LOGIN“ใช่ๆ นี่ฝ่าบาทถึงกับส่งหัวหน้าองครักษ์มาตามเชียว”
หยวนเซียวได้ยินทุกถ้อยคำ จึงถอนหายใจสั้นๆ แล้วพูดเสียงเข้ม
“นำตัวพระสนมกลับไป”
องครักษ์สองคนเดินเข้ามาขนาบข้างเยว่จือ พยายามประคองนางให้เดิน แต่นางกลับสะบัดมือออกแรงพอควร
“อย่ามาจับข้านะ ข้ายังไม่ได้จ่ายเงินเลย เดี๋ยวข้าต้องชำระกับเถ้าแก่ฉินก่อน ไม่งั้นเขาจะคิดว่าข้าโกง ปล่อย ปล่อยสิ”
องครักษ์พยายามกล่อม
“พระสนมพ่ะย่ะค่ะ โปรดอยู่ในความสงบและกลับวังก่อนเถิด...”
“ไม่ ข้ายังไม่ได้กินปลานึ่งที่เพิ่งมา แล้วนั่นใครกินเนื้อเป็ดของข้าไปฮึ” เยว่จือชี้นิ้วไปทั่วก่อนจะหันมาจ้องหยวนเซียวตาแป๋ว
“ท่านน่ะ ท่านกินหรือเปล่า”
หยวนเซียวขมวดคิ้วแน่น พูดไม่ออกสักคำถอนหายใจรัวๆ เหล่าองครักษ์ที่อยู่รอบข้างเริ่มหันหน้าหนีเพราะกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“ปล่อยนะ ข้ายังไม่ได้รินให้พวกเจ้าดื่มเลย” เยว่จือโวยลั่นพลางดีดมือไปมาอย่างไร้ทิศทาง
“ข้าเป็นคนใจกว้าง ดื่มกับข้าก่อนสิ สุรานี่ดีมากเลยนะ ข้าเลือกเอง”
องครักษ์สองคนเริ่มเอาไม่อยู่ทั้งอ้วนและเแรงเยอะ จึงมีอีกสามคนเข้ามาช่วยรวบแขนอีกข้างหนึ่งไว้ คนหนึ่งพยายามอุ้ม แต่เยว่จือดิ้นสุดแรง ขาเตะโต๊ะจนจอกสุราและอาหารปลิวกระเด็นไปทั่ว
เสียงโกลาหลดังขึ้นรอบหอ
“อย่าทำร้ายพระสนม”
“โอ้ย ระวังจอกสุรา”
“เอ๊ะ นั่นสุราข้าหกใส่เท้าแล้ว”
ท่ามกลางความอลหม่าน เหมยจิ้ง สาวใช้คนสนิทของเยว่จือที่ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะตั้งแต่หัวค่ำเริ่มขยับตัวยุกยิก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตาปรือ มองเห็นภาพตรงหน้า พระสนมผู้เป็นนายกำลังถูกล้อมจับ
“พวกเจ้าคนชั่ว ทำอะไรพระสนมของข้า”
เสียงแหลมเล็กตะโกนดังลั่นหอเทียนสรวง เหมยจิ้งกระโดดขึ้นยืนบนเก้าอี้โงนเงน แล้วพุ่งเข้าไปผลักองครักษ์ที่จับเยว่จืออยู่
“ปล่อยนะ อย่ามาทำร้ายพระสนมของข้า”
“เหมยจิ้ง เจ้าจะไปไหน” เยว่จือร้องกลับเสียงดังไม่แพ้กัน
“อย่ามายุ่ง ข้ายังไม่ได้ดื่มเลย” ราวกับเล่นวิ่งไล่จับ
แต่เหมยจิ้งไม่ฟัง วิ่งเข้าไปยื้อยุดดึงแขนเจ้านายไว้สุดแรง ผลลัพธ์คือทั้งคู่เซไปชนองครักษ์สองคนจนเกือบล้มลงไปกองบนพื้น
เสียงเชียร์จากคนรอบข้างยิ่งดังขึ้น
“พระสนมสู้ๆ อย่ายอมสิพระสนม”
“จับให้แน่นๆ เดี๋ยวหลุดอีก”
หยวนเซียวที่ยืนมองอยู่กุมขมับ เหงื่อซึมขมับทั้งสองข้าง
“สวรรค์ ข้านึกไม่ถึงเลย...ว่าหน้าที่วันนี้จะยากยิ่งกว่าการจับโจรซะอีก...”
