน้อยตากลมเอ่ยถามมารดาออกมาด้วยความสงสัย ถ้าพี่ชายใหญ่เหมือนท่านแม่แล้วนางเหมือนผู้ใดกัน นางเป็นสตรีเช่นเดียวกับท่านแม่ หรือนางจะต้องเหมือนกับท่านพ่อ “เจ้าก็เหมือนท่านแม่ของเจ้าเช่นกัน ลี่เอ๋อร์… ไม่ว่าจะพี่ใหญ่ของเจ้า หรือตัวเจ้า ต่างก็เป็นลูกที่เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ พ่อมีความสุขที่ได้มีแม่ของเจ้าและพวกเจ้ามาเป็นครอบครัวของพ่อ” ฟางเซี่ยหมินโอบกอดร่างเล็กพลางใช้มือหนาโยกศีรษะเล็กของบุตรีไปมาอย่างเอ็นดู ฟางซูลี่ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันซี่เล็กเรียงรายให้กับบิดาและมารดา หลินซูเหมยมองสามีและบุตรีด้วยแววตารักใคร่ หลังจากงานตีคลีผ่านพ้นไป คุณชายใหญ่และคุณหนูรองของจวนท่านโหวฟางเซี่ยหมิน ก็เป็นที่กล่าวถึงไปทั่วทั้งเมืองหนานถิง หลายตระกูลย่อมอยากที่จะเกี่ยวดองกับพวกเขา โดยเฉพาะคุณชายใหญ่ที่ในภายภาคหน้าจะต้องได้รับยศถาบรรดาศักดิ์โหวต่อจากบิดา “ลูกทั้ง

  • สตรีแกร่ง หลินซูเหมย   ตอนที่ 44 ความสงบสุขหวนคืน

    เกือบสองเดือนที่แม่ทัพฟางเซี่ยหมิน และกองทัพทหารของเขารั้งอยู่ที่เมืองซาย่า หนึ่งก็เพื่อรอสังเกตความเคลื่อนไหวของทหารฝ่ายตรงข้าม สองเพื่อช่วยชาวเมืองฟื้นฟูและซ่อมแซมเมืองที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม แม้ภายในใจจะแสนคะนึงหาภรรยาอันเป็นที่รัก และสองลูกน้อยที่ห่างมานาน แต่เพราะภาระหน้าที่แล้วเขาจึงต้องทน“ท่านแม่ทัพ งานซ่อมแซมที่นี่ก็ไม่มีอันใดให้ต้องเป็นห่วงแล้ว สถานการณ์ทางฝั่งเมืองเมืองฉงหนานก็ดูสงบเรียบร้อยดี ข้าว่าพวกเรายกทัพกลับเมืองหนานถิงกันดีหรือไม่ขอรับ เหล่าทหารที่จากครอบครัวมานาน คงจะคะนึงหาคนที่รออยู่ไม่น้อยแล้ว”ฉงจี้ กุนซือคนสนิทกล่าวออกมาในขณะที่เห็นท่านแม่ทัพยืนอยู่บนกำแพงเมือง แล้วกำลังทอดสายตามองไปยังทิศทางที่เมืองหนานถิงตั้งอยู่ ใบหน้าคมมีหนวดเคราครึ้มหันหน้ากลับมามองกุนซือ“อืม… ข้าก็เห็นด้วยกับท่านกุนซือ เพราะแม้แต่ตัวข้าเอง ก็คิดถึงฮูหยินและลูกๆ ของข้าเหลือเกิน”แม่ทัพผู้องอาจยอมรับออกมาอย่างไม่อาย สงครามไม่เคยทำให้ผู้ใดมีความสุข มีแต่จะพรากความสุขและชีวิตของผู้คนอันเป็นที่รักไป มีทหารหลายนายที่ไม่ได้กลับไปพร้อมกับพวกตน ครอบครัวที่รออยู่ที่เรือนจะพากันเศร้าโศกเพียงใด แ

