กบฎนั้นก่อโดยอ๋องเผยอันน้องชายของฮ่องเต้องค์เก่าที่เพิ่งจะสวรรคตไป และนางเองอดีตฮองเฮาต้องหอบหิ้วบุตรชายหนีมาเพราะนางให้กำเนิดเขาเมื่ออายุมากแล้ว ทั้งๆที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะสามารถมีบุตรได้ และแล้วสวรรค์ก็ประทานบุตรชายให้กับนาง
เขาคือองค์รัชทายาท แต่ก็มิอาจจะครองบััลลังฆ์ตามที่ควรจะเป็นได้ เพราะถูกก่อกบฎไปเสียก่อน แต่นางยังมีความหวัง เพราะนางเชื่อเต็มหัวใจว่ายังมีขุนนางและแม่ทัพนายกองมากมายที่ยังภักดีต่อฮ่องเต้พระองค์เดิม และองค์รัชทายาทที่บัดนี้เติบใหญ่จนสามารถจะกลับไปทวงบังลังฆ์ที่ควรจะเป็นของเขากลับคืนมาได้แล้ว
ส่วนสตรีต่ำต้อยที่เป็นเพียงบุตรีของขุนนางขั้นสามนั่นก็ไม่ได้คู่ควรกับองค์รัชทายาทเช่นหลี่หมิงสักนิด ดีแล้วที่มันแสดงธาตุแท้ออกมาก่อน ตอนแรกนางก็ไม่เห็นด้วยนักที่เขาจะรับบุตรีขุนนางขั้นสามมาเป็นชายา
แต่เมื่อบุตรชายทั้งรักทั้งหลงสตรีนางนั้นมากเหลือเกิน แม่อย่างนางที่รักบุตรชายมากและสงสารในชะตากรรมของเขา ที่ควรจะอยู่ในที่สูงส่งแต่กลับต้องมาลำบากอยู่ปะปนกับชาวบ้านทั่วไปเช่นนี้
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะซ่งหลี่หมิงแท้จริงเขาคือองค์รัชทายาทที่ไม่นานจะต้องได้คืนบังลังฆ์อย่างแน่นอน และเพียงสตรีคนเดียวนั้นถือว่าไม่ควรจะเสียเวลามาคิดถึงด้วยซ้ำ
ขอเพียงเขาได้คืนฐานะของเขา สตรีเป็นร้อยเป็นพันก็พร้อมยอมสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา อดีตฮองเฮาครุ่่นคิดขณะที่พยุงบุตรชายกลับไปยังเรือนหลังเล็กของตนเอง
ตลอดหลายปีมานี้ นางแค่เพียงสร้างตัวตนว่าเป็นหญิงหม้ายไร้ญาติมิตรและเงินทอง แต่ที่จริงแล้วนางซ่อนโอ่งที่มีเงินทองและทรัพย์สินอยู่จนเต็มเอาไว้ในห้องใต้ดินของบ้านหลังนี้ นางทำทีเป็นรับจ้างเย็บปักแต่ก็เป็นเพียงอาชีพบังหน้า ส่วนที่นางไปรับผ้าจากร้านในเมืองก็เพราะต้องไปรับฟังข่าวจากที่มีขุนนางที่ยังภักดีส่งมาให้กับนางอยู่เสมอ
ส่วนความเป็นอยู่ที่นี่ของนางและองค์รัชทายาทนั้น พวกเขาต่างก็รับรู้ รอเพียงเวลากอบกู้ราชบังลังฆ์กลับคืนมาแล้ว ก็จะมารับนางกับบุตรชายให้คืนกลับวังหลวง
แล้วก็สถาปนาหลี่หมิงขึ้นครองราชย์และมันก็เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว ขุนนางชั้นปลายแถวผู้นี้นั้นแค่เศษดินติดรองเท้า หากการณ์ใหญ่สำเร็จนางจะจัดการมันทั้งครอบครัวไม่ให้มีแผ่นดินกลบหน้้าของมันก็ยังได้ อดีตฮองเฮาครุ่นคิดขณะที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้บุตรชายและให้เขาดื่มยาแก้ช้ำใน และนางเองก็ทายาสมานแผลให้กับเขาแล้ว
