แต่คำตอบของหงลี่ก็คือการที่นางตวัดฝ่ามือตบหน้าของเขาดังฉาด “ ออกไปนะ ออกไปจากห้องของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะตะโกนให้คนรู้กันทั้งจวนว่าเจ้าลอบเข้ามาในห้องนอนของข้า ” หลี่หมิงชะงักไป
เขาจ้องมองใบหน้าที่มองเขาด้วยดวงตาเฉยชา นางมองเมินไปทางอื่น หลี่หมิงจ้องมองใบหน้างามของอดีตคนรักแล้วก็ตัดสินใจถอยออกไปจากเรือนของนาง คนที่ไม่มีใจต่อให้เขายื้อยุดนางเอาไว้แทบตาย ก็คงจะยื้อนางเอาไว้ไม่ได้
เขามาที่นี่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิดไป นางไม่ได้มีใจให้เขา แค่เพียงหลอกปั่นหัวเขาเล่นๆ และวันนี้เขาแน่ใจแล้วว่านางไม่ได้รักเขาจริงๆ
เขากลับออกมาเพราะเสียใจที่ได้รู้ว่าอดีตคนที่เขาคิดว่ารักกลับไม่ได้รักตนเอง เพียงหลอกลวงเล่น ๆ และนางนั้นมิได้รักบุรุษใดทั้งสิ้น รักเพียงเงินของบุรุษผู้นั้น ส่วนเขาไม่มีสิ่งที่นางอยากได้นางจึงไม่ต้องการแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว หลี่หมิงเสียใจและผิดหวังเหลือเกิน เขาเดินออกมาจากเรือนของสตรีอดีตคนเคยรักแล้วก็ลัดเลาะออกมาจากจวนของขุนนาง หยูได้อย่างปลอดภัย
หลังจากค่ำคืนแห่งรักและแค้นคืนนั้น หลี่หมิงก็ลอบออกมาจากจวนของขุนนางหยูแล้วก็กลับเรือนของตนเองไปเขาตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีนางนั้นอีก ส่วนหยูหงลี่ก็กำลังเตรียมตัวจะแต่งงานออกไป
แม้นางไม่อยากจะทำเช่นนี้เลย แต่นางก็ไม่มีทางเลือก ส่วนหลี่หมิงวันต่อมาเขาก็พบว่าเขาคือองค์รัชทายาทที่ลี้ภัยมาหลบอยู่ที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ส่วนมารดาของเขาก็คืออดีตฮองเฮาของฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่บัดนี้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว
เพราะวันนี้มีขุนนางและแม่ทัพหลายๆคนมาพบเขาและมารดาเพื่อเชิญให้กลับเข้าวังหลวง เนื่องจากเหล่าแม่ทัพและขุนนางที่ยังภักดีกับราชวงศ์ได้กำจัดเสี้ยนหนามที่ก่อกบฎให้พ้นออกไปจากวังหลวงแล้ว
บัดนี้จึงมารับฮองเฮาและองค์รัชทายาทกลับคืนสู่ตำแหน่ง เพื่อจะได้สถาปนาหลี่หมิงเป็นฮ่องเต้อย่างที่ควรจะเป็นได้แล้ว
สองแม่ลูกก็เดินทางเข้าเมืองหลวงในวันนั้นทันที โดยทิ้งเรือนหลังเล็กแห่งความรักและความหลังเอาไว้เช่นนั้น ส่วนนางกำนัลและคนติดตามที่ยังภักดีที่แฝงตัวคอยดูแลพวกเขาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ด้วย ก็ล้วนพากันออกเดินทางไปพร้อมๆกัน โดยทิ้งตัวตนเดิมของพวกเขาเอาไว้ที่หมู่บ้านแห่งนี้เช่นกัน
