ห้างหรูกลางใจเมือง
ห้างหรูกลางใจเมืองเป็นสถานที่รวมแหล่งของแบรนด์ชื่อดังทั่วทั้งโลกมาวางขาย เลยทำให้มีพวกดาราและพวกลูกคุณหนู คนมีเงินมาเดินหาซื้อของกันเต็มไปหมด รวมถึงเจ้าของคาสิโนหนุ่มหล่อด้วย ที่ตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่มสาวหลายคน เมื่ออยู่ ๆ วันนี้เขาก็มาปรากฏตัวที่ห้างแห่งนี้ แถมข้างกายยังมีเด็กหนุ่มใบหน้าสวยหวานอีกคนเดินแนบชิดมาด้วย ทำให้ทุกคนรับรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มจะต้องเป็นคนพิเศษของเขาแน่ ๆ
“เอาตัวนี้ เอาตัวนี้ แล้วก็เอาสี่ตัวนี้ด้วย” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยพูดกับพนักงานในร้านเสื้อแบรนด์ดัง ส่วนนิ้วมือก็ยกขึ้นชี้ชุดนั้นชุดนี้ไปด้วยไม่หยุด
“เออ...คุณเอริคผมว่ามันเยอะเกินไปแล้วนะครับ” เฟยดึงแขนห้ามเอริคไว้อย่างอดไม่ได้ เมื่อตรงหน้าเอาแต่ชี้เลือกเสื้อผ้ามากองไว้เกือบยี่สิบกว่าตัวไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด
“เงินกู ไม่ต้องยุ่ง มีหน้าที่ใส่ก็ใส่ไป” เอริคพูดขึ้น ก่อนจะแกะมือของเฟยออกจากแขนตัวเอง แล้วเดินดูเสื้อผ้าในร้านต่ออย่างไม่สนใจ
เอริคสังเกตเฟยมาได้พักใหญ่แล้ว เขาเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ใส่เสื้อผ้าตัวเดิม ๆ ซ้ำ ๆ วนไปมา แทบไม่มีชุดใหม่เลย เงินค่าจ้างเขาก็ได้ทุกเดือน แถมให้มากกว่าที่ทำอยู่บนเรือสำราญด้วยซ้ำ แต่เอริคก็ไม่เคยเห็นเฟยเอาเงินไปซื้ออะไร นอกจากของที่จะเอามาทำอาหารให้เขากิน
วันนี้เอริคเลยจัดการพาออกมาซื้อให้เองซะเลย เขารู้ว่าเฟยเป็นคนง่าย ๆ ไม่ติดหรูหรือของแบรนด์เนมอะไร แต่เขาก็อยากให้เฟยได้ใช้ของดี ๆ บ้าง ยิ่งตอนนี้ทุกคนทั้งลูกน้องคนลูกค้าในคาสิโนส่วนใหญ่ และพวกเพื่อน ๆ ของเขา ก็ต่างติดว่าเฟยเป็นเด็กเลี้ยงของเขากันหมด เพราะฉะนั้นจะให้แต่งตัวเชยเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ เดี๋ยวคนอื่นก็หาว่าเขาไม่ดูแลเด็กของตัวเองได้
“แต่ว่า...” เฟยพยายามที่จะพูดขัดเอริค เพื่อให้หยุดเลือกซื้อเสื้อผ้าได้แล้ว แต่เขายังไม่ทันพูดจบประโยค เสียงของเอริคก็พูดสั่งพนักงานของร้านแทรกขึ้นมาอีกครั้งซะก่อน
“เอากางเกงสองตัวนี้ด้วย” เอริคพูดสั่ง พร้อมชี้นิ้วไปมาต่อไม่หยุด
โดยไม่สนใจว่าคนใส่จะพูดห้ามอะไรก็ไม่ฟัง เงินของเขา เขาจะซื้ออะไร ซื้อกี่ตัวมันก็เรื่องของเขาจริงไหม มีหน้าที่ใส่ก็ใส่ไปสิ
“ครับ” ผู้จัดการร้านที่เดินตามเอริค กับพนักงานอีกสองคน หันมองเห็นกันยิ้ม ๆ
ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีลาภก้อนโตตกลงมาหล่นทับ ลูกค้าสายเปย์กวาดซื้อเสื้อผ้าในร้านเกือบสามสิบกว่าตัว รวม ๆ ราคาก็เลขแปดหลักเข้าไปแล้ว พวกเขารู้สึกอิจฉาเด็กหนุ่มคนนั้นซะจริง ๆ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไร ชาตินี้ถึงได้มีคนเปย์กระเป๋าหนักแบบนี้มาครอง
“นี่ใช่เจ้านายกูจริงหรือเปล่าวะไอ้เซ็น สายเปย์โคตรได้ใจกูเลยวะ” แซมยืนมองดูเอริคอึ้ง ๆ เพราะไม่เคยเห็นเจ้านายตัวเองพาใครมาเดินซื้อของแบบนี้มาก่อน แถมของแต่ละอย่างก็มีแต่แบรนด์ดังทั้งนั้นด้วย
“เงียบ” เซ็นหันไปพูดดุเพื่อน เมื่อเห็นว่าเอริคหันมองมาทางพวกเขา เหมือนกับได้ยินสิ่งที่แซมพูดแซวเมื่อครู่
“เดี๋ยวผมเอาของไปไว้ที่รถให้ก่อนนะครับ” แซมสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นสายตาดำมืดมองมาทางตัวเอง เลยรีบเดินออกไปจากร้านทันที เกือบไปแล้วไง ไอ้แซม!!
