เข้าสู่ระบบและมันก็เป็นอย่างที่จูอีม่านคิดเมื่อแม่สามีได้ยินว่านางได้งานทำ จะมีเงินมาเพิ่มให้กับครอบครัวแม้จะดีใจยามได้ยินคำว่าเงินแต่ยังคงใช้น้ำเสียงไม่น่าฟังอยู่ดี“หึ มีงานทำมันก็ดีอย่างน้อยก็ได้เงินมาช่วยจุนเจือครอบครัว แต่เจ้าจะเอาเงินไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ได้เงินค่าจ้างของเจ้าข้าจะช่วยเก็บไว้ให้เอง”“แต่นั่นมัน...”“อาม่านเจ้าจะเก็บเอาไว้เองไม่ได้หรอกนะ ในเมื่อเจ้าทำงานมีค่าจ้างก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระของข้าย่อมถูกต้องแล้ว ทำตามที่ท่านแม่บอกอย่าได้คัดค้านความคิดของท่านแม่ข้า” หลิ่งฉวนคล้ายจะหายใจได้คล่องขึ้นมาบ้าง เนื่องจากหลายเดือนมานี้ตั้งแต่ไม่มีเฟิงหยางเขาทำงานเพียงลำพัง น้องชายคนเล็กก็ทำอันใดไม่เป็นไปหางานก็ไม่มีใครรับวันต่อมาจูอีม่านตื่นมาเตรียมอาหารง่าย ๆ อย่างโจ๊กข้าวฟ่าง ก่อนจะกลับเข้าห้องไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้สะอาด หยิบเสื้อผ้าเนื้อดีที่เก็บไว้มาสวมใส่และเข้าตำบลพร้อมสามีเถ้าแก่ตู้ก็ไม่ต่างกันเขามารอจูอีม่านตั้งแต่เช้า ยามคนที่รอมาถึงเขาก็พานางเดินจนทั่วร้านสมุนไพร เพื่อแนะนำว่าจุดใดมีไว้ให้เขาใช้ทำสิ่งใดบ้าง แต่เถ้าแก่ตูจะเน้นเรือนพักด้านหลังร้านเป็นพิเศษ ทั้งยังบอกจูอีม่านให้เข้าไ
ส่วนเถ้าแก่ตู้กลับกระปรี้กระเปร่าตื่นตั้งแต่เช้า หลังจากจัดการเรื่องส่วนตัวเสร็จได้สั่งพ่อบ้านว่าตนต้องไปจัดการสมุนไพรที่ร้าน เนื่องจากได้นัดแนะกับลูกค้าเอาไว้แต่ความเป็นจริงเขาจะไปทำตามแผนของฉีเหวินและซือเจี๋ยมากกว่าบริเวณปากทางเข้าตลาดในตำบลชางหลินมิได้มีเพียงเถ้าแก่ตู้ แต่ฉีเหวินกับซือเจี๋ยก็มาดักรอจูอีม่านเพื่อชี้ให้เถ้าแก่ตู้ได้ดู ว่าสตรีคนใดคือเป้าหมายที่ตนต้องการให้อีกฝ่ายลงมือจนกระทั่งจูอีม่านที่แม้ร่างกายจะซูบลงไปบ้างเล็กน้อย แต่หน้าอกหน้าใจและสะโพกที่หนั่นแน่นกลับโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด เถ้าแก้ตู้พอได้รับสัญญาณจากฉีเหวินว่าสตรีที่มีตะกร้าคล้องแขน สวมเสื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่คือจูอีม่าน ความเจ้าเล่ห์และความอยากครอบครองก็ปรากฏทันทีด้านคนที่ตกอยู่ในแผนการเดินทำหน้าบอกบุญไม่รับ เพราะก่อนจะออกจากบ้านนางได้มีปากเสียงกับแม่สามี ด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานหลายอย่างทำให้จูอีม่านตื่นสายเล็กน้อย หากไม่คิดว่าต้องรีบมาซื้อเนื้อไปทำอาหารให้สามีและบุตรชายนางอาจมีรอยแผลเพิ่มก็เป็นได้ขณะที่เดินใกล้จะถึงตลาดจู่ ๆ จูอีม่านก็รู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าของตนและล้มลงกับพื้น แต่เถ้าแก่ตู้ที่รออยู่ก่อ
ตึง! “เฮ้ยย! /อร้ายยย!”“ข้าให้เวลาพวกท่านใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยและสตรีผู้นี้ควรรีบกลับจวนสามีของท่านไปเสีย หากไม่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องรู้ไปถึงหูของสามีท่าน”“เจ้าเป็นใครจู่ ๆ ก็บุกเข้ามาแล้วยังกล้าออกคำสั่งกับข้าอีก”“เถ้าแก่ตู้ท่านควรทำตามที่ข้าบอกเพราะท่านย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด ว่าฮูหยินของท่านมีนิสัยใจคออย่างไรหากนางรู้เรื่องที่ท่านทำลับหลัง ข้าคิดว่าตรงนั้นของท่านคงถูกนางตัดทิ้งอย่างไม่ลังเลเชียวล่ะ” ฉีเหวินไม่ตอบแต่ยังคงใช้การข่มขู่เถ้าแก่ตู้เช่นเดิม“โอ้ว น้องชาย ๆ พวกเราเป็นบุรุษเหมือนกันมีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจาได้ ส่วนคนงามของข้าเจ้ากลับจวนไปก่อนนะไว้เราค่อยนัดพบกันวันหลังนะจ๊ะ วันนี้เราคงทำต่อไม่ได้แล้วข้านึกขึ้นได้ว่ามีธุระสำคัญกับน้องชายผู้นี้น่ะ”“ก็ได้เจ้าค่ะแต่ท่านสัญญาแล้วนะว่าจะพบข้าอีก”“ได้ ๆ ๆ แล้วข้าจะให้คนไปส่งข่าวถึงเจ้าเอง”คล้อยหลังอนุภรรยาของเถ้าแก่เหลาอาหารออกจากเรือนพักด้านหลังไปไกลแล้ว ฉีเหวินกับซือเจี๋ยจึงเริ่มพูดถึงการมาพบเถ้าแก่ตู่ในวันนี้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งใด“เถ้าแก่ตู้ข้ากับสหายจะไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา ขอแค่ท่านให้ความร่วมมือกับพวกข้าเป็นอย
ในเมืองหลวงกำลังมีบัณฑิตหลายร้อยคนที่กำลังมุ่งมั่นกับการสอบครั้งใหญ่ของชีวิต บางคนสอบระดับก้งซื่อมาหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ผ่าน นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะเข้าร่วมการสอบเพียงแต่เรื่องดังกล่าวนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉีเหวินและซือเจี๋ย ที่ได้รับคำสั่งจากองค์ชายสิบให้เดินทางมายังหมู่บ้านหวงถู ซึ่งเป็นที่ตั้งของตระกูลหลิ่งผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตญาติของอวิ๋นซี ทั้งยังเป็นคนที่ทำให้นางกับครอบครัวทุกข์ทรมานอยู่นานหลายปีฉีเหวินกับซือเจี๋ยปลอมตัวเป็นลูกน้องของร้านสมุนไพรเข้าไปยังหมู่บ้าน เพื่อสืบความเป็นไปของตระกูลหลิ่งเสียก่อน และการทำตัวเป็นคนช่างพูดทั้งสองก็ได้รับรู้ถึงนิสัยรวมถึงเรื่องของจูอีม่าน ที่ต้องกลายเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของพ่อแม่สามีแทนจางซูเหยาฉีเหวินที่แสร้งเข้ามานั่งร่วมวงสนทนากับเหล่าผู้อาวุโสใต้ต้นไม้กลางหมู่บ้านหวงถู ภายหลังที่พูดถึงเรื่องการรับซื้อสมุนไพรกับชาวบ้าน ก็เริ่มเลียบ ๆ เคียง ๆ พูดถึงบ้านหลังหนึ่งที่กำลังเกิดการด่าทออยู่ในยามนี้ทันที“ท่านป้าทั้งหลายพวกท่านอย่าลืมกำชับสามีของพวกท่านนะ เวลาเก็บสมุนไพรต้องทำอย่างเบามือหากมีรอยช้ำจะขายได้ราคาต่ำ”ฉีเหวินไม่รั