หลังจากพวกเขาเดินทางถึงเมืองหลวง ก็มีพิธีสถาปนาฮ่องเต้พระองค์ใหม่ในทันที ส่วนอดีีตฮองเฮาก็ได้รับการสถาปนาเป็นไทเฮา เมื่อเสร็จสิ้นพิธีครองราชย์อย่างรวดเร็วเพราะบ้านเมืองว่างเว้นจากฮ่องเต้มานานจนเกินไปแล้ว ไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง ทุกอย่างจึงเตรียมเอาไว้พร้อมสรรพแล้วหลังจากที่เหล่าขุนางและแม่ทัพที่ภักดีบางคนไปรับฮ่องเตและฮองเฮากลับเข้าวังหลวง
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการ และบัดนี้ซ่งหลี่หมิงคนเดิมก็กลับกลายมาเป็นฮ่องเต้เฟยหลง แม้บัดนี้เขาจะกลับกลายมาเป็นเจ้าชีวิตของเหล่าราษฏร์ในแคว้นซ่งแห่งนี้แล้ว แต่ในใจของหลี่หมิงก็ไม่เคยลืมอดีตคนรักและครอบครัวของนาง ความรักปนแค้นก็ยังคงมีอยู่ครบถ้วน
เขาจึงออกคำสั่งลับให้คนสนิทไปจัดการเรื่องที่เมืองหนิงโจวให้กับเขา และคราวนี้มัันง่ายดายราวกับดีดนิ้ว ครอบครัวขุนนางหยูที่กำลังจะจัดพิธีแต่งงานให้บุตรสาวที่ตอนแรกโกหกชายอดีตคนรักของบุตรสาวว่าสามวัน แต่ที่จริงการแต่งงานนั้นต้องรอฤกษ์มาอีกกว่าครึ่งค่อนเดือน และทหารที่ได้รับคำสั่งให้มายึดจวนของขุนนางหยู
และเนรเทศทุกคนในครอบครัวรวมถึงบริวารบ่าวไพร่ในจวนให้พ้นไปจากแคว้นซ่งแห่งนี้ ก็มาจัดการตามรับสั่งของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันในทันทีที่พวกเขาเดินทางถึงเมืองหนิงโจว และแน่นอนว่ามิอาจจะมีผู้ใดขัดขวางบัญชาของเจ้าเหนือหัวได้
ขุนนางหยูและฮูหยินของเขารวมถึงบุตรสาวคนโตและบ่าวไพร่ทั้งจวนก็ถูกเนรเทศให้ออกไปจากแคว้นซ่งในวันนั้นเลย ส่วนทรัพย์สินถูกริบเข้าหลวงทั้งหมด เหลือเพียงบุตรสาวคนรองที่มีนามว่าหยูหงลี่ที่ไม่ได้ถูกเนรเทศ แต่นางถูกจับตัวขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางเข้าเมืองหลวงไปในทันที
แม้หงลี่ร้องไห้ปานจะขาดใจก็ไม่มีใครสามารถช่วยนางได้ นางร้องไห้ก็เพราะเป็นห่วงบิดามารดา ที่อยู่ๆ ก็ถูกเนรเทศอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทราบแต่ว่าเป็นบัญชาของฮ่องเต้ แล้วเหตุใดฮ่องเต้จึงได้มีบัญชาเนรเทศครอบครัวของนางเล่า หงลี่ไม่เข้าใจเลยสักนิด
นางไม่มีโอกาสจะได้ร่ำลาพวกเขาเลยด้วยซ้ำ นางถูกจับตัวแยกออกมาในทันที และแล้วจวนขุนนางหยูก็ถูกปิดตายเอาไว้ โดยมีทหารยืนยามเฝ้าเอาไว้จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ห้ามผู้ใดเข้าไปในจวนอย่างเด็ดขาด
