Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1010 อย่ามาพ่นลมเน่าๆ กับข้า

Share

บทที่ 1010 อย่ามาพ่นลมเน่าๆ กับข้า

Author: ม่อเยี่ยน
“กลางวันแสกๆ มีผีที่ไหน ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรารีบกลับกันเถอะ”

ฮั่วเทียนเฉิงกระโดดลงไปที่พื้น ต้องรีบไปบอกเย่จิ่งหลานว่ามีคนอื่นซ่อนตัวอยู่บนเกาะ

ทั้งสองกลับไปที่ค่ายชั่วคราว เหล่าศิษย์มารวมตัวกันที่กลางลาน ศพทั้งสองร่างถูกคลุมด้วยผ้าขาวซึ่งดูบาดตาบาดใจยิ่งนัก

เย่จิ่งหลานกำลังคุยกับหวังซุ่น เมื่อเห็นฮั่วเทียนเฉิงกลับมา ก็หันกลับมาถามว่า “ท่านฮั่วพบเบาะแสอะไรหรือเปล่า”

ฮั่วเทียนเฉิงพยักหน้า

“มีอยู่เล็กน้อย”

เขาบอกเรื่องที่พบโมริตะคาวาสึบาเมะกับเย่จิ่งหลาน เย่จิ่งหลานตกใจเล็กน้อย

“เด็กจากจงหยวน?”

ฮั่วเทียนเฉิงพูดอย่างหนักแน่น “ยังเป็นเด็ก อายุประมาณแปดเก้าขวบ”

“โอ้? เขาหน้าตาเป็นอย่างไร”

ทันใดนั้นดวงตาที่เจ้าเล่ห์คู่หนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของเย่จิ่งหลาน ซึ่งเจ้าของดวงตาคู่นั้น คือคนที่เกือบจะฆ่าอินชิงเสวียน

หรือว่าที่เขาหนีกลับมาที่เกาะตงหลิว?

ฮั่วเทียนเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตัวขาวหมดจด ดูเป็นผู้ใหญ่มาก นอกนั้น ก็ดูไม่มีอะไรพิเศษ”

“อื้ท ข้าเข้าใจแล้ว”

เย่จิ่งหลานกลับมาที่ขั้นบันไดหน้าประตู แวะพูดกับเหล่าศิษย์ว่า “อาจมีศัตรูอยู่บนเกาะนี้ อย่าประมาทเด็ดขาด ทางที่ดีเวลาออกไ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1011 ด่าสาดเสียเทเสีย

    กลางคืนมืดมากเงาดวงจันทร์กลืนหายไปในเมฆหนาทึบ ดาวบางดวงสว่างวับแวม เป็นแสงระยิบระยับที่ไม่ได้สว่างจ้าเหล่าศิษย์เหนื่อยล้าหลังจากกรำงานหนักมาหลายวัน เมื่อมาถึงแผ่นดินเป็นครั้งแรก พวกเขาทั้งหมดก็หลับสนิทไม่มีใครสังเกตเห็นการจากไปของเย่จิ่งหลานถึงกระนั้น เย่จิ่งหลานก็ยังคงระมัดระวัง จนกระทั่งอยู่ห่างจากวังไปไกล เขาจึงค่อยๆ ยืดตัวขึ้นสูงเต็มสัดส่วนหากอีกฝ่ายคือโมริตะคาวาสึบาเมะจริงๆ เขาจะต้องรู้จักตัวเอง บางทีตอนนี้อาจจะกำลังเดินอยู่ใกล้พระราชวังที่ทรุดโทรมแห่งนี้แล้วจะหลอกล่อเขาออกมาอย่างไรเย่จิ่งหลานครุ่นคิดขณะที่กำลังเดินทันทีที่มาถึงถนนสายเล็กที่ทอดไปสู่ใจกลางเกาะ ก็ได้ยินคนข้างหลังพูดแหย่ว่า “ศิษย์จากคณะก้งฉิงแห่งฮว๋าเซี่ย ได้พบกันอีกแล้วนะ”เย่จิ่งหลานรู้สึกดีใจ หันหลังกลับช้าๆ แน่นอนว่าข้างหลังเขาสิบก้าวมีเด็กคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมขาดรุ่งริ่งอยู่แม้ว่าแสงจันทร์จะสลัว แต่ก็ยังสามารถบอกได้ว่าใบหน้าสะอาดหมดจด ซึ่งค่อนข้างไม่สอดคล้องกันเมื่อเทียบกับเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดเย่จิ่งหลานหัวเราะและพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นพี่ชายน้อยนี่เอง ไม่ทราบว่าทำไมเจ้าถึงมาที่เกาะตงหลิวได้”

