เข้าสู่ระบบ“ น่าขบขันนัก เจ้าช่างไม้ต่ำต้อย เงินสินสอดแค่หยิบมือ คิดจะมาสู่ขอบุตรสาวของขุนนางอย่างข้า คิดหรือว่าข้าจะยกหงลี่ให้กับเจ้า ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี คำสัญญาที่เจ้าบอกข้า มันจับต้องไม่ได้หรอกนะ เจ้าจะทำมันได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เจ้าคือช่างไม้รับจ้างที่ยากจน มีเพียงบ้านหลังเล็กๆ เอาไว้ซุกหัวนอนกับแม่ที่แก่ชราของเจ้า เพียงเท่านั้น ข้าไม่โง่เง่าพอที่จะยกบุตรสาวของข้าให้ไปตกระกำลำบากกับเจ้าหรอก เป็นการิอยากจะกินเนื้อหงส์ ช่างน่าขบขันนัก ”
ขุนนางหยูเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าทมึงถึงขัดกับคำพูดของเขาที่บอกว่าคำสัญญาของหลี่หมิงช่างน่าขบขัน เขากับฮูหยินจ้องมองช่างไม้หนุ่มกับมารดาด้วยสายตาดูแคลนไม่ปิดบังซักนิด
พวกเขาไม่ยอมเรียกบุตรสาวออกมาพบกับทั้งสองเลยด้วยซ้ำ “ แต่ข้ากับหงลี่เราได้เสียกันแล้ว หากท่านไม่ยอมให้นางแต่งงานกับข้าแล้วนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา จะทำเช่นไร ” ช่างไม้หนุ่มตัดสินใจใช่้ไม้ตายของเขาที่คิดว่าหากพูดออกไปแล้วพ่อตาแม่ยายอาจจะใจอ่อนยอมให้หงลี่กับเขาแต่งงานกันก็เป็นได้
“ หากนางตั้งครรภ์ข้าก็จะไม่เก็บเจ้าเด็กนั่นไว้ประจานสกุลของข้าหรอกนะ หรือไม่ข้าก็จะให้นางรีบแต่งงานออกไปให้เร็วที่สุด เพราะบุตรชายคหบดีเหยาก็ส่งคนมาสู่ขอนางแล้ว และข้าก็คงจะเลือกบุตรชายคหบดีที่ร่ำรวยมากในเมืองนี้มาเป็นบุตรเขยมากกว่าจะเลือกช่างไม้จนๆอย่างเจ้า
เอาละออกไปจากจวนของข้าได้แล้ว เดี๋ยวเกิดว่าที่บุตรเขยของข้ารู้เข้า หงลี่จะเสื่อมเสียไปเสียเปล่าๆ นางจะต้องเตรียมตัวแต่งงานในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว เจ้าพาแม่ของเจ้าออกไปจากจวนของข้า แล้วไม่ต้องกลับรับจ้างทำงานที่จวนของข้าอีก ข้าจะให้เจ้านายของเจ้าหาคนงานใหม่มาทำงานแทนเจ้า ชิ… เจ้าคนไม่เจียมตน "
แต่เมื่อซ่งหลี่หมิงดื้อดึงเพราะเขาไม่อยากให้หงลี่แต่งงานไปกับชายอื่น แม้มารดาจะห้ามปรามแต่เขาก็ไม่ฟัง ก็เพราะเกรงว่าจะสูญเสียคนรักที่กลายเป็นภรรยาของเขาแล้วไป นั่นทำให้ขุนนางหยูสั่งให้บ่าวชายในจวน รุมกันทุบตีเขา กระทืบเขาต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่บริเวณหน้าเรือนหลักในจวนสกุลหยู
