กบฎนั้นก่อโดยอ๋องเผยอันน้องชายของฮ่องเต้องค์เก่าที่เพิ่งจะสวรรคตไป และนางเองอดีตฮองเฮาต้องหอบหิ้วบุตรชายหนีมาเพราะนางให้กำเนิดเขาเมื่ออายุมากแล้ว ทั้งๆที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะสามารถมีบุตรได้ และแล้วสวรรค์ก็ประทานบุตรชายให้กับนาง
เขาคือองค์รัชทายาท แต่ก็มิอาจจะครองบััลลังฆ์ตามที่ควรจะเป็นได้ เพราะถูกก่อกบฎไปเสียก่อน แต่นางยังมีความหวัง เพราะนางเชื่อเต็มหัวใจว่ายังมีขุนนางและแม่ทัพนายกองมากมายที่ยังภักดีต่อฮ่องเต้พระองค์เดิม และองค์รัชทายาทที่บัดนี้เติบใหญ่จนสามารถจะกลับไปทวงบังลังฆ์ที่ควรจะเป็นของเขากลับคืนมาได้แล้ว
ส่วนสตรีต่ำต้อยที่เป็นเพียงบุตรีของขุนนางขั้นสามนั่นก็ไม่ได้คู่ควรกับองค์รัชทายาทเช่นหลี่หมิงสักนิด ดีแล้วที่มันแสดงธาตุแท้ออกมาก่อน ตอนแรกนางก็ไม่เห็นด้วยนักที่เขาจะรับบุตรีขุนนางขั้นสามมาเป็นชายา
แต่เมื่อบุตรชายทั้งรักทั้งหลงสตรีนางนั้นมากเหลือเกิน แม่อย่างนางที่รักบุตรชายมากและสงสารในชะตากรรมของเขา ที่ควรจะอยู่ในที่สูงส่งแต่กลับต้องมาลำบากอยู่ปะปนกับชาวบ้านทั่วไปเช่นนี้
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะซ่งหลี่หมิงแท้จริงเขาคือองค์รัชทายาทที่ไม่นานจะต้องได้คืนบังลังฆ์อย่างแน่นอน และเพียงสตรีคนเดียวนั้นถือว่าไม่ควรจะเสียเวลามาคิดถึงด้วยซ้ำ
ขอเพียงเขาได้คืนฐานะของเขา สตรีเป็นร้อยเป็นพันก็พร้อมยอมสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา อดีตฮองเฮาครุ่่นคิดขณะที่พยุงบุตรชายกลับไปยังเรือนหลังเล็กของตนเอง
ตลอดหลายปีมานี้ นางแค่เพียงสร้างตัวตนว่าเป็นหญิงหม้ายไร้ญาติมิตรและเงินทอง แต่ที่จริงแล้วนางซ่อนโอ่งที่มีเงินทองและทรัพย์สินอยู่จนเต็มเอาไว้ในห้องใต้ดินของบ้านหลังนี้ นางทำทีเป็นรับจ้างเย็บปักแต่ก็เป็นเพียงอาชีพบังหน้า ส่วนที่นางไปรับผ้าจากร้านในเมืองก็เพราะต้องไปรับฟังข่าวจากที่มีขุนนางที่ยังภักดีส่งมาให้กับนางอยู่เสมอ
ส่วนความเป็นอยู่ที่นี่ของนางและองค์รัชทายาทนั้น พวกเขาต่างก็รับรู้ รอเพียงเวลากอบกู้ราชบังลังฆ์กลับคืนมาแล้ว ก็จะมารับนางกับบุตรชายให้คืนกลับวังหลวง