ที่จริงแล้วที่บ้านหลังน้อยแห่งนี้ นางแทบไม่ได้หยิบจับทำอะไร แทบทุกวันจะมีหญิงชาวบ้านที่อดีตเป็นนางกำนัลคนสนิทของนาง แต่แค่แฝงกายอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ทำทีมาเยี่ยมเยียนหรือไม่ก็ทำทีหอบผักหรือไข่มาขายให้กับนาง แต่ที่จริงแล้วก็มาทำงานบ้านและหุงหาอาหาร
บางครั้งก็ไปซื้อหาอาหารที่ตลาดมาเก็บไว้ที่ในครัวให้กับนาง แต่เรื่องนี้แม้แต่หลี่หมิงก็ไม่รู้เพราะเมื่อตอนที่มาพำนักที่เรือนหลังนี้เขายังเด็กนัก และนางก็ไม่อยากจะให้เขามารับรู้ แต่อีกไม่นานนี้นางก็จะต้องบอกความจริงแก่เขา และก็จะพากันคืนกลับวังหลวงในที่อันเหมาะสมของนางกับบุตรชาย
ส่วนหลี่หมิงนั้นทั้งเจ็บกายและเจ็บใจ เขานั้นยอมเจ็บปวดร่างกายเพื่อหงลี่หญิงคนรักได้ แต่ไม่คิดว่านางจะหลอกให้เขารัก นางเพียงคิดจะหลอกเขาเล่นๆ ไม่ได้คิดจะจริงจังกับเขา
นางช่างเป็นสตรีแพศยานัก ร่านรักถึงขนาดยอมทอดกายให้เขาเชยชมเล่น แต่กลับมาบอกเขาว่านางแค่หลอกเขาเล่นเพื่ออยากจะรู้ว่านางจะมีเสน่ห์พอหรือไม่ แค่นั้นหรือ ที่นางรู้สึกกับเขา และบัดนี้อีกสามวันนางจะแต่งงานกับคนที่ร่ำรวยในเมืองนี้ไปแล้ว
ส่วนเขาคือไอ้หน้าโง่ที่นางหลอกให้หลงรักเล่นๆ แต่ไม่ได้คิดจะจริงจัง ไม่คิดจะแต่งงานกับเขาเลยแม้แต่น้อย เขาแทบจะไม่เชื่อ หลี่หมิงยังไม่เชื่อในสิ่งที่นางบอก แม้มารดาจะบอกให้เขาลืมนางไปเสีย เขาก็ไม่ตอบอันใดทั้งนั้น ทำเพียงนอนหลับตานิ่ง เหมือนกับยอมจำนน และเลิกคิดถึงสตรีนางนั้นแล้ว แต่ที่จริงเขาต้องการให้แน่ใจว่าหงลี่พูดจริง
พอคืนวันที่สองเขารู้สึกว่าเดินเหินได้ไหวแล้ว จึงได้แอบออกไปจากเรือน เพื่อจะไปลอบเข้าไปหาสตรีนางนั้นเพื่อให้แน่ใจว่านางไม่ได้คิดอะไรกับเขา นางแค่หลอกเขาเล่นๆเพียงเท่านั้น เพราะเขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะเล่นละครตบตาได้เก่งเช่นนั้น หลอกว่ารักเขา และยอมเป็นของเขา เพื่อจะหลอกเขาเล่นๆ อย่างนั้นหรือ
แต่หลี่หมิงก็ลอบเข้าไปหานางได้สำเร็จเพราะเขาเคยทำงานอยู่ในจวนของนาง ทำให้รู้ทางหนีทีไล่ที่จะแอบลอบเข้าไปได้ มือหนาของหลี่หมิงโอบรัดเอวคอดของหงลี่เอาไว้แน่น หงลี่จดจำได้ทันทีว่ามือหนาคู่นี้คือของผู้ใดนางรีบหันหลังกลับมาทันที แล้วก็สบเข้ากับสายตาตัดพ้อที่จ้องมองนางอยู่
“ พี่หลี่หมิง ท่านเข้ามาได้อย่างไรกัน ” นางเอ่ยขึ้นและแอบมองสำรวจบาดแผลฟกช้ำตามใบหน้้าและร่างกายของเขาที่มันอยู่นอกอาภรณ์ที่นางพอจะมองเห็นได้
