LOGINณ จวนจวงกั๋วซือ บรรยากาศรอบห้องหนังสือมีแต่ความตึงเครียด ก่อนจะถูกทำลายความเงียบสงัดด้วยเสียงหนึ่ง
ปัง!!
เสียงตบโต๊ะไม้ด้วยความโมโหดังก้องไปทั่วห้อง บุรุษวัยกลางคนยืนหน้านิ่ง กัดฟันด้วยความฉุนเฉียว ใบหน้าปรากฏริ้วรอยแห่งกาลเวลา สองคิ้วขมวดเป็นปมแน่น มือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อกำแน่น
“ไหนเจ้าบอกว่าตระกูลเจียงจะไม่มาเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างไรเล่า?”
บุตรชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือได้แต่กำมือแน่น จนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อลึก “ข้าก็ไม่ทราบขอรับ เพราะคนของข้ารายงานมาว่าเจียงซื่อจื่อปฏิเสธที่จะเข้ารับการคัดเลือกอย่างเด็ดขาด จนเจิ้นกั๋วกงโมโหถึงขั้นสั่งให้เขาไปคุกเข่าที่โถงบรรพชนเลยทีเดียว”
บุรุษหลังโต๊ะไม้ถามซ้ำ “แล้วคนของเจ้ารายงานมาอีกหรือไม่?”
“ก็รายงานมาอยู่ตลอดนะขอรับ ท่านพ่อ” บุตรชายเอ่ยตอบอย่างครุ่นคิด “บอกว่าเจียงซื่อจื่อยืนกรานปฏิเสธจนทำให้เจิ้นกั๋วกงไม่พอใจ จึงสั่งให้เขาฝึกซ้อมร่างกายอย่างหนักและกักบริเวณในห้องหนังสือ เพื่อคัดคำสอนหนึ่งพันจบขอรับ”
ขุนนางสูงวัยรับฟังข
ณ ซอยแคบมืดสลัว แสงจากโคมไฟกระดาษที่แขวนอยู่ริมชายคาบ้านเรือนสองข้างทาง ส่องลอดเงาไม้ลงมาเป็นริ้ว ๆ ร่างชายหนุ่มในชุดลำลองสีเข้มกำลังก้าวเดินอย่างระมัดระวัง ด้วยความคุ้นเคยกับเมืองหลวงที่เติบโตมาใบหน้าคมสันฉายแววเหนื่อยล้าจากการฝึกซ้อมในจวนของเจ้านายมาตลอดวัน มือข้างหนึ่งกุมกระชับด้ามดาบที่เหน็บไว้ข้างเอวอย่างเป็นธรรมชาติทันใดนั้นเอง!เงาดำทะมึนหลายร่างพุ่งทะยานลงมาจากหลังคาเรือนและซอกอาคารไม้ราวกับฝูงเหยี่ยวร้าย พวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ เป้าหมายชัดเจนคือการตะปบเหยื่อที่เป็นร่างของชายหนุ่มตรงหน้า“จับเป็น!” เสียงกระซิบคำสั่งดังขึ้นแผ่วเบา ชายหนุ่มผู้นั้นเบิกตากว้าง วินาทีนั้นสัญชาตญาณของทหารทำงานในทันที มือที่กุมด้ามดาบกระชับแน่นขึ้น ชักดาบออกจากฝักด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ใบดาบสีเงินยวงสะท้อนแสงจันทร์ที่ลอดเมฆออกมาเป็นประกายวาววับคนร้ายดาหน้าเข้ามาพร้อมอาวุธในมือ ชายที่ตกเป็นเหยื่อกุมดาบตั้งมั่น ปลายดาบชี้ตรงไปยังกลุ่มคนร้าย เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ป้องกันการโจมตีที่ถาโถมเข้ามา ดาบในมือฟาดฟัน ปัดป้อง และโต้ตอบอ
