“ไข่หวาน!!! พี่ต้าเป็นยังไงบ้าง” อรุณเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ครู… พี่ต้า…. พี่ต้าเสียแล้วจ้ะ หมอบอกว่าพี่ต้าทนพิษบาดแผลไม่ไหว เธอเสียเลือดมากก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล ฮือๆๆ ครูจ๋า พี่ต้าไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ”
ไข่หวานบอกครูมวยของเธอออกมาทั้งน้ำตา อรุณเกิดอาการช็อกจนเป็นลมล้มลงไป ดีที่นักมวยหนุ่มๆ รีบเข้าประคองร่างของเจ้าของค่ายมวยได้ทันควัน เขาจึงไม่ได้ล้มลงไปบนพื้นของโรงพยาบาล เมื่อได้สติอรุณจึงเข้าไปดูร่างของบุตรสาว น้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงมาอาบแก้ม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุตรสาวของเขาจะมีอายุสั้นถึงเพียงนี้ เจ้าของกระเป๋าเมื่อรู้ข่าวเธอจึงเดินทางมาขอบคุณและขอโทษอรุณที่ทำให้เขาต้องสูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวไป อรุณไม่ได้โกรธใคร เขาภูมิใจด้วยซ้ำที่บุตรสาวของเขาจากไปเพราะทำความดี
ข่าวการเสียชีวิตของนักมวยสาวดาวรุ่งวัยสิบเก้าปี ที่กำลังจะย่างเข้าสู่วัยยี่สิบปีในวันถัดมาถูกตีแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว ข่าวนี้นับเป็นข่าวที่หดหู่ สร้างความเสียใจให้กับแฟนมวยทั้งประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก นอกจากเธอจะเป็นนักมวยที่มีฝีมือและชื่อเสียงแล้ว เธอยังเป็นฮีโร่ของประชาชนอีกด้วย หากวันนั้นเธอไม่เข้าไปช่วยจับขโมย เธอก็คงจะไม่ต้องพบกับความสูญเสียถึงชีวิตเช่นนี้
“ฮือๆๆๆ ไข่หวานจะตั้งใจฝึกซ้อม จะเป็นแชมป์ให้พี่ต้าได้ภูมิใจให้ได้นะ”
ไข่หวานเอ่ยขึ้นขณะที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพของไอดอลของเธอ งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดในวันนี้ แทนที่จะมีเสียงหัวเราะสนุกสนาน กลับกลายเป็นเสียงร้องไห้เพราะความโศกเศร้า ไข่หวานรู้สึกทำใจไม่ได้ คนดีๆ ทำไมถึงจากไปเร็วนัก ทีคนชั่วทำไมอายุยาวนานเหลือเกิน ไข่หวานไม่เข้าใจ
“ผมว่าแล้ว ฮือๆๆๆ ก่อนหน้านี้ผมเห็นพี่ต้าไม่มีหัว แต่ผมไม่กล้าพูดออกมา ถ้าผมรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ผมจะบอกครูอรุณ ให้ครูอรุณพาพี่ต้าไปสะเดาะเคราะห์แล้ว ฮือๆๆๆ”
บอสเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา โทษแต่ว่าเป็นความผิดของเขาที่เห็นมีสัญญาณเตือนว่านักมวยรุ่นพี่สาวกำลังจะมีอันเป็นไป แต่เขาก็ไม่ยอมเอ่ยออกมา
“พวกเอ็งอย่าร้องไห้ให้ต้ามันจากไปแบบไม่สงบเลย ครูรู้ว่าต้าทำดีที่สุดแล้ว”
อรุณเอ่ยออกมา ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บปวดกับการสูญเสียลูกสาวเพียงคนเดียวไป แต่เขาก็รับรู้ได้ว่า อมิตานั้นไม่อยากให้ทุกคนจมอยู่กับความโศกเศร้า