ข่าวนี้ดังกระหึ่มไปทั่วเมืองหนิงโจว และคหบดีเหยาก็โล่งใจนักที่เขายังมิทันได้เกี่ยวดองกับตระกูลหยูที่ถูกอาญาจากฮ่องเต้ ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาไปทำอะไรผิดเข้า ถึงได้ถูกลงโทษเช่นนี้
ยังดีที่ไม่ถูกสั่งประหาร แค่เพียงเนรเทศไปทั้งจวน แต่ก็ยังโชคดีอีก ที่เนรเทศเพีียงแค่ครอบครัวของขุนนางหยู ญาติพี่น้องบ้านอื่นๆ ที่ใช้แซ่หยูเหมือนกันต่างก็รอดพ้น
และเขาเองก็โล่งใจนักที่ไม่ทันได้เกี่ยวดองกัน ส่วนคุณชายเหยาแม้จะเสียดายสตรีที่งดงามอ่อนหวานดังกิ่งหลิวนั่นมากมายเพียงใด แต่เขาก็ไม่อยากจะถูกอาญาแผ่นดินนี้ไปด้วย และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันพวกเขาก็ลืมเลือนเรื่องของสกุลหยูไปเพราะไม่มีอันใดต้องข้องเกี่ยวและพึ่งพากันได้อีก
ส่วนหยูหงลี่ ถูกจับตัวเข้าเมืองหลวงและส่งเข้าวังหลวงไปในทันที เมื่อนางเข้าไปในวังหลวงแล้ว ก็ถูกพาตัวเข้าไปไว้ในตำหนักหนึ่งที่ห่างไกลจากหมู่ตำหนักอื่นๆพอสมควร บ่งบอกถึงฐานะที่ต่ำต้อยที่สุดในบรรดาสนมของฮ่องเต้ ฐานะใหม่ของหยูหงลี่ก็คือนางสนมขั้นต่ำสุด ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
หงลี่รับทราบสถานะใหม่ด้วยความงงงวย อยู่ๆ นางที่เป็นบุตรีของขุนนางบ้านนอก และห่างไกลเมืองหลวงมากเช่นนี้แถมครอบครัวยังถูกเนรเทศไปจนหมดสิ้น แล้วอยู่ๆ นางจะกลับกลายมาเป็นพระสนมของฮ่องเต้ได้เช่นไร แถมยังเป็นสนมขั้นต่ำสุด และมีเรือนหลังเล็กที่เป็นเรือนพำนักที่ห่างไกลนัก จนเกือบจะสุดเขตของวังหลังแห่งนี้แล้ว
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของหงลี่ เพราะเมื่อนางก้าวเข้ามาอยู่ในเรือนหลังเล็กแห่งนี้แล้ว นางก็เอาแต่ร้องไห้ เพราะยังทำใจไม่ได้กับเรื่องร้ายที่เกิดกกับครอบครัว นางไม่ได้สนใจว่าฮ่องเต้นั่นจะหน้าตาเป็นเช่นไร และเหตุใดนางถึงถูกพาตัวมาเป็นสนมของชายที่สั่งเนรเทศครอบครัวของตนเองได้
นางเอาแต่ร้องไห้ และนั่งซึมเศร้าไปวันๆ โดยไม่ได้ไถ่ถามสิ่งใด เพราะเมื่อนางรู้ว่าคู่กรณีคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แล้วนางจะถามสิ่งใด หรือจะทำเช่นไรได้อีกเล่า
แม้นางจะหาทางหนีไปจนสุดหล้า เขาก็คงจะไม่ปล่อยนางไปกระมัง นางแปลกใจยิ่งนัก เหตุใดเขาไม่เนรเทศนางไปพร้อมกับครอบครัวของตนเองเสีย ทำไมถึงได้พาตัวนางเข้าวังมาเป็นสนมของเขา หงลี่งุนงงนัก