ร้านอาหารจีน
แสงไฟสีส้มนวล ๆ สาดส่องลงบนโต๊ะอาหารกลม ๆ ที่วางเรียงรายอยู่ทั่วร้าน บนโต๊ะเต็มไปด้วยจานชามใส่อาหารหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเป็ดย่างหนังกรอบ หมูแดงสีแดงสด ไปจนถึงผักผัดน้ำมันหอย และข้าวสวยร้อน ๆ ทุกอย่างบนโต๊ะดูน่ากินไปหมด ช่วงเที่ยงของวันผู้คนมักพากันมานั่งกิน บางโต๊ะมีครอบครัวนั่งทานอาหารกัน บวกกับเสียงของเด็ก ๆ หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน พวกผู้ใหญ่ก็พูดคุยกันอย่างออกรสบางโต๊ะเป็นกลุ่มเพื่อนฝูงที่ชวนกันมากิน ทำให้บรรยากาศในร้านดูมีสีสันมากขึ้นหลายเท่า
หลังจากที่เอริคพาเฟยเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าจนหนำใจ ก็พากันมาเต็มพลังที่ร้านอาหารจีนชื่อดังแห่งหนึ่ง ปกติเอริคจะไม่ชอบมานั่งกินข้าวในร้านอาหารแบบนี้ เพราะมีคนเยอะและเสียงดัง ส่วนใหญ่เขาจะชอบนั่งกินที่ห้องคนเดียวมากกว่า แต่ไหน ๆ วันนี้ก็ออกมาข้างนอกแล้ว ก็เลยอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง
“ลองกินจานนี้สิครับ อร่อยนะ” เฟยพูดขึ้นพร้อมตักอาหารใส่จานของเอริค
“อืม” เอริคตักอาหารในจานกินอย่างว่าง่าย
“ถ้าชอบ วันหลังผมจะทำให้กิน ดีไหมครับ” เฟยพูดขึ้นอย่างเอาใจ พร้อมใบหน้ายิ้มหวานเยิ้ม
“ถามจริงก่อนจะมาเป็นบาร์เทนเดอร์นี่ นายเป็นพ่อครัวมาก่อนเหรอ” เอริคพูดขึ้นอย่างสงสัย เพราะเขาเห็นเฟยชอบทำอาหารมาก แถมยังทำอร่อยมากอีกต่างหาก
“หึหึ เปล่าครับ ก็แค่เมื่อก่อน...”
เฟยหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอ่ยพูดออกมาเสียงใส แล้วหยุดชะงักไปกลางคัน เมื่อคิดได้ว่าประโยคต่อไปอาจจะทำให้ คนตรงหน้าไม่พอใจหรือเปล่า
“ก็แค่อะไร”
เอริคมองหน้าเฟยอย่างคาใจ เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดบอกให้จบประโยคสักที
“ก็แค่...เมื่อก่อนแฟนเก่าของผมร่างกายอ่อนแอ และแพ้อาหารหลายอย่าง ผมเลยต้องดูแลเรื่องอาหารให้เขากินเป็นพิเศษนะครับ”
พอถูกเอริคเร่งให้พูดต่อ เฟยเลยยกยิ้มมุมปากขึ้นบาง ๆ ก่อนจะตัดสินใจพูดเล่าออกไปตามที่ขอ พร้อมจ้องมองดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้าไปด้วย
แกร็บ!