“ ท่านหายดีแล้วหรือ แล้วมาหาข้าทำไมอีก ข้าบอกความจริงกับท่านไปแล้วทุกอย่าง จะมาหาข้าอีกทำไมกัน " หงลี่รีบบอกกับเขาเบาๆ นางเกรงจะมีคนได้ยินและไปบอกยามหรือไม่ก็คนในจวนให้ได้รับรู้ แล้วหลี่หมิงจะเดือดร้อน
“ ข้ายังจะเลิกรักเจ้าไม่ได้ หากข้ายังไม่แน่ใจว่าเจ้าไม่ได้รักข้าจริงๆ อย่างที่เจ้าบอกข้า ” เขาบอกกับหงลี่ขณะที่มือหนาก็ยังไม่ปล่อยจากเอวคอดของนาง
หงลี่สะท้อนใจนัก นางอยากจะร้องบอกเขาไปว่านางรักเขา รักมากเหลือเกิน อยากจะหนีไปอยู่กับเขา แต่นางรู้ว่านางทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะนางเลือกไม่ได้ระหว่างบิดามารดาของตนเองกับชายคนรัก และหากแม้หนีไปนางก็หนีการติดตามของคนของบิดาไปไม่พ้น และเขากับมารดาก็จะพลอยเป็นอัันตรายไปด้วย นางรู้ดีว่าท่านพ่อของตนเองเป็นคนเช่นไร หลี่หมิงจะต้องเดือดร้อนมากแน่ๆ "
“ ข้าไม่ได้รักท่าน ข้าแค่เพียงทดสอบเสน่ห์ของตนเอง และเห็นว่าท่านหน้าตาดี หล่อเหลาพอที่จะเล่นด้วย ข้าจึงได้หลอกท่านเล่นๆ ว่ารักท่าน แต่ที่จริงข้าไม่มีทางรักชายต่ำต้อยเช่นท่านได้หรอก และข้าตอนนี้กำลังจะแต่งงานกับคุณชายเหยาอย่างที่ท่านพ่อบอกนั่นแหละ
เขามาสู่ขอข้าพร้อมกับสินสอดจำนวนมาก มากขนาดที่ข้าปฏิเสธไม่ลง และข้าก็รักตัวเองมากกว่า อยากจะให้ตัวเองสุขสบาย แล้วใครกันเล่าอยากจะไปตกระกำลำบากมาสร้างเนื้อสร้างตัวอีก ทั้งๆที่มีกองเงินทองกองเอาไว้อยู่ตรงหน้าแล้ว เหตุผลก็มีเพียงเท่านี้ ท่านเข้าใจหรือไม่ ”
หลี่หมิงจ้องมองสตรีหน้าเงินตรงหน้าที่เชิดหน้าบอกเขาว่ารักเงินมากกว่าเขาอย่างผิดหวังเหลือเกิน
ดวงตาของนางนั้นไม่ได้มีวี่แววแห่งความเสียอกเสียใจเลยสักนิด นางเชิดหน้าบอกกับเขาอย่างหน้าตาเฉย เหมือนไม่ได้มีความรู้สึกใดทั้งสิ้น
“ ถ้าอย่างนั้น ถ้าข้าจะนอนกับเจ้า หญิงร่านชายเช่นเจ้าก็คงจะไม่ว่ากระมัง นอนกันเล่นๆ ไม่ได้มีความสุขรู้สึกใดๆ ให้กัน เจ้าหว่านเสน่ห์บุรุษเล่นๆ ปั่นหัวเขาเพื่อทดสอบเสน่ห์ของตนเองเล่นๆ ข้าก็จะนอนกับเจ้าเล่น ๆ เพราะคนที่ไม่ได้รักกัน และเกลียดกันอย่างเช่นเราก็นอนด้วยกันได้ ”
หลี่หมิงกัดฟันพูดออกไป เขาแทบไม่เชื่อเลยว่าสตรีที่เขาคบหามาหลายเดือนเนื้อแท้จะเป็นหญิงร่านชายที่หลอกปั่นหัวบุรุษเล่นเพื่อทดสอบเสน่ห์ของตนเอง และไม่สนใจว่าตัวเองจะเสียเนืื้อเสียตัวให้กับชายใดบ้าง หรือไม่นางก็คงจะทำเช่นนี้กับเจ้าคุณชายเหยานั่นแล้วก็เป็นได้
