LOGINตอนที่ 7 ภาพตัด
“เดินดีๆก่อนได้ไหม”
“แล้วไม่ดีตรงไหน”
จิณห์วราช้อนนัยน์ตาสุกใสแวววาวขึ้นมองร่างสูงที่โอบเอวประคองไว้แนบชิด
“ก็ตรงที่เดินแล้วลูบขาผมเนี่ย ขยับสูงอีกนิดก็โดนน้องชายผมแล้วนะ”
“อือ โทษที”
“ทำไมต้องกินจนเมาขนาดนี้”
“แล้วถ้ากินไม่เมา จะกินทำไมล่ะคุณ”
“ยอกย้อน”
“คุณฉันขี้เกียจเดินแล้วอ่ะ”
“เรื่องเยอะ แล้วจะให้ทำไง”
“อุ้มหน่อย”
พรึ่บ!
ปริชญ์ตวัดร่างบางขึ้นอุ้มแล้วก้าวเดินตรงดิ่งไปที่รถคันหรูก่อนจะปล่อยให้เธอยืนบนพื้นแล้วเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง พร้อมกับดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เรียบร้อย
“ขอบคุณ”
“แค่นี้เองหรอ”
“จะให้ตอบว่าไง หรือต้องทำเป็นอินโนเซนท์จ้องหน้าคุณนิ่งๆ รอจูบจากคุณงั้นหรอ”
“อือ ได้ไหมล่ะ”
“ไม่อ่ะ มันเชยอ่ะคุณ ใครๆเขาก็ทำกันป่ะ”
“รู้มาก”
“ฉันทำงานแบบนี้ เจอบรรดาเสือ สิงห์พร้อมบุกขย้ำ ถ้าไม่มีภูมิต้านทานคงไม่อยู่รอดจนมาถึงทุกวันนี้หรอก”
“แต่ก็เก่งมาก” ผมกระซิบบอกเธอเบาๆพร้อมกับยื่นมือหยิกแก้มนุ่มด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะเดินอ้อมมาด้านคนขับ จนไม่ทันเห็นแก้มนวลขึ้นสีแดงระเรื่อ
จิณห์วราลูบอกด้านซ้ายเบาๆเมื่อรับรู้ความผิดปกติที่เกิดขึ้นแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซ้ำยังเกิดขึ้นกับคนที่ไม่รู้จักอีก ฉันพยายามควบคุมลมหายใจและอาการใจเต้นแรงให้อยู่ในระดับปกติเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้ ก่อนจะหันไปมองคนข้างๆที่อยู่หลังพวงมาลัยพารถคันหรูแล่นไปตามท้องถนนโล่งในช่วงเวลาที่ผู้คนต่างหลับใหล
“คุณ”
“หื้ม”
“ทำไมใส่แว่น สายตาสั้นหรอ”
“ไม่นะ”
“อ่าว! แล้วที่เขาพูดกันว่าคนใส่แว่นกินดุจริงป่ะ”
“ลองไหมล่ะ”
“เหอะ! เนิร์ดแบบนี้จะร้อนแรงสักแค่ไหนกันเชียว”
“พูดแบบนี้ ไปต่อด้วยกันไหมล่ะครับ”
“หึๆ” จิณห์วราหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมขยับตัวนั่งเฉียงหันหน้าเข้าหา “อ่อยเหยื่อหรอ”
“เปล่าอ่อย แล้วอีกอย่างของแบบนี้เขาไม่พูดกันหรอก ต้องทดลองด้วยตัวเอง”
“อย่ามาฉวยโอกาสตอนเมา เพราะมันไม่ได้ผล”
“ไม่กล้าอ่ะดิ”
“อย่าท้าทาย” ฉันตวัดตาจ้องคนตรงหน้าเขม็ง เธอไม่ชอบให้ใครมาท้าทายแล้วยิ่งในเวลาที่ร่างกายรับแอลกอฮอล์เข้าไปเกินลิมิตความอยากเอาชนะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยออกพร้อมขยับตัวขึ้นเล็กน้อย อาศัยช่วงที่เขาจอดรถติดไฟแดงโน้มต้นคอลงมาแล้วจูบลงบนริมฝีปากหยักทันที
“อึก อื้อออ”
จากที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนแต่พอถูกเขาจูบกลับด้วยจูบแสนเร้าร้อนจนร่างบางอ่อนระทวย จึงถูกเขาดึงเข้าไปกอดแนบแน่นจนกระทั่ง
ปรื้นนนน
เสียงบีบแตรดังขึ้นจากรถทางด้านหลังทำให้ปริชญ์ยอมปล่อยให้ร่างบางได้รับอิสระแล้วกลับมาตั้งใจขับรถต่อ