หลังจากผ่านไปกว่าสิบวัน หงลี่ก็เริ่มดีขึ้น นางทำใจได้แล้ว เพราะถึงทำใจไม่ได้นางก็ทำอะไรไม่ได้ ครอบครัวที่ถูกเนรเทศไปก็ยังดีกว่าถูกประหาร นางได้คิดก็เพราะมีนางกำนัลวัยกลางคนที่นำอาภรณ์และข้าวของมาให้กับนางได้เตือนสตินางเช่นนี้ ใช่ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ตาย แค่เพียงย้ายถิ่นฐานไปอยู่แคว้นอื่น หากมีวาสนาภายหน้าอาจจะได้พบกัน ส่วนนางบัดนี้มาอยู่ในวังหลวง ไม่ได้ทำการงานอะไร เพียงนั่งทอดถอนหายใจทิ้งไปไว้ๆ นางมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวันก็มีสาวใช้นางหนึ่งมาแนะนำตัวกับนาง ว่ามีชื่อว่าฟางเอ๋อ ได้รับมอบหมายให้มาเป็นนางกำนัลประจำตัวของพระสนม แม้นางจะเป็นสนมขั้นต่ำสุด แต่ก็ยังมีคนรับใช้ และเมื่ออยู่ๆ ไปก็ได้รับความรู้จากนางกำนัลที่มารับใช้ว่านางคือพระสนมขั้นเฟย ที่เป็นชั้นต่ำสุดในบรรดาพระสนม และพระสนมทุกคนในวังหลวงก็ใช่ว่าจะได้ถวายตัวให้แก่ฮ่องเต้ บางคนก็ไม่เคยได้พบหน้าพระองค์เลยด้วยซ้ำ ฟางเอ๋อยกตัวอย่างฮ่องเต้รัชกาลที่ผ่านมาให้ฟังส่วนฮ่องเต้องค์ใหม่พระองค์นี้ เพิ่งจะรับนางสนม และพระชายาเข้ามาเป็นชุดแรก ส่วนฮองเฮายังไม่ได้สถานปนาเพราะพระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ หงลี่นั่งรับฟังก
แต่คำตอบของหงลี่ก็คือการที่นางตวัดฝ่ามือตบหน้าของเขาดังฉาด “ ออกไปนะ ออกไปจากห้องของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะตะโกนให้คนรู้กันทั้งจวนว่าเจ้าลอบเข้ามาในห้องนอนของข้า ” หลี่หมิงชะงักไป เขาจ้องมองใบหน้าที่มองเขาด้วยดวงตาเฉยชา นางมองเมินไปทางอื่น หลี่หมิงจ้องมองใบหน้างามของอดีตคนรักแล้วก็ตัดสินใจถอยออกไปจากเรือนของนาง คนที่ไม่มีใจต่อให้เขายื้อยุดนางเอาไว้แทบตาย ก็คงจะยื้อนางเอาไว้ไม่ได้เขามาที่นี่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิดไป นางไม่ได้มีใจให้เขา แค่เพียงหลอกปั่นหัวเขาเล่นๆ และวันนี้เขาแน่ใจแล้วว่านางไม่ได้รักเขาจริงๆเขากลับออกมาเพราะเสียใจที่ได้รู้ว่าอดีตคนที่เขาคิดว่ารักกลับไม่ได้รักตนเอง เพียงหลอกลวงเล่น ๆ และนางนั้นมิได้รักบุรุษใดทั้งสิ้น รักเพียงเงินของบุรุษผู้นั้น ส่วนเขาไม่มีสิ่งที่นางอยากได้นางจึงไม่ต้องการแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว หลี่หมิงเสียใจและผิดหวังเหลือเกิน เขาเดินออกมาจากเรือนของสตรีอดีตคนเคยรักแล้วก็ลัดเลาะออกมาจากจวนของขุนนาง หยูได้อย่างปลอดภัย หลังจากค่ำคืนแห่งรักและแค้นคืนนั้น หลี่หมิงก็ลอบออกมาจากจวนของขุนนางหยูแล้วก็กลับเรือนของตนเองไปเขาตั้งใจว