แล้วก็สถาปนาหลี่หมิงขึ้นครองราชย์และมันก็เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว ขุนนางชั้นปลายแถวผู้นี้นั้นแค่เศษดินติดรองเท้า หากการณ์ใหญ่สำเร็จนางจะจัดการมันทั้งครอบครัวไม่ให้มีแผ่นดินกลบหน้้าของมันก็ยังได้ อดีตฮองเฮาครุ่นคิดขณะที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้บุตรชายและให้เขาดื่มยาแก้ช้ำใน และนางเองก็ทายาสมานแผลให้กับเขาแล้ว
ที่จริงแล้วที่บ้านหลังน้อยแห่งนี้ นางแทบไม่ได้หยิบจับทำอะไร แทบทุกวันจะมีหญิงชาวบ้านที่อดีตเป็นนางกำนัลคนสนิทของนาง แต่แค่แฝงกายอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ทำทีมาเยี่ยมเยียนหรือไม่ก็ทำทีหอบผักหรือไข่มาขายให้กับนาง แต่ที่จริงแล้วก็มาทำงานบ้านและหุงหาอาหาร
บางครั้งก็ไปซื้อหาอาหารที่ตลาดมาเก็บไว้ที่ในครัวให้กับนาง แต่เรื่องนี้แม้แต่หลี่หมิงก็ไม่รู้เพราะเมื่อตอนที่มาพำนักที่เรือนหลังนี้เขายังเด็กนัก และนางก็ไม่อยากจะให้เขามารับรู้ แต่อีกไม่นานนี้นางก็จะต้องบอกความจริงแก่เขา และก็จะพากันคืนกลับวังหลวงในที่อันเหมาะสมของนางกับบุตรชาย
ส่วนหลี่หมิงนั้นทั้งเจ็บกายและเจ็บใจ เขานั้นยอมเจ็บปวดร่างกายเพื่อหงลี่หญิงคนรักได้ แต่ไม่คิดว่านางจะหลอกให้เขารัก นางเพียงคิดจะหลอกเขาเล่นๆ ไม่ได้คิดจะจริงจังกับเขา
นางช่างเป็นสตรีแพศยานัก ร่านรักถึงขนาดยอมทอดกายให้เขาเชยชมเล่น แต่กลับมาบอกเขาว่านางแค่หลอกเขาเล่นเพื่ออยากจะรู้ว่านางจะมีเสน่ห์พอหรือไม่ แค่นั้นหรือ ที่นางรู้สึกกับเขา และบัดนี้อีกสามวันนางจะแต่งงานกับคนที่ร่ำรวยในเมืองนี้ไปแล้ว
ส่วนเขาคือไอ้หน้าโง่ที่นางหลอกให้หลงรักเล่นๆ แต่ไม่ได้คิดจะจริงจัง ไม่คิดจะแต่งงานกับเขาเลยแม้แต่น้อย เขาแทบจะไม่เชื่อ หลี่หมิงยังไม่เชื่อในสิ่งที่นางบอก แม้มารดาจะบอกให้เขาลืมนางไปเสีย เขาก็ไม่ตอบอันใดทั้งนั้น ทำเพียงนอนหลับตานิ่ง เหมือนกับยอมจำนน และเลิกคิดถึงสตรีนางนั้นแล้ว แต่ที่จริงเขาต้องการให้แน่ใจว่าหงลี่พูดจริง
พอคืนวันที่สองเขารู้สึกว่าเดินเหินได้ไหวแล้ว จึงได้แอบออกไปจากเรือน เพื่อจะไปลอบเข้าไปหาสตรีนางนั้นเพื่อให้แน่ใจว่านางไม่ได้คิดอะไรกับเขา นางแค่หลอกเขาเล่นๆเพียงเท่านั้น เพราะเขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะเล่นละครตบตาได้เก่งเช่นนั้น หลอกว่ารักเขา และยอมเป็นของเขา เพื่อจะหลอกเขาเล่นๆ อย่างนั้นหรือ