แก้มนวลแดงระเรื่อเพิ่มมากขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะการกระทำของเขาหรือเพราะพิษแอลกอฮอล์ในร่างกายที่เริ่มออกฤทธิ์จนเธอเริ่มมึนหัวหนักขึ้นเรื่อย ๆ ลมหายใจสั่นสะท้าน สติเริ่มเลือนลางแต่ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดับวูบ ความทรงจำครั้งสุดท้ายที่จำได้...เขาพาเธอเข้าโรงแรม
แสงตะวันที่โผล่พ้นขอบฟ้าเริ่มเปล่งแสงประกาย ทำให้ร่างบางที่นอนหลับสนิทบนเตียงสีขาวสะลืมสะลือตื่นพร้อมกับยกมือขึ้นบังแสงที่ลอดทะลุผ่านผ้าม่านเข้ามา
“อื้อ”
เธอขยับพลิกตัวอย่างแผ่วเบาด้วยความปวดเมื่อยไปทั้งตัว ก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อความทรงจำเมื่อคืนผุดเข้ามาในหัวสมอง ก่อนจะหันมองคนข้างๆช้าๆ เห็นแผ่นหลังกว้าง ผิวขาวอย่างคนสุขภาพดีนอนคว่ำหน้า ผ้าห่มผื่นใหญ่ปิดคลุมสะโพกหนา ถ้าให้เดาเขาคงไม่ได้ใส่อะไรไว้แน่ๆแล้วพอก้มดูตัวเองถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ
“ซวยแล้ว จันทร์เจ้า” เธออุทานเสียงแผ่วเบาเมื่อร่างกายในตอนนี้ไม่มีเสื้อผ้าติดกายสักชิ้นก่อนจะค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นแล้วเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำอย่างเงียบเชียบจนเรียบร้อย ก่อนจะวิ่งไปคว้ากระเป๋าสายมาสะพาย แล้วออกจากห้องด้วยความเร่งรีบและเงียบที่สุด
ฟู่ว!
เธอถอนหายใจออกมายาวเหยียด หลังจากพาตัวเองออกมาด้านหน้าโรงแรมได้สำเร็จ แม้จะโล่งใจแต่ก็โล่งใจไม่สุดเมื่อเธอจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยหลังจากที่เขาพาเธอเข้าโรงแรม
“จะได้เสียกันไหมวะ”
“แต่ก็ไม่เจ็บ ไม่ปวดนี่หว่า” ฉันกระโดดไปมา ขยับตัวอ้าขากว้างอย่างลืมตัว จนผู้คนที่เดินขวักไขว่ผ่านไปผ่านมาต้องหันมองด้วยความงุนงงราวกับเธอเป็นตัวประหลาด
“โอ๊ย จันทร์เจ้า เรื่องสำคัญแบบนี้พลาดได้ไงวะเนี่ย” ตื่นมานอนกับใครไม่นอน ดันมานอนกับคนที่เธอเคยปากดีใส่ไว้
ครืด ครืด ครืด
โทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋าสะพายสั่นสะท้านเมื่อมีสายเรียกเข้า เธอจึงรีบควานหาก่อนจะกดรับสายเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา
“ว่าไงแซนดี้”
“มึงอยู่ไหนจันทร์เจ้า”
“อยู่... อ๋อ คอนโด มีอะไร” เสียงหวานตอบตะกุกตะกักเมื่อสติสัมปชัญญะที่เตลิดไปยังไม่กลับมาเต็มร้อย
“ฉันเป็นห่วงกลัวไม่ถึงห้อง”
“เออ ไม่ต้องห่วง”
“มึงกูซอรี่นะ เรื่องเมื่อคืนที่ทิ้งมึงสองคนไว้ในผับ”
“ไม่เป็นไร ทำอย่างกับแกไม่เคยทิ้งพวกฉันเวลาเจอเป้าหมายถูกตาต้องใจงั้นแหละ”
“แหม่ๆ เพื่อนรักมันก็ต้องมีบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยแล้วป่ะ”
“จ้าไม่บ่อย แค่ทุกครั้งที่ออกเที่ยวเอง”
“จุกอกมาก อย่าเอาความจริงมาพูด”
“เออ แค่นี้นะ ตอนบ่ายเจอกัน”
@มหาลัยรัฐชื่อดัง
โรงอาหาร
เวลา 12.00 น.