มือบางของนางเสยเข้าที่เส้นผมของฮ่องเต้หนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่อไป แต่เขาก็มิได้ว่าอะไรนางสักคำปล่อยให้นิ้วน้อยๆ ของนางเสยเข้าไปในเส้นผมดกหนาของเขา แล้วโน้มศีรษะของเขาลงมาจนชิดอกอวบใหญ่ที่แอ่นระแน้ขึ้นหาเขา เสียงดูดจ๊วบจ๊าบดังขึ้นอย่างหยาบคาย ฮ่องเต้หนุ่มไม่ได้สนใจสิ่งใดนอกจากเต้าอวบคู่หวานตรงหน้า เขาสลับเชยชมมันไปมาทั้งสองข้าง ดูดดื่มมันดังเช่นทารกกระหายนมมารดากระนั้น ส่วนสตรีร่างบางแต่เมื่อยามเปลือยเปล่าเรือนร่างกลับอวบอิ่มงดงามยิ่งนัก นางร้องครวญครางปานจะขาดใจ เมื่อถูกทั้งดูดทั้งไล้เลียสลับกันไปทั้งสองข้าง เมื่อดูดเต้าหวานของสตรีบนตักจนพอใจแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นสบตาที่เต็มไปด้วยไฟสวาทของสนมตัวน้อยของเขา และแล้วใบหน้าของทั้งสองก็เลื่อนเข้าหากัน แล้วจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนเหมือนหิวกระหายในกันและกันเหลือแสนก็เริ่มต้นขึ้น จูบนั้นยาวนานเหลือเกิน นานจนหงลี่แทบจะขาดใจ ฮ่องเต้หนุ่มจึงยอมปล่อยนาง ขณะที่มือหนาของเขาก็สอดเข้าไปใต้กระโปรงที่บัดนี้เลิกขึ้นมาอยู่ที่เอวคอดของนาง ส่วนด้านล่างนั้นเปลือยเปล่า ชั้นในตัวน้อยที่ผูกปมเอาไว้ที่สะโพกทั้งสองข้างนั้นไม่ทราบว่าหายไปที่ใดแล้
ระหว่างนี้เขาก็ยกสุราขึ้นดื่มอวยพรเป็นระยะ เวลาที่เหล่าชายาของเขากล่าวอวยพระพระมารดา รวมถึงเหล่าขุนนางทั้งหลายที่พากันยกจอกสุราดื่มอวยพร และพากันทะยอยมอบของขวัญบรรณการกันเป็นระยะ รวมถึงเหล่าภรรยาใหม่ๆทั้งหลายของเขาที่พากันถวายของขวัญแก่พระมารดาของเขาเพื่อเอาอกเอาใจกันเป็นระยะ บางนางมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยของขวัญก็ย่อมจะล้ำค่าราคาแพงและแปลกตา ไทเฮาขอบคุณเหล่าสะใภ้และขุนนางที่เข้าถวายของขวัญแก่พระนางส่วนสนมปลายแถวเช่นหงลี่จะมีอะไรไปถวายว่าที่แม่สามีกันเล่า ได้แต่เฝ้ามองคนอื่นๆ มอบของขวัญ และเฝ้ามองการแสดงตรงหน้าที่สลับกันมาให้ความบันเทิงในหลากหลายรูปแบบเท่านั้นเมื่องานเลี้ยงใกล้จะเลิกรา ก็มีการถวายพระพรกันอีกครั้งและก็กล่าวปิดงานโดยไทเฮาและฮ่องเต้ที่ขอบใจเหล่าบรรดาราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ที่มาเข้าร่วมถวายพระพรองค์ไทเฮา และเหล่าแขกที่มาร่วมงานก็เริ่มทะยอยกันออกไปจากท้องพระโรง ส่วนฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จลงจากที่ประทับทางด้านข้าง และก็หายลับเข้าไปทางห้องด้านหลังเป็นอันว่าเสด็จกลับแล้ว พระชายาและสนมน้อยใหญ่ก็พากันลุกขึ้นแล้วก็ทะยอยกลับเช่นกัน รวมถึงเหล่าขุนนางด้วย ส่วนหงลี่ก็เม