กบฎนั้นก่อโดยอ๋องเผยอันน้องชายของฮ่องเต้องค์เก่าที่เพิ่งจะสวรรคตไป และนางเองอดีตฮองเฮาต้องหอบหิ้วบุตรชายหนีมาเพราะนางให้กำเนิดเขาเมื่ออายุมากแล้ว ทั้งๆที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะสามารถมีบุตรได้ และแล้วสวรรค์ก็ประทานบุตรชายให้กับนาง เขาคือองค์รัชทายาท แต่ก็มิอาจจะครองบััลลังฆ์ตามที่ควรจะเป็นได้ เพราะถูกก่อกบฎไปเสียก่อน แต่นางยังมีความหวัง เพราะนางเชื่อเต็มหัวใจว่ายังมีขุนนางและแม่ทัพนายกองมากมายที่ยังภักดีต่อฮ่องเต้พระองค์เดิม และองค์รัชทายาทที่บัดนี้เติบใหญ่จนสามารถจะกลับไปทวงบังลังฆ์ที่ควรจะเป็นของเขากลับคืนมาได้แล้วส่วนสตรีต่ำต้อยที่เป็นเพียงบุตรีของขุนนางขั้นสามนั่นก็ไม่ได้คู่ควรกับองค์รัชทายาทเช่นหลี่หมิงสักนิด ดีแล้วที่มันแสดงธาตุแท้ออกมาก่อน ตอนแรกนางก็ไม่เห็นด้วยนักที่เขาจะรับบุตรีขุนนางขั้นสามมาเป็นชายา แต่เมื่อบุตรชายทั้งรักทั้งหลงสตรีนางนั้นมากเหลือเกิน แม่อย่างนางที่รักบุตรชายมากและสงสารในชะตากรรมของเขา ที่ควรจะอยู่ในที่สูงส่งแต่กลับต้องมาลำบากอยู่ปะปนกับชาวบ้านทั่วไปเช่นนี้แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะซ่งหลี่หมิงแท้จริงเขาคือองค์รัชทายาทที่ไม่นานจะต้องได้คืนบังลังฆ
“ น่าขบขันนัก เจ้าช่างไม้ต่ำต้อย เงินสินสอดแค่หยิบมือ คิดจะมาสู่ขอบุตรสาวของขุนนางอย่างข้า คิดหรือว่าข้าจะยกหงลี่ให้กับเจ้า ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี คำสัญญาที่เจ้าบอกข้า มันจับต้องไม่ได้หรอกนะ เจ้าจะทำมันได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เจ้าคือช่างไม้รับจ้างที่ยากจน มีเพียงบ้านหลังเล็กๆ เอาไว้ซุกหัวนอนกับแม่ที่แก่ชราของเจ้า เพียงเท่านั้น ข้าไม่โง่เง่าพอที่จะยกบุตรสาวของข้าให้ไปตกระกำลำบากกับเจ้าหรอก เป็นการิอยากจะกินเนื้อหงส์ ช่างน่าขบขันนัก ” ขุนนางหยูเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าทมึงถึงขัดกับคำพูดของเขาที่บอกว่าคำสัญญาของหลี่หมิงช่างน่าขบขัน เขากับฮูหยินจ้องมองช่างไม้หนุ่มกับมารดาด้วยสายตาดูแคลนไม่ปิดบังซักนิด พวกเขาไม่ยอมเรียกบุตรสาวออกมาพบกับทั้งสองเลยด้วยซ้ำ “ แต่ข้ากับหงลี่เราได้เสียกันแล้ว หากท่านไม่ยอมให้นางแต่งงานกับข้าแล้วนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา จะทำเช่นไร ” ช่างไม้หนุ่มตัดสินใจใช่้ไม้ตายของเขาที่คิดว่าหากพูดออกไปแล้วพ่อตาแม่ยายอาจจะใจอ่อนยอมให้หงลี่กับเขาแต่งงานกันก็เป็นได้“ หากนางตั้งครรภ์ข้าก็จะไม่เก็บเจ้าเด็กนั่นไว้ประจานสกุลของข้าหรอกนะ หรือไม่ข้าก็จะให้นางรีบแต