กลางเสียงหัวเราะปนโกลาหล หัวหน้าองครักษ์ผู้เยือกเย็นถึงกับต้องสูดลมหายใจยาวแล้วสั่งเสียงนิ่ง
“พวกเจ้าเอาจริงได้แล้วลากพระสนมกลับวัง”
และทันใดนั้น หอโคมเขียวทั้งหอก็แทบสั่นสะเทือนจากเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะที่ตามมาอย่างสนุกสนาน เมื่อพระสนมอันดับที่ 87 ถูกอุ้มออกไปกลางอากาศ โดยที่ยังตะโกนเสียงแหลมว่า
“เดี๋ยว ข้ายังไม่ได้ให้ทิปเสี่ยวเอ้อเลย”
เช้าตรู่ของวันใหม่ แสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบผิวหน้าอ้วนๆ ของเยว่จือ ทำให้เตื่นขึ้นมาในสภาพที่แทบจะไม่ได้หลับตลอดทั้งคืน สภาพร่างกายตอนนี้คืออาการเมาค้างเต็มตัว ปวดหัวจนแทบทนไม่ไหว ทั้งร่างกายหนักอึ้ง เหมือนมีรอยย่ำทับเอาไว้ที่ทั้งตัว นอนเคี้ยวฟันจั๊บ ๆ
เยว่จือขยับมือไปคลำหาหมอนแล้วดึงมันมาปิดหน้า ทำเหมือนจะหลับต่อ แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
"สนมอันดับที่ 87 ฝ่าบาทให้นำตัวท่านไปไต่สวน" เสียงขององครักษ์ที่ยืนรอข้างนอกดังแทรกผ่านประตูเข้ามา
เยว่จือขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ร่างอวบๆ ค่อยๆ ขยับตัวเล็กน้อยแล้วพลิกตัวไปข้างหนึ่ง เหมือนจะไล่เสียงนั้นออกไปจากหู ก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างขี้เกียจ
"อย่าปลุกสิ...คนกำลังจะนอน..." เสียงอู้อี้ยังคงงึมงำอยู่ใต้หมอน ราวกับไม่ได้ยินคำพูดขององครักษ์
แต่องครักษ์ก็ไม่ยอมแพ้ เขาเคาะประตูอีกครั้ง เสียงเคาะดังขึ้นกว่าเดิม
“พระสนม...ฝ่าบาทให้ส่งท่านไปไต่สวนเดี๋ยวนี้ ท่านต้องไป”
เยว่จือจ้องมองเพดานห้องอย่างงุนงง ปวดหัวไปหมด แต่เมื่อเสียงพยายามขยับร่างอ้วนๆ ของตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น มือข้างหนึ่งยังคงกุมขมับอีกมือก็ลากผ้าห่มให้คลุมตัว
“ไต่สวนอะไรของท่าน...อะไรของฝ่าบาท...ข้าก็แค่ไปกินดื่มกับเพื่อนๆ เห็นทีจะไม่ใช่เรื่องใหญ่...อะไร”
เยว่จือพลิกตัวไปอีกครั้ง บ่นพึมพำเสียงเบา ราวกับคนยังไม่ตื่นเต็มที่
“ไม่ไหว...ท่านก็ไปบอกฝ่าบาทให้เลื่อนวันไต่สวนทีเถอะ ข้าก็ยังไม่สร่างเมา...”
