คนหงุดหงิดกระแทกกระทั้นวางของลงบนโต๊ะ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างคนหัวเสียไม่หาย เหตุการณ์ที่โรงพยาบาลยังทำการ์ตูนไม่พอใจ ในขณะที่คนโดนโดยตรงอย่างเค้กกลับไม่แสดงออกอะไรเลยสักอย่าง แม้แต่จะหงุดหงิดตามสักนิดก็ไม่มี
"แกไม่น่าห้ามเลย ปากแบบนี้ต้องโดนฉันด่าสักหน่อย" คนหัวร้อนยังอารมณ์ขึ้น ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ยิ่งเดือดดาล
"ช่างเขาเถอะ ทะเลาะกันกลางโรงพยาบาลมีแต่จะอายเขา" เค้กเอ่ยอย่างใจเย็น นี่แหละคือเธอ คนที่ไม่รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาวกับอะไรง่าย ๆ ไม่ขึ้นแต่ก็ไม่ลง อารมณ์คงที่เสมอต้นเสมอปลาย ในสายตาคนอื่นเธอจึงถูกขนานนามว่าเป็นเจ้าหญิงเย็นชา คนไร้ความรู้สึก มีแต่คนรอบตัวที่สนิทจริงเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าลึก ๆ แล้วเธอเป็นคนอย่างไร
"ไม่ได้รู้จักแกดีเลยด้วยซ้ำแล้วมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินว่าใครควรชอบหรือไม่ชอบ น่าโมโหชะมัด!" การ์ตูนโมโหฟึดฟัด ก็มันจริงอย่างที่เธอว่า พวกคนเหล่านั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตื้นลึกหนาบางของเค้กเป็นอย่างไร แต่ถึงรู้ก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินว่าใครควรชอบหรือไม่ชอบใคร หรือพูดลับหลังเรื่องของคนที่ไม่อนุญาตให้ออกความเห็น
"เอาหนา อย่าไปใส่ใจคนพวกนั้นเลยนะ ฉันว่าฉันไปหาอะไรง่าย ๆ ให้แกกินดีกว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสนใจไหม?" เค้กพยายามเปลี่ยนเรื่องให้อีกคนอารมณ์ดีขึ้น กระทั่งเธอหยัดยืนเต็มตัว กำลังจะก้าวออกไปในครัว ทว่าเสียงเพื่อนที่แทรกเข้ามาก็ทำเธอหยุดเดิน
"ที่พยาบาลพวกนั้นพูด หมายความว่ายังไง" หมอเค้กล้มตัวมานั่งอีกครั้ง หลบหลีกสายตาของเพื่อนที่พยายามคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้
"แกยังมีอะไรที่ไม่ได้เล่าให้ฉันฟังใช่ไหม?" เพื่อนสนิทหรี่ตาลงพร้อมจับผิด กระทั่งคนพยายามจะปกปิดอย่างเธอต้องถอนหายใจ แล้วตัดสินใจที่จะเล่าความจริง
"อย่างที่แกได้ยินนั่นแหละ ไคเรนมีแฟนแล้ว มีลูกแล้วด้วย" หวนนึกถึงเหตุการณ์นั้นคนถูกสะกิดแผลจนอักเสบก็เริ่มมีอาการขึ้นมา ดวงตาคู่สวยเอ่อล้นไปด้วยน้ำสีใส ใกล้จะหยดลงแต่เธอกลับเงยหน้าขึ้น แล้วใช้มือพัดเบา ๆ เพื่อให้มันแห้งเหือดหายไปเอง
"เค้ก..." การ์ตูนเรียกชื่อเพื่อนเสียงเบาหวิว รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของคนแอบรักมาหลายปี
เธอรักของเธอมาตั้งนาน
ทั้งดูแล ใส่ใจ ซื้อของให้ เป็นที่ปรึกษาให้คนที่แอบรักมาตลอด แต่นี่คือสิ่งตอบแทนสำหรับคนที่พยายามอย่างหนักสินะ
"ถะ ถ้าแกไม่หิว งั้นฉันเข้าไปอาบน้ำก่อนนะ ง่วงแล้ว" เค้กไม่พูดเปล่าแต่รีบสับเท้าเดินเข้าไปในห้องนอน โดยมีการ์ตูนมองตามไม่ละสายตา และไม่คิดจะเดินตามไปปลอบเพราะรู้ดีว่าถึงตามไปคนอย่างเค้กก็ไม่ให้เข้าไปในห้อง เธอไม่ชอบให้ใครเห็นถึงความอ่อนแอ ไม่ชอบร้องไห้ต่อหน้าใคร ยังคงแสดงออกถึงความแข็งกระด้าง ทั้ง ๆ ที่การ์ตูนรู้ดีที่สุดว่าตอนนี้เพื่อนนั้นเจ็บปวดหัวใจจนอ่อนแอขนาดไหน
ภายในคอนโดขนาดพอดีประกอบด้วยห้องนอนสองห้องขนาดเท่า ๆ กัน มีการ์ตูนและเค้กเป็นเจ้าของคนละครึ่งช่วยกันผ่อนอย่างละนิดกระทั่งผ่านมาถึงสี่ปีเพื่อนรักทั้งสองก็เป็นเจ้าของเต็มตัว
แกร็ก!