ช่วงสายวันต่อมา ฟางเอ๋อเข้ามาแสดงความยินดีกับพระสนมหยูนายหญิงของตนเอง เพราะนางดีใจเหลือเกินที่ฮ่องเต้เสด็จมาหาพระสนมที่ตำหนักนี้และอยู่ค้างคืนจนกระทั่งเช้าจึงได้กลับไป นับว่าเป็นข่าวดีนัก ที่พระสนมที่เกือบจะปลายแถวเช่นนายหญิงของตนได้รับใช้องค์ฮ่องเต้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ ขนาดพระชายาที่รับการแต่งตั้งถึงสามนางยังไม่มีผู้ใดได้รับโอกาสในการถวายการรับใช้ดังเช่นนายหญิงของตนเลย“ บ่าวยินดีกับพระสนมจริงๆนะเพคะ ที่ท่านได้มีโอกาสปรนนิบัติฮ่องเต้แล้ว และรวดเร็วกว่าสตรีใดในวังหลังแห่งนี้เลยนะเพคะ หม่อมฉันทราบในตอนแรกแทบจะไม่เชื่อเลยว่าพระสนมจะได้ปรนนิบัติองค์ฮ่องเต้ได้รวดเร็วปานนี้ บ่าวได้ยินว่าขนาดพระชายาสามพระองค์นั่นยังไม่ได้มีโอกาสรับใช้ฮ่องเต้เลยนะเพคะ ”ฟางเอ๋อนางกำนัลน้อยกล่าวอย่างยินดีในบุญวาสนาของนายหญิงตนเอง ขณะที่นางกำลังปรนนิบัตินายหญิงหลังจากอาบน้ำแล้ว ก็หวีผมยาวสลวยให้และกำลังติดเครื่องประดับผมที่มีขันทีนำมามอบให้เมื่อวานนี้ ใบหน้าของหงลี่เปลี่ยนสีไปทันที ใครบอกว่าฮ่องเต้เสด็จมาที่ตำหนักของนางกัน ชายคนเมื่อคืนที่เคี่ยวกรำนางแทบจะทั้งคืนกว่าจะยอมปล่อยให้นางนอนหลับ แ
หลี่หมิงดึงรั้งอาภรณ์ของสตรีใต้ร่างจนแทบจะหลุดลุ่ย เขาฉีกตูโต้วผืนบางของนางออกจนขาดเป็นทาง แล้วแหวกกระโปรงผ้าเนื้อบางเบาของนางออก เลิกมันขึ้นไปจนสูง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบใหญ่ที่คุ้นตาให้แก่เขา หลี่หมิงถอดกางเกงของตนเองอย่างรวดเร็ว แล้วจับเจ้าลูกชายของเขาถูไถเนินเนื้อของนางไปมา แต่ไม่ยอมสอดเข้าไป เพียงถูไถมันไปมาเพียงเท่านั้น ส่วนสตรีใต้ร่างก็ดิ้นรนขัดขืนไม่สมยอมเขาดังเช่นที่เคยผ่านมา “ ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า เจ้าคนชั่ว เจ้าคนเลวอย่าทำอะไรข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย ออกไปจากเรือนของข้านะ ” นางกรีดร้อง แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังจนเกินไปเพราะเกรงจะมีคนได้ยิน แล้วหลี่หมิงจะเดือดร้อน นางแค่ต้องการให้เขาโกรธและเลิกมายุ่งเกี่ยวกับนางแต่หลี่หมิงไม่สนใจเสียงข่มขู่นั้น เขากลับก้มลงดูดอกอวบใหญ่ที่สั่นไหวอยู่ใต้ร่าง เขาขบกัดผลอิงเถาของนางอย่างแรง สลับกับไล้เลียมันไปมา หงลี่พยายามดิ้นรนไม่ยอมให้เขากระทำตามใจ แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกดูด เขาดูดเต้าหวานของนางจนแทบจะเข้าไปในปากทั้งเต้า ดูดอย่างแรง ดูดสลับกับไล้เลียชิมรสของมัน ดูดจนสตรีใต้ร่างเลิกดิ้นรนหนี แต่เปลีี่ยนไปเป็นดิ้นพล