งานศพของฮีโร่สาวถูกจัดขึ้นสามวันสามคืน เธอได้รับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพและพระราชทานเพลิงศพเพราะวาระสุดท้ายของนักมวยสาวนั้นได้กระทำความดี ตัวจากไปแต่ความดียังเป็นที่พูดถึง อรุณแม้จะเสียใจแต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองต่อไป แฟนๆ มวยต่างพากันไว้อาลัยและรำลึกถึงความดีของเธอ แม้จะเสียดายแค่ไหนแต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องจากไปเช่นกันเมื่อถึงเวลา วิญญาณของอมิตาลอยล่องผ่านภพไปยังภพอื่น เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังกลับชาติไปเกิดใหม่ในเมืองที่เธอไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง
เมืองหนานอัน แคว้นต้าตง
ร่างบางที่นอนแน่นิ่งมาถึงสามวันเริ่มขยับตัวบนฟูกนอน เสี่ยวเอ๋อที่นอนกุมมือคุณหนูของนางอยู่พลอยรู้สึกตัวไปด้วย นางเด้งตัวขึ้นก่อนที่จะร้องเรียกทั้งคุณหนูห้าและนายหญิงของนาง
“คุณหนู…ฮือๆๆ คุณหนูฟื้นแล้ว นายหญิง…คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้วเจ้าค่ะ” เสียงของเสี่ยวเอ๋อที่ดังขึ้นทำให้อนุซูฉีรีบวิ่งเข้ามาดูบุตรสาวด้วยความดีใจ
ร่างบางที่ไร้เรี่ยวแรงกระแอมไอขึ้นมา เธอค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนที่จะพบว่าภาพที่เธอเห็นยามนี้นั้นเป็นภาพเช่นเดียวกับซีรีส์ที่เธอชอบดูอยู่เป็นประจำ มองไปยังบุคคลเบื้องหน้าที่ร้องเรียกเธอเป็นภาษาจีนเช่นเดียวกับในซีรีส์ออกมา หญิงวัยกลางคนที่เอาแต่ร้องเรียกชื่อที่เธอไม่เคยได้ยิน ส่วนหญิงสาวที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่นอีกคนก็ร้องไห้ออกมาราวกับว่าดีใจกับการได้พบเธอ
อมิตารู้สึกงุนงงปนตกใจก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้ง เธอเข้าใจว่าตนเองกำลังอยู่ในความฝัน ทั้งนายหญิงและเด็กรับใช้มองหน้ากันอย่างงุนงง อมิตาพยายามทบทวนเหตุการณ์ก่อนที่เธอจะฟื้นคืนสติในครั้งนี้ ก่อนหน้านั้นเธอวิ่งตามขโมยจากนั้นจึงถูกแทงเข้าที่หน้าท้อง
‘นี่เธอ!! เสียชีวิตแล้วหรือนี่ แล้วบิดาของเธอล่ะ เขาจะอยู่ได้อย่างไร’
อมิตาแทบสิ้นสติ เธอปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาแต่ทว่าไม่ได้ส่งเสียงร้องไห้ฟูมฟายอย่างที่ควรจะเป็น ร่างบางที่ผ่ายผอมค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น เสี่ยวเอ๋อรีบเข้าช่วยประคองคุณหนูห้าให้ลุกขึ้นนั่งตามที่นางต้องการ
มือบางยกขึ้นมากุมขมับก่อนที่ภาพหลากหลายซึ่งเป็นอดีตของเด็กสาวไหลวนกลับเข้ามาในห้วงของความทรงจำ ภาพของเด็กสาวที่ถูกกลั่นแกล้งรังแกมาตั้งแต่วัยเยาว์ เรื่องราวต่างๆ ไหลเวียนมาราวกับภาพในซีรีส์ อมิตาจึงรับรู้ได้ว่าตอนนี้เธอได้มาอยู่ในร่างของเด็กสาวที่มีนามว่า ‘หลินซูเหมย’ บุตรีของเจ้ากรมการกลาโหมกับอนุซูฉี แห่งเมืองหนานอัน และแน่นอนว่าเด็กสาวคือลูกอนุ ‘นี่เธอตายแล้วกลับชาติมาเกิดในร่างของเด็กสาวผู้นี้หรือนี่’
“โอ๊ย!!! ปวดหัว”