พวกเขาเข้าหอล่วงหน้าแล้ว แม้ในคราวแรกเขาไม่ได้ตั้งใจเลย เขาคิดจะถนอมนางเอาไว้จนกว่าจะถึงวันวิวาห์ของพวกเขา แต่ครั้งนี้ความใกล้ชิด ถูกเนื้อต้องตัวกันมันพาให้อารมณ์หนุ่มของเขาเตลิดจนกู่ไม่กลับ แต่เมื่อได้ล่วงเกินกันแล้วก็หยุดยั้งตนเองไม่ได้อีกต่อไป เมื่อกลับไปแล้ว ก็จะไปสู่ขอนางกับบิดามารดาของนาง แม้ในตอนนี้เขาจะยังไม่พร้อมทางด้านฐานะ อาจจะดูต่ำต้อยกว่าครอบครัวของนางไปสักนิด แต่เขาเชื่อมั่นว่าอีกไม่นานเขาจะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวให้มีฐานะที่เป็นปึกแผ่นมากกว่านี้ เขาจะไม่ยอมให้หงลี่น้อยหน้าผู้อื่นอย่างแน่นอน ส่วนหงลี่บัดนี้นางโยกสะโพกอวบอัดเข้าหาชายที่กำลังโยกกระแทกนางอย่างรุนแรงนี้ นางเองก็หลงรักเขาดังเช่นที่เขาหลงรักนาง และยิ่งได้ตกเป็นของกันและกันแล้ว ความผูกพันธ์ของพวกเขาสองคนก็จะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น บัดนี้พี่หลี่หมิงไม่ใช่เพียงคนรักในความลับของนางอีกแล้ว แต่เขาคือสามีที่นางจะต้องได้แต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน หงลี่คิดด้วยความสุขใจ นางยกแขนเรียวขาวเกี่ยวต้นคอของสามีหมาดๆ ลงมา แล้วทั้งสองก็จูบกันอย่างดูดดื่ม บทรักในสายธารน้ำตกดำเนินไปจนกระทั่งแตกระเบิดในเวลาไล่เลี่ยกัน แ
บัดนี้ในป่าแถบนี้แทบจะร้างผู้คน ซ่งหลี่หมิงสำรวจทั้งหมดแล้ว จึงได้ปลอดโปร่งโล่งใจ เพราะเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของคนรักของเขา ทั้งสองสบตากันนิ่ง ในดวงใจทั้งสองดวงเปี่ยมไปด้วยความรักที่แทบจะล้นปรี่ออกมา ดวงตาของทั้งคู่ต่างก็มีไฟปรารถที่ลุกโชนไม่ต่่างกัน และแล้วใบหน้าก็ค่อยๆเลื่อนเข้าหากัน และในที่สุดลิ้นร้ายที่ร้อนรุ่มนั่นก็สอดเข้ามาในปากอวบอิ่มที่อ้าออกน้อยอย่างเต็มใจ แขนเรียวของหงลี่ยกขึ้นโอบต้นคอชายตรงหน้าของนางเอาไว้ และแล้วจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนก็เกิดขึ้น และดำเนินต่อไปจนคุณหนูสาวแทบจะขาดอากาศหายใจนางยกมือทุบไปที่ไหล่หนาของคนตรงหน้า คนรักหนุ่มจึงยอมปล่อยปากอิ่มของนางเป็นอิสระ และเข้าซุกไซร้พรมจูบสองแก้มนวลของนาง แล้วละเรื่อยมาที่ซอกคอขาวผ่อง เขาขบเม้มทำรอยรักเอาไว้ประปรายอย่างหวงแหน เพราะเขาถือว่าหยูหงลี่คือคนรัก ที่เขาจะต้องได้นางมาครอบครอง แม้ฐานะของพวกเขาจะแตกต่าง แต่เขาจะมุมานะสร้างตัวเพื่อให้คู่ควรกับนาง เพื่อจะได้ไปสู่ขอนางมาร่วมชีวิตกับเขาให้ได้เร็วที่สุด ที่อยู่ของนางคือข้างกายเขาเพียงเท่านั้น ชาตินี้เขากับนางจะต้องได้ครองคู่กัน เขาจะไม่ยอมให้มีสิ่