  • สตรีแกร่ง หลินซูเหมย   ตอนที่ 43 - 1 มีสุขร่วมเสพ...มีทุกข์ร่วมต้าน

    และแล้วแผนการของแม่ทัพฟางเซี่ยหมินก็ได้เริ่มต้นขึ้นในยามโฉ่ว ในขณะที่ทหารของเหล่าข้าศึกกำลังพักผ่อน เหล่าทหารกล้าฝีมือดีของเมืองซาย่านับร้อยก็พากันลักลอบออกจากกำแพงเมือง โดยใช้เส้นทางลับที่คราก่อนท่านแม่ทัพฟางได้สั่งให้สร้างเอาไว้ เส้นทางลับนี้มีแต่เหล่าทหารกล้าเท่านั้นที่รู้ เพราะคนยิ่งรู้น้อยเมืองก็ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้นทหารกลุ่มหนึ่งค่อยๆ ย่องทะลุผ่านป่าออกไปอย่างเงียบเชียบ และอีกส่วนหนึ่งเตรียมลูกธนูเอาไว้เพื่อจุดไฟแล้วยิงตีวงล้อม เพราะพวกข้าศึกข้ามแม่น้ำที่แห้งขอดมาได้แล้ว จึงตั้งกระโจมอยู่ไม่ห่างจากกำแพงเมืองมากนัก แม้จะมีโอกาสเข้าโจมตีเมืองซาย่าหลายต่อหลายครั้ง แต่ทว่ากลับถูกทหารของเมืองซาย่าโดยมีเทพสงครามอย่างแม่ทัพฟางเซี่ยหมินคอยคุมทัพอยู่ จัดการจนพวกข้าพากันศึกถอยร่นเกือบไม่ทัน ต้องกลับมาตั้งหลักกันใหม่อยู่ถึงสามหนรองแม่ทัพหนุ่มพร้อมกลุ่มทหารกลุ่มที่รับหน้าที่เผาเสบียง เริ่มลงมือหลังจากที่พวกเขาค่อยๆ จัดการฆ่าปิดปากพวกทหารที่เฝ้ายามแล้วนำเสื้อผ้าของพวกมันมาใส่สวมไว้แทน พวกข้าศึกไม่คิดว่าพวกทหารในเมืองซาย่าจะกล้าออกจากเมืองมาจึงไม่มีผู้ใดนึกหวาดระแวง"รอพวกมันเผลอ แล้วอ้อมไ

  • สตรีแกร่ง หลินซูเหมย   ตอนที่ 43 มีสุขร่วมเสพ...มีทุกร่วมต้าน

    ศึกภายนอกสงบสุขได้เพียงสองปี ข้าศึกก็กลับมารุกรานชายแดนเมืองซาย่าอีกครา ที่ผ่านมาแม่ทัพหนุ่มมิได้ชะล่าใจเลยแม้แต่น้อย เขาได้สั่งกำลังพลให้เตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ แม้กำแพงเมืองจะแข็งแกร่งแต่ข้าศึกก็ยังคงสามารถส่งไส้ศึกให้เข้ามาในเมืองได้อยู่ร่ำไป แม่ทัพหนุ่มจึงจำต้องออกไปสู้รบเพื่อทวงคืนสงบสุขให้กลับคืนมาดังเดิมยามนี้บุตรชายคนโตนั้นก็อายุได้สี่ขวบแล้ว และบุตรีคนรองของเขาก็เข้าสู่วัยสองขวบ เขาสั่งให้ภรรยาพาลูกๆ กลับไปยังเมืองหนานอันเพื่อความปลอดภัย แต่มีหรือว่าหลินซูเหมยจะยอมเชื่อฟัง นางจัดตั้งศูนย์พักพิงเพื่อชาวเมืองที่อพยพมาอีกครา และคอยช่วยคัดกรองผู้อพยพด้วยตนเอง ส่วนเด็กๆ นางก็ให้ป้ามู่ และมู่หลันพาเดินทางกลับไปอยู่กับท่านผู้เฒ่าฟางและฮูหยินผู้เฒ่าฟางยังจวนแม่ทัพฟางที่เมืองหนานอันแล้ว เสี่ยวเอ๋อนั้นดื้อรั้นที่จะติดตามนางมาโดยฝากบุตรชายไว้กับมู่หลัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินยอมจากไปเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ แต่โดยดี“ฮูหยินขอรับ… มีข้าวกับยาส่งมาจากเมืองหนานอันขอรับ บอกว่ามาจากตระกูลหลินกับตระกูลฟาง” ได้ยินเช่นนั้นหลินซูเหมยจึงยิ้มออกมาทันที เพราะนางรู้ดีว่าผู้ใดที่ส่งข้าวและยามาสนับสนุนนาง