หลังจากบ่นไปพักใหญ่ เยว่จือก็ปล่อยให้ตัวเองล้มลงไปอีกครั้งแท่นนอนนุ่ม ร่างอ้วนขดตัวอยู่บนเตียงเหมือนลูกบอล พยายามจะหลับต่อ
หน้าห้องพักเงียบสงัด มีเพียงเสียงถอนหายใจยาวๆ ของหยวนเซียวที่ยืนกอดอกมองประตูอย่างหมดความอดทน เขาเหลือบตามองเหมยจิ้งที่เพิ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาถึง ทั้งผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าแดงจากฤทธิ์สุราที่ยังไม่ตก
“เหมยจิ้ง เจ้าไปลากเจ้านายเจ้าออกมาเถอะ” หยวนเซียวพูดเสียงต่ำจริงจัง
“หากช้า ฝ่าบาทจะยิ่งกริ้ว โทษจะยิ่งหนัก เจ้าก็รู้นิสัยฝ่าบาทดีไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร”
เหมยจิ้งหน้าเหลอหลาแต่ก็รีบพยักหน้า ก่อนผลักประตูเข้าไปในห้องอย่างระวัง
ภายในห้อง เยว่จือนอนอืดอยู่บนแท่นนอน ผ้าห่มพันตัวแน่นเหมือนดักแด้ ร่างอวบแน่นอนขยับไปมาช้า ๆ พร้อมเสียงงึมงำอย่างกับเด็กโดนปลุกเช้าเกินไป
เหมยจิ้งรีบเข้าไปเขย่าตัวนาง
“คุณหนูเจ้าขา ตื่นเถอะเพคะ ฮืออออ ตื่นเถอะ ไม่ตื่นไม่ได้แล้ว”
เยว่จือยกมือปัด
“อย่ากวนสิ ข้ากำลังจะฝันว่าได้กินหมูกรอบ…”
“ไม่ได้เพคะ ไม่มีเวลาฝันถึงหมูกรอบแล้ว” เหมยจิ้งเขย่าต่อแรงกว่าเดิม
“ฝ่าบาทให้นำตัวพระสนมไปไต่สวนมัวแต่นอน จะกริ้วเอาได้ ต้องไปเดี๋ยวนี้ด้วย”
เยว่จือค่อย ๆ เปิดตาข้างหนึ่งมองเหมยจิ้งอย่างไม่อยากเชื่อ
“ไต่สวนอะไร ข้าแค่ไปดื่มเล่นเอง…”
“ดื่มเล่นเพคะ แต่คนทั้งเมืองรู้หมดแล้วว่าเพคะเลี้ยงทั้งหอ”
เหมยจิ้งหน้าซีด
หยงชิงก้าวลงจากบัลลังก์ ทุกสายตาต่างก้มต่ำ ไม่กล้ามองใบหน้าของฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ เว้นก็แต่เยว่จือที่ยังนั่งหอบหายใจ มือหนึ่งเกาะแขนเหมยจิ้ง อีกมือยังจับขอบเสื้อไว้แน่น“มีคนกล่าวโทษว่าข้าไม่เหลียวแลนางอย่างนั้นหรือ”เสียงทุ้มนิ่งแต่ทรงอำนาจเอ่ยขึ้นช้าๆ เย็นยะเยือกจนคนฟังขนลุกเยว่จือเหลือบมองขึ้น ตาแดงก่ำแต่ยังมีแววไม่ยอม “ฮึ ข้าเอง ข้าเอง ข้าเป็นคนพูด” ยกมือขึ้นสูงแบบท้าทาย สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดรวดเดียว “อยากลงทัณฑ์ก็เชิญ แต่ให้ตายข้าก็ไม่ผิดข้าพูดความจริงทั้งนั้นเป็นสนมที่ฝ่าบาทไม่โปรดปรานมันเจ็บปวดแค่ไหนรู้ไหม