และเพียงไม่นานหงลี่ก็วิ่งออกมา แต่นางถูกสาวใช้สามคนช่วยกันจับเอาไว้ “ ปล่อยข้านะ ปล่อย อย่าทำพี่หลี่หมิงนะ อย่าทำเขา อย่านะ ” ท่านพ่อของนางเมื่อหันไปเห็นบุตรสาววิ่งมาห้ามปรามไม่ให้เขาทุบตีเจ้าคนไม่เจียมตัวคนนี้ เขาก็รีบเดินไปใกล้ๆบุตรสาวของตนเอง แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆว่า
“ หงลี่ หากเจ้าไม่บอกให้เจ้าหมอนี่มันไปให้พ้นจวนของข้าข้าจะให้บ่าวรุมทุบตีมันให้พิการหรือไม่ก็ตายไปเลย บอกมันไปว่าเจ้าเลือกคุณชายเหยาและกำลังจะแต่งงานกับเขาในอีกสามวันนี้แล้ว บอกมันไป หากไม่อยากให้มันพิการหรือตายไปต่อหน้าของเจ้า ” ขุนนางหยูกระซิบบอกบุตรสาว
หงลี่ตกใจนัก นางหันไปมองคนรักของนางที่ถูกรุมกระทืบอยู่ตรงหน้าเรือนของบิดา เมื่อมองเห็นเลือดของเขาเริ่มออกมามากมาย และแม่ของเขาก็กำลังทรุดนั่งร้องไห้อยู่ไม่ไกลจากร่างของบุตรชายนัก นางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากรีบตะโกนออกไปว่า
“ พี่หลี่หมิง ท่านพาท่านป้ากลับไปเสียเถิด ข้าไม่ได้รักท่านแล้ว ข้ากำลังจะแต่งงานกับคุณชายเหยา เพราะข้าพึงใจเขา และไม่ต้องการไปลำบากกับท่าน ข้าแค่หลอกท่านเล่นๆ แค่เห็นว่าท่านหล่อเหลาก็เลยหลอกให้รักเล่นๆ แต่คนที่ข้าจะร่วมชีวิตด้วยนั้นต้องมีฐานะที่ร่ำรวย ไม่ใช่คนจนๆ ไม่มีอะไรเลยอย่างท่าน กลับไปเสียเถิด และอย่ากลับมาที่นี่อีก ขอให้ลืมข้าเสีย ให้ถือเสียว่าเราไม่เคยพบกัน ” หงลี่ร้องตะโกนแม้น้ำตาของนางจะเอ่อคลอเต็มดวงตา
ด้านหลี่หมิงที่บัดนี้ บ่าวชายที่รุมล้อมเขาอยู่หยุดการทำร้ายเขาแล้ว เขานอนตะแคงตัวอยู่บนพื้นและแหงนหน้าขึ้นจ้องมองคนรักที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ที่บัดนี้สาวใช้สามนางก็ปล่อยแขนหงลี่แล้วเช่นกัน
หลี่หมิงเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วก็ค่อยๆ ยันกายให้ลุกขึ้น เมื่อทรงตัวขึ้นได้แล้ว เขาหันไปมองหงลี่แล้วร้องถามว่า “ เจ้าพูดจริงหรือว่าเจ้าจะแต่งงานกับชายอื่น ทั้งๆที่เจ้าเป็นเมียของข้าแล้ว ” เขาถามย้ำกับนางเพื่อให้แน่ใจ
หงลี่ที่บัดนี้นางรีบเช็ดน้ำตาไปก่อนที่หลี่หมิงจะทันได้สังเกตุแล้วรีบพูดออกมาทันทีว่า “ ใช่ ข้าแค่หลอกท่านเล่น ไม่ได้คิดจะจริงจังสักหน่อย ท่านคิดไปเองว่าข้าเองก็รักท่าน ข้าจะบอกให้นะ ว่าข้าไม่ได้รักท่านหรอก ข้ารักเงินทองและบุรุษที่ข้าจะยอมร่วมชีวิตด้วยก็ต้องร่ำรวยเท่านั้น และคนอย่างข้ารักแต่ตัวเอง ไม่ใช่ชายใดทั้งนั้น
ท่านรู้ความจริงเช่นนี้แล้วก็รีบกลับไปเถิด แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ” หงลี่พูดแล้วก็หันหลังเพราะนางเกรงว่าเขาจะเห็นน้ำตาที่กำลังจะไหลรินลงมาอีกครั้ง