ณ จวนจวงกั๋วซือ บรรยากาศรอบห้องหนังสือมีแต่ความตึงเครียด ก่อนจะถูกทำลายความเงียบสงัดด้วยเสียงหนึ่งปัง!!เสียงตบโต๊ะไม้ด้วยความโมโหดังก้องไปทั่วห้อง บุรุษวัยกลางคนยืนหน้านิ่ง กัดฟันด้วยความฉุนเฉียว ใบหน้าปรากฏริ้วรอยแห่งกาลเวลา สองคิ้วขมวดเป็นปมแน่น มือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อกำแน่น“ไหนเจ้าบอกว่าตระกูลเจียงจะไม่มาเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างไรเล่า?”บุตรชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือได้แต่กำมือแน่น จนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อลึก “ข้าก็ไม่ทราบขอรับ เพราะคนของข้ารายงานมาว่าเจียงซื่อจื่อปฏิเสธที่จะเข้ารับการคัดเลือกอย่างเด็ดขาด จนเจิ้นกั๋วกงโมโหถึงขั้นสั่งให้เขาไปคุกเข่าที่โถงบรรพชนเลยทีเดียว”บุรุษหลังโต๊ะไม้ถามซ้ำ “แล้วคนของเจ้ารายงานมาอีกหรือไม่?”“ก็รายงานมาอยู่ตลอดนะขอรับ ท่านพ่อ” บุตรชายเอ่ยตอบอย่างครุ่นคิด “บอกว่าเจียงซื่อจื่อยืนกรานปฏิเสธจนทำให้เจิ้นกั๋วกงไม่พอใจ จึงสั่งให้เขาฝึกซ้อมร่างกายอย่างหนักและกักบริเวณในห้องหนังสือ เพื่อคัดคำสอนหนึ่งพันจบขอรับ”ขุนนางสูงวัยรับฟังข
“บัดนี้ การคัดเลือกพระราชสวามีขององค์หญิงใหญ่ในรอบแรกและรอบที่สองได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” หวังหมัวมัวประกาศ “สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าสู่รอบสุดท้ายได้นั้น จำเป็นต้องมีพู่แดงในครอบครองตั้งแต่สามชิ้นขึ้นไป”“ดังนั้น ขอให้ทุกท่านตรวจสอบจำนวนพู่แดงในมือ ท่านใดที่มีพู่แดงตั้งแต่สามชิ้นขึ้นไป ขอให้ก้าวออกมาข้างหน้า”ผู้เข้ารับการคัดเลือกทั้งสิ้นจำนวนสี่สิบคนนั้น หลายคนก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความเสียดาย เพราะจำนวนพู่แดงในมือมีไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนดคุณชายจำนวนสิบเก้าคนก้าวออกมายืนข้างหน้าอย่างภาคภูมิใจ จากการคัดเลือกในรอบแรกนั้น ผู้ที่ได้พู่แดงจำนวนสามชิ้น ได้แก่ เจียงอวี้เฉิง ซุนเจิ้นหยวน หลี่เทียนหยู เว่ยเหวินหยาง และมู่หานเจียง ถือว่าแทบจะได้รับสิทธิ์ในการเข้ารอบคัดเลือกครั้งสุดท้ายได้อย่างแน่นอนแต่สำหรับผู้ที่ได้พู่แดงจำนวนหนึ่งชิ้นและสองชิ้นในรอบแรก ยังต้องมาเสี่ยงดวงว่ารอบที่สองจะได้พู่แดงมากขึ้นหรือไม่อย่างจวงหมิงรุ่ยเอง ในการคัดเลือกรอบแรก เขาได้รับพู่แดงจำนวนหนึ่งชิ้น แต่ด้วยความสามารถของจอห
เวลาหนึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมของผัดหมี่ผสานไปกับกลิ่นเหม็นไหม้ ควันสีขาวลอยอบอวลไปทั่วโรงครัว สภาพหลังการทำอาหารของผู้เข้าคัดเลือกบางรายแทบจะทนดูไม่ได้ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเขม่า และความมันจากการยืนผัดหมี่อยู่หน้าเตานาน ๆ ข้างตัวแต่ละคนล้วนแต่มีจานผัดหมี่ที่ใช้การไม่ได้วางเป็นกองพะเนินน่าจะมีการหักคะแนนเรื่องการใช้วัตถุดิบสิ้นเปลืองด้วยนะเนี่ย...ซีโรเวสท์น่ะ รู้จักกันไหม?ขันทีน้อยสี่สิบนายเดินมาหยิบจานผัดหมี่ขึ้นมาวางไว้บนถาด พร้อมทั้งแจกผ้าสะอาด เพื่อให้คุณชายทั้งหลายได้เช็ดทำความสะอาดใบหน้าเสียก่อน มิเช่นนั้นเกรงว่าฮ่องเต้และองค์หญิงใหญ่จะไม่สามารถจดจำได้ว่าคุณชายท่านนี้เป็นผู้ใด!?