ฝ่าบาทนอนกับสนมไม่ซ้ำหน้าจนแทบจะไม่ไหวส่วนข้ากับสนมหลายคนแห้งเหี่ยวเฉาตาย ข้าอ้วนเพราะฝ่าบาท ข้าตรอมใจเพราะฝ่าบาท ข้าไปหอโคมเขียวก็เพราะฝ่าบาท ข้าร่ำสุราเมามายก็เพราะฝ่าบาท เช่นนั้น… ทุกอย่างเป็นเพราะฝ่าบาททั้งหมด ฝ่าบาทก็ต้องจ่ายเงินค่าสุราอาหารแทนข้าสิ และเงินนั่นก็คือเงินของฝ่าบาท แบ่งให้ข้าในฐานะเมียก็ไม่ผิดดีกว่าให้เหล่าขุนนางชั่วยักยอกไปซื้อนางคณิกามาเชยชม” ไทเฮาถอนหายใจยาว“พอได้แล้วสนมอันดับที่87” ไทเฮาส่งเสียงปรามเบาๆเสียงหัวเราะหอบหายใจของนางดังขึ้นในความเงีย
“เขาบอกว่าพระสนมใจกล้าใจป้ำประกาศกลางถนนเลยเพคะ องครักษ์มาเต็มหอเชิญท่านกลับแบบหามเลยนะเพคะเมื่อคืน”เยว่จือกุมขมับ “โอย… ปวดหัว…รำคาญจริง ใครสนกันเล่าใครจะพูดก็พูดไปมาปลุกข้าทำไม”เหมยจิ้งแทบร้องไห้ “ฝ่าบาทเพคะฝ่าบาท หากท่านไม่รีบไป ฝ่าบาทจะโกรธจริง ๆ นะเพคะ หยวนเซียวรออยู่หน้าห้องแล้ว”เยว่จือสะดุ้งทันทีราวกับถูกน้ำราด “หือ หยวนเซียวมาด้วยเหรอ”เหมยจิ้งรีบพยักหน้า “เจ้าค่ะ รีบลุกเร็วๆ เถอะเจ้าค่ะ”เยว่จือค่อย ๆ ดันตัวขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ผมยุ่งเป็นรังนก ยังไม่สร่างเมาอย่างเห้นได้ชัด ร่างอ้วนแกว่งไปมาราวกับจะล้มเหมยจิ้งต้องรีบเข้าไปประคอง นวดแขน นวดไหล่ พูดปลอบเหมือนเด็ก “ลุกนะเพคะ ลุกก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมานอนใหม่ก็ได้ค่ะเพคะ ลุกเพื่อตัวท่านเองนะเพคะ…”เยว่จือบ่นงึมงำ “ถ้าฝ่าบาทจะดุจริง ๆ ข้าขอกลับมานอนก่อน…”“ไม่ได้เพคะ” เหมยจิ้งแทบจะอุ้มเจ้านายแล้ว “ไปเถอะค่ะเพคะ ไปเถิด ฮืออออ…”สุดท้ายเหมยจิ้งทั้งดัน ทั้งดึง ทั้งประคอง ทั้งงัดข้อศอกเยว่จือ จนร่างอวบ ๆ ถูกพาออกจากเตียงอย่างทุลักทุเลเมื่อเปิดประตูออกไป หยวนเซียวมองภาพเยว่จือยืนโงนเงนอยู่ในอ้อมแขนสาวใช้แล้วถึงกับยกมือขึ้นกุม