หงลี่รีบก้าวเท้าออกไปจากที่นั่น แล้วมุ่งหน้าเดินกลับเรือนด้วยหัวใจที่แหลกสลาย นางรักพี่หลี่หมิง แต่นางมิอาจจะปล่อยให้ท่านพ่อทำร้ายเขาจนพิการหรือตายได้ นางรักเขามาก แต่ชะตาของเขากับนางคงมิอาจจะครองคู่ร่วมกันได้ นางรู้ว่าท่านพ่อเอาจริง เขาพูดจริง หากนางยังไม่ยอมหยุด นางเกรงว่าพี่หลี่หมิงจะเป็นอันตราย
หากเขายังอยู่ที่เมืองหนิงโจวนี้ เขาก็ไม่ควรเป็นศัตรูกับบิดาของนาง เพราะสำหรับชาวบ้านแถบนี้ ขุนนางยังคงเป็นคนใหญ่คนโตที่ไม่ควรจะยุ่งเกี่ยว และนางก็รู้ว่าพี่หลี่หมิงกับท่านป้า แทบจะไม่มีญาติพี่น้องและพวกพ้องในเมืองนี้เลย เขาคงมิอาจจะต่อกรกับท่านพ่อของนางได้
นางเอ่ยคำร่ำลาเขาอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าหันกลับไปมองเขา นางทิ้งเขาเอาไว้ที่เบื้องหลังแล้วเดินจากมาพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหลไม่ขาดสาย ลาก่อนพี่หลี่หมิง ข้ารักท่าน……..
ท่านป้าซ่งประคองบุตรชายที่สะบักสะบอมเพราะถูกรุมทำร้ายในจวนของขุนนางที่ไร้เมตตาเช่นขุนนางหยู บิดาของสตรีแพศยานั่น ป้าซ่งเคียดแค้นนัก นังแพศยาร่านชาย ถึงขนาดยอมทอดกายให้หลี่หมิงเชยชม จนเขาหลงไหลมันแทบจะคลั่ง แต่แล้วมันก็ทอดทิ้งเขาไปแต่งงานกับคนร่ำรวย แน่ละ ฐานะของนางและบุตรชายยากจนนัก
หากเป็นเมื่อก่อน…….คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ ท่านป้าซ่งหยุดความคิดเอาไว้เพียงแค่นั้น แล้วพยายามประคองบุตรชายกลับบ้านไป
ไม่มีผู้ใดในเมืองหนิงโจวแห่งนี้รู้ที่มาที่ไปของนางกับบุตรชาย นางหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่นอกเมืองหนิงโจวแห่งนี้ ไม่เคยปริปากบอกผู้ใดว่านางคือใคร มากจากที่ใด นางหอบหิ้วบุตรชายตัวเล็กมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ ก็เพราะสามีเสียชีวิตใช่…
สิ่งนั้นคือความจริงเพียงหนึ่งเดียวที่นางบอกกับคนอื่นๆ แต่นางไม่เคยปริปากบอกใครว่านางคืออดีตฮองเฮาของแคว้นแห่งนี้ และซ่งหลี่หมิงที่ใครๆในเมืองนี้รู้จักก็คือ องค์รัชทายาท ที่จำเป็นต้องหนีมาลี้ภัยอยู่ที่บ้านนอกแห่งนี้ ก็เพราะว่าเกิดการก่อกบฎที่ในวังหลวง
