แต่คำตอบของหงลี่ก็คือการที่นางตวัดฝ่ามือตบหน้าของเขาดังฉาด “ ออกไปนะ ออกไปจากห้องของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะตะโกนให้คนรู้กันทั้งจวนว่าเจ้าลอบเข้ามาในห้องนอนของข้า ” หลี่หมิงชะงักไป
เขาจ้องมองใบหน้าที่มองเขาด้วยดวงตาเฉยชา นางมองเมินไปทางอื่น หลี่หมิงจ้องมองใบหน้างามของอดีตคนรักแล้วก็ตัดสินใจถอยออกไปจากเรือนของนาง คนที่ไม่มีใจต่อให้เขายื้อยุดนางเอาไว้แทบตาย ก็คงจะยื้อนางเอาไว้ไม่ได้
เขามาที่นี่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิดไป นางไม่ได้มีใจให้เขา แค่เพียงหลอกปั่นหัวเขาเล่นๆ และวันนี้เขาแน่ใจแล้วว่านางไม่ได้รักเขาจริงๆ
เขากลับออกมาเพราะเสียใจที่ได้รู้ว่าอดีตคนที่เขาคิดว่ารักกลับไม่ได้รักตนเอง เพียงหลอกลวงเล่น ๆ และนางนั้นมิได้รักบุรุษใดทั้งสิ้น รักเพียงเงินของบุรุษผู้นั้น ส่วนเขาไม่มีสิ่งที่นางอยากได้นางจึงไม่ต้องการแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว หลี่หมิงเสียใจและผิดหวังเหลือเกิน เขาเดินออกมาจากเรือนของสตรีอดีตคนเคยรักแล้วก็ลัดเลาะออกมาจากจวนของขุนนาง หยูได้อย่างปลอดภัย
หลังจากค่ำคืนแห่งรักและแค้นคืนนั้น หลี่หมิงก็ลอบออกมาจากจวนของขุนนางหยูแล้วก็กลับเรือนของตนเองไปเขาตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีนางนั้นอีก ส่วนหยูหงลี่ก็กำลังเตรียมตัวจะแต่งงานออกไป
แม้นางไม่อยากจะทำเช่นนี้เลย แต่นางก็ไม่มีทางเลือก ส่วนหลี่หมิงวันต่อมาเขาก็พบว่าเขาคือองค์รัชทายาทที่ลี้ภัยมาหลบอยู่ที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ส่วนมารดาของเขาก็คืออดีตฮองเฮาของฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่บัดนี้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว
เพราะวันนี้มีขุนนางและแม่ทัพหลายๆคนมาพบเขาและมารดาเพื่อเชิญให้กลับเข้าวังหลวง เนื่องจากเหล่าแม่ทัพและขุนนางที่ยังภักดีกับราชวงศ์ได้กำจัดเสี้ยนหนามที่ก่อกบฎให้พ้นออกไปจากวังหลวงแล้ว
บัดนี้จึงมารับฮองเฮาและองค์รัชทายาทกลับคืนสู่ตำแหน่ง เพื่อจะได้สถาปนาหลี่หมิงเป็นฮ่องเต้อย่างที่ควรจะเป็นได้แล้ว
สองแม่ลูกก็เดินทางเข้าเมืองหลวงในวันนั้นทันที โดยทิ้งเรือนหลังเล็กแห่งความรักและความหลังเอาไว้เช่นนั้น ส่วนนางกำนัลและคนติดตามที่ยังภักดีที่แฝงตัวคอยดูแลพวกเขาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ด้วย ก็ล้วนพากันออกเดินทางไปพร้อมๆกัน โดยทิ้งตัวตนเดิมของพวกเขาเอาไว้ที่หมู่บ้านแห่งนี้เช่นกัน
