Войтиกบฎนั้นก่อโดยอ๋องเผยอันน้องชายของฮ่องเต้องค์เก่าที่เพิ่งจะสวรรคตไป และนางเองอดีตฮองเฮาต้องหอบหิ้วบุตรชายหนีมาเพราะนางให้กำเนิดเขาเมื่ออายุมากแล้ว ทั้งๆที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะสามารถมีบุตรได้ และแล้วสวรรค์ก็ประทานบุตรชายให้กับนาง
เขาคือองค์รัชทายาท แต่ก็มิอาจจะครองบััลลังฆ์ตามที่ควรจะเป็นได้ เพราะถูกก่อกบฎไปเสียก่อน แต่นางยังมีความหวัง เพราะนางเชื่อเต็มหัวใจว่ายังมีขุนนางและแม่ทัพนายกองมากมายที่ยังภักดีต่อฮ่องเต้พระองค์เดิม และองค์รัชทายาทที่บัดนี้เติบใหญ่จนสามารถจะกลับไปทวงบังลังฆ์ที่ควรจะเป็นของเขากลับคืนมาได้แล้ว
ส่วนสตรีต่ำต้อยที่เป็นเพียงบุตรีของขุนนางขั้นสามนั่นก็ไม่ได้คู่ควรกับองค์รัชทายาทเช่นหลี่หมิงสักนิด ดีแล้วที่มันแสดงธาตุแท้ออกมาก่อน ตอนแรกนางก็ไม่เห็นด้วยนักที่เขาจะรับบุตรีขุนนางขั้นสามมาเป็นชายา
แต่เมื่อบุตรชายทั้งรักทั้งหลงสตรีนางนั้นมากเหลือเกิน แม่อย่างนางที่รักบุตรชายมากและสงสารในชะตากรรมของเขา ที่ควรจะอยู่ในที่สูงส่งแต่กลับต้องมาลำบากอยู่ปะปนกับชาวบ้านทั่วไปเช่นนี้
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะซ่งหลี่หมิงแท้จริงเขาคือองค์รัชทายาทที่ไม่นานจะต้องได้คืนบังลังฆ์อย่างแน่นอน และเพียงสตรีคนเดียวนั้นถือว่าไม่ควรจะเสียเวลามาคิดถึงด้วยซ้ำ
ขอเพียงเขาได้คืนฐานะของเขา สตรีเป็นร้อยเป็นพันก็พร้อมยอมสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา อดีตฮองเฮาครุ่่นคิดขณะที่พยุงบุตรชายกลับไปยังเรือนหลังเล็กของตนเอง
ตลอดหลายปีมานี้ นางแค่เพียงสร้างตัวตนว่าเป็นหญิงหม้ายไร้ญาติมิตรและเงินทอง แต่ที่จริงแล้วนางซ่อนโอ่งที่มีเงินทองและทรัพย์สินอยู่จนเต็มเอาไว้ในห้องใต้ดินของบ้านหลังนี้ นางทำทีเป็นรับจ้างเย็บปักแต่ก็เป็นเพียงอาชีพบังหน้า ส่วนที่นางไปรับผ้าจากร้านในเมืองก็เพราะต้องไปรับฟังข่าวจากที่มีขุนนางที่ยังภักดีส่งมาให้กับนางอยู่เสมอ
ส่วนความเป็นอยู่ที่นี่ของนางและองค์รัชทายาทนั้น พวกเขาต่างก็รับรู้ รอเพียงเวลากอบกู้ราชบังลังฆ์กลับคืนมาแล้ว ก็จะมารับนางกับบุตรชายให้คืนกลับวังหลวง
แล้วก็สถาปนาหลี่หมิงขึ้นครองราชย์และมันก็เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว ขุนนางชั้นปลายแถวผู้นี้นั้นแค่เศษดินติดรองเท้า หากการณ์ใหญ่สำเร็จนางจะจัดการมันทั้งครอบครัวไม่ให้มีแผ่นดินกลบหน้้าของมันก็ยังได้ อดีตฮองเฮาครุ่นคิดขณะที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้บุตรชายและให้เขาดื่มยาแก้ช้ำใน และนางเองก็ทายาสมานแผลให้กับเขาแล้ว