ช่วงพักเที่ยงโรงอาหารมหาลัยแน่นขนัดไปกับกลุ่มนักศึกษาหลากหลายคณะจนโต๊ะทุกโต๊ะถูกจับจองจนไม่เหลือที่ว่าง
“ไม่มีที่ว่างเลยอ่า” จิณห์วราเปรยขึ้นพร้อมกับชะเง้อคอมองไปรอบๆโรงอาหาร
“ตรงนั้นว่างพอดีเลย รีบไปกัน” ชรันณ์เอ่ยพูดด้วยความรวดเร็วเมื่อเห็นนักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังลุกขึ้นพอดี ก่อนจะจับแขนเรียวของทั้งสองสาวเดินไปยังโต๊ะที่หมายตาไว้
“ไปหาข้าวกินกัน”
“จันทร์เจ้าแกนั่งเฝ้าโต๊ะนะ จะกินอะไรเดี๋ยวซื้อมาให้”
“กระเพรากุ้งเผ็ดน้อย น้ำเปล่าหนึ่งขวด”
“โอเคจ้า” ฟาริญพยักหน้ารับก่อนจะเดินเคียงคู่ไปกับชรันณ์แล้วแยกย้ายกันไปซื้ออาหารตามร้านเจ้าประจำ ใช้เวลาไม่นานเพื่อนสนิทก็เดินกลับมาพร้อมจานข้าวก่อนจะวางลงแล้วเริ่มลงมือจัดการอาหารตรงหน้า
“พวกมึง”
“ว่า” ฉันที่กระดกน้ำเปล่าขึ้นดื่มครางรับก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“กูขอโทษอีกครั้งนะที่เมื่อคืนทิ้งพวกมึงไว้ที่ผับกันสองคน“
“ไม่ต้องพูด แกก็ชอบทิ้งพวกฉันบ่อยๆ แล้วไปเสวยสุขคนเดียว” ฟาริญบ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างงอนๆ
“กราบขอโทษแบบเบญจางคประดิษฐ์สามที ได้โปรดให้อภัยเพื่อนคนนี้ด้วยนะคะเพื่อนรักทั้งสอง”
“แซนดี้แกทำอะไรเนี่ย เงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย คนอื่นคิดว่าพวกฉันสองคนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แกต้องกราบไหว้แล้วเนี่ย” จิณห์วราสะกิดไหล่เพื่อนยิก ๆ เมื่อคนตรงหน้าไม่พูดเปล่าแต่ยังพนมมือไหว้ ก้มกราบที่โต๊ะค้างไว้ตามที่พูด
“เขาจะคิดว่าแกไหว้ครูแล้วนะแซนดี้ เงยหน้ามาได้แล้ว ฉันอายคนอื่นเขา” ฟาริญพูดย้ำอีกครั้ง
“ยกโทษให้กูก่อนสิ”
“เออๆ” ทั้งสองเอ่ยตอบพร้อมกัน
“แล้วถึงคอนโดกันโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ใช่ไหม”
“อือ ครบถ้วน ถึงบ้านอย่างปลอดภัยแถมโดนคุณยายเทศน์กัณฑ์ใหญ่ถึงบาปบุญ เรื่องรักษาศีลข้อห้าจนหูชา” ฟาริญทำหน้าปูเลี่ยน เมื่อนึกถึงเสียงบ่นคุณยายต้อนรับเช้าวันใหม่ “แค่นั้นไม่พอนะแถมยังลากฉันไปใส่บาตรตอนเช้าต่อ ได้รับพรไปเต็มๆ”
“แล้วแกล่ะ จันทร์เจ้า” ชรันทร์หันมาถามเพื่อนสนิทอีกคนอย่างจิณห์วราที่ขยับตัวหยุกหยิก สายตากลอกกลิ้งไปมาทำตัวราวกับมีเรื่องปิดบัง
“จันทร์เจ้า ว่าไง”
“เอ่อ....” จิณห์วราเงยหน้ามองทั้งสองคนสลับไปมา อ้ำอึ้งอยากเล่าก็อยากเล่า แต่ก็ไม่กล้าปริปากพูด
“อะไร ยังไงถึงคอนโดปลอดภัยใช่ไหม ฉันจะให้รถที่บ้านวนไปส่งแกก็ไม่ยอม” ฟาริญถามย้ำ
“...”