หลังจากพวกเขาเดินทางถึงเมืองหลวง ก็มีพิธีสถาปนาฮ่องเต้พระองค์ใหม่ในทันที ส่วนอดีีตฮองเฮาก็ได้รับการสถาปนาเป็นไทเฮา เมื่อเสร็จสิ้นพิธีครองราชย์อย่างรวดเร็วเพราะบ้านเมืองว่างเว้นจากฮ่องเต้มานานจนเกินไปแล้ว ไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง ทุกอย่างจึงเตรียมเอาไว้พร้อมสรรพแล้วหลังจากที่เหล่าขุนางและแม่ทัพที่ภักดีบางคนไปรับฮ่องเตและฮองเฮากลับเข้าวังหลวง
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการ และบัดนี้ซ่งหลี่หมิงคนเดิมก็กลับกลายมาเป็นฮ่องเต้เฟยหลง แม้บัดนี้เขาจะกลับกลายมาเป็นเจ้าชีวิตของเหล่าราษฏร์ในแคว้นซ่งแห่งนี้แล้ว แต่ในใจของหลี่หมิงก็ไม่เคยลืมอดีตคนรักและครอบครัวของนาง ความรักปนแค้นก็ยังคงมีอยู่ครบถ้วน
เขาจึงออกคำสั่งลับให้คนสนิทไปจัดการเรื่องที่เมืองหนิงโจวให้กับเขา และคราวนี้มัันง่ายดายราวกับดีดนิ้ว ครอบครัวขุนนางหยูที่กำลังจะจัดพิธีแต่งงานให้บุตรสาวที่ตอนแรกโกหกชายอดีตคนรักของบุตรสาวว่าสามวัน แต่ที่จริงการแต่งงานนั้นต้องรอฤกษ์มาอีกกว่าครึ่งค่อนเดือน และทหารที่ได้รับคำสั่งให้มายึดจวนของขุนนางหยู
และเนรเทศทุกคนในครอบครัวรวมถึงบริวารบ่าวไพร่ในจวนให้พ้นไปจากแคว้นซ่งแห่งนี้ ก็มาจัดการตามรับสั่งของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันในทันทีที่พวกเขาเดินทางถึงเมืองหนิงโจว และแน่นอนว่ามิอาจจะมีผู้ใดขัดขวางบัญชาของเจ้าเหนือหัวได้
ขุนนางหยูและฮูหยินของเขารวมถึงบุตรสาวคนโตและบ่าวไพร่ทั้งจวนก็ถูกเนรเทศให้ออกไปจากแคว้นซ่งในวันนั้นเลย ส่วนทรัพย์สินถูกริบเข้าหลวงทั้งหมด เหลือเพียงบุตรสาวคนรองที่มีนามว่าหยูหงลี่ที่ไม่ได้ถูกเนรเทศ แต่นางถูกจับตัวขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางเข้าเมืองหลวงไปในทันที
แม้หงลี่ร้องไห้ปานจะขาดใจก็ไม่มีใครสามารถช่วยนางได้ นางร้องไห้ก็เพราะเป็นห่วงบิดามารดา ที่อยู่ๆ ก็ถูกเนรเทศอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทราบแต่ว่าเป็นบัญชาของฮ่องเต้ แล้วเหตุใดฮ่องเต้จึงได้มีบัญชาเนรเทศครอบครัวของนางเล่า หงลี่ไม่เข้าใจเลยสักนิด
นางไม่มีโอกาสจะได้ร่ำลาพวกเขาเลยด้วยซ้ำ นางถูกจับตัวแยกออกมาในทันที และแล้วจวนขุนนางหยูก็ถูกปิดตายเอาไว้ โดยมีทหารยืนยามเฝ้าเอาไว้จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ห้ามผู้ใดเข้าไปในจวนอย่างเด็ดขาด