แต่หลี่หมิงก็ลอบเข้าไปหานางได้สำเร็จเพราะเขาเคยทำงานอยู่ในจวนของนาง ทำให้รู้ทางหนีทีไล่ที่จะแอบลอบเข้าไปได้ มือหนาของหลี่หมิงโอบรัดเอวคอดของหงลี่เอาไว้แน่น หงลี่จดจำได้ทันทีว่ามือหนาคู่นี้คือของผู้ใดนางรีบหันหลังกลับมาทันที แล้วก็สบเข้ากับสายตาตัดพ้อที่จ้องมองนางอยู่
“ พี่หลี่หมิง ท่านเข้ามาได้อย่างไรกัน ” นางเอ่ยขึ้นและแอบมองสำรวจบาดแผลฟกช้ำตามใบหน้้าและร่างกายของเขาที่มันอยู่นอกอาภรณ์ที่นางพอจะมองเห็นได้
“ ท่านหายดีแล้วหรือ แล้วมาหาข้าทำไมอีก ข้าบอกความจริงกับท่านไปแล้วทุกอย่าง จะมาหาข้าอีกทำไมกัน " หงลี่รีบบอกกับเขาเบาๆ นางเกรงจะมีคนได้ยินและไปบอกยามหรือไม่ก็คนในจวนให้ได้รับรู้ แล้วหลี่หมิงจะเดือดร้อน
“ ข้ายังจะเลิกรักเจ้าไม่ได้ หากข้ายังไม่แน่ใจว่าเจ้าไม่ได้รักข้าจริงๆ อย่างที่เจ้าบอกข้า ” เขาบอกกับหงลี่ขณะที่มือหนาก็ยังไม่ปล่อยจากเอวคอดของนาง
หงลี่สะท้อนใจนัก นางอยากจะร้องบอกเขาไปว่านางรักเขา รักมากเหลือเกิน อยากจะหนีไปอยู่กับเขา แต่นางรู้ว่านางทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะนางเลือกไม่ได้ระหว่างบิดามารดาของตนเองกับชายคนรัก และหากแม้หนีไปนางก็หนีการติดตามของคนของบิดาไปไม่พ้น และเขากับมารดาก็จะพลอยเป็นอัันตรายไปด้วย นางรู้ดีว่าท่านพ่อของตนเองเป็นคนเช่นไร หลี่หมิงจะต้องเดือดร้อนมากแน่ๆ "
“ ข้าไม่ได้รักท่าน ข้าแค่เพียงทดสอบเสน่ห์ของตนเอง และเห็นว่าท่านหน้าตาดี หล่อเหลาพอที่จะเล่นด้วย ข้าจึงได้หลอกท่านเล่นๆ ว่ารักท่าน แต่ที่จริงข้าไม่มีทางรักชายต่ำต้อยเช่นท่านได้หรอก และข้าตอนนี้กำลังจะแต่งงานกับคุณชายเหยาอย่างที่ท่านพ่อบอกนั่นแหละ
เขามาสู่ขอข้าพร้อมกับสินสอดจำนวนมาก มากขนาดที่ข้าปฏิเสธไม่ลง และข้าก็รักตัวเองมากกว่า อยากจะให้ตัวเองสุขสบาย แล้วใครกันเล่าอยากจะไปตกระกำลำบากมาสร้างเนื้อสร้างตัวอีก ทั้งๆที่มีกองเงินทองกองเอาไว้อยู่ตรงหน้าแล้ว เหตุผลก็มีเพียงเท่านี้ ท่านเข้าใจหรือไม่ ”
หลี่หมิงจ้องมองสตรีหน้าเงินตรงหน้าที่เชิดหน้าบอกเขาว่ารักเงินมากกว่าเขาอย่างผิดหวังเหลือเกิน
ดวงตาของนางนั้นไม่ได้มีวี่แววแห่งความเสียอกเสียใจเลยสักนิด นางเชิดหน้าบอกกับเขาอย่างหน้าตาเฉย เหมือนไม่ได้มีความรู้สึกใดทั้งสิ้น
“ ถ้าอย่างนั้น ถ้าข้าจะนอนกับเจ้า หญิงร่านชายเช่นเจ้าก็คงจะไม่ว่ากระมัง นอนกันเล่นๆ ไม่ได้มีความสุขรู้สึกใดๆ ให้กัน เจ้าหว่านเสน่ห์บุรุษเล่นๆ ปั่นหัวเขาเพื่อทดสอบเสน่ห์ของตนเองเล่นๆ ข้าก็จะนอนกับเจ้าเล่น ๆ เพราะคนที่ไม่ได้รักกัน และเกลียดกันอย่างเช่นเราก็นอนด้วยกันได้ ”
หลี่หมิงกัดฟันพูดออกไป เขาแทบไม่เชื่อเลยว่าสตรีที่เขาคบหามาหลายเดือนเนื้อแท้จะเป็นหญิงร่านชายที่หลอกปั่นหัวบุรุษเล่นเพื่อทดสอบเสน่ห์ของตนเอง และไม่สนใจว่าตัวเองจะเสียเนืื้อเสียตัวให้กับชายใดบ้าง หรือไม่นางก็คงจะทำเช่นนี้กับเจ้าคุณชายเหยานั่นแล้วก็เป็นได้
กบฎนั้นก่อโดยอ๋องเผยอันน้องชายของฮ่องเต้องค์เก่าที่เพิ่งจะสวรรคตไป และนางเองอดีตฮองเฮาต้องหอบหิ้วบุตรชายหนีมาเพราะนางให้กำเนิดเขาเมื่ออายุมากแล้ว ทั้งๆที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะสามารถมีบุตรได้ และแล้วสวรรค์ก็ประทานบุตรชายให้กับนาง เขาคือองค์รัชทายาท แต่ก็มิอาจจะครองบััลลังฆ์ตามที่ควรจะเป็นได้ เพราะถูกก่อกบฎไปเสียก่อน แต่นางยังมีความหวัง เพราะนางเชื่อเต็มหัวใจว่ายังมีขุนนางและแม่ทัพนายกองมากมายที่ยังภักดีต่อฮ่องเต้พระองค์เดิม และองค์รัชทายาทที่บัดนี้เติบใหญ่จนสามารถจะกลับไปทวงบังลังฆ์ที่ควรจะเป็นของเขากลับคืนมาได้แล้วส่วนสตรีต่ำต้อยที่เป็นเพียงบุตรีของขุนนางขั้นสามนั่นก็ไม่ได้คู่ควรกับองค์รัชทายาทเช่นหลี่หมิงสักนิด ดีแล้วที่มันแสดงธาตุแท้ออกมาก่อน ตอนแรกนางก็ไม่เห็นด้วยนักที่เขาจะรับบุตรีขุนนางขั้นสามมาเป็นชายา แต่เมื่อบุตรชายทั้งรักทั้งหลงสตรีนางนั้นมากเหลือเกิน แม่อย่างนางที่รักบุตรชายมากและสงสารในชะตากรรมของเขา ที่ควรจะอยู่ในที่สูงส่งแต่กลับต้องมาลำบากอยู่ปะปนกับชาวบ้านทั่วไปเช่นนี้แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะซ่งหลี่หมิงแท้จริงเขาคือองค์รัชทายาทที่ไม่นานจะต้องได้คืนบังลังฆ
“ น่าขบขันนัก เจ้าช่างไม้ต่ำต้อย เงินสินสอดแค่หยิบมือ คิดจะมาสู่ขอบุตรสาวของขุนนางอย่างข้า คิดหรือว่าข้าจะยกหงลี่ให้กับเจ้า ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี คำสัญญาที่เจ้าบอกข้า มันจับต้องไม่ได้หรอกนะ เจ้าจะทำมันได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เจ้าคือช่างไม้รับจ้างที่ยากจน มีเพียงบ้านหลังเล็กๆ เอาไว้ซุกหัวนอนกับแม่ที่แก่ชราของเจ้า เพียงเท่านั้น ข้าไม่โง่เง่าพอที่จะยกบุตรสาวของข้าให้ไปตกระกำลำบากกับเจ้าหรอก เป็นการิอยากจะกินเนื้อหงส์ ช่างน่าขบขันนัก ” ขุนนางหยูเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าทมึงถึงขัดกับคำพูดของเขาที่บอกว่าคำสัญญาของหลี่หมิงช่างน่าขบขัน เขากับฮูหยินจ้องมองช่างไม้หนุ่มกับมารดาด้วยสายตาดูแคลนไม่ปิดบังซักนิด พวกเขาไม่ยอมเรียกบุตรสาวออกมาพบกับทั้งสองเลยด้วยซ้ำ “ แต่ข้ากับหงลี่เราได้เสียกันแล้ว หากท่านไม่ยอมให้นางแต่งงานกับข้าแล้วนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา จะทำเช่นไร ” ช่างไม้หนุ่มตัดสินใจใช่้ไม้ตายของเขาที่คิดว่าหากพูดออกไปแล้วพ่อตาแม่ยายอาจจะใจอ่อนยอมให้หงลี่กับเขาแต่งงานกันก็เป็นได้“ หากนางตั้งครรภ์ข้าก็จะไม่เก็บเจ้าเด็กนั่นไว้ประจานสกุลของข้าหรอกนะ หรือไม่ข้าก็จะให้นางรีบแต
พวกเขาเข้าหอล่วงหน้าแล้ว แม้ในคราวแรกเขาไม่ได้ตั้งใจเลย เขาคิดจะถนอมนางเอาไว้จนกว่าจะถึงวันวิวาห์ของพวกเขา แต่ครั้งนี้ความใกล้ชิด ถูกเนื้อต้องตัวกันมันพาให้อารมณ์หนุ่มของเขาเตลิดจนกู่ไม่กลับ แต่เมื่อได้ล่วงเกินกันแล้วก็หยุดยั้งตนเองไม่ได้อีกต่อไป เมื่อกลับไปแล้ว ก็จะไปสู่ขอนางกับบิดามารดาของนาง แม้ในตอนนี้เขาจะยังไม่พร้อมทางด้านฐานะ อาจจะดูต่ำต้อยกว่าครอบครัวของนางไปสักนิด แต่เขาเชื่อมั่นว่าอีกไม่นานเขาจะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวให้มีฐานะที่เป็นปึกแผ่นมากกว่านี้ เขาจะไม่ยอมให้หงลี่น้อยหน้าผู้อื่นอย่างแน่นอน ส่วนหงลี่บัดนี้นางโยกสะโพกอวบอัดเข้าหาชายที่กำลังโยกกระแทกนางอย่างรุนแรงนี้ นางเองก็หลงรักเขาดังเช่นที่เขาหลงรักนาง และยิ่งได้ตกเป็นของกันและกันแล้ว ความผูกพันธ์ของพวกเขาสองคนก็จะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น บัดนี้พี่หลี่หมิงไม่ใช่เพียงคนรักในความลับของนางอีกแล้ว แต่เขาคือสามีที่นางจะต้องได้แต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน หงลี่คิดด้วยความสุขใจ นางยกแขนเรียวขาวเกี่ยวต้นคอของสามีหมาดๆ ลงมา แล้วทั้งสองก็จูบกันอย่างดูดดื่ม บทรักในสายธารน้ำตกดำเนินไปจนกระทั่งแตกระเบิดในเวลาไล่เลี่ยกัน แ