“จันทร์เจ้า จันทร์เจ้า! จันทร์เจ้าโว้ย” ฟาริญสะกิดอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยเรียกอีกครั้งเมื่ออยู่ดีๆเพื่อนสนิทก็นั่งเท้าคาง แววตาเหม่อลอยไร้จุดโฟกัส ซ้ำคิ้วเรียวได้รูปยังขมวดเป็นปมอีก
“จันทร์เจ้า!!”
“....”
“มันเป็นอะไรวะฟ่าง” ชรันณ์หันมาถามฟาริญก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปใกล้จิณห์วรามากขึ้น
“เออ นั่นดิ เหม่อเลย ดูท่าอาการจะหนักด้วยว่ะ”
“จันทร์เจ้า!!!”
“หะ หา โอ๊ย ตกใจหมด” จิณห์วราได้สติสะดุ้งตกใจใบหน้าสวยเหลอหลา “มะ มีอะไร แล้วจะขยับมาใกล้ทำไมเนี่ยแซนดี้”
“เป็นอะไร มึงยังไม่ได้ตอบคำถามพวกกูเลยนะ”
“เปล่าๆ”
“เหม่ออะไร”
“ไม่มีอะไร แค่ง่วงนอนมั้ง”
“หรือเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มี๊ มารีบกิน เดี๋ยวขึ้นเรียนสาย” ฉันตอบเพื่อนสนิททั้งสองเสียงสูงอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะก้มหน้าจัดการอาหารในจานจนเรียบร้อย
“งง อะไรกัน”
“คำว่าพิรุธ โอบล้อมตัวแกไปหมดแล้ว รู้ตัวไหม”
“ไม่มีอะไร ไปๆขึ้นเรียน”
“เออค่า รีบอยู่เนี่ย” ชรันณ์เอ่ยตอบ
“แซนดี้แกว่าจันทร์เจ้ามันมีพิรุธไหม” ฟาริญเอียงตัวกระซิบถามเพื่อนสนิทอย่างชรันณ์ในขณะที่สายตามองตามหลังร่างบางแบบไม่ละสายตา
“มาก”
“รู้นะว่านินทา รีบขึ้นเรียนได้แล้ว”
“จ้าๆ รู้แล้ว” ฟาริญตอบรับก่อนจะหันมากระซิบถามชรันณ์เสียงเบา “จันทร์เจ้ามันมีสามตาหรือไงวะ รู้ทันเราทุกเรื่องเลย”
“ไม่รู้ว่ามีสามตาไหม แต่กูว่าเมื่อคืนต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ เรื่องนี้ต้องตามสืบ”
“เห็นด้วย”
ตอนที่ 14 ไถ่โทษในเวลาต่อมารถคันหรูจอดสนิทในลานจอดรถชั้นใต้ดินคลับ TRADA เธอก็รีบเปิดประตูลงทันที“จันทร์เจ้า”“แยกกันตรงนี้นะคะ จันทร์เจ้าไม่อยากเป็นขี้ปากคนอื่น”“ยังไม่หายโกรธอีกหรือไง”“ค่ะ” เธอตอบเสียงสะบัดก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องแต่งตัวแต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตู เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง “คุณจันทร์เจ้าครับ” “มีอะไรหรือเปล่าคะ” บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ทางเข้าสำหรับพนักงานเรียก เธอจึงหันไปมองด้วยความแปลกใจแล้วเลิกคิ้วขึ้นถาม “เฮียฟินแจ้งไว้ว่าก่อนเข้างานให้ขึ้นไปพบที่ห้องทำงานชั้นบนด่วนครับ” “ขอบคุณนะคะ” ฉันก้มหัวขอบคุณเล็กน้อยแล้วเดินเข้าห้องแต่งตัวทันที ไม่สนใจคำสั่งคนเบื้องบนเพราะยังโมโหที่อีกฝ่ายเป็นเหตุทำให้โทรศัพท์เธอพังไม่หาย “เป็นอะไรจันทร์เจ้า หน้ามุ่ยมาเชียว” “หงุดหงิดคนค่ะพี่ส้มใส” “เอ๊ะ เป็นหนุ่มคนไหนหนอ” ส้มใสยิ้มแซว “ไม่ต้องแซวเลย ไปแต่งตัวดีกว่า” คล้อยหลังเธอไม่นานเฟิร์นเลขาผู้จัดการของเนตรทรายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภ
ตอนที่ 13 ความลับ (แตก)@มหาวิทยาลัย“จันทร์เจ้า”“อุ๊ย พฤกษ์ตกใจหมดเลย” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ร่างบางชะงักหันไปมองคนเรียก“มีอะไร”“คิดถึง”“ไม่ต้องมาอ่อยเหยื่อ เพราะไม่ติดกับแน่นอนจ้า”“ใจแข็งวะ” พฤกษ์โอดครวญแต่ใบหน้ากลับยิ้มกว้างแววตาแพรวพราวตามประสาผู้ชายเจ้าชู้“เดี๋ยวเดินไปส่งคณะ”“ไม่ต้องก็ได้ ไม่เดินหลงหรอก”“เมื่อกี้ใครมาส่ง”“อะไรใครมาส่ง ไม่มี๊” ฉันมองหน้าเขาด้วยความตกใจก่อนจะโบกมือ ส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน“โกหก”“วินมั้ง”“วินขับรถหรูเนาะ”“แก๊ปมาส่ง”“ไม่เนียน”“ไม่มีอะไร”“ลูกค้ามาส่งหรอ”“ก็รู้ว่าไม่รับงานบนเตียง”“ไม่ใช่ ก็คิดว่าลูกค้าที่รับงานกินข้าวด้วยไง”“เออ ใช่ๆ แต่อันนี้ไม่ใช่กินข้าว แต่แค่ให้นั่งมามหาลัยพร้อมกัน วิธีบอกเลิกสาวแต่สาวไม่ยอมเลิก ตอแยไม่หยุดเลยใช้วิธีนี้” อยากกราบสมองที่ผุดไอเดีย คำพูดแก้ตัวได้สดๆร้อนๆ“เชื่อยาก”“เอ้า ไม่เชื่อจะให้อธิบายทำไมไม่รู้”“พยายามจะเชื่อแล้วกัน แล้ววันนี้เลิกเรียนกี่โมง”“วันนี้มีเรียนเต็มวัน 17.00 นู่นแหละบางทีอาจารย์ก็อาจปล่อยเลท”“เย็นนี้ไปกินข้าวกับป่ะ”“ไม่ว่าง ต้องรีบกลับไปทำงาน เดี๋ยวโดนเจ๊นาวกินหั
ตอนที่ 12 ติดใจเหยื่อ “ไอ้ฟินๆ”“มีอะไร”“น้องคนเมื่อกี้ใครวะเห็นเดินออกไปพร้อมเจ๊มะนาว โคตรน่ารักเลย” นาวินทร์ที่เปิดประตูเข้ามารีบเปิดปากถามเพื่อสนิททันทีด้วยความตื่นเต้น “กูว่าน้องเขาหน้าตาคุ้นๆ” เด่นภูมิพูดขึ้นเพราะเขาเองก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่ไหนสักที่ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก“ดาวคลับ TRADA ไง จำไม่ได้เหรอ”“มึงอย่ามาอำไอ้ฟิน”“จริงครับคุณภูมิ คุณวินทร์ ผมคอนเฟิร์มได้ว่านั่นน่ะน้องจันทร์เจ้าตอนไม่แต่งหน้า ดูน่ารักมากๆเลยใช่ไหมล่ะครับ” ตฤณที่พูดยิ้มๆ ถึงกับชะงักกึกเมื่อเห็นสีหน้าผู้บริหารคนใหม่ตวัดตาดุมองจนเสียวสันหลังวาบ “ผมก็ชมน้องเขาปกติครับคุณฟิน ไม่มีอะไรเลยครับ”“มึงดูหวงๆนะไอ้ฟิน ความสัมพันธ์พัฒนาก้าวกระโดดหรอ”“เปล่า”“มีพิรุธฉิบหาย”“ดูเชิงเขา โดยการปลอมเป็นเหยื่อ สุดท้ายทำได้ไม่นานเจอความน่ารักของเสือสาวเข้าไปใจเหลวอ่ะดิมึง” นาวินทร์พูดเย้าเพื่อนสนิทที่นานๆทีจะเห็นมันถูกใจใครสักคนจนตาเป็นประกายวาววับ“พูดมากนะพวกมึง แล้วมาทำไม”“มาเที่ยวดิ ถามแปลกๆ มาคลับมึงจะให้กูมารอใส่บาตรตอนเช้ามั้ง”“กวนตีนจังนะไอ้วินทร์” ปริชญ์บ่นเพื่อนพร้อม
ตอนที่ 11 เจ้านายคนใหม่หลายวันต่อมา @TRADA คลับ ในห้องแต่งตัวเหล่าสาวๆวุ่นวายอีกครั้งเมื่อข่าวใหม่ที่ได้รับมาสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับพวกเธอ ว่าเจ้าของคลับคนใหม่จะเป็นใคร จนอยากจะเลิกงานไวๆจะได้ยลโฉมหน้าสักที “เจ๊นาว ผู้บริหารคนใหม่คือใครเหรอคะ” “ลูกชายเสี่ยภุชงค์” “จะใจดีแบบเสี่ยไหมหนอ” “รอดูเอาเอง แต่บอกได้คำเดียวว่าหล่อลากไส้ เห็นครั้งแรกรับรองตะลึงจนตาค้างแน่นอน”“อ๊ายยย อยากเห็นๆ เขาเคยมาที่คลับเราไหมเจ๊หรือเขาไปเที่ยวโซนผับที่เปิดใหม่มากกว่า” ส้มใสเอ่ยถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น“มาแต่โซนคลับ แล้วบอกได้คำเดียวว่ามาบ่อยมาก ทุกอาทิตย์ พวกแกต้องเคยเห็นบ้างแหละ และเขาก็เข้ามาบริหารงานได้หนึ่งอาทิตย์แล้วด้วย”“จริงเหรอเจ๊”“ใช่ บางทีพวกแกอาจจะเจอแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาคือใครก็ได้”“หู้ว อยากเจอไวๆอ่า”“อ๋อ อีกเรื่องขอย้ำกับทุกคนอีกครั้งนะ เรื่องอายุของจันทร์เจ้า อย่ามีใครเผลอพูดออกไปเด็ดขาด” “มีอะไรหรือเปล่าเจ๊ ตำรวจจะลงหรอ หนูอายุยี่สิบแล้วไม่มีปัญหาแน่นอน” จิณห์วราที่เปิดประตูเข้ามาได้ยินทันพอดี จึงรีบ