ข่าวนี้ดังกระหึ่มไปทั่วเมืองหนิงโจว และคหบดีเหยาก็โล่งใจนักที่เขายังมิทันได้เกี่ยวดองกับตระกูลหยูที่ถูกอาญาจากฮ่องเต้ ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาไปทำอะไรผิดเข้า ถึงได้ถูกลงโทษเช่นนี้
ยังดีที่ไม่ถูกสั่งประหาร แค่เพียงเนรเทศไปทั้งจวน แต่ก็ยังโชคดีอีก ที่เนรเทศเพีียงแค่ครอบครัวของขุนนางหยู ญาติพี่น้องบ้านอื่นๆ ที่ใช้แซ่หยูเหมือนกันต่างก็รอดพ้น
และเขาเองก็โล่งใจนักที่ไม่ทันได้เกี่ยวดองกัน ส่วนคุณชายเหยาแม้จะเสียดายสตรีที่งดงามอ่อนหวานดังกิ่งหลิวนั่นมากมายเพียงใด แต่เขาก็ไม่อยากจะถูกอาญาแผ่นดินนี้ไปด้วย และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันพวกเขาก็ลืมเลือนเรื่องของสกุลหยูไปเพราะไม่มีอันใดต้องข้องเกี่ยวและพึ่งพากันได้อีก
ส่วนหยูหงลี่ ถูกจับตัวเข้าเมืองหลวงและส่งเข้าวังหลวงไปในทันที เมื่อนางเข้าไปในวังหลวงแล้ว ก็ถูกพาตัวเข้าไปไว้ในตำหนักหนึ่งที่ห่างไกลจากหมู่ตำหนักอื่นๆพอสมควร บ่งบอกถึงฐานะที่ต่ำต้อยที่สุดในบรรดาสนมของฮ่องเต้ ฐานะใหม่ของหยูหงลี่ก็คือนางสนมขั้นต่ำสุด ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
หงลี่รับทราบสถานะใหม่ด้วยความงงงวย อยู่ๆ นางที่เป็นบุตรีของขุนนางบ้านนอก และห่างไกลเมืองหลวงมากเช่นนี้แถมครอบครัวยังถูกเนรเทศไปจนหมดสิ้น แล้วอยู่ๆ นางจะกลับกลายมาเป็นพระสนมของฮ่องเต้ได้เช่นไร แถมยังเป็นสนมขั้นต่ำสุด และมีเรือนหลังเล็กที่เป็นเรือนพำนักที่ห่างไกลนัก จนเกือบจะสุดเขตของวังหลังแห่งนี้แล้ว
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของหงลี่ เพราะเมื่อนางก้าวเข้ามาอยู่ในเรือนหลังเล็กแห่งนี้แล้ว นางก็เอาแต่ร้องไห้ เพราะยังทำใจไม่ได้กับเรื่องร้ายที่เกิดกกับครอบครัว นางไม่ได้สนใจว่าฮ่องเต้นั่นจะหน้าตาเป็นเช่นไร และเหตุใดนางถึงถูกพาตัวมาเป็นสนมของชายที่สั่งเนรเทศครอบครัวของตนเองได้
นางเอาแต่ร้องไห้ และนั่งซึมเศร้าไปวันๆ โดยไม่ได้ไถ่ถามสิ่งใด เพราะเมื่อนางรู้ว่าคู่กรณีคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แล้วนางจะถามสิ่งใด หรือจะทำเช่นไรได้อีกเล่า
แม้นางจะหาทางหนีไปจนสุดหล้า เขาก็คงจะไม่ปล่อยนางไปกระมัง นางแปลกใจยิ่งนัก เหตุใดเขาไม่เนรเทศนางไปพร้อมกับครอบครัวของตนเองเสีย ทำไมถึงได้พาตัวนางเข้าวังมาเป็นสนมของเขา หงลี่งุนงงนัก