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1002 เจ้าโง่

    เมื่อมองไปยังสถานที่แปลกๆ นี้ ดวงตาของโมริตะคาวาสึบาเมะก็เป็นประกายด้วยความตื่นตระหนกแต่ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเด็กเปรต เจ้าใช้ค่ายกลได้ด้วยรึ”เย่จิ่งหลานแค่นเสียงชิพูดว่า “นั่นมันไร้ระดับเกินไป นี่คือมิติจริงๆ เจ้าสามารถเข้าใจได้ว่ามันเป็นพื้นที่ที่ไม่มีอยู่ในโลกนี้”โมริตะคาวาสึบาเมะไม่เชื่อเลย เขายิ้มเยาะและพูดว่า “ข้าไม่สนใจมิติอะไรนั่นของเจ้า ข้าจะส่งเจ้าไปพบยมบาลเดี๋ยวนี้”ยังพูดไม่ทันขาดคำ นิ้วทั้งห้าก็เหยียดออก และคว้าคอของเย่จิ่งหลานอย่างดุเดือดเย่จิ่งหลานโบกมือ โมริตะคาวาสึบาเมะก็ถูกสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นชนกระเด็นไปด้านข้างโมริตะคาวาสึบาเมะเอามือยันบนพื้น แล้วกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็วเขามองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าระมัดระวัง ถามอย่างดุเดือด “เจ้าใช้เวทมนตร์อะไร”เย่จิ่งหลานพ่นควันออกมาอย่างสบายๆ“เจ้าแม่งหูหนวกไปแล้วหรือ ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่านี่คือมิติ คือมิติ หรือเจ้าคิดว่าข้าโง่จริงๆ กล้าออกไปเดินเล่นโดยไม่มีแผน เช่นนั้นก็น่าเสียใจกับวิญญาณในร่างกายนี้จริงๆ”“มิติ วิญญาณ? นี่หมายความว่าอย่างไร”โมริตะคาวาสึบาเมะเหมือนจะได้ย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1013 การทรมานอย่างโจ่งแจ้ง

    ดูเหมือนว่าร่างกายถูกติดอยู่กับอะไรบางอย่าง ไม่สามารถหลุดพ้นได้เลย ความรู้สึกสิ้นหวังอันลึกซึ้งแล่นออกมาจากหัวใจของโมริตะคาวาสึบาเมะของสิ่งนั้นที่มากระทบแขนช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ถ้าโดนหัว หัวของเขาจะไม่แตกหรือเมื่อเห็นรูดำของปืนชี้มาที่เขา โมริตะคาวาสึบาเมะก็รู้สึกว่าผมตั้งชึ้นขึ้น รู้สึกเสียวสันหลังวาบเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการลงโทษความชั่วร้ายจากวิถีแห่งสวรรค์ แต่ในขณะนี้ มีความทรมานและความกลัวที่อธิบายไม่ได้นั้นพลันเกิดขึ้นในใจอย่างไรก็ตาม เย่จิ่งหลานยังคงเล็งเป้ามา พึมพำกับตัวเอง“ยิงตรงไหนดีนะ ให้เจ้าหมานี่ตายง่ายๆ ในวันเดียว เกรงว่าจะสบายไปหน่อยกระมัง”หน้าผากของโมริตะคาวาสึบาเมะมีเหงื่อออกอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งความตายก็ไม่น่ากลัวนัก บางทีช่วงที่ตายนั้น อาจไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดด้วยซ้ำสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความทุกข์ทรมานจากการรอคอยความตาย ความอัปยศอดสูและการทรมานอย่างโจ่งแจ้ง“ช้าก่อน”เมื่อเย่จิ่งหลานเล็งปืนไปที่เขา โมริตะคาวาสึบาเมะก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปเย่จิ่งหลานทำเหมือนจะตกใจ ทนทีที่สะบัดข้อมือ ปืนก็ดังปังข้อเท้าของโมริตะคาวาสึบาเมะ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1014 ฆ่าเจ้าง่ายยิ่งกว่าการพลิกฝ่ามือ