บัดนี้ในป่าแถบนี้แทบจะร้างผู้คน ซ่งหลี่หมิงสำรวจทั้งหมดแล้ว จึงได้ปลอดโปร่งโล่งใจ เพราะเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของคนรักของเขา ทั้งสองสบตากันนิ่ง ในดวงใจทั้งสองดวงเปี่ยมไปด้วยความรักที่แทบจะล้นปรี่ออกมา ดวงตาของทั้งคู่ต่างก็มีไฟปรารถที่ลุกโชนไม่ต่่างกัน และแล้วใบหน้าก็ค่อยๆเลื่อนเข้าหากัน และในที่สุดลิ้นร้ายที่ร้อนรุ่มนั่นก็สอดเข้ามาในปากอวบอิ่มที่อ้าออกน้อยอย่างเต็มใจ แขนเรียวของหงลี่ยกขึ้นโอบต้นคอชายตรงหน้าของนางเอาไว้ และแล้วจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนก็เกิดขึ้น และดำเนินต่อไปจนคุณหนูสาวแทบจะขาดอากาศหายใจนางยกมือทุบไปที่ไหล่หนาของคนตรงหน้า คนรักหนุ่มจึงยอมปล่อยปากอิ่มของนางเป็นอิสระ และเข้าซุกไซร้พรมจูบสองแก้มนวลของนาง แล้วละเรื่อยมาที่ซอกคอขาวผ่อง เขาขบเม้มทำรอยรักเอาไว้ประปรายอย่างหวงแหน เพราะเขาถือว่าหยูหงลี่คือคนรัก ที่เขาจะต้องได้นางมาครอบครอง แม้ฐานะของพวกเขาจะแตกต่าง แต่เขาจะมุมานะสร้างตัวเพื่อให้คู่ควรกับนาง เพื่อจะได้ไปสู่ขอนางมาร่วมชีวิตกับเขาให้ได้เร็วที่สุด ที่อยู่ของนางคือข้างกายเขาเพียงเท่านั้น ชาตินี้เขากับนางจะต้องได้ครองคู่กัน เขาจะไม่ยอมให้มีสิ่
หยูหงลี่บุตรีขุนนางขัั้นสามที่อยู่ๆ ก็เกิดได้เข้าถวายตัวเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เพิ่งได้รับการสถาปนา และนางก็พบว่าฮ่องเต้พระองค์นั้นคืออดีตชายคนรักที่นางสลัดเขาทิ้งก็เพราะนางจำต้องเลือกครอบครัว แม้นางจะรักเขามาก แต่ก็มิอาจจะหนีตามเขาไปได้ เพราะครอบครัวของนางที่บิดาเป็นขุนนางขั้นสาม แต่เมื่ออยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างหนิงโจว ก็ย่อมจะดูสูงส่งกว่าชาวบ้านโดยทั่วไป และบิดาไม่มีทางยอมรับเขยที่เป็นเพียงช่างไม้จนๆได้ อดีตชายคนรักที่มีนามเดิมว่า ซ่งหลี่หมิง เขาเป็นบุตรชายของสตรีหม้ายนางหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านหรือตำบลท่ี่นางย้ายมาอยู่รู้ว่าสองแม่ลูกมาจากที่ใด พวกเขาทราบเพียงว่าท่านป้าซ่งผู้นั้นหอบบุตรชายที่ยังเป็นเพียงเด็กชายตัวน้อยๆ มาตั้งหลักปักฐานที่หมู่บ้านเล็กๆ ที่นอกเมืองหนิงโจว นางบอกกับใครๆ ว่านางเป็นหญิงหม้ายเพราะสามีเสียชีวิตไปแล้ว และนางเองก็ไร้ญาติขาดมิตร มีเงินทองติดตัวมาเพียงเล็กน้อยจึงได้ขอซื้อที่ดินของหัวหน้าหมู่บ้านที่ยอมแบ่งขายให้ผืนหนึ่งซึ่งนางก็จ้างชาวบ้านที่นั่นช่วยกันปลูกบ้านหลังเล็กๆ และล้อมรั้วให้แน่นหนาให้พอเป็นที่พำนักของหญิงหม้ายเช่นนางกับบุตรชายไ