“ขอเชิญทุกท่านเดินตามขันทีไปที่โถงด้านหน้าได้เลยเจ้าค่ะ” หวังหมัวมัวกล่าวพร้อมผายมือไปทางด้านหน้าผู้เข้าคัดเลือกแต่ละคนเดินตามขันทีน้อยที่ถือผลงานรสมือของตัวเองมายืนเรียงรายอยู่หน้าโถง โดยที่ฮ่องเต้ชิงหยางและองค์หญิงใหญ่ประทับบนพระที่นั่ง“เชิญหมายเลขหนึ่ง”ขันทีน้อยเดินนำไป๋เฉียนก้าวขึ้นบันได ก่อนจะม
เมื่อยามเว่ยมาถึงหวังหมัวมัวเชิญผู้เข้าแข่งขันทุกคนเดินออกจากลานกว้าง ตรงไปที่โรงครัวด้านในที่จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องครัวไว้อย่างเป็นสัดส่วนจำนวนสี่สิบที่มุมปากของผู้เข้าคัดเลือกแต่ละคนกระตุกระรัวอย่าบอกนะว่าการคัดเลือกรอบบ่ายจะเป็นการทำอาหาร?“อย่างที่ทุกท่านเห็นกันแล้ว การคัดเลือกรอบสองนี้ จะเป็นการทำอาหารถวายองค์หญิงใหญ่ บุรุษนั้นนอกจากจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ในยามคับขันก็ต้องมีความสามารถในการดูแลอาหารการกินได้อีกด้วย”คุณชายแต่ละคนยืนเงียบกริบ ความรู้สี่ตำราห้ามคัมภีร์ในสมองร่วงหล่นกระจัดกระจาย ไป๋เฉียนเหลือบสายตาคมปราดมองไปที่เสิ่นจิ้งเหยาอีกคราพ่อเจ้าบอกข้อมูลผิดอีกแล้วนะ!!เสิ่นจิ้งเหยาทำได้เพียงแต่หลบสายตาไปอีกทางแล้วผู้ใดจะรู้เล่าว่าจะมีการเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันน่ะ!?ข้าก็ตกใจไม่แพ้เจ้าหรอก!!จวงหมิงรุ่ยระบายลมหายใจหนักหน่วง เมื่อคิดว่าการคัดเลือกในรอบนี้คงไม่ง่ายเสียแล้ว ก่อนจะหันหน้าไปลอบสังเกตเจียงอวี้เฉิงที่ยืนอยู่อีกทาง ใบหน้าของเขานิ่งสงบราวกับเป็นรูปแบบการคัดเลือกที่คาดคิด
ฮ่องเต้ชิงหยางและองค์หญิงใหญ่ลุกขึ้นจากที่ประทับแล้วเดินกลับเข้าไปพักผ่อนที่ด้านในเมื่อเห็นว่าเหล่าเชื้อพระวงศ์เดินจากไปแล้ว บรรดาขุนนางจึงรีบเดินลงไปที่ลานแข่งขัน เพื่อสอบถามอาการบุตรหลานของตนเองเจิ้นกั๋วกงสาวเท้ายาวเดินเข้าไปหาเจียงอวี้เฉิงที่กำลังผูกพู่แดงกับป้ายหมายเลขของตนเองอย่างพึงพอใจในผลการแข่งขันรอบแรก เขายกมือขึ้นตบไหล่แข็งแรงของลูกชาย จนเจียงอวี้เฉิงเซถลาไปด้านหน้าหลายก้าว“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ลูกพ่อเอวแข็งแรงดีจริง ๆ ”“ท่านพ่อ…” เจียงอวี้เฉิงกลอกตามองบน ลากเสียงอย่างระอา “เรื่องเช่นนี้ มิต้องชมเชยกันหรอกขอรับ”เจิ้นกั๋วกงชอบใจในท่าทีของบุตรชาย เสียงหัวเราะดังกังวานไปทั่วบริเวณ “ลูกพ่อเก่งเช่นนี้ เย็นนี้ เจ้าอยากกินอะไรก็บอก ข้าจะให้แม่เจ้าทำเตรียมไว้ให้ ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”หื้ม พ่อบ้านใจกล้าไปอีก...ท่านกล้าสั่งท่านแม่รึไง?“เอาล่ะ อย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เจ้าได้คะแนนสูงสุดในการคัดเลือกรอบแรก” เจิ้นกั๋วกงหันไปสั่งคำกับลูกน้องข้างตัว “จ้าวลี่ ส