“อ๋อออ...กูอิ่มแล้ว”
พอฟังที่เฟยพูดจนจบ เอริคก็โยนช้อนในมือทิ้งลงไปที่จานข้าว แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้าที่เคยนิ่งเฉยอยู่เมื่อครู่ ก็เปลี่ยนเป็นบึ้งบูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“กินไปนิดเดียวเองนะครับ” เฟยพูดขึ้นยิ้ม ๆ แอบขำในใจ พอได้เห็นสีหน้าท่าทางของเอริคที่แสดงออกมา
“มันเลื่อนกูไม่ชอบ”
เอริคจ้องมองจานอาหารบนโต๊ะด้วยสายตาเฉยชา แล้วพูดขึ้นอย่างเสียอารมณ์ จากอาหารที่กินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่เมื่อครู่ พอได้ยินคำว่า ‘แฟนเก่า’ ออกจากปากของคนตรงหน้า รสชาติอาหารในปากของเอริคก็เปลี่ยนไปทันที แถมอยู่ ๆ ยังรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกอีกด้วย
“งั้นกลับไปกินที่ห้องไหมครับ เดี๋ยวผมทำอะไรให้กิน” เฟยพูดอย่างเอาใจคนตรงหน้า พอได้เห็นเอริคเป็นแบบนี้แล้ว เขารู้สึกดีใจมาก เพราะมันเท่ากับว่าคนตรงหน้า กำลังรู้สึกหึงหวงตัวเองอยู่นั่นเอง
“กูไม่กิน” เอริคตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ อย่างไม่สบอารมณ์
เอริคพูดจบก็ตั้งท่าลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะเดินออกจากร้าน โดยที่ไม่สนว่าเฟยจะกินอิ่มหรือยัง
แซมกับเซ็นที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายตัวเอง ก็หันมองหน้ากันอย่างงุนงง เมื่ออยู่ ๆ เอริคก็หยุดกินแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แซมมองหน้าเจ้านายตัวเองอย่างไม่เข้าใจ วันนี้เอริคเป็นอะไรนะ เดี๋ยวก็อารมณ์ดี เดี๋ยวก็อารมณ์เสียขึ้นมาดื้อ ๆ เขาละสงสารเฟยจริง ๆ ที่ต้องมารองรับอารมณ์ของเจ้านายตัวเองแบบนี้ เห็นแล้วเหนื่อยใจแทนจริง ๆ
พอเอริคได้เห็นใบหน้ายิ้มระรื่นของเฟย ที่ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของตัวเองเลยนั้น เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดในใจเข้าไปใหญ่ กล้าดียังไงเอาเรื่องแฟนเก่าของตัวเอง มาเล่าให้เขาฟังแบบนี้ แถมยังปั่นหน้ายิ้มร่าไม่หยุดอีกด้วย เขาไม่ได้อยากรู้เรื่องแฟนเก่าบ้าบอพวกนั้นสักหน่อย
...เอริคที่กำลังตั้งท่าจะเดินออกจากร้านอาหารไปก่อนนั้น อยู่ ๆ ก็มีเสียงของใครบางคน ดังขึ้นมาจากทางหลังของเขา เลยทำให้ต้องหยุดชะงักไปซะก่อน...