“ใช่ๆ นี่ฝ่าบาทถึงกับส่งหัวหน้าองครักษ์มาตามเชียว”หยวนเซียวได้ยินทุกถ้อยคำ จึงถอนหายใจสั้นๆ แล้วพูดเสียงเข้ม “นำตัวพระสนมกลับไป”องครักษ์สองคนเดินเข้ามาขนาบข้างเยว่จือ พยายามประคองนางให้เดิน แต่นางกลับสะบัดมือออกแรงพอควร “อย่ามาจับข้านะ ข้ายังไม่ได้จ่ายเงินเลย เดี๋ยวข้าต้องชำระกับเถ้าแก่ฉินก่อน ไม่งั้นเขาจะคิดว่าข้าโกง ปล่อย ปล่อยสิ”องครักษ์พยายามกล่อม “พระสนมพ่ะย่ะค่ะ โปรดอยู่ในความสงบและกลับวังก่อนเถิด...”“ไม่ ข้ายังไม่ได้กินปลานึ่งที่เพิ่งมา แล้วนั่นใครกินเนื้อเป็ดของข้าไปฮึ” เยว่จือชี้นิ้วไปทั่วก่อนจะหันมาจ้องหยวนเซียวตาแป๋ว “ท่านน่ะ ท่านกินหรือเปล่า”หยวนเซียวขมวดคิ้วแน่น พูดไม่ออกสักคำถอนหายใจรัวๆ เหล่าองครักษ์ที่อยู่รอบข้างเริ่มหันหน้าหนีเพราะกลั้นหัวเราะไม่อยู่“ปล่อยนะ ข้ายังไม่ได้รินให้พวกเจ้าดื่มเลย” เยว่จือโวยลั่นพลางดีดมือไปมาอย่างไร้ทิศทาง “ข้าเป็นคนใจกว้าง ดื่มกับข้าก่อนสิ สุรานี่ดีมากเลยนะ ข้าเลือกเอง”องครักษ์สองคนเริ่มเอาไม่อยู่ทั้งอ้วนและเแรงเยอะ จึงมีอีกสามคนเข้ามาช่วยรวบแขนอีกข้างหนึ่งไว้ คนหนึ่งพยายามอุ้ม แต่เยว่จือดิ้นสุดแรง ขาเตะโต๊ะจนจอกสุราและอาหารปลิ
หอโคมเขียวเทียนสรวงยามนี้สว่างไสวด้วยแสงตะเกียงนับร้อยดวง เสียงดนตรีคึกคักดังผสมเสียงหัวเราะและกลิ่นสุราแรงโชยไปทั่ว บนโต๊ะไม้กลมใหญ่ตรงกลางหอ เต็มแน่นด้วยอาหารนานาชนิด ทั้งเป็ดย่าง หมูกรอบ ปลานึ่งซีอิ๊ว และสุราหอมแรงที่ล้นขอบจอก ทุกคนรอบโต๊ะหน้าแดงก่ำด้วยความเมา แต่ไม่มีใครสู้หญิงตัวอ้วนในชุดแพรสีชมพูอ่อนที่กำลังหัวเราะเสียงดังลั่นได้เลย“ฮ่าๆๆๆๆ ไหลๆๆๆๆๆ สุราดีสุราดีดนตรีเพราะ”เยว่จือสนมอันดับที่ 87 ในวังหลวง กำลังอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่า เมาไม่รู้เหนือรู้ใต้ นางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสำราญ มือขวากอดหนุ่มรูปงามไว้แน่น มือซ้ายก็โอบอีกคนไว้พลางหัวเราะงอหาย หนึ่งคนช่วยนวดไหล่ให้นาง อีกคนคุกเข่านวดขาอยู่ข้างเก้าอี้ ซ้ายมืออีกคนรินสุราไม่หยุด ส่วนคนขวาป้อนเนื้อเป็ดย่างหอมกรุ่นเข้าปากทีละคำเยว่จือยกจอกสุราขึ้นเหนือศีรษะ เสียงหัวเราะของนางดังก้องไปทั่วหอ “พี่สาวน้องสาวทุกท่าน และหนุ่มหล่อทุกคน ไม่เมาไม่กลับ ไม่หลับไม่เลิกดื่ม วันนี้ดื่มกินเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเยว่จือมาด้วยตัวเอง ถึงเงินจะน้อยแต่น้ำใจล้นหลาม”เสียงโห่ฮาดังลั่นทันที “ไม่เมาไม่กลับไม่หลับไม่เลิกดื่ม”ดื่ม ดื่ม” สุ