ที่จริงแล้วที่บ้านหลังน้อยแห่งนี้ นางแทบไม่ได้หยิบจับทำอะไร แทบทุกวันจะมีหญิงชาวบ้านที่อดีตเป็นนางกำนัลคนสนิทของนาง แต่แค่แฝงกายอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ทำทีมาเยี่ยมเยียนหรือไม่ก็ทำทีหอบผักหรือไข่มาขายให้กับนาง แต่ที่จริงแล้วก็มาทำงานบ้านและหุงหาอาหาร
บางครั้งก็ไปซื้อหาอาหารที่ตลาดมาเก็บไว้ที่ในครัวให้กับนาง แต่เรื่องนี้แม้แต่หลี่หมิงก็ไม่รู้เพราะเมื่อตอนที่มาพำนักที่เรือนหลังนี้เขายังเด็กนัก และนางก็ไม่อยากจะให้เขามารับรู้ แต่อีกไม่นานนี้นางก็จะต้องบอกความจริงแก่เขา และก็จะพากันคืนกลับวังหลวงในที่อันเหมาะสมของนางกับบุตรชาย
ส่วนหลี่หมิงนั้นทั้งเจ็บกายและเจ็บใจ เขานั้นยอมเจ็บปวดร่างกายเพื่อหงลี่หญิงคนรักได้ แต่ไม่คิดว่านางจะหลอกให้เขารัก นางเพียงคิดจะหลอกเขาเล่นๆ ไม่ได้คิดจะจริงจังกับเขา
นางช่างเป็นสตรีแพศยานัก ร่านรักถึงขนาดยอมทอดกายให้เขาเชยชมเล่น แต่กลับมาบอกเขาว่านางแค่หลอกเขาเล่นเพื่ออยากจะรู้ว่านางจะมีเสน่ห์พอหรือไม่ แค่นั้นหรือ ที่นางรู้สึกกับเขา และบัดนี้อีกสามวันนางจะแต่งงานกับคนที่ร่ำรวยในเมืองนี้ไปแล้ว
ส่วนเขาคือไอ้หน้าโง่ที่นางหลอกให้หลงรักเล่นๆ แต่ไม่ได้คิดจะจริงจัง ไม่คิดจะแต่งงานกับเขาเลยแม้แต่น้อย เขาแทบจะไม่เชื่อ หลี่หมิงยังไม่เชื่อในสิ่งที่นางบอก แม้มารดาจะบอกให้เขาลืมนางไปเสีย เขาก็ไม่ตอบอันใดทั้งนั้น ทำเพียงนอนหลับตานิ่ง เหมือนกับยอมจำนน และเลิกคิดถึงสตรีนางนั้นแล้ว แต่ที่จริงเขาต้องการให้แน่ใจว่าหงลี่พูดจริง
พอคืนวันที่สองเขารู้สึกว่าเดินเหินได้ไหวแล้ว จึงได้แอบออกไปจากเรือน เพื่อจะไปลอบเข้าไปหาสตรีนางนั้นเพื่อให้แน่ใจว่านางไม่ได้คิดอะไรกับเขา นางแค่หลอกเขาเล่นๆเพียงเท่านั้น เพราะเขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะเล่นละครตบตาได้เก่งเช่นนั้น หลอกว่ารักเขา และยอมเป็นของเขา เพื่อจะหลอกเขาเล่นๆ อย่างนั้นหรือ
แต่หลี่หมิงก็ลอบเข้าไปหานางได้สำเร็จเพราะเขาเคยทำงานอยู่ในจวนของนาง ทำให้รู้ทางหนีทีไล่ที่จะแอบลอบเข้าไปได้ มือหนาของหลี่หมิงโอบรัดเอวคอดของหงลี่เอาไว้แน่น หงลี่จดจำได้ทันทีว่ามือหนาคู่นี้คือของผู้ใดนางรีบหันหลังกลับมาทันที แล้วก็สบเข้ากับสายตาตัดพ้อที่จ้องมองนางอยู่
“ พี่หลี่หมิง ท่านเข้ามาได้อย่างไรกัน ” นางเอ่ยขึ้นและแอบมองสำรวจบาดแผลฟกช้ำตามใบหน้้าและร่างกายของเขาที่มันอยู่นอกอาภรณ์ที่นางพอจะมองเห็นได้