ทำให้หงลี่สบายใจขึ้น นางส่งข้าวของและเงินทองไปให้แก่บิดามารดาเพื่อแสดงความกตัญญู ทำให้ที่จวนของบิดามารดาของนางนั้นต่างก็ยินดี และพากันแซ่ซ้องบุตรสาวที่กลายเป็นฮองเฮาไปอย่างไม่น่าเชื่อในบุญวาสนาของนาง พ่อตาและแม่ยายของเฟยหลงฮ่องเต้มิได้โกรธเคืองเขาที่สั่งลงโทษพวกตน เพราะพวกเขาเองก็ตกใจที่ได้รู้ว่าชายที่เขาสั่งให้ทุบตีอย่างหนักในค่ำคืนนั้นคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด มีแต่ความรู้สึกผิดต่อฮ่องเต้เพียงเท่านั้น พวกเขานั้นบัดนี้กลับได้มีชีวิตที่สุขสบายและร่ำรวยเงินทองขึ้นมากว่าเดิม แถมบิดายังได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นเจ้าเมืองหนิงโจวในเวลาต่อมาหลังจากตำแหน่งเจ้าเมืองว่างเว้นลง ส่วนฟางเอ๋อสาวใช้ที่หลงลืมตนไปชั่วขณะ บัดนี้เสียใจมาก นางเสียดายวันคืนที่ได้รับใช้พระสนมหยูที่ดีมีน้ำใจกับนางมาเสมอ นางเสียใจที่ตนเองหลงผิดไปชั่ววูบที่คิดตีตนเสมอกับอดีตนายหญิง จนกระทั่งบัดนี้ตนเองกับมารดาถูกขับไล่ออกมาจากวังหลวงด้วยกันทั้งคู่ เพราะเมื่อสืบสวนแล้วพบว่ามารดาของนางก็มีส่วนในแผนการณ์ครั้งนี้ แต่หงลี่ขอร้องมิให้ลงโทษพวกนางไปมากกว่านี้ เพราะเห็นแก่เรื่องราวที่
“ ลี่เอ๋อ….เมียจ๋า โอ้วววว ” เขาครางออกมาด้วยความเสียวจนแทบจะทนต่อไปไม่ไหว เขาลุกลนถอดเสื้อคลุมตัวเดียวที่เขาสวมเวลาเข้านอนโยนทิ้งไป แล้วก็ก้มลงคลุกเคล้าสตรีด้านล่างที่มีกลิ่นหอมเช่นเดียวกับเมียรักของเขา เพราะนางใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกับหงลี่ อาภรณ์ที่นางสวมก็ใช้ของหงลี่ มือหนาแหวกสาปเสื้อบางตรงหน้าออกไปด้านข้าง แล้วก้มลงอ้าปากครอบลงบนเต้าอวบของสตรีด้านล่างที่ไม่เคยชายเลยสักนิด ฟางเอ๋อแทบจะขาดใจ ยามปากหนาของฮ่องเต้หนุ่มครอบลงมาที่เต้าอวบของนาง นางแอ่นอกอวบขึ้นหาเขาเพราะเสียวซ่านจนเกินจะทนได้ มันเป็นเช่นนี้เองหรือความสุขระหว่างหญิงชาย ฟางเอ๋อยกยิ้มอย่างสมใจ ในที่สุดตำแหน่งพระสนมก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมต่อไปนางก็คงไม่ต้องมารับใช้สตรีอื่นงกๆเช่นนี้อีกแล้ว และคืนนี้ฟางเอ๋อจะทำทุกอย่างให้ฮ่องเต้หลงไหลนางจนโงหัวไม่ขึ้นมิน่าเล่า…..ลีลารักของฮ่องเต้หนุ่มแม้ยามเขามีสติไม่เต็มร้อยก็ช่างช่ำชองนัก ผลอิงเถาสีชมพูเข้มที่ไม่เคยผ่านมือชายใดทั้งสิ้นบัดนี้ถูกลิ้นสากของฮ่องเต้หนุ่มไล้เลียสลับกับดูดดื่มจนนางแทบจะขาดใจ ฟางเอ๋อแอ่นร่างหยัดขึ้นจนหลังของนางแทบจะโค้ง ด้วยความเสียวซ่านแทบจะทนไม่ไหว