หลังจากที่บทรักที่เร่าร้อนและดุเดือดจบลง ม่านของเตียงสี่เสาก็หล่นลงมาคลุมเตียงหลังใหญ่เอาไว้เพราะแรงโยกขย่มที่รุนแรงของฮ่องเต้หนุ่ม ด้านหลังม่านแสนบางเบานั้นเมื่อมองเข้าไปด้านในก็เห็นร่างสองร่างที่นอนโอบกอดกันภายใต้ผ้าผวยผืนบางเบาที่ใช้ห่มคลุมเรือนร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองเอาไว้ หงลี่ซุุกกายเข้าไปในอกแกร่งแสนอุ่นที่นางคุ้นเคย มือบางลูบไล้ไปจนทั่วหน้าอกแกร่งของเขา หลี่หมิงสามีของข้า แม้ท่านจะเกลียดข้าชิงชังข้ามากเพียงใด แต่ข้ารักท่าน มีเพียงท่านในหัวใจเท่านั้น ท่านรู้หรือไม่ นางกระซิบบอกเขาแต่เพียงในใจ ขณะที่ชายร่างหนาที่นางลูบไล้นั้นหลับตานิ่ง นางคิดว่าเขาคงหลับไปแล้วเพราะบทรักที่ดุเดือดและร้อนแรงเหลือเกินของทั้งคู่“ อย่าลูบไล้ข้า มิเช่นนั้น เจ้าจะต้องรับมือกับลูกชายของข้าอีกครั้ง เจ้าพร้อมหรือไม่ ”เขาบอกกับนางทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ หงลี่รีบกระซิบบอกเขาว่า “ ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่ไหวแล้ว ”แล้วนางก็เลิกลูบไล้เขา แล้วนอนซุุกในอกเขาแต่โดยดี หงลี่หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มสมใจ บัดนี้นางคือสนมหรืออีกนัยหนึี่งคือภรรยาของเขา ไม่มีผู้ใดมาขัดขวางความรักระหว่างนางกับเขาได้อีกแล้ว นางคิ
มือบางของนางเสยเข้าที่เส้นผมของฮ่องเต้หนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่อไป แต่เขาก็มิได้ว่าอะไรนางสักคำปล่อยให้นิ้วน้อยๆ ของนางเสยเข้าไปในเส้นผมดกหนาของเขา แล้วโน้มศีรษะของเขาลงมาจนชิดอกอวบใหญ่ที่แอ่นระแน้ขึ้นหาเขา เสียงดูดจ๊วบจ๊าบดังขึ้นอย่างหยาบคาย ฮ่องเต้หนุ่มไม่ได้สนใจสิ่งใดนอกจากเต้าอวบคู่หวานตรงหน้า เขาสลับเชยชมมันไปมาทั้งสองข้าง ดูดดื่มมันดังเช่นทารกกระหายนมมารดากระนั้น ส่วนสตรีร่างบางแต่เมื่อยามเปลือยเปล่าเรือนร่างกลับอวบอิ่มงดงามยิ่งนัก นางร้องครวญครางปานจะขาดใจ เมื่อถูกทั้งดูดทั้งไล้เลียสลับกันไปทั้งสองข้าง เมื่อดูดเต้าหวานของสตรีบนตักจนพอใจแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นสบตาที่เต็มไปด้วยไฟสวาทของสนมตัวน้อยของเขา และแล้วใบหน้าของทั้งสองก็เลื่อนเข้าหากัน แล้วจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนเหมือนหิวกระหายในกันและกันเหลือแสนก็เริ่มต้นขึ้น จูบนั้นยาวนานเหลือเกิน นานจนหงลี่แทบจะขาดใจ ฮ่องเต้หนุ่มจึงยอมปล่อยนาง ขณะที่มือหนาของเขาก็สอดเข้าไปใต้กระโปรงที่บัดนี้เลิกขึ้นมาอยู่ที่เอวคอดของนาง ส่วนด้านล่างนั้นเปลือยเปล่า ชั้นในตัวน้อยที่ผูกปมเอาไว้ที่สะโพกทั้งสองข้างนั้นไม่ทราบว่าหายไปที่ใดแล้
