เข้าสู่ระบบ“เขาบอกว่าพระสนมใจกล้าใจป้ำประกาศกลางถนนเลยเพคะ องครักษ์มาเต็มหอเชิญท่านกลับแบบหามเลยนะเพคะเมื่อคืน”
เยว่จือกุมขมับ
“โอย… ปวดหัว…รำคาญจริง ใครสนกันเล่าใครจะพูดก็พูดไปมาปลุกข้าทำไม”
เหมยจิ้งแทบร้องไห้
“ฝ่าบาทเพคะฝ่าบาท หากท่านไม่รีบไป ฝ่าบาทจะโกรธจริง ๆ นะเพคะ หยวนเซียวรออยู่หน้าห้องแล้ว”
เยว่จือสะดุ้งทันทีราวกับถูกน้ำราด
“หือ หยวนเซียวมาด้วยเหรอ”
เหมยจิ้งรีบพยักหน้า
“เจ้าค่ะ รีบลุกเร็วๆ เถอะเจ้าค่ะ”
เยว่จือค่อย ๆ ดันตัวขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ผมยุ่งเป็นรังนก ยังไม่สร่างเมาอย่างเห้นได้ชัด ร่างอ้วนแกว่งไปมาราวกับจะล้ม
เหมยจิ้งต้องรีบเข้าไปประคอง นวดแขน นวดไหล่ พูดปลอบเหมือนเด็ก
“ลุกนะเพคะ ลุกก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมานอนใหม่ก็ได้ค่ะเพคะ ลุกเพื่อตัวท่านเองนะเพคะ…”
เยว่จือบ่นงึมงำ
“ถ้าฝ่าบาทจะดุจริง ๆ ข้าขอกลับมานอนก่อน…”
“ไม่ได้เพคะ” เหมยจิ้งแทบจะอุ้มเจ้านายแล้ว “ไปเถอะค่ะเพคะ ไปเถิด ฮืออออ…”
สุดท้ายเหมยจิ้งทั้งดัน ทั้งดึง ทั้งประคอง ทั้งงัดข้อศอกเยว่จือ จนร่างอวบ ๆ ถูกพาออกจากเตียงอย่างทุลักทุเล
เมื่อเปิดประตูออกไป หยวนเซียวมองภาพเยว่จือยืนโงนเงนอยู่ในอ้อมแขนสาวใช้แล้วถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับอีกรอบ
นี่มันยังแค่เริ่มต้นของวัน…
บนบัลลังก์มังกรนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่องเต้หยงชิงที่ไร้ที่ติ ดั่งแกะสลักจากหินอ่อน สันกรามที่ชัดเจนและคมดุจดั่งดาบ ตาที่คมกริบของเขาทอประกายด้วยความเยือกเย็นและความรู้สึกที่ลึกลับจนยากที่จะอ่านออก ดวงตาคู่นั้นก็ยังคงคงแววที่เย็นชาและไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นอกจากความเงียบขรึม ด้านข้างไทเฮาที่มารอดูคำไต่สวนในฐานะผู้ปกครองวังหลัง
ดวงตาสีดำขลับที่เคยดึงดูดให้ทุกคนต้องหลงใหลกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เขามองผ่านผู้คนที่เข้ามาหาเขาทุกวัน ทั้งนางสนมและหญิงงามที่เข้าวังมา หญิงงามเหล่านั้นล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกันตำแหน่งและอำนาจ และไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาหยุดมองสักคน นอกจาหญิงร่างอ้วนที่ไม่สำรวมคนนี้ เยว่จือ
เยว่จือร่างกลมที่เดินไม่ตรงทาง ทำให้สายตาขุนนางทั้งหลายพร้อมใจกันเหล่มองราวกับเห็นภูเขากลิ้งเข้าวัง ส่วนเหมยจิ้งนั้นหน้าเสียจนเหมือนจะร้องไห้ตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวพ้นธรณีประตู
ขุนนางหลายคนที่ต่างวนเวียนก้าวออกมาประสานมือเล่าวีรกรรมของเยว่จือเมื่อคืนต่างส่ายหน้าไปมา