หลังจากผ่านไปกว่าสิบวัน หงลี่ก็เริ่มดีขึ้น นางทำใจได้แล้ว เพราะถึงทำใจไม่ได้นางก็ทำอะไรไม่ได้ ครอบครัวที่ถูกเนรเทศไปก็ยังดีกว่าถูกประหาร นางได้คิดก็เพราะมีนางกำนัลวัยกลางคนที่นำอาภรณ์และข้าวของมาให้กับนางได้เตือนสตินางเช่นนี้ ใช่ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ตาย แค่เพียงย้ายถิ่นฐานไปอยู่แคว้นอื่น หากมีวาสนาภายหน้าอาจจะได้พบกัน ส่วนนางบัดนี้มาอยู่ในวังหลวง ไม่ได้ทำการงานอะไร เพียงนั่งทอดถอนหายใจทิ้งไปไว้ๆ นางมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวันก็มีสาวใช้นางหนึ่งมาแนะนำตัวกับนาง ว่ามีชื่อว่าฟางเอ๋อ ได้รับมอบหมายให้มาเป็นนางกำนัลประจำตัวของพระสนม แม้นางจะเป็นสนมขั้นต่ำสุด แต่ก็ยังมีคนรับใช้ และเมื่ออยู่ๆ ไปก็ได้รับความรู้จากนางกำนัลที่มารับใช้ว่านางคือพระสนมขั้นเฟย ที่เป็นชั้นต่ำสุดในบรรดาพระสนม และพระสนมทุกคนในวังหลวงก็ใช่ว่าจะได้ถวายตัวให้แก่ฮ่องเต้ บางคนก็ไม่เคยได้พบหน้าพระองค์เลยด้วยซ้ำ ฟางเอ๋อยกตัวอย่างฮ่องเต้รัชกาลที่ผ่านมาให้ฟังส่วนฮ่องเต้องค์ใหม่พระองค์นี้ เพิ่งจะรับนางสนม และพระชายาเข้ามาเป็นชุดแรก ส่วนฮองเฮายังไม่ได้สถานปนาเพราะพระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ หงลี่นั่งรับฟังก
แต่คำตอบของหงลี่ก็คือการที่นางตวัดฝ่ามือตบหน้าของเขาดังฉาด “ ออกไปนะ ออกไปจากห้องของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะตะโกนให้คนรู้กันทั้งจวนว่าเจ้าลอบเข้ามาในห้องนอนของข้า ” หลี่หมิงชะงักไป เขาจ้องมองใบหน้าที่มองเขาด้วยดวงตาเฉยชา นางมองเมินไปทางอื่น หลี่หมิงจ้องมองใบหน้างามของอดีตคนรักแล้วก็ตัดสินใจถอยออกไปจากเรือนของนาง คนที่ไม่มีใจต่อให้เขายื้อยุดนางเอาไว้แทบตาย ก็คงจะยื้อนางเอาไว้ไม่ได้เขามาที่นี่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิดไป นางไม่ได้มีใจให้เขา แค่เพียงหลอกปั่นหัวเขาเล่นๆ และวันนี้เขาแน่ใจแล้วว่านางไม่ได้รักเขาจริงๆเขากลับออกมาเพราะเสียใจที่ได้รู้ว่าอดีตคนที่เขาคิดว่ารักกลับไม่ได้รักตนเอง เพียงหลอกลวงเล่น ๆ และนางนั้นมิได้รักบุรุษใดทั้งสิ้น รักเพียงเงินของบุรุษผู้นั้น ส่วนเขาไม่มีสิ่งที่นางอยากได้นางจึงไม่ต้องการแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว หลี่หมิงเสียใจและผิดหวังเหลือเกิน เขาเดินออกมาจากเรือนของสตรีอดีตคนเคยรักแล้วก็ลัดเลาะออกมาจากจวนของขุนนาง หยูได้อย่างปลอดภัย หลังจากค่ำคืนแห่งรักและแค้นคืนนั้น หลี่หมิงก็ลอบออกมาจากจวนของขุนนางหยูแล้วก็กลับเรือนของตนเองไปเขาตั้งใจว