“อ้าว อ้าว...นึกว่าใครหน้าคุ้น ๆ คุณเอริคเจ้าของคาสิโนยักษ์ใหญ่นี่เอง”
เสียงทุ้มจากคนมาใหม่เอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวน พร้อมก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเอริค รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ประดับอยู่บนใบหน้าคมเข้ม ชายรูปร่างสูงใหญ่สมส่วนในชุดสูทสีดำ ยืนประจันหน้ากับเอริคอย่างไม่เกรงกลัว
“ไอ้มาร์!” เอริคเอ่ยชื่อของคนมาใหม่ด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก สายตาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชังอย่างไม่ปิดบัง วันนี้มันเป็นวันอะไรนะ ถึงได้มีแต่เรื่องให้เขาต้องหงุดหงิดอยู่เรื่อยเลย
“ชื่อมาร์คัสครับ คุณเอริค”
มาร์คัสแนะนำตัวเองออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกวน ๆ ถึงเขาจะอายุมากกว่าอีกฝ่ายหลายปี แต่มาร์คัสชอบเรียกเอริคว่าคุณ เพราะอีกฝ่ายชอบทำตัวสูงส่งไม่เห็นหัวใคร
มาร์คัสเจ้าของกคาสิโนอีกแห่งที่เป็นคู่แข่งและเป็นศัตรูทางธุรกิจของเอริค เขาอายุมากกว่าอีกเอริคหลายปีและทำงานอยู่ในวงการนี้มาก่อน แต่คาสิโนของมาร์คัสกับสู่ของเอริคไม่ได้เลย ลูกค้าไหลไปที่คาสิโนของเอริคเกือบหมด เขาเลยรู้สึกโกรธและเกลียดชังอีกฝ่ายมาก ๆ หลายครั้งที่มาร์คัสพยายามหาจุดอ่อนของเอริค เพื่อจะเอามาใช้ข่มขู่และจัดการอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเพราะเอริคใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาโดยตลอด
“...” เฟยที่ยังตามเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ทัน ก็หันมองทั้งสองคนสลับกันไปมาอย่างงุนงง
“เอ๋! หนุ่มน้อยคนนี้ใครกัน น่ารักจังเลย”
มาร์คัสที่กำลังยืนยิ้มยั่วเอริคอยู่นั้น ก็หันไปเห็นเด็กหนุ่มใบหน้าสวยนั่งข้าง ๆ ที่เอริคยืนอยู่ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างสนใจ สายตาแวววับจ้องมองคนนั่งอยู่อย่างไม่ปิดบัง ใครกันนะน่ารักจังเลย หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็น...
หึหึ ดูเหมือนว่ามาร์คัสคนนี้จะเจอของดีเข้าแล้วสินะ
ห้องทำงานของเอริคห้องทำงานกว้างที่อากาศเย็นยะเยือก บวกกับความเงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจของคนในห้อง ประตูบานใหญ่ค่อย ๆ เปิดออก ด้วยมือเรียวยาวของบาร์เทนเดอร์หนุ่ม เจ้าของห้องที่รับรู้ถึงคนที่เข้ามาใหม่ ก็ชำเลืองตามองคนหน้าประตูเล็กนิด เมื่อรู้ว่าเป็นใครสายตาก็กลับมาสนใจเอกสารในมือต่ออีกครั้ง“คุณเอริคเย็นนี้กินอะไรดีครับ ผมจะได้...” “กูไม่กิน กูไม่หิว”เฟยฉีกยิ้มหวานจนเห็นฟันมาตั้งแต่หน้าประตู ก่อนจะเอ่ยถามคนในห้องออกไปเสียงใส แต่เขายังไม่ทันได้พูดจบประโยค เสียงของคนที่นั่งทำงานอยู่ก็ดังแทรกขึ้นมาซะก่อน เฟยที่กำลังก้าวเดินเข้าไปหาก็ต้องหยุดชะงักค้าง ใบหน้าที่ฉีกยิ้มหวานเยิ้มอยู่ก็ต้องหุบลงทันทีเอริคพูดแทรกขึ้นเสียงแข็ง โดยที่ใบหน้าก็คงยังก้มมองเอกสารในมืออยู่ไม่เปลี่ยนเฟยรับรู้ถึงความผิดปกติได้ทันที ว่าคนตรงหน้าจะต้องโกรธอะไรเขาอยู่แน่ ๆ เพราะถึงเอริคจะยังรู้สึกขุ่นเคือง เรื่องที่เขาพูดถึงแฟนเก่าวันนั้นอยู่ แต่เมื่อเช้าอารมณ์ของเอริคก็ไม่ได้ตึงเครียดมากขนาดนี้ แปลว่าจะต้องมีเรื่องอะไรอย