เยว่จือคุกเข่าได้เพียงครู่เดียวก็ทรงตัวไม่อยู่ ทิ้งตัวนอนหงายต่อหน้าบัลลังก์ราวกับพื้นหินเย็นๆ นั้นคือฟูกนวมแสนสบายร่างอ้วนราวกับก้อนภูเขา ขุนนางทั้งแถวพ่นลมหายใจยาว
ใต้เท้าเจิ้งก้าวออกมาราวกับรอจังหวะนี้มานาน สีหน้าเคร่งเครียด ขนคิ้วขมวดเป็นปม มองลงมาเห็นเยว่จือนอนแผ่อยู่เบื้องล่างก็ยิ่งโมโหจนหน้าแดง
"นี่หรือสนมของฝ่าบาทที่ผ่านการฝึกปรืออย่างดีก่อนเข้าวัง" เสียงก้องสะท้อนทั่วท้องพระโรง
เหมยจิ้งก้มหน้าจนคางแทบจะแตะพื้น ส่วนเยว่จือปวดหัวจนตาลายแต่ในใจกลับจดชื่อเจ้าคนปากคาวไว้ทันที ผูกแค้นเป็นระเบียบพร้อมวันสะสางในอนาคต
ใต้เท้าเจิ้งหันกลับไปประสานมือพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ฝ่าบาท เรื่องนี้ลามไปทั่วเมืองหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกไม่เกินสามวันจะต้องไปถึงชายแดนแน่นอน และไม่เกินห้าวันจะต้องถึงแคว้นต่างๆ นางอวดอ้างตนว่าเป็นสนมเอกผู้โปรดปราน แต่กลับไปเที่ยวหอโคมเขียวกอดโอบบุรุษหนุ่ม ไม่แปลกใจที่บิดาเป็นแค่ฉงจิ่วผิ่น แต่นางกล้าอวดอ้างเกินตัว นางประกาศว่าจะเลี้ยงชายในหอโคมเขียวทั้งหอ ที่น่าเจ็บใจที่สุดส่งคนมาขอเงินที่กรมคลังของข้า"
ว่าจบก็ปาตั๋วรายการอาหารและสุราที่เปลี่ยนเป็นจำนวนที่ต้องจ่าย (บิล) กองใหญ่ลงพื้นจนฝุ่นฟุ้ง ใต้เท้าฉวีที่ยืนข้างๆ จึงถามหน้าตาย
"แล้วท่านได้จ่ายแทนนางหรือไม่"
"ข้าก็ต้องจ่ายสิไม่อย่างนั้นจะเสียชื่อฝ่าบาทได้" ใต้เท้าเจิ้งเกือบจะกระทืบเท้าอย่างเด็กงอแง
เยว่จือยันตัวลุกขึ้น เหมยจิ้งรีบประคองเถียงเสียงดัง
"ปีนึงข้าเอาไปใช้กี่บาทกัน ทีพวกท่านเอะอะอะไรก็ร่ำสุราปิดหอเลี้ยงสาวๆ แทบทุกเดือน หมดไปเท่าไหร่ มีใครตรวจสอบไหม ข้าเป็นแค่สนมต่ำต้อยกลับต้องถูกตรวจราวกับเป็นขุนนางระดับสูง"
ใต้เท้าเจิ้งปากสั่นคอสั่นยิ่งกว่าเดิม ชี้นิ้วใส่เยว่จือราวกับจะจิ้มนางให้จมหายลงพื้น
"ฝ่าบาท นางยังไม่สำนึก พูดบิดเบือนใส่ร้ายข้ากับเหล่าขุนนาง ขุนนางทั้งหลายว่าจริงหรือไม่ ใครเห็นด้วยกับข้า ฝ่าบาทเช่นนั้นอุดปากนาง อย่าให้นางพูด"
"ข้าไปดื่มแค่นี้ก็มีปัญหาหรือ" เยว่จือสวนทันควัน
"ข้าเหงานี่ฝ่าบาทไม่เคยเหลียวแลเลย เข้าวังทั้งทีเป็นสนมแท้ๆ มีสักคืนไหมที่ได้…ได้นอนเคียงฝ่าบาท อย่ามาอ้างว่าเพราะข้าอ้วนก่อนหน้านั้นหน้าตาข้าก็ออกจะสวย เป็นเพราะฝ่าบาทต่างหากที่มีมากมายจนไม่ทั่วถึง เรื่องหย่อนใจใครๆ ก็ทำกันสนมครึ่งวังทำทุกคนไม่อย่างนั้นจะมีหอโคมเขียวไว้ทำไม เราแค่หย่อนใจไม่ได้ไปอุ่นเตียงกับน้องๆ บุรุษหนุ่มเหล่านั้นสักหน่อย แล้วทำไมต้องเป็นข้าที่ซวยถูกจับได้ "
"หุบปากเจ้าซะ สนมลำดับที่ 87" ใต้เท้าเจิ้งพูดเสียงดังลั่น
"เจ้ากล้าตำหนิฝ่าบาทหรือ"