ระหว่างนี้เขาก็ยกสุราขึ้นดื่มอวยพรเป็นระยะ เวลาที่เหล่าชายาของเขากล่าวอวยพระพระมารดา รวมถึงเหล่าขุนนางทั้งหลายที่พากันยกจอกสุราดื่มอวยพร และพากันทะยอยมอบของขวัญบรรณการกันเป็นระยะ รวมถึงเหล่าภรรยาใหม่ๆทั้งหลายของเขาที่พากันถวายของขวัญแก่พระมารดาของเขาเพื่อเอาอกเอาใจกันเป็นระยะ บางนางมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยของขวัญก็ย่อมจะล้ำค่าราคาแพงและแปลกตา ไทเฮาขอบคุณเหล่าสะใภ้และขุนนางที่เข้าถวายของขวัญแก่พระนางส่วนสนมปลายแถวเช่นหงลี่จะมีอะไรไปถวายว่าที่แม่สามีกันเล่า ได้แต่เฝ้ามองคนอื่นๆ มอบของขวัญ และเฝ้ามองการแสดงตรงหน้าที่สลับกันมาให้ความบันเทิงในหลากหลายรูปแบบเท่านั้นเมื่องานเลี้ยงใกล้จะเลิกรา ก็มีการถวายพระพรกันอีกครั้งและก็กล่าวปิดงานโดยไทเฮาและฮ่องเต้ที่ขอบใจเหล่าบรรดาราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ที่มาเข้าร่วมถวายพระพรองค์ไทเฮา และเหล่าแขกที่มาร่วมงานก็เริ่มทะยอยกันออกไปจากท้องพระโรง ส่วนฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จลงจากที่ประทับทางด้านข้าง และก็หายลับเข้าไปทางห้องด้านหลังเป็นอันว่าเสด็จกลับแล้ว พระชายาและสนมน้อยใหญ่ก็พากันลุกขึ้นแล้วก็ทะยอยกลับเช่นกัน รวมถึงเหล่าขุนนางด้วย ส่วนหงลี่ก็เม
ช่วงสายวันต่อมา ฟางเอ๋อเข้ามาแสดงความยินดีกับพระสนมหยูนายหญิงของตนเอง เพราะนางดีใจเหลือเกินที่ฮ่องเต้เสด็จมาหาพระสนมที่ตำหนักนี้และอยู่ค้างคืนจนกระทั่งเช้าจึงได้กลับไป นับว่าเป็นข่าวดีนัก ที่พระสนมที่เกือบจะปลายแถวเช่นนายหญิงของตนได้รับใช้องค์ฮ่องเต้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ ขนาดพระชายาที่รับการแต่งตั้งถึงสามนางยังไม่มีผู้ใดได้รับโอกาสในการถวายการรับใช้ดังเช่นนายหญิงของตนเลย“ บ่าวยินดีกับพระสนมจริงๆนะเพคะ ที่ท่านได้มีโอกาสปรนนิบัติฮ่องเต้แล้ว และรวดเร็วกว่าสตรีใดในวังหลังแห่งนี้เลยนะเพคะ หม่อมฉันทราบในตอนแรกแทบจะไม่เชื่อเลยว่าพระสนมจะได้ปรนนิบัติองค์ฮ่องเต้ได้รวดเร็วปานนี้ บ่าวได้ยินว่าขนาดพระชายาสามพระองค์นั่นยังไม่ได้มีโอกาสรับใช้ฮ่องเต้เลยนะเพคะ ”ฟางเอ๋อนางกำนัลน้อยกล่าวอย่างยินดีในบุญวาสนาของนายหญิงตนเอง ขณะที่นางกำลังปรนนิบัตินายหญิงหลังจากอาบน้ำแล้ว ก็หวีผมยาวสลวยให้และกำลังติดเครื่องประดับผมที่มีขันทีนำมามอบให้เมื่อวานนี้ ใบหน้าของหงลี่เปลี่ยนสีไปทันที ใครบอกว่าฮ่องเต้เสด็จมาที่ตำหนักของนางกัน ชายคนเมื่อคืนที่เคี่ยวกรำนางแทบจะทั้งคืนกว่าจะยอมปล่อยให้นางนอนหลับ แ