“ ท่านหายดีแล้วหรือ แล้วมาหาข้าทำไมอีก ข้าบอกความจริงกับท่านไปแล้วทุกอย่าง จะมาหาข้าอีกทำไมกัน " หงลี่รีบบอกกับเขาเบาๆ นางเกรงจะมีคนได้ยินและไปบอกยามหรือไม่ก็คนในจวนให้ได้รับรู้ แล้วหลี่หมิงจะเดือดร้อน
“ ข้ายังจะเลิกรักเจ้าไม่ได้ หากข้ายังไม่แน่ใจว่าเจ้าไม่ได้รักข้าจริงๆ อย่างที่เจ้าบอกข้า ” เขาบอกกับหงลี่ขณะที่มือหนาก็ยังไม่ปล่อยจากเอวคอดของนาง
หงลี่สะท้อนใจนัก นางอยากจะร้องบอกเขาไปว่านางรักเขา รักมากเหลือเกิน อยากจะหนีไปอยู่กับเขา แต่นางรู้ว่านางทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะนางเลือกไม่ได้ระหว่างบิดามารดาของตนเองกับชายคนรัก และหากแม้หนีไปนางก็หนีการติดตามของคนของบิดาไปไม่พ้น และเขากับมารดาก็จะพลอยเป็นอัันตรายไปด้วย นางรู้ดีว่าท่านพ่อของตนเองเป็นคนเช่นไร หลี่หมิงจะต้องเดือดร้อนมากแน่ๆ "
“ ข้าไม่ได้รักท่าน ข้าแค่เพียงทดสอบเสน่ห์ของตนเอง และเห็นว่าท่านหน้าตาดี หล่อเหลาพอที่จะเล่นด้วย ข้าจึงได้หลอกท่านเล่นๆ ว่ารักท่าน แต่ที่จริงข้าไม่มีทางรักชายต่ำต้อยเช่นท่านได้หรอก และข้าตอนนี้กำลังจะแต่งงานกับคุณชายเหยาอย่างที่ท่านพ่อบอกนั่นแหละ
เขามาสู่ขอข้าพร้อมกับสินสอดจำนวนมาก มากขนาดที่ข้าปฏิเสธไม่ลง และข้าก็รักตัวเองมากกว่า อยากจะให้ตัวเองสุขสบาย แล้วใครกันเล่าอยากจะไปตกระกำลำบากมาสร้างเนื้อสร้างตัวอีก ทั้งๆที่มีกองเงินทองกองเอาไว้อยู่ตรงหน้าแล้ว เหตุผลก็มีเพียงเท่านี้ ท่านเข้าใจหรือไม่ ”
หลี่หมิงจ้องมองสตรีหน้าเงินตรงหน้าที่เชิดหน้าบอกเขาว่ารักเงินมากกว่าเขาอย่างผิดหวังเหลือเกิน
ดวงตาของนางนั้นไม่ได้มีวี่แววแห่งความเสียอกเสียใจเลยสักนิด นางเชิดหน้าบอกกับเขาอย่างหน้าตาเฉย เหมือนไม่ได้มีความรู้สึกใดทั้งสิ้น
“ ถ้าอย่างนั้น ถ้าข้าจะนอนกับเจ้า หญิงร่านชายเช่นเจ้าก็คงจะไม่ว่ากระมัง นอนกันเล่นๆ ไม่ได้มีความสุขรู้สึกใดๆ ให้กัน เจ้าหว่านเสน่ห์บุรุษเล่นๆ ปั่นหัวเขาเพื่อทดสอบเสน่ห์ของตนเองเล่นๆ ข้าก็จะนอนกับเจ้าเล่น ๆ เพราะคนที่ไม่ได้รักกัน และเกลียดกันอย่างเช่นเราก็นอนด้วยกันได้ ”
หลี่หมิงกัดฟันพูดออกไป เขาแทบไม่เชื่อเลยว่าสตรีที่เขาคบหามาหลายเดือนเนื้อแท้จะเป็นหญิงร่านชายที่หลอกปั่นหัวบุรุษเล่นเพื่อทดสอบเสน่ห์ของตนเอง และไม่สนใจว่าตัวเองจะเสียเนืื้อเสียตัวให้กับชายใดบ้าง หรือไม่นางก็คงจะทำเช่นนี้กับเจ้าคุณชายเหยานั่นแล้วก็เป็นได้