เสียงสุดท้ายก้องสะท้อนทั่วท้องพระโรง ขุนนางทั้งหลายตัวสั่นไปตามๆ กันเหมยจิ้งคิดในใจว่าชาตินี้ควงจะต้องกล่าวลาพ่อแม่ไม่แคล้วโดนประหารพร้อมกับสนมเยว่จือแน่ๆ ส่วนเยว่จือก็ยังนั่งหน้าร้อนผ่าวแต่ตาไม่วายเหลือบหาฝ่าบาทที่ยังไม่เอื้อนเอ่ยแม้คำเดียว…
หยงชิงก้าวลงจากบัลลังก์ ทุกสายตาต่างก้มต่ำ ไม่กล้ามองใบหน้าของฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ เว้นก็แต่เยว่จือที่ยังนั่งหอบหายใจ มือหนึ่งเกาะแขนเหมยจิ้ง อีกมือยังจับขอบเสื้อไว้แน่น“มีคนกล่าวโทษว่าข้าไม่เหลียวแลนางอย่างนั้นหรือ”เสียงทุ้มนิ่งแต่ทรงอำนาจเอ่ยขึ้นช้าๆ เย็นยะเยือกจนคนฟังขนลุกเยว่จือเหลือบมองขึ้น ตาแดงก่ำแต่ยังมีแววไม่ยอม “ฮึ ข้าเอง ข้าเอง ข้าเป็นคนพูด” ยกมือขึ้นสูงแบบท้าทาย สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดรวดเดียว “อยากลงทัณฑ์ก็เชิญ แต่ให้ตายข้าก็ไม่ผิดข้าพูดความจริงทั้งนั้นเป็นสนมที่ฝ่าบาทไม่โปรดปรานมันเจ็บปวดแค่ไหนรู้ไหม ฝ่าบาทนอนกับสนมไม่ซ้ำหน้าจนแทบจะไม่ไหวส่วนข้ากับสนมหลายคนแห้งเหี่ยวเฉาตาย ข้าอ้วนเพราะฝ่าบาท ข้าตรอมใจเพราะฝ่าบาท ข้าไปหอโคมเขียวก็เพราะฝ่าบาท ข้าร่ำสุราเมามายก็เพราะฝ่าบาท เช่นนั้น… ทุกอย่างเป็นเพราะฝ่าบาททั้งหมด ฝ่าบาทก็ต้องจ่ายเงินค่าสุราอาหารแทนข้าสิ และเงินนั่นก็คือเงินของฝ่าบาท แบ่งให้ข้าในฐานะเมียก็ไม่ผิดดีกว่าให้เหล่าขุนนางชั่วยักยอกไปซื้อนางคณิกามาเชยชม” ไทเฮาถอนหายใจยาว“พอได้แล้วสนมอันดับที่87” ไทเฮาส่งเสียงปรามเบาๆเสียงหัวเราะหอบหายใจของนางดังขึ้นในความเงีย
“เขาบอกว่าพระสนมใจกล้าใจป้ำประกาศกลางถนนเลยเพคะ องครักษ์มาเต็มหอเชิญท่านกลับแบบหามเลยนะเพคะเมื่อคืน”เยว่จือกุมขมับ “โอย… ปวดหัว…รำคาญจริง ใครสนกันเล่าใครจะพูดก็พูดไปมาปลุกข้าทำไม”เหมยจิ้งแทบร้องไห้ “ฝ่าบาทเพคะฝ่าบาท หากท่านไม่รีบไป ฝ่าบาทจะโกรธจริง ๆ นะเพคะ หยวนเซียวรออยู่หน้าห้องแล้ว”เยว่จือสะดุ้งทันทีราวกับถูกน้ำราด “หือ หยวนเซียวมาด้วยเหรอ”เหมยจิ้งรีบพยักหน้า “เจ้าค่ะ รีบลุกเร็วๆ เถอะเจ้าค่ะ”เยว่จือค่อย ๆ ดันตัวขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ผมยุ่งเป็นรังนก ยังไม่สร่างเมาอย่างเห้นได้ชัด ร่างอ้วนแกว่งไปมาราวกับจะล้มเหมยจิ้งต้องรีบเข้าไปประคอง นวดแขน นวดไหล่ พูดปลอบเหมือนเด็ก “ลุกนะเพคะ ลุกก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมานอนใหม่ก็ได้ค่ะเพคะ ลุกเพื่อตัวท่านเองนะเพคะ…”เยว่จือบ่นงึมงำ “ถ้าฝ่าบาทจะดุจริง ๆ ข้าขอกลับมานอนก่อน…”“ไม่ได้เพคะ” เหมยจิ้งแทบจะอุ้มเจ้านายแล้ว “ไปเถอะค่ะเพคะ ไปเถิด ฮืออออ…”สุดท้ายเหมยจิ้งทั้งดัน ทั้งดึง ทั้งประคอง ทั้งงัดข้อศอกเยว่จือ จนร่างอวบ ๆ ถูกพาออกจากเตียงอย่างทุลักทุเลเมื่อเปิดประตูออกไป หยวนเซียวมองภาพเยว่จือยืนโงนเงนอยู่ในอ้อมแขนสาวใช้แล้วถึงกับยกมือขึ้นกุม