ฟานหมิงได้ยินบทลงโทษที่เจ้าหน้าที่กล่าวออกมาก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่เขายังคงมั่นใจว่าสิ่งที่ตนพูดไปไม่มีทางผิด“หึ จางหรงจวินเจ้าอย่ามั่นใจให้มากนักเลย ทำผิดเมื่อถูกจับได้ก็ควรยอมรับผิดแต่โดยดีเถิด”“เจ้าอย่าเพิ่งคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกต้องสิฟานหมิง เพราะคนที่จะถูกตัดสิทธิ์ย่อมไม่ใช่พี่ชายของข้าแน่” เฟยซวนตอกกลับฟานหมิงอย่างท้าทาย“อาซวนอย่าไปต่อปากต่อคำกับคนเช่นนั้นมีสติให้มาก วันนี้เป็นวันสำคัญเจ้าอย่าลืมว่าซีซีกับทุกคนยังยืนมองเราสองคนอยู่นะ”“ขอรับพี่ใหญ่”หรงจวินกับเฟยซวนเลิกสนใจฟานหมิงที่ยังคงยืนเชิดหน้าด้ายท่าทางเยาะเย้ยสองพี่น้อง ระหว่างที่รอท่านหมอมาตรวจผงสมุนไพรในห่อกระดาษ ทุกคนในบริเวณนั้นต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อว่าผลจะออกมาอย่างไรด้านอวิ๋นซีกับครอบครัวก็เห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูทางสนามสอบเช่นกัน แต่พวกเขาไม่อาจเข้าไปช่วยเหลือได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่ของทางการคอยกันญาติและผู้ปกครองบางส่วนที่มาส่งบุตรหลานเอาไว้จนกระทั่งท่านหมอประจำสนามสอบมาถึงและทำการตรวจสอบเสร็จ เขากำลังจะอธิบายกับเจ้าหน้าที่ว่าผงยาสมุนไพรดังกล่าวมิใช่ยาบำรุงอันใด แต่ฟานหมิงกลับกล้าสอดปากเอ่ยก
ตั้งแต่อวิ๋นซีและครอบครัวมาถึงเมืองหลวงจนเริ่มลงมือจัดการเรื่องงาน กระทั่งอยากมีกิจการอย่างโรงหมอเพิ่มอีกหนึ่งอย่างและทำการปรับปรุง ซึ่งโรงหมอที่อวิ๋นซีจะทำนั้นมีทั้งหมดสามชั้นจึงไม่อาจเร่งรีบทำให้เสร็จได้เมื่อผ่านเข้าสู่เดือนใหม่ก็ถึงเวลาการสอบระดับก้งซื่อของญาติผู้พี่ทั้งสองของอวิ๋นซี นางนำขนมปังนุ่ม ๆ สอดไส้หลากหลายใส่ในเถาอาหารหลายสิบลูก เนื่องจากการสอบก้งซื่อต้องกินอยู่ในสนามสอบจนกว่าจะครบกำหนดไม่เพียงเสบียงที่อวิ๋นซีเตรียมให้กับหรงจวินและเฟยซวนเท่านั้น นางยังมีผงกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ใส่ห่อสัมภาระไปด้วย เพราะไม่อยากให้การขับถ่ายมีผลกระทบต่อสมาธิของญาติผู้พี่ทั้งสอง“พี่หรงจวิน พี่เฟยซวน พวกท่านอย่าได้กดดันตนเองในการสอบมากนัก แค่ทำให้เต็มที่จะสอบผ่านหรือไม่ทุกคนก็ภูมิใจเหมือนเดิม ส่วนเสบียงซีซีเตรียมขนมปังสอดไส้อร่อย ๆ ไว้ให้หลายสิบลูก และยังมีผงกำจัดกลิ่นพวกท่านจะได้ไม่ถูกกลิ่นไม่พึงประสงค์รบกวนยามทำข้อสอบเจ้าค่ะ”“พี่กับอาซวนขอบใจซีซีมากที่เตรียมของสำคัญไว้ทั้งหมด และยังคิดถึงเรื่องที่คนอื่นอาจมองข้ามหรือมิได้ใส่ใจ พวกพี่สองคนสัญญาว่าจะไม่กดดันตนเองอย่างที่เจ้าเตือน เมื่อทำเ