ทำให้หงลี่สบายใจขึ้น นางส่งข้าวของและเงินทองไปให้แก่บิดามารดาเพื่อแสดงความกตัญญู ทำให้ที่จวนของบิดามารดาของนางนั้นต่างก็ยินดี และพากันแซ่ซ้องบุตรสาวที่กลายเป็นฮองเฮาไปอย่างไม่น่าเชื่อในบุญวาสนาของนาง พ่อตาและแม่ยายของเฟยหลงฮ่องเต้มิได้โกรธเคืองเขาที่สั่งลงโทษพวกตน เพราะพวกเขาเองก็ตกใจที่ได้รู้ว่าชายที่เขาสั่งให้ทุบตีอย่างหนักในค่ำคืนนั้นคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด มีแต่ความรู้สึกผิดต่อฮ่องเต้เพียงเท่านั้น พวกเขานั้นบัดนี้กลับได้มีชีวิตที่สุขสบายและร่ำรวยเงินทองขึ้นมากว่าเดิม แถมบิดายังได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นเจ้าเมืองหนิงโจวในเวลาต่อมาหลังจากตำแหน่งเจ้าเมืองว่างเว้นลง ส่วนฟางเอ๋อสาวใช้ที่หลงลืมตนไปชั่วขณะ บัดนี้เสียใจมาก นางเสียดายวันคืนที่ได้รับใช้พระสนมหยูที่ดีมีน้ำใจกับนางมาเสมอ นางเสียใจที่ตนเองหลงผิดไปชั่ววูบที่คิดตีตนเสมอกับอดีตนายหญิง จนกระทั่งบัดนี้ตนเองกับมารดาถูกขับไล่ออกมาจากวังหลวงด้วยกันทั้งคู่ เพราะเมื่อสืบสวนแล้วพบว่ามารดาของนางก็มีส่วนในแผนการณ์ครั้งนี้ แต่หงลี่ขอร้องมิให้ลงโทษพวกนางไปมากกว่านี้ เพราะเห็นแก่เรื่องราวที่
“ ลี่เอ๋อ….เมียจ๋า โอ้วววว ” เขาครางออกมาด้วยความเสียวจนแทบจะทนต่อไปไม่ไหว เขาลุกลนถอดเสื้อคลุมตัวเดียวที่เขาสวมเวลาเข้านอนโยนทิ้งไป แล้วก็ก้มลงคลุกเคล้าสตรีด้านล่างที่มีกลิ่นหอมเช่นเดียวกับเมียรักของเขา เพราะนางใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกับหงลี่ อาภรณ์ที่นางสวมก็ใช้ของหงลี่ มือหนาแหวกสาปเสื้อบางตรงหน้าออกไปด้านข้าง แล้วก้มลงอ้าปากครอบลงบนเต้าอวบของสตรีด้านล่างที่ไม่เคยชายเลยสักนิด ฟางเอ๋อแทบจะขาดใจ ยามปากหนาของฮ่องเต้หนุ่มครอบลงมาที่เต้าอวบของนาง นางแอ่นอกอวบขึ้นหาเขาเพราะเสียวซ่านจนเกินจะทนได้ มันเป็นเช่นนี้เองหรือความสุขระหว่างหญิงชาย ฟางเอ๋อยกยิ้มอย่างสมใจ ในที่สุดตำแหน่งพระสนมก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมต่อไปนางก็คงไม่ต้องมารับใช้สตรีอื่นงกๆเช่นนี้อีกแล้ว และคืนนี้ฟางเอ๋อจะทำทุกอย่างให้ฮ่องเต้หลงไหลนางจนโงหัวไม่ขึ้นมิน่าเล่า…..ลีลารักของฮ่องเต้หนุ่มแม้ยามเขามีสติไม่เต็มร้อยก็ช่างช่ำชองนัก ผลอิงเถาสีชมพูเข้มที่ไม่เคยผ่านมือชายใดทั้งสิ้นบัดนี้ถูกลิ้นสากของฮ่องเต้หนุ่มไล้เลียสลับกับดูดดื่มจนนางแทบจะขาดใจ ฟางเอ๋อแอ่นร่างหยัดขึ้นจนหลังของนางแทบจะโค้ง ด้วยความเสียวซ่านแทบจะทนไม่ไหว