เธออุทานออกมา อนุซูฉีมารดาของหลินซูเหมยจึงรีบให้เด็กรับใช้ไปเรียกหมอหวงที่มีโรงหมออยู่ไม่ไกลจากจวนแห่งนี้ ไม่กี่เค่อต่อมา หมอหวงก็เดินทางมาถึงเรือนสี่ของอนุซูฉี หลินหยางมาดูอาการบุตรีพร้อมกับหลินฮูหยิน ท่านหมอหวงตรวจดูอาการอยู่สักพักก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมา
“นายท่านหลิน หลินฮูหยิน อนุซูฉี คุณหนูห้าปลอดภัยแล้วขอรับ เพียงแต่ให้นางนอนพักอีกสักหน่อย ยานี่นำไปต้มเพื่อฟื้นกำลังของนาง อีกไม่เกินสองสามวัน ข้าคิดว่านางคงจะแข็งแรงขึ้นแล้วล่ะขอรับ”
หมอหวงบอกอาการที่เขาตรวจได้จากการจับชีพจรของคุณหนูห้า เขารู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่อาการป่วยของคุณหนูห้าดูจะมีอาการดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แถมร่างกายของนางยังแข็งแรงมากขึ้นกว่าเก่าอีกด้วย
เมื่อผู้เป็นบิดาและมารดาได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับดีใจ ส่วนคนที่เพิ่งให้ท่านหมอตรวจมองหน้าผู้คนที่อยู่รอบๆ ด้วยความงุนงง เธอต้องการที่จะรับรู้เรื่องราวของเด็กสาวที่เธอมาอยู่ในร่างนี้ให้มากกว่านี้ เปลือกตาบางจึงค่อยๆ ปิดลง ท่านหมอจึงบอกกับทุกคนว่าคุณหนูห้าต้องการพักผ่อน หลินหยางกับหลินฮูหยินจึงพากันกลับเรือนใหญ่ไป ส่วนคนที่เพิ่งรู้ข่าวว่าหลินซูเหมยยังไม่ตายก็เกิดอาการร้อนใจ หากนางจำได้ว่านางไม่ได้ตกน้ำไปด้วยตนเอง แต่ทว่ามีคนผลักนาง เรื่องนี้คงไม่จบเพียงเท่านี้แน่ๆ ร่างบางรีบสาวเท้าเดินกลับเรือนสามไปอย่างเร่งรีบเพื่อรายงานให้นายหญิงกับคุณหนูสี่ได้รับทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
หลังรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จ อนุซูฉีจึงเอ่ยขอตัวกลับเรือนก่อน นางเจียมตัวและรู้ดีว่าที่นี่มิใช่ที่ของนาง หลินซูเหมย แม่ทัพฟางเซี่ยหมินและบุตรชายที่กำลังจะติดตามมารดาของนางไปนอนค้างที่เรือนก็ต้องชะงักเท้าเมื่อหลินจินหรู หรือพี่สี่ร้องเรียกนางเอาไว้ หลินซูเหมยจึงบอกให้มารดาพาหลานและท่านแม่ทัพกลับไปเรือนก่อนแล้วนางจะตามไป มีเพียงมู่หลันที่ต้องอยู่กับนายหญิงเพื่อคอยดูแลนาง“พี่ขอคุยกับเจ้าสักประเดี๋ยว”หลินซูเหมยจึงบอกให้มู่หลันหลบไปให้ห่างๆ เพราะเท่าที่ดูพี่หญิงสี่ผู้นี้คงจะมีเรื่องสำคัญอยากที่จะคุยกับนาง เมื่อสาวรับใช้ของทั้งสองเดินหลบไปยืนอยู่ไกลๆแล้ว สตรีทั้งสองจึงยืนประจันหน้ากันอยู่ตามลำพัง แววตาที่เคยอิจฉาริษยาของพี่สาวผู้นี้ดูเปลี่ยนไป“ที่ผ่านมาพี่ขออภัยต่อเจ้าด้วย ตอนนั้นพี่อาจจะยังเด็กจึงยังตีความหมายของคำว่ารักไม่เข้าใจ ตอนนั้นพี่เข้าใจว่าท่านพ่อรักเจ้า ท่านพี่หญิงรองเอ็นดูเจ้า พี่เข้าใจว่าเจ้าแย่งความรักจากพวกเขาไป แต่พอพี่เสียท่านแม่ไป พี่ถึงได้รู้ว่าความอิจฉาริษยาที่พี่มีต่อเจ้าในอดีตทำให้ท่านแม่ของพี่ต้องมาทำผิดเพื่อพี่จนมีจุด