    เย่จิ่งหลานเลิกคิ้ว“ในเมื่อเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเป็นสำนักถือสันโดษ ทำไมถึงให้เจ้าแอบเข้าไปอย่างง่ายดายขนาดนี้”โมริตะคาวาสึบาเมะกล่าวว่า “แม้ว่าอิ๋นเฉิงจะถือเป็นสำนักอันดับต้นๆ ในจงหยวน แต่ก็ยังแตกต่างจากสำนักทั่วไปเล็กน้อย เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ แม้ว่าทุกคนจะรู้วรยุทธ์ แต่ก็ไม่ต่างจากชาวบ้านธรรมดา ฉะนั้นจึงแอบเข้ามาได้ง่าย”เย่จิ่งหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เจ้าแอบขโมยวิชาฝังโลหิตมาจากอิ๋นเฉิงงั้นหรือ นั่นไม่ถูกสิ หากเจ้ามีชีวิตอยู่นานกว่าร้อยปี อย่างไรก็ต้องใช้หลายศพ แล้วก่อนหน้านี้เจ้าใช้อะไรประคองวิญญาณ”โมริตะคาวาสึบาเมะแค่นเสียงพูดว่า “ร่างอื่นที่ข้ากำลังพูดถึงคือร่างกายดั้งเดิมของข้า หากกำลังภายในแข็งแกร่งพอที่จะรักษาพลังชีวิตของตัวเองไว้ได้ การมีชีวิตอยู่สามถึงห้าร้อยปีก็ไม่ใช่ปัญหา น่าเสียดาย ร่างกายของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถฟื้นตัวได้ จึงต้องยอมเสี่ยง กลับไปยังจงหยวนเพื่อหาทางรักษา บังเอิญเป็นการเปิดเมืองอิ๋นเฉิงพอดี ทำให้ข้าได้ฉวยโอกาส ต่อมาเมื่อตระกูลโมริตะให้กำเนิดลูกชาย ข้าก็ได้ใช้วิชาฝังโลหิตกับเขา เพื่อรอโอกาสที่จะยึดร่างของเขา”เย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1015 ให้เวลาเจ้าคิดสิบห้านาที

    กระบองไฟฟ้าของเย่จิ่งหลานกระทบร่างของโมริตะคาวาสึบาเมะอีกครั้ง“เจ้าบอกว่าไม่มีทางแก้ไขไม่ใช่หรอกหรือ คราวนี้กลับบอกว่าได้?”โมริตะคาวาสึบาเมะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ถึงจะเอาเปลือกตาที่กลอกขึ้นลงได้“ในเมื่อมันเป็นศาสตร์ของพวกเขา แล้วทำไมจะแก้ไม่ได้ แม้ว่าจะแก้ไม่ได้ แต่พวกเขาก็ต้องมีวิธีที่จะยับยั้ง”เย่จิ่งหลานปิดกระบองไฟฟ้า แล้วหมุนไปมาบนมือ“จะแก้ไขได้หรือไม่ก็ไม่สำคัญสำหรับข้า แต่เจ้าจะบอกให้ฟังก่อนก็ได้”โมริตะคาวาสึบาเมะรีบพูดว่า “เจ้าเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงและธิดาเทพแห่งตำหนักเทพมีความรักให้กัน ต่อมาพวกเขาคิดว่าธิดาเทพตายแล้ว จึงปิดเมือง ความจริงแล้วธิดาเทพยังมีชีวิตอยู่ ถูกขังอยู่ในตำหนักเทพ หากเจ้าเมืองเฮ่อยวนรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องดีใจแน่ๆ แม้ว่าเจ้าไม่ต้องการแก้ไขวิชาฝังโลหิต เขาก็จะพยายามช่วยเจ้าเต็มที่”เย่จิ่งหลานยกมือขึ้น และฟาดกระบองอีกครั้ง“ไอ้สารเลว ในเมื่ออิ๋นเฉิงถูกปิดแล้ว แล้วข้าจะไปหาเขาได้ที่ไหน หากเจ้าแค่พูดไร้สาระ ข้าจะช่วยให้เจ้าไปพบยมบาลซะ”โมริตะคาวาสึบาเมะกระตุกอีกครั้ง ในหัวคิดอยากถลกหนังของเย่จิ่งหลานนับครั้งไม่ถ้วน“แล้วเจ้าต้องการอะไรล่ะ”

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1016 รับประกันความพอใจ

    ทันทีที่โมริตะคาวาสึบาเมะเห็นหวังซุ่น เขาก็ด่าสาดเสียเทเสีย หวังซุ่นก็ไม่เกรงใจ พุ่งปราดเข้าไปต่อยเขาหลายครั้ง“เจ้าหมาแก่ คนที่ทำร้ายอาจารย์ข้าต้องเกี่ยวกับเจ้า”การต่อยเหล่านี้ไม่ทำให้โมริตะคาวาสึบาเมะรู้สึกเจ็บปวดหรือคันเลย แต่เป็นการดูถูกอย่างยิ่งเขาโกรธมากจนตาโปน ก่นด่าว่า “เจ้ามันคนทรยศบ้านเมือง”เย่จิ่งหลานขัดจังหวะทั้งสองคน“เอาล่ะ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว จะถ่ายทอดวรยุทธ์อย่างไร ก็เร็วเข้า ความอดทนของข้ามีจำกัด ข้าไม่มีเวลาชักช้ากับเจ้า”โมริตะคาวาสึบาเมะระงับความโกรธชั่วคราว มองเย่จิ่งหลานแล้วพูดว่า “เจ้าจะรับประกันอย่างไรว่าเจ้าจะปล่อยข้าไป”เย่จิ่งหลานพ่นควันออกมา พูดอย่างใจเย็น “เจ้าต้องการหลักประกันอะไร สาบาน หรือเขียนเอกสารก็ได้ทั้งนั้น”โมริตะคาวาสึบาเมะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นมาพร้อมกัน ก่อนอื่นเจ้าต้องสาบาน แล้วเขียนเอกสารสัญญาด้วย”“ได้”เย่จิ่งหลานชูสามนิ้วออกมา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าเย่จิ่งหลาน สัญญาว่าหลังจากที่ได้รับพลังแล้ว จะไม่ตามล่าโมริตะคาวาสึบาเมะอีกเลยชั่วนิรันดร์ ถ้าข้าผิดคำสาบาน ขอให้ไม่ตายดี”หลังจากพูดจบ ก็หยิบกระดาษแผ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1017 ประสบการณ์เฉียดตาย