“ เสด็จพี่เพคะ ท่านควรจะไปหาชายาหรือสนมนางอื่นๆบ้างก็ได้ หม่อมฉันอนุญาต เพราะเกรงว่าพระองค์จะเคร่งเครียดกับราชกิจจนเกินไป อีกไม่นานหม่อมฉันก็จะคลอดองค์ชายหรือองค์หญิงน้อยให้แก่พระองค์แล้ว คงจะทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่สมบูรณ์เต็มที่นัก ” แต่ฮ่องเต้หนุ่มกลับเดินมากอดภรรยาที่เขารักไว้แนบอก “ ไม่ล่ะ พี่เหนื่อย ชายากับสนมหลายๆคนก็ขอลาออกไปอยู่นอกวังกัันแล้ว บางคนก็ลาออกไปแต่งงานพี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ พวกนางคงจะเหงา เพราะพี่ไม่ได้ไปหาพวกนางเลย พี่ทำใจที่จะทำหน้าที่สามีให้พวกนางไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเป็นหน้าที่ แต่ว่าพี่ไม่ได้รักพวกนาง จึงคิดว่าชายานางใด สนมนางใด อยากจะอยู่ในวังหลังพี่ก็จะเลี้ยงดูอย่างดีดังเช่นเดิม ส่วนผู้ใดอยากจะลากลับไปอยู่บ้านเดิมก็ไม่ว่ากัน หากจะลาออกไปแต่งงานข้างนอกก็ไม่ว่ากันอีก เพราะเข้าใจหัวอกพวกนางดี ” เขาบอกกับว่าที่ฮองเฮาที่รอการสถานปนาหลังจากคลอดบุตรชายแล้วอย่างรักใคร่และโอบกอดนางเอาไว้ในอกแน่นเข้าด้านที่ห้องแถวห้องหนึ่งด้านหลังโรงเย็บปักที่เป็นที่พำนักของมารดาของฟางเอ๋อ สองแม่ลูกกำลังนั่งจิบน้ำชาหลังมื้ออาหารค่ำ ที่วันนี้ฟางเอ๋อลามาเยี่ยมมารดาและขอนอน
หรูอี้รู้ดีว่าระหว่างสองบุรุษในชีวิตของนางช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อองครักษ์หนุ่มเห็นสตรีใต้ร่างเสร็จสมอย่างรุนแรงไปต่อหน้าแล้ว เขาก็รีบร้อนถอดกางเกงของเขาออกให้พ้นสะโพกหนาลงไปที่ใต้เข่าในทันที ส่วนเสื้อตัวบนยังอยู่ครบครัน เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวยในการเริงรัก และแล้วเมื่อเจ้าลูกชายที่ขยายใหญ่จนแทบปริแตก สอดเข้าไปในร่องรักของสตรีใต้ร่าง หรูอี้ก็กระตุกเกร็งไปอีกครั้งเพราะนางเสร็จสม นางเสร็จเพราะนางรักเขา นางรู้แล้วนางยังรักอาเหวินของนางไม่เสื่อมคลาย ไม่ใช่ฮ่องเต้เย็นชาผู้นั้น และต่อไปนางจะหาทางเลิกรากับเชา และออกจากวังหลวงไปแต่งงานใหม่กับอาเหวิน ที่บัดนี้กำลังจะกลายมาเป็นสามีของนางอาเหวินร้องออกมาอย่างเสียวจนแทบบ้า เพราะสตรีร่านร้อนตรงหน้า นางเสร็จสมไปทั้งๆที่เขาเพียงแค่สอดใส่เข้าไปแค่เพียงส่วนปลายของเจ้าลูกชายแสนล่ำของเขา “ โอ้วววว โอ้วววว เมียจ๋า โอ้วววว ผัวเสียว เสียวเหลือเกิน โอ้วววว ”องครักษ์หนุ่มครางออกมา แล้วก็โยกบั้นเอวดันเจ้าลูกชายที่ดิ้นรนจะเข้าไปในร่องรักที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักที่ไหลรินออกมาอย่างมากมาย เพราะหรูอี้เสร็จสมไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วนและแล้วจังหว