“เอ๋! หนุ่มน้อยคนนี้ใครกัน น่ารักจังเลยนะครับ”“เสือก…จะเป็นใครแล้วเกี่ยวอะไรกับมึงด้วย”เอริคตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเดินเอาตัวมายืนขวางปิดเฟยไว้ เพื่อไม่ให้มาร์คัสมอง เขาจะพาใครมานั่งกินข้าวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมันด้วยมาร์คัสยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างถูกใจ เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเอริคตอนถามถึงเด็กหนุ่มคนนั้น ดูถ้าวันนี้เขาจะไม่ได้มาเสียเที่ยวสินะ สิ่งที่พยายามหามาตั้งนาน ในที่สุดก็หาเจอสักที ‘จุดอ่อนของไอ้เอริค’ หึหึปกติมาร์คัสจะไม่ค่อยเห็นเอริคออกมาเดินเล่นห้างแบบนี้ แถมมีเด็กหนุ่มน่ารักมาด้วยยิ่งไม่เคยเห็นเข้าไปใหญ่ ถ้าเขาคิดไม่ผิดเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องไปคนสำคัญของเอริคอย่างแน่นอน ไม่งั้นเจ้าของคาสิโนยักษ์ใหญ่ที่หวงเนื้อหวงตัว และบ้างานอย่างเอริคคงไม่พามานั่งกินข้าวกลางห้างด้วยแบบนี้หรอก“แนะนำให้รู้จักหน่อยไม่ได้เหรอครับ คุณเอริค”มาร์คัสพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมเอียงตัว มองเฟยที่นั่งหลบอยู่ด้านหลังเอริคไปด้วย หึหึ มาถึงขั้นนี้แล้วคิดว่าจะซ่อนเขาได้อย่างงั้นเหรอฝันไปเถอะ
ห้างหรูกลางใจเมืองห้างหรูกลางใจเมืองเป็นสถานที่รวมแหล่งของแบรนด์ชื่อดังทั่วทั้งโลกมาวางขาย เลยทำให้มีพวกดาราและพวกลูกคุณหนู คนมีเงินมาเดินหาซื้อของกันเต็มไปหมด รวมถึงเจ้าของคาสิโนหนุ่มหล่อด้วย ที่ตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่มสาวหลายคน เมื่ออยู่ ๆ วันนี้เขาก็มาปรากฏตัวที่ห้างแห่งนี้ แถมข้างกายยังมีเด็กหนุ่มใบหน้าสวยหวานอีกคนเดินแนบชิดมาด้วย ทำให้ทุกคนรับรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มจะต้องเป็นคนพิเศษของเขาแน่ ๆ“เอาตัวนี้ เอาตัวนี้ แล้วก็เอาสี่ตัวนี้ด้วย” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยพูดกับพนักงานในร้านเสื้อแบรนด์ดัง ส่วนนิ้วมือก็ยกขึ้นชี้ชุดนั้นชุดนี้ไปด้วยไม่หยุด“เออ...คุณเอริคผมว่ามันเยอะเกินไปแล้วนะครับ” เฟยดึงแขนห้ามเอริคไว้อย่างอดไม่ได้ เมื่อตรงหน้าเอาแต่ชี้เลือกเสื้อผ้ามากองไว้เกือบยี่สิบกว่าตัวไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด“เงินกู ไม่ต้องยุ่ง มีหน้าที่ใส่ก็ใส่ไป” เอริคพูดขึ้น ก่อนจะแกะมือของเฟยออกจากแขนตัวเอง แล้วเดินดูเสื้อผ้าในร้านต่ออย่างไม่สนใจเอริคสังเกตเฟยมาได้พักใหญ่แล้ว เขาเห็นอี
คาสิโนของเอริค – เคาร์เตอร์บาร์แสงไฟสีสันฉูดฉาดสะท้อนบนพื้นกระจกเงาของบาร์ เสียงเพลงเป็นจังหวะสนุกสนานปนกับเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของผู้คน ทั้งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเครื่องดื่มและน้ำหอมชั้นดีลอยฟุ้งไปทั่ว ทำให้บรรยากาศภายในคาสิโนยิ่งดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเป็นเท่าตัวแต่ช่วงนี้ที่เคาร์เตอร์บาร์ของคาสิโน จะคึกคักมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่ที่มีบาร์เทนเดอร์คนใหม่เข้ามาทำงาน หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ก็วนเวียนอยู่แถวหน้าบาร์มากขึ้นกว่าปกติ จนทำให้เจ้าของคาสิโนเริ่มไม่ค่อยชอบใจขึ้นมาสักเท่าไหร่“เสน่ห์แรงจังเลยนะ” เสียงพูดประชดประชันดังขึ้น พร้อมร่างสูงของเจ้าของคาสิโนนั่งลงที่หน้าเคาร์เตอร์บาร์ปกติเอริคจะไม่ค่อยลงมานั่งที่บาร์ของลูกค้าสักเท่าไหร่ แต่เพราะวันนี้มันอดไม่ได้จริง ๆ เมื่อครู่เอริคยืนมองดูจากชั้นบนอยู่พักใหญ่ พอเห็นใบหน้าขาวของบาร์เทนเดอร์คนใหม่ ยืนแจกยิ้มให้ลูกค้าไม่หยุด อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้า มันช่างขัดหูขัดตามากจนหงุดหงิด เดี๋ยวก็ผู้ชายคนนั้นเข้ามาคุยด้วย เดี๋ยวก็ผู้ชายคนนี้เดินเข้าคุยด้วย จนตอนนี้ที่หน้าบาร์มีแต่ผู้ชาย วน
เพียะ!“โอ๊ย!...คุณเอริคตีผมทำไมครับ” เฟยร้องขึ้นทันที เมื่อถูกฝ่ามือของเอริคฟาดลงที่กลางหลังเต็มแรง“ไอ้เฟย! ไอ้เร็ว! มันเป็นแผนของมึงใช่ไหม ที่ให้กูมาหาที่นี่นะ” เอริคด่าเฟยสุดเสียงอย่างฉุนเฉียวตอนนี้เอริคเริ่มจับต้นชนปลายเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว เมื่อพอมารอคิดดูดี ๆ แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันก็ดูแปลกมากจริง ๆ เพราะตอนแรกเขาให้ลูกน้องตามหาตัวเฟยตั้งนาน กลับไม่มีวี่แววเลยสักนิด แต่อยู่ ๆ ครั้งนี้กลับมีชื่อของเฟยโผล่ขึ้นมาบนเรือลำนี้ซะดื้อ ๆอีกอย่างดูเหมือนเฟยจะมีการเตรียมพร้อม คอยรับมือเขาทุกอย่าง ตอนเจอกันที่บาร์ เฟยก็ไม่มีท่าทีตกใจที่ได้เจอเขาเลยสักนิด แปลว่าไอ้จีนหื่นนี่ มันจะต้องเป็นคนวางแผนล่อเขามาที่นี่แน่ ๆโอ๊ย! นี่เขาหลงกลไอ้จีนบ้ากาม ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเรือเลยสินะเนี่ย!! พอเอริคคิดย้อนกลับไปแล้ว ก็อยากด่าตัวเองจริง ๆ ทำไมเขาถึงไม่เอะใจเรื่องนี้เลยนะ“ที่ผมทำไป ก็เพราะผมคิดถึงคุณมากไงครับ” เฟยขยับตัวกอดเอริคไว้แน่น พร้อมเอ่ยยอมรับกับข้อกล่าวหาทุกอย่างของอีกฝ่าย“หึหึ คิดถึง
“แล้วน้องบาร์เทนเดอร์คนนั้นไม่มาด้วยเหรอวะ”ไซออนพูดถามออกมาอย่างสงสัย พร้อมหันซ้ายหันขวามองหาไปรอบ ๆ เอาน้องเขาไปนอนกกข้ามวันข้ามคืนขนาดนั้น ก็น่าจะพามาแนะนำให้เพื่อนรู้จักบ้างสิ ไม่ใช่หวงเก็บไว้ดูคนเดียว“หรือว่า ยังลุกจากเตียงไม่ขึ้นวะ” มังกรพูดเสริมขึ้นเพราะคิดว่าบาร์เทนเดอร์หนุ่มจะต้องอาการหนักกว่าเพื่อนของตัวเองแน่ ๆ ขนาดเอริคยังสภาพย่ำแย่แบบนี้เลยนี่นา แล้วน้องเขาจะสภาพย่ำแย่แค่ไหน จริงไหม“กูว่าเป็นไปได้วะ ขนาดตัวพ่อยังเสียศูนย์ขนาดนี้เลย” ไซออนหันหน้าไปพูดออกความเห็นกับมังกรอย่างเป็นตุเป็นตะ“พวกมึงนี่นะ...มันก็มาพร้อมกูนี่ละ แต่แวะไปซื้อเครื่องดื่มอยู่”เอริคส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอากับความคิดของพวกเพื่อน ๆ ก่อนจะเอ่ยพูดบอกออกไปอย่างเหนื่อยใจแต่พวกมันจะคิดกันแบบนั้นก็ไม่แปลก เพราะเอริคถูกเฟยกักตัวต้มยำทำแกงอยู่ในห้องนานตั้งสองวันเลยนี่นา เขาไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าตัวเองไม่ยอมทำตามข้อเสนอนั้นเวลานี้เขาจะได้ลงจากเตียงหรือยัง“อ๋อออ” ทั้งสองยกยิ้มขึ้น ก่อน