  • สตรีแกร่ง หลินซูเหมย   ตอนที่ 42 - 1 ทายาทคนที่สองของท่านแม่ทัพ

    หกเดือนต่อมาภายในจวนแม่ทัพทิศเหนือยามนี้กำลังวุ่นวายเพราะนายหญิงใหญ่กำลังจะคลอดทายาทคนที่สองของท่านแม่ทัพ ครานี้ฟางเซี่ยหมินไม่ยอมละสายตาจากภรรยาแม้เขาจะเตรียมการก่อนที่ภรรยาจะคลอดแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสาวใช้ที่ช่ำชองเรื่องการช่วยหมอตำแยคลอดลูก หมอตำแย และหมอหลวง ทุกคนต่างทำหน้าที่กันอย่างขะมักเขม้น เจ้าของร่างอวบอิ่มที่มีหน้าท้องยื่นออกมาราวกับลูกแตงโมกำลังนอนหน้าซีดอยู่บนเตียง“เป็นเช่นไรบ้างขอรับท่านหมอหลวง” ฟางเซี่ยหมินเอ่ยถามหมอหลวงออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“เด็กกลับหัวแล้วขอรับ ต่อไปเชิญหมอตำแยมาทำหน้าที่ต่อได้เลยขอรับ”ท่านหมอหลวงยิ้มก่อนที่จะรายงานผลการตรวจออกมา หลังจากตรวจเสร็จท่านหมอหลวงก็ออกไปรออยู่ด้านนอกห้องปล่อยให้หมอตำแยทำหน้าที่คลอดทารกต่อ แต่เขายังมิได้กลับทันทีเพราะยังคงต้องรอตรวจอาการหลังคลอดให้ฮูหยินแม่ทัพอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นหมอตำแยจึงเข้าไปประจำที่แทนหมอหลวงที่ทำการตรวจชีพจรให้แก่ฮูหยินก่อนหน้า ท่านแม่ทัพหนุ่มเข้าไปปลอบใจภรรยา มือหนาคว้ามือบางขึ้นมากุมเอาไว้“มิต้องกังวลนะน้องหญิง พี่จะอยู่เคียงข้างเจ้ากับลูก จะไม่ทิ้งพวกเจ้าไปไหน”น้ำเสียงอบอุ่นกับ

  • สตรีแกร่ง หลินซูเหมย   ตอนที่ 42 ทายาทคนที่สองของท่านแม่ทัพ

    ผ่านไปไม่ถึงสามเดือนหลังจากที่เสี่ยวเอ๋อคลอดบุตรชายคนแรกของนางกับตงหลง จวนแม่ทัพก็มีข่าวน่ายินดีอีกครั้ง เพราะฮูหยินกำลังตั้งครรภ์ทายาทคนที่สองของนางกับท่านแม่ทัพ จากกำหนดการที่จะกลับไปเยี่ยมบ้านก็เป็นอันต้องเลื่อนออกไปเพราะกำลังต้งครรภ์อ่อนๆ ทำให้มิสามารถเดินทางไกลได้ ฟางเซี่ยเหวินตื่นเต้นอยู่กับน้องตัวเล็ก ลูกชายของเสี่ยวเอ๋อกับตงหลงจนมิยอมกลับเรือน เหล่าพี่เลี้ยงจึงต้องไปคอยดูแลคุณชายใหญ่ที่นั่นเพราะนายหญิงใหญ่มิสามารถดูแลคุณชายใหญ่ได้เต็มที่ด้วยอาการแพ้ท้อง“แอว๊ะ……อ๊วก…….” เสียงอาเจียนดังมาตั้งแต่ยามเหม่า การตั้งครรภ์ครานี้นั้นหลินซูเหมยลำบากอยู่ไม่น้อยเพราะอาการแพ้ท้องออกเร็ว“ฮูหยินเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ให้พี่ตามหมอหลวงมาตรวจอาการดีหรือไม่”ฟางเซี่ยหมินเอ่ยถามภรรยาออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน เหตุใดเกิดมาเป็นสตรีต้องทรมานเช่นนี้ในยามตั้งครรภ์ก็ไม่รู้ เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย เพราะเป็นเช่นนี้เขาจึงต้องทะนุถนอมภรรยาให้มากๆ เพราะนางเสียสละร่างกายของนางเพื่อให้กำเนิดทายาทสืบสกุล“ดมยาหอมค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อยเจ้าค่ะท่านพี่ นี่ท่านมิออกไปชายแดนหรือเจ้าคะ” มู่หลันนำยาหอมมาให้นายหญิงสูดดมเพื่อลด

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status