    “บัดซบ เจ้าหมาบ้า รอข้าก่อนเถอะ”เย่จิ่งหลานกัดฟันสาปแช่งพลังที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องเกือบจะระเบิดร่างกายของเขา กำลังภายในยังคงไหลบนผิวหนัง เช่นเดียวกับมนุษย์ต่างดาวในทีวี ที่ผิวหนังปูดออกมาอย่างต่อเนื่อง“อ๊าก!”หวังซุ่นมีวรยุทธ์ระดับต่ำ จู่ๆ ก็ปล่อยเสียงกรีดร้องออกมาเย่จิ่งหลานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนกเขาตะโกนด้วยความยากลำบาก “หวังซุ่น เจ้าต้องอดทนไว้ เจ้าจะเป็นบ่าวรับใช้ของข้าไปตลอดชีวิตไม่ใช่หรือ ถึงเจ้าตายเป็นผีข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด”เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากมุมปากของหวังซุ่น เขายิ้มอย่างอัปลักษณ์เล็กน้อย“ไม่เป็นไร ถ้าข้าตายก่อน ข้าจะรอท่านอ๋องน้อยที่สะพานไน่เหอ ท่านอ๋องน้อยจะได้ไม่หลงทาง”เย่จิ่งหลานตะโกนด่าอย่างอดทนต่อความเจ็บปวด “อย่าพูดคำที่เป็นลางร้ายแบบนั้น สงบอารมณ์ รวมพลังที่จุดศูนย์ เปลี่ยนพลังงานภายในให้เป็นกระแส หลอมรวมเข้าไปในจุดตันเถียน แล้วกระจายไปยังเส้นลมปราณในตัว แปลงเป็นของตัวเอง”นี่คือสิ่งที่เจ้าสำนักเซี่ยวพูดตอนที่สอนวิธีโคจรกำลังภายใน เย่จิ่งหลานจำได้ชัดเจน ตอนนี้เขาทำได้เพียงปฏิบัติไปอย่างไม่มีอะไรจะเสียแล้ว“ข้าน้อย...ทราบแล้ว”หวั

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1018 อุบัติเหตุที่คาดคิดไม่ถึง

    ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็เห็นหวังซุ่นกระอักเลือดออกมาจากปาก“หวังซุ่น หวังซุ่น!”เย่จิ่งหลานพยุงหวังซุ่นขึ้นมาหัวใจของเขาเต้นแผ่วเบา ดูเหมือนว่าจะยังสามารถช่วยชีวิตได้เย่จิ่งหลานรู้ว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ของตัวเองไม่มีประโยชน์กับเขา จึงไม่ยอมให้เปลืองแรง หยิบขวดน้ำพุวิญญาณของอินชิงเสวียนขึ้นมาหนึ่งขวด บีบปากของหวังซุ่นให้อ้าออก แล้วให้เขาดื่มประมาณสิบห้านาที ในที่สุดหวังซุ่นก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงไปชั่วขณะเขาพึมพำ “ท่านคือ...ยมบาลหรือ ที่แท้ยมบาลก็รูปงานเพียงนี้...”เย่จิ่งหลานเอื้อมมือไปตบหัวเขา“ยมบาลบ้านพ่องเจ้าน่ะสิ เจ้าจำข้าไม่ได้รึ”ขณะที่ฝ่ามือฟาดลงไป เย่จิ่งหลานก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งมือนี้...ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากจากหางตาของเขา จู่ๆ ก็มองเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของตัวเอง ดูเหมือนว่ามีบางอย่างกลับมาเป็นขนาดปกติ จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ“โอ้โห!”เย่จิ่งหลานวิ่งออกจากห้องรับแขกเล็กๆ อย่างรวดเร็วราวพายุ หากระจกมาส่องดูเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามในกระจกก็ตกตะลึงอี

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status