หลี่หมิงดึงรั้งอาภรณ์ของสตรีใต้ร่างจนแทบจะหลุดลุ่ย เขาฉีกตูโต้วผืนบางของนางออกจนขาดเป็นทาง แล้วแหวกกระโปรงผ้าเนื้อบางเบาของนางออก เลิกมันขึ้นไปจนสูง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบใหญ่ที่คุ้นตาให้แก่เขา หลี่หมิงถอดกางเกงของตนเองอย่างรวดเร็ว แล้วจับเจ้าลูกชายของเขาถูไถเนินเนื้อของนางไปมา แต่ไม่ยอมสอดเข้าไป เพียงถูไถมันไปมาเพียงเท่านั้น ส่วนสตรีใต้ร่างก็ดิ้นรนขัดขืนไม่สมยอมเขาดังเช่นที่เคยผ่านมา “ ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า เจ้าคนชั่ว เจ้าคนเลวอย่าทำอะไรข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย ออกไปจากเรือนของข้านะ ” นางกรีดร้อง แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังจนเกินไปเพราะเกรงจะมีคนได้ยิน แล้วหลี่หมิงจะเดือดร้อน นางแค่ต้องการให้เขาโกรธและเลิกมายุ่งเกี่ยวกับนางแต่หลี่หมิงไม่สนใจเสียงข่มขู่นั้น เขากลับก้มลงดูดอกอวบใหญ่ที่สั่นไหวอยู่ใต้ร่าง เขาขบกัดผลอิงเถาของนางอย่างแรง สลับกับไล้เลียมันไปมา หงลี่พยายามดิ้นรนไม่ยอมให้เขากระทำตามใจ แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกดูด เขาดูดเต้าหวานของนางจนแทบจะเข้าไปในปากทั้งเต้า ดูดอย่างแรง ดูดสลับกับไล้เลียชิมรสของมัน ดูดจนสตรีใต้ร่างเลิกดิ้นรนหนี แต่เปลีี่ยนไปเป็นดิ้นพล
หลังจากผ่านไปกว่าสิบวัน หงลี่ก็เริ่มดีขึ้น นางทำใจได้แล้ว เพราะถึงทำใจไม่ได้นางก็ทำอะไรไม่ได้ ครอบครัวที่ถูกเนรเทศไปก็ยังดีกว่าถูกประหาร นางได้คิดก็เพราะมีนางกำนัลวัยกลางคนที่นำอาภรณ์และข้าวของมาให้กับนางได้เตือนสตินางเช่นนี้ ใช่ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ตาย แค่เพียงย้ายถิ่นฐานไปอยู่แคว้นอื่น หากมีวาสนาภายหน้าอาจจะได้พบกัน ส่วนนางบัดนี้มาอยู่ในวังหลวง ไม่ได้ทำการงานอะไร เพียงนั่งทอดถอนหายใจทิ้งไปไว้ๆ นางมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวันก็มีสาวใช้นางหนึ่งมาแนะนำตัวกับนาง ว่ามีชื่อว่าฟางเอ๋อ ได้รับมอบหมายให้มาเป็นนางกำนัลประจำตัวของพระสนม แม้นางจะเป็นสนมขั้นต่ำสุด แต่ก็ยังมีคนรับใช้ และเมื่ออยู่ๆ ไปก็ได้รับความรู้จากนางกำนัลที่มารับใช้ว่านางคือพระสนมขั้นเฟย ที่เป็นชั้นต่ำสุดในบรรดาพระสนม และพระสนมทุกคนในวังหลวงก็ใช่ว่าจะได้ถวายตัวให้แก่ฮ่องเต้ บางคนก็ไม่เคยได้พบหน้าพระองค์เลยด้วยซ้ำ ฟางเอ๋อยกตัวอย่างฮ่องเต้รัชกาลที่ผ่านมาให้ฟังส่วนฮ่องเต้องค์ใหม่พระองค์นี้ เพิ่งจะรับนางสนม และพระชายาเข้ามาเป็นชุดแรก ส่วนฮองเฮายังไม่ได้สถานปนาเพราะพระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ หงลี่นั่งรับฟังก