ตอนที่ 10 ช่วยหน่อยนะ“เฮียฟิน มันร้อน จันทร์เจ้าอยากอาบน้ำ”“ใจเย็นๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ” แม้ปากจะเอ่ยบอกคนข้างๆ แต่ก็เหมือนบอกตัวเองไปกลายๆ เมื่อฝ่ามือนุ่มเริ่มไม่อยู่สุข ลูบไล้ไปตามอกกำยำและเลื่อนต่ำจนเกือบถึงความเป็นชาย“อือ”“นั่งดีๆก่อน”“มันร้อน ร้อนจนจันทร์เจ้าจะบ้าตายอยู่แล้ว”“มองหน้าเฮีย”ระหว่างที่จอดติดไฟแดง ปริชญ์รวบมือบางที่ขยุ้มเสื้อผ้าจนหลุดลุ่ยแล้วเพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้เย็นขึ้น“เฮียฟิน”“จันทร์เจ้ากำลังถูกยาปลุกเซ็กส์เล่นงาน หนูกำลังไม่มีสติ ฉะนั้นต้องตั้งสติไว้ แล้วเฮียจะพาหนูกับห้องนะเด็กดี”“แต่จันทร์เจ้าทรมาน”“เฮียรู้ว่าจันทร์เจ้าทรมาน แต่หนูต้องอดทนนะ”“อือ” จิณห์วราพยักหน้ารับ สองมือผสานบีบจนแน่นเพื่อพยายามฝืนทนกับฤทธิ์ยาที่ปลุกความปรารถนาในกายจนร้อนฉ่าไปทั้งตัวราวกับถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อต“หนูไม่ไหวแล้ว”“อุ๊บ!”กลิ่นน้ำหอมผู้ชายผสมไปกับกลิ่นกายแสนหอมราวกับเป็นตัวกระตุ้นต่อยานรกให้ออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น จนเธอคว้าลำคอหนาลงมาจูบด้วยความเงอะงะ“อื้อ”ลิ้นเล็กๆที่พยายามปัดป่ายไปมาราวกับเด็กน้อยพึ่งหัดจูบทำให้ความอดทนของเขาขาดสะบัน เผลอจูบตอบพลางสอดลิ้นพัวพันไปกับลิ้นเล็ก ฝ
ตอนที่ 8 เด็กเอ็นหนึ่งอาทิตย์ต่อมา“ใกล้ขึ้นเวทีแล้วมีใครเห็นจันทร์เจ้าไหม จันทร์เจ้าไปไหน” เนตรทรายวิ่งกระหืดกระหอบเมื่อใกล้เวลาแล้ว แต่ดาวเด่นของคลับยังไม่เห็นหัว “น้องบอกวันศุกร์ติดสอบ น่าจะกำลังมานะเจ๊ นั่นไงมานู่นแล้ว” เชอรี่พูดขึ้นพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางคนมาใหม่ “ขอโทษนะเจ๊หนูรีบสุดๆแล้ว” “ทำไมมาช้า”“ติดสอบ แล้วอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกคุยอีก แถมเป็นวันศุกร์รถก็ยิ่งติดยาว เลยต้องนั่งวินมาให้พี่เขาเร่งสุดๆแล้วเนี่ย”“เออๆ ไปแต่งตัวไป ส่วนคนอื่นเตรียมตัวขึ้นเวทีได้แล้วจ้าสาวๆ”“ค่ะเจ๊” “สวัสดีครับทุกคน...” เสียงดีเจประจำคลับพูดสลับกับเสียงเพลงบีทหนักๆ พร้อมแสงสีสาดส่องไปทั่วบริเวณอย่างอลังการสมกับค่าบัตรสมาชิก “ยินดีต้องรับทุกท่านสู่ TRADA CLUB ครับผม ไป ไป ไปๆ” หลังจบคำพูดทักทายของดีเจเหล่าโคโยตี้สาวสวยต่างขึ้นมา กลางเวทีใหญ่ท่ามกลางนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ นักธุรกิจ ดาราไฮโซ ต่างยืนล้อมหน้าเวทีรูปตัวทีจนหนาแน่น สาวๆบนเวทีต่างวาดลวดลายในท่วงท่าเซ็กซี่ให้บรรดานักล่าข้างล่างเวทีเชยชม เรือนร่างแสนสวยก