“ เสด็จพี่เพคะ ท่านควรจะไปหาชายาหรือสนมนางอื่นๆบ้างก็ได้ หม่อมฉันอนุญาต เพราะเกรงว่าพระองค์จะเคร่งเครียดกับราชกิจจนเกินไป อีกไม่นานหม่อมฉันก็จะคลอดองค์ชายหรือองค์หญิงน้อยให้แก่พระองค์แล้ว คงจะทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่สมบูรณ์เต็มที่นัก ” แต่ฮ่องเต้หนุ่มกลับเดินมากอดภรรยาที่เขารักไว้แนบอก “ ไม่ล่ะ พี่เหนื่อย ชายากับสนมหลายๆคนก็ขอลาออกไปอยู่นอกวังกัันแล้ว บางคนก็ลาออกไปแต่งงานพี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ พวกนางคงจะเหงา เพราะพี่ไม่ได้ไปหาพวกนางเลย พี่ทำใจที่จะทำหน้าที่สามีให้พวกนางไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเป็นหน้าที่ แต่ว่าพี่ไม่ได้รักพวกนาง จึงคิดว่าชายานางใด สนมนางใด อยากจะอยู่ในวังหลังพี่ก็จะเลี้ยงดูอย่างดีดังเช่นเดิม ส่วนผู้ใดอยากจะลากลับไปอยู่บ้านเดิมก็ไม่ว่ากัน หากจะลาออกไปแต่งงานข้างนอกก็ไม่ว่ากันอีก เพราะเข้าใจหัวอกพวกนางดี ” เขาบอกกับว่าที่ฮองเฮาที่รอการสถานปนาหลังจากคลอดบุตรชายแล้วอย่างรักใคร่และโอบกอดนางเอาไว้ในอกแน่นเข้าด้านที่ห้องแถวห้องหนึ่งด้านหลังโรงเย็บปักที่เป็นที่พำนักของมารดาของฟางเอ๋อ สองแม่ลูกกำลังนั่งจิบน้ำชาหลังมื้ออาหารค่ำ ที่วันนี้ฟางเอ๋อลามาเยี่ยมมารดาและขอนอน
หรูอี้รู้ดีว่าระหว่างสองบุรุษในชีวิตของนางช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อองครักษ์หนุ่มเห็นสตรีใต้ร่างเสร็จสมอย่างรุนแรงไปต่อหน้าแล้ว เขาก็รีบร้อนถอดกางเกงของเขาออกให้พ้นสะโพกหนาลงไปที่ใต้เข่าในทันที ส่วนเสื้อตัวบนยังอยู่ครบครัน เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวยในการเริงรัก และแล้วเมื่อเจ้าลูกชายที่ขยายใหญ่จนแทบปริแตก สอดเข้าไปในร่องรักของสตรีใต้ร่าง หรูอี้ก็กระตุกเกร็งไปอีกครั้งเพราะนางเสร็จสม นางเสร็จเพราะนางรักเขา นางรู้แล้วนางยังรักอาเหวินของนางไม่เสื่อมคลาย ไม่ใช่ฮ่องเต้เย็นชาผู้นั้น และต่อไปนางจะหาทางเลิกรากับเชา และออกจากวังหลวงไปแต่งงานใหม่กับอาเหวิน ที่บัดนี้กำลังจะกลายมาเป็นสามีของนางอาเหวินร้องออกมาอย่างเสียวจนแทบบ้า เพราะสตรีร่านร้อนตรงหน้า นางเสร็จสมไปทั้งๆที่เขาเพียงแค่สอดใส่เข้าไปแค่เพียงส่วนปลายของเจ้าลูกชายแสนล่ำของเขา “ โอ้วววว โอ้วววว เมียจ๋า โอ้วววว ผัวเสียว เสียวเหลือเกิน โอ้วววว ”องครักษ์หนุ่มครางออกมา แล้วก็โยกบั้นเอวดันเจ้าลูกชายที่ดิ้นรนจะเข้าไปในร่องรักที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักที่ไหลรินออกมาอย่างมากมาย เพราะหรูอี้เสร็จสมไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วนและแล้วจังหว