ส่วนเหลียนหรูอี้ นางกลัดกลุ้มและรู้สึกเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเหมือนกับตนเองเป็นสตรีขี้ริ้วขี้เหร่เสียเต็มประดา ทำให้บุรุษไม่ต้องการนาง เพราะตั้งแต่มาเข้าหอในค่ำคืนนั้น ฮ่องเต้หนุ่มไม่เคยย่างเท้ามาหานางที่ตำหนักอีกเลย ทำให้หรูอี้กลัดกลุ้มและเสียความมั่นใจเป็นอย่างมาก ว่านางมีอะไรที่ผิดพลาดไป หรือสู้สตรีต่ำต้อยนั่นไม่ได้สักนิดเลยหรือ และยิ่งสนมปลายแถวที่พวกนางเคยดูแคลนบัดนี้ตั้งครรภ์มังกรแล้ว แน่นอนว่าฐานะของนางย่อมเปลี่ยนไป ส่วนคนที่ต้องเป็นกังวลกลับกลายเป็นเหล่าชายาและสนมทั้งหลายที่ฮ่องเต้ไม่โปรดปรานเช่นพวกนางแทนยามค่ำคืนวันหนึ่ง หรูอี้กลัดกลุ้มเต็มที หลังจากอาบน้ำเข้านอนไปแล้ว นางนอนเท่าไหร่ก็ไม่หลับ จึงได้ออกมาเดินเล่นที่สวนโดยไม่ได้ปลุกสาวใช้ที่กลับไปนอนพักที่ห้องด้านหลังตำหนักให้ลุกมาเดินเป็นเพื่่อน อีกอย่างนางเองก็อยากจะเดินเล่นเงียบๆ ใช้ความคิดเงียบๆ ตามลำพัง นางสวมเพียงอาภรณ์ที่เตรียมเข้านอนเป็นอาภรณ์สีขาวเนื้อผ้าบางเบา และไม่ได้สวมเสื้อคลุมเพราะอากาศร้อน นางออกมาเดินเล่นที่สวน ก็รู้สึกเย็นสบายขึ้น แต่แล้วขณะที่นางเดินผ่านต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่นักต้นหนึ่ง แต่แล้วเหมือนกั
ไทเฮานั้นจากที่กำลังโมโหและดึงดั้นจะต่อต้านสตรีแพศยานั่น ก็หยุดชะงักเพราะกำลังอึ้งงันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวและแล้วก็ครางออกมาว่า“ นางกำลังตั้งครรภ์มังกรหรือ…. มีถึงสองคนเลยหรือ ” แล้วก็หันไปจับจ้องสตรีตัวปัญหาที่บัดนี้คงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว เพราะนางคือว่าที่พระมารดาขององค์ชายหรือองค์หญิงตัวน้อย ๆ ที่ไทเฮาใฝ่ฝันเหลือเกินว่าจะมีโอกาสได้อุ้ม“ ในที่สุด แม่ก็สมหวังแล้ว เรากำลังจะมีทายาทสืบทอดราชวงศ์ซ่งของเราแล้ว แม่ดีใจจริงๆ ”น้ำเสียงของไทเฮานั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือพระนางค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยมีขันทีคนสนิทของพระองค์รีบเข้าไปประคองให้ลุกขึ้น ไทเฮาก้าวลงจากพระที่นั่งแล้วก็เดินตรงไปหาสนมหยูหงลี่แล้วเข้าโอบกอดสตรีที่ตนเองเคยรังเกียจเอาไว้อย่างทะนุถนอม “ เจ้าตั้งครรภ์มังกรแล้ว ข้าดีใจจริง ๆ ดูแลองค์ชายและองค์หญิงน้อยในท้องเจ้าให้ดีนะ มีหวังแล้ว มีหวังแล้วที่จะได้องค์รัชทายาท”ไทเฮาพร่ำพูดระหว่างที่โอบกอดหงลี่อย่างดีอกดีใจ หงลี่ยิ้มให้ไทเฮาอย่างรักใคร่ เพราะนางเองก็รักแม่สามีดังเช่นเดิมเหมือนครั้งอดีต และบัดนี้ก็ดีใจนักที่ไทเฮานั้นเหมือนจะยกโทษให้นางแล้ว “