หลังจากงานแต่งงานของฟางเซี่ยฉินผ่านพ้นไป ฟางเซี่ยหมินจึงพาภรรยาและบุตรชายไปพักที่จวนสกุลหลินต่อ เพราะตอนที่เดินทางมานั้นยังไม่ได้แวะคารวะบิดามารดาของภรรยาเลย ด้วยภาระหน้าที่ตำแหน่งแม่ทัพที่ต้องแบกรับจึงมิอาจสามารถกลับมาเยี่ยมทั้งสองครอบครัวได้บ่อยๆ เมื่อคำนับลาใต้เท้าฟางกับฟางฮูหยินแล้ว รถม้าของจวนแม่ทัพทิศเหนือจึงมุ่งหน้าไปยังจวนสกุลหลินณ ยามนี้ที่ด้านหน้าจวนมีรถม้าจากจวนสกุลโจวและรถม้าจากจวนสกุลซื่อมาจอดอยู่ก่อนหน้าแล้ว เมื่อสองสามีภรรยาพร้อมกับลูกชายตัวน้อยเดินทางมาถึงจึงได้พบกับพี่สาวทั้งสองนางของหลินซูเหมย แม้แรกๆ หลินจินหรูจะรู้สึกไม่ดีที่ได้พบเจอน้องห้าที่มิได้พบเจอกันมานาน แต่นางก็เริ่มที่จะปล่อยวางเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมิได้ติดใจเอาความเรื่องราวในอดีตแต่อย่างใด“คารวะท่านพ่อตา ท่านแม่ยายขอรับ”“คารวะท่านพ่อท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ” สองสามีภรรยาที่เพิ่งเดินทางมาถึงเข้าไปคำนับผู้ใหญ่ทั้งสอง“ตามสบายเขยห้า เหมยเอ๋อร์ นั่นใช่เหวินเอ๋อร์ใช่หรือไม่"ใต้เท้าหลินยิ้มแย้มก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นเด็กชายตัวน้อยที่ยืนเขินอ
“จ้านเอ๋อร์ ดูน้องด้วยนะลูก” สะใภ้ใหญ่เอ่ยขึ้นบ้าง“เพิ่งจะขวบกว่าๆ แต่ซนนักเจ้าค่ะ” หลินซูเหมยเอ่ยออกมาพลางยกน้ำชาขึ้นมาจิบ เสี่ยวเอ๋อมิได้ติดตามนางมาด้วยเพราะว่ากำลังตั้งครรภ์ นางจึงให้มู่หลันติดตามนางกับแม่นมฉวนที่กลับมาอยู่ที่จวนแม่ทัพเช่นเดิม“สายเลือดนักรบแรงกล้า เจ้าคงต้องทำใจแล้วล่ะน้องสะใภ้สาม” พี่สะใภ้รองขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม“นั่นน่ะสิเจ้าคะ พวกบ่าวในเรือนช่วยกันวิ่งตามจับแทบจะไม่ทัน” หลินซูเหมยเห็นด้วย บุตรชายของนางผู้นี้ช่างมีพลังเยอะเหลือล้น เขาวิ่งเล่นจนบ่าวในเรือนพากันเหน็ดเหนื่อยที่ต้องคอยวิ่งตามระแวดระวังความปลอดภัยให้กับคุณชายน้อยสตรีทั้งสามนั่งพูดคุยกันขณะที่สายตาก็จ้องมองบุตรของพวกตนไปด้วย ฟางเซี่ยฉินที่เตรียมตัวจะออกเรือนในวันพรุ่งนี้เดินเข้ามาหาพี่สะใภ้ทั้งสามกับหลานๆ ที่สวนดอกไม้แห่งนี้ นางตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก จึงอยากจะมาขอคำปรึกษาพี่สะใภ้ซึ่งล้วนแต่เป็นสตรีด้วยกันทั้งสาม“คารวะพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้สามเจ้าค่ะ” เจ้าของเรือนร่างงามคำนับสตรีทั้งสามที่กำล
ในขณะที่ท่านแม่ทัพอดหลับอดนอนเพื่อดูแลภรรยาที่นอนหลับไปสามวันสามคืน นิ้วมือของเจ้าของร่างอวบอิ่มก็เริ่มขยับจนคนที่กุมเอาไว้รู้สึกไปด้วย เขาลุกขึ้นก่อนที่จะเรียกท่านหมอที่เขาเชิญให้อยู่ดูอาการให้ภรรยาของเขาตั้งแต่วันแรกที่นางสลบไป“ท่านหมอ… ฮูหยินของข้านางรู้สึกตัวแล้ว รีบมาตรวจดูอาการของนางเร็วเข้า”ท่านหมอชุนรีบเข้ามาในห้องนอนของท่านแม่ทัพ ก่อนที่จะลงมือจับชีพจรของฮูหยิน เป็นปกติ นางรอดพ้นเงื้อมมือของมัจจุราชมาได้แล้ว“รายงานท่านแม่ทัพ อาการของนายหญิงตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วขอรับ นางปลอดภัยแล้วขอรับ” หมอหลวงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี ท่านแม่ทัพรีบปรี่เข้าไปหาภรรยาก่อนที่จะจับมือนางมากุมเอาไว้“น้องหญิง… ตื่นเถิด พี่กับลูกรอเจ้านานแล้วนะ แม่นมฉวน พาเหวินเอ๋อร์มาหาข้าทีเถิด ข้าจะให้เขาได้ปลุกแม่ของเขา ให้นางตื่นขึ้นมาให้นมเขาเองเสียที”แม่นมฉวนน้ำตาคลอเมื่อรู้ว่านายหญิงปลอดภัยแล้ว นางรีบอุ้มคุณชายน้อยมาส่งให้กับคุณชายสาม เขารับร่างเล็กที่นอนมองหน้าเขาตาแป๋วมาอุ้มเอาไว้พลางนำมือของภรรยามาวางไว้บนมือของลูกน
หมอตำแยจัดการทำความสะอาดและดูแลแผลให้กับนาง พร้อมกับพาคุณชายน้อยมารับน้ำนมจากถันงามของฮูหยิน ทารกน้อยดูดกลืนน้ำนมจากเต้างามของมารดา หลินซูเหมยสลบไปแล้วจึงมิได้รับรู้ว่าบุตรชายตัวน้อยของนางนั้นหน้าตาน่ารักน่าชังขนาดไหน“ท่านแม่ทัพ ได้คุณชายน้อยเจ้าค่ะ"มู่หลันออกมารายงาน แม่นมฉวนอุ้มทารกน้อยในห่อผ้าออกมาหลังจากที่คุณชายน้อยดูดนมจากอกของนายหญิงจนอิ่มแล้ว“ลูกพ่อ…” เขารับมาอุ้มก่อนที่จะกดจมูกโด่งลงบนหน้าผากเล็กของบุตรชาย“คุณชายสาม ตั้งชื่อคุณชายน้อยไว้หรือยังเจ้าคะ” แม่นมฉวนเอ่ยถามคุณชายของตนยิ้มๆ“ฟางเซี่ยเหวิน เขามีชื่อว่า ฟางเซี่ยเหวิน” คนที่ได้เป็นพ่อหมาดๆ ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“แล้วฮูหยินล่ะ นางเป็นเช่นไรบ้าง” เขาไม่ลืมที่จะเอ่ยถามถึงภรรยา“ฮูหยินสลบไปหลังจากคลอดคุณชายน้อยเจ้าค่ะ อาจจะเพราะความอ่อนเพลีย นางจึงยังไม่รู้สึกตัว” หมอตำแยที่เดินออกจากห้องนอนที่เพิ่งทำคลอดให้กับคุณชายน้อยตอบออกมา“สลบเช่นนั้นหรือ นี่เป็นเรื่องปกติหรือไม่”
ความสุขเกิดขึ้นหลังจากสงครามสงบ หนึ่งเดือนให้หลังตงหลงกับเสี่ยวเอ๋อก็ได้แต่งงานกัน แต่ทว่าทั้งสองก็ยังคงอยู่รับใช้ท่านแม่ทัพและนายหญิงใหญ่ที่จวนแม่ทัพทิศเหนือไม่ได้พากันย้ายออกไปไหน แม่นมฉวน แม่นมของแม่ทัพฟางเซี่ยหมินได้เดินทางมาคอยดูแลนายหญิงที่จวนแม่ทัพที่เมืองหนานถิงหลังจากอายุครรภ์ของนายหญิงใหญ่เริ่มมากขึ้น เพราะสาวรับใช้ที่อยู่ที่จวนแห่งนี้มีแต่สาวแรกรุ่นกับคนที่มิเคยผ่านการดูแลเด็กมาก่อน“นายหญิง… ช้าๆ หน่อยเจ้าค่ะ” แม่นมฉวนที่พยุงเรือนร่างอวบอิ่มของนายหญิงเอ่ยออกมา“โถ่…แม่นมฉวน ข้ามิเป็นอันใดหรอกนะ นี่เพิ่งจะห้าเดือนเอง ยังอีกนาน” ฮูหยินแม่ทัพยิ้มก่อนที่จะเอ่ยออกมาเมื่อเห็นแม่นมของสามีแสดงอาการห่วงใยจนเกินเหตุ“ถึงแบบนั้นก็เถอะเจ้าค่ะ นายหญิงต้องดูแลตัวเองดีๆ นะเจ้าคะ ท่านแม่ทัพท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” แม่นมฉวนเอ่ยออกมาประคองนายหญิงไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวที่อยู่ริมหน้าต่าง“นายหญิงหิวหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวเอ๋อเอ่ยถามนายหญิงออกมา“อืม… อยากกินขนมกุ้ยฮวา” น้ำเสียง