“ใช่ๆ นี่ฝ่าบาทถึงกับส่งหัวหน้าองครักษ์มาตามเชียว”หยวนเซียวได้ยินทุกถ้อยคำ จึงถอนหายใจสั้นๆ แล้วพูดเสียงเข้ม “นำตัวพระสนมกลับไป”องครักษ์สองคนเดินเข้ามาขนาบข้างเยว่จือ พยายามประคองนางให้เดิน แต่นางกลับสะบัดมือออกแรงพอควร “อย่ามาจับข้านะ ข้ายังไม่ได้จ่ายเงินเลย เดี๋ยวข้าต้องชำระกับเถ้าแก่ฉินก่อน ไม่งั้นเขาจะคิดว่าข้าโกง ปล่อย ปล่อยสิ”องครักษ์พยายามกล่อม “พระสนมพ่ะย่ะค่ะ โปรดอยู่ในความสงบและกลับวังก่อนเถิด...”“ไม่ ข้ายังไม่ได้กินปลานึ่งที่เพิ่งมา แล้วนั่นใครกินเนื้อเป็ดของข้าไปฮึ” เยว่จือชี้นิ้วไปทั่วก่อนจะหันมาจ้องหยวนเซียวตาแป๋ว “ท่านน่ะ ท่านกินหรือเปล่า”หยวนเซียวขมวดคิ้วแน่น พูดไม่ออกสักคำถอนหายใจรัวๆ เหล่าองครักษ์ที่อยู่รอบข้างเริ่มหันหน้าหนีเพราะกลั้นหัวเราะไม่อยู่“ปล่อยนะ ข้ายังไม่ได้รินให้พวกเจ้าดื่มเลย” เยว่จือโวยลั่นพลางดีดมือไปมาอย่างไร้ทิศทาง “ข้าเป็นคนใจกว้าง ดื่มกับข้าก่อนสิ สุรานี่ดีมากเลยนะ ข้าเลือกเอง”องครักษ์สองคนเริ่มเอาไม่อยู่ทั้งอ้วนและเแรงเยอะ จึงมีอีกสามคนเข้ามาช่วยรวบแขนอีกข้างหนึ่งไว้ คนหนึ่งพยายามอุ้ม แต่เยว่จือดิ้นสุดแรง ขาเตะโต๊ะจนจอกสุราและอาหารปลิ
หอโคมเขียวเทียนสรวงยามนี้สว่างไสวด้วยแสงตะเกียงนับร้อยดวง เสียงดนตรีคึกคักดังผสมเสียงหัวเราะและกลิ่นสุราแรงโชยไปทั่ว บนโต๊ะไม้กลมใหญ่ตรงกลางหอ เต็มแน่นด้วยอาหารนานาชนิด ทั้งเป็ดย่าง หมูกรอบ ปลานึ่งซีอิ๊ว และสุราหอมแรงที่ล้นขอบจอก ทุกคนรอบโต๊ะหน้าแดงก่ำด้วยความเมา แต่ไม่มีใครสู้หญิงตัวอ้วนในชุดแพรสีชมพูอ่อนที่กำลังหัวเราะเสียงดังลั่นได้เลย“ฮ่าๆๆๆๆ ไหลๆๆๆๆๆ สุราดีสุราดีดนตรีเพราะ”เยว่จือสนมอันดับที่ 87 ในวังหลวง กำลังอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่า เมาไม่รู้เหนือรู้ใต้ นางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสำราญ มือขวากอดหนุ่มรูปงามไว้แน่น มือซ้ายก็โอบอีกคนไว้พลางหัวเราะงอหาย หนึ่งคนช่วยนวดไหล่ให้นาง อีกคนคุกเข่านวดขาอยู่ข้างเก้าอี้ ซ้ายมืออีกคนรินสุราไม่หยุด ส่วนคนขวาป้อนเนื้อเป็ดย่างหอมกรุ่นเข้าปากทีละคำเยว่จือยกจอกสุราขึ้นเหนือศีรษะ เสียงหัวเราะของนางดังก้องไปทั่วหอ “พี่สาวน้องสาวทุกท่าน และหนุ่มหล่อทุกคน ไม่เมาไม่กลับ ไม่หลับไม่เลิกดื่ม วันนี้ดื่มกินเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเยว่จือมาด้วยตัวเอง ถึงเงินจะน้อยแต่น้ำใจล้นหลาม”เสียงโห่ฮาดังลั่นทันที “ไม่เมาไม่กลับไม่หลับไม่เลิกดื่ม”ดื่ม ดื่ม” สุ