ส่วนเหลียนหรูอี้ นางกลัดกลุ้มและรู้สึกเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเหมือนกับตนเองเป็นสตรีขี้ริ้วขี้เหร่เสียเต็มประดา ทำให้บุรุษไม่ต้องการนาง เพราะตั้งแต่มาเข้าหอในค่ำคืนนั้น ฮ่องเต้หนุ่มไม่เคยย่างเท้ามาหานางที่ตำหนักอีกเลย ทำให้หรูอี้กลัดกลุ้มและเสียความมั่นใจเป็นอย่างมาก ว่านางมีอะไรที่ผิดพลาดไป หรือสู้สตรีต่ำต้อยนั่นไม่ได้สักนิดเลยหรือ และยิ่งสนมปลายแถวที่พวกนางเคยดูแคลนบัดนี้ตั้งครรภ์มังกรแล้ว แน่นอนว่าฐานะของนางย่อมเปลี่ยนไป ส่วนคนที่ต้องเป็นกังวลกลับกลายเป็นเหล่าชายาและสนมทั้งหลายที่ฮ่องเต้ไม่โปรดปรานเช่นพวกนางแทนยามค่ำคืนวันหนึ่ง หรูอี้กลัดกลุ้มเต็มที หลังจากอาบน้ำเข้านอนไปแล้ว นางนอนเท่าไหร่ก็ไม่หลับ จึงได้ออกมาเดินเล่นที่สวนโดยไม่ได้ปลุกสาวใช้ที่กลับไปนอนพักที่ห้องด้านหลังตำหนักให้ลุกมาเดินเป็นเพื่่อน อีกอย่างนางเองก็อยากจะเดินเล่นเงียบๆ ใช้ความคิดเงียบๆ ตามลำพัง นางสวมเพียงอาภรณ์ที่เตรียมเข้านอนเป็นอาภรณ์สีขาวเนื้อผ้าบางเบา และไม่ได้สวมเสื้อคลุมเพราะอากาศร้อน นางออกมาเดินเล่นที่สวน ก็รู้สึกเย็นสบายขึ้น แต่แล้วขณะที่นางเดินผ่านต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่นักต้นหนึ่ง แต่แล้วเหมือนกั
ไทเฮานั้นจากที่กำลังโมโหและดึงดั้นจะต่อต้านสตรีแพศยานั่น ก็หยุดชะงักเพราะกำลังอึ้งงันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวและแล้วก็ครางออกมาว่า“ นางกำลังตั้งครรภ์มังกรหรือ…. มีถึงสองคนเลยหรือ ” แล้วก็หันไปจับจ้องสตรีตัวปัญหาที่บัดนี้คงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว เพราะนางคือว่าที่พระมารดาขององค์ชายหรือองค์หญิงตัวน้อย ๆ ที่ไทเฮาใฝ่ฝันเหลือเกินว่าจะมีโอกาสได้อุ้ม“ ในที่สุด แม่ก็สมหวังแล้ว เรากำลังจะมีทายาทสืบทอดราชวงศ์ซ่งของเราแล้ว แม่ดีใจจริงๆ ”น้ำเสียงของไทเฮานั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือพระนางค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยมีขันทีคนสนิทของพระองค์รีบเข้าไปประคองให้ลุกขึ้น ไทเฮาก้าวลงจากพระที่นั่งแล้วก็เดินตรงไปหาสนมหยูหงลี่แล้วเข้าโอบกอดสตรีที่ตนเองเคยรังเกียจเอาไว้อย่างทะนุถนอม “ เจ้าตั้งครรภ์มังกรแล้ว ข้าดีใจจริง ๆ ดูแลองค์ชายและองค์หญิงน้อยในท้องเจ้าให้ดีนะ มีหวังแล้ว มีหวังแล้วที่จะได้องค์รัชทายาท”ไทเฮาพร่ำพูดระหว่างที่โอบกอดหงลี่อย่างดีอกดีใจ หงลี่ยิ้มให้ไทเฮาอย่างรักใคร่ เพราะนางเองก็รักแม่สามีดังเช่นเดิมเหมือนครั้งอดีต และบัดนี้ก็ดีใจนักที่ไทเฮานั้นเหมือนจะยกโทษให้นางแล้ว “