เสียงประตูเปิดออกทำให้คนรอหน้าตั้งรีบวิ่งไปหาอย่างดีใจ เป็นไปตามที่คาด เค้กออกมาจากห้องนอนช่วงเวลาดึก ๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยที่ทำเสร็จจึงไม่เป็นหมันเพราะไร้คนทานอีกต่อไป
"นี่แก...ฉันทำรสโปรดแกเลยนะ รสต้มยำกุ้งที่แกชอบ" พยาบาลสาวฉีกยิ้มกว้าง เห็นคนตาบวมเปล่งคงผ่านการร้องไห้นานนับชั่วโมงก็อดสงสารไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากจะพูดถึงเพื่อสะกิดต่อมน้ำตาเพื่อนให้ร้องไห้อีกครั้ง
"ขอบใจนะแก แต่ฉันไม่ค่อยหิว ว่าจะแค่ออกมาหาน้ำดื่ม" เค้กยิ้มอ่อน ๆ จากนั้นก็เดินผ่านเพื่อนเข้าไปในครัวหาน้ำดื่มอย่างที่ตั้งใจ
"เออนี่แก...พรุ่งนี้วันหยุดแกใช่ไหม ฉันก็หยุดเหมือนกัน งั้นเราไปเที่ยวกันไหม นานแล้วนะที่ฉันกับแกไม่ได้เที่ยวด้วยกันสองคน" การ์ตูนยังไม่หยุดพยายาม เธอหมุนตัวเดินกลับไปหาเพื่อน ก่อนที่จะหากิจกรรมผ่อนคลายเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น
"โทษทีแก พรุ่งนี้ฉันไม่ว่าง"
"อย่าบอกว่าแกขึ้นเวรอีกแล้ว นี่ทั้งเดือนแกยังไม่หยุดเลยนะเค้ก โหมงานหนักไปหรือเปล่า" นอกจากไคเรนและแม่ ทั้งชีวิตของเค้กเห็นจะมีแต่งาน
"พรุ่งนี้ฉันรับกิจกรรมคลินิกเคลื่อนที่ในมหา'ลัยเอาไว้แล้ว คงไปกับแกไม่ได้"
"ไปมหา'ลัยเหรอ ก็ดีสิแกจะได้เปิดหูเปิดตาเจอเด็กมหา'ลัยเอ๊าะ ๆ บ้าง" การ์ตูนขยิบตาแพรวพราว ออกนอกพื้นที่เผื่อจะทำให้เพื่อนสนิทคิดนอกใจโรงพยาบาลบ้าง
"เด็กเอ๊าะ ๆ อะไรของแก ฉันตรวจภายใน คงจะมีผู้ชายมาหรอก" เค้กส่ายหัวเบา ๆ ยกน้ำขึ้นมาดื่มแทนน้ำตาที่เสียไปหลายหยด
"ไม่มีมา...แกก็ออกไปหาเองสิ หลังตรวจก็เดินออกไปเช็คเรตติ้ง รับรองเด็กจีบชัวร์"
"ไร้สาระหนาแก ฉันไปนอนก่อนนะ แกก็รีบนอนล่ะ" หมอเค้กว่าจบก็รีบเดินกลับเข้าห้อง เหลือเพียงการ์ตูนที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง เมื่ออยู่ ๆ ก็เกิดความคิดที่ไม่คาดคิดผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
ห้าปีผ่านไป ~"ลูกล่ะคะ?" คนตัวเล็กท้องอุ้ยอ้ายรีบเดินมาหาผมถึงในอู่ ใช่…เธอกำลังตั้งท้องเป็นรอบที่สอง คราวนี้ผมจัดเป็นเด็กแฝดให้ซะเลยแน่นอนว่าไม่ใช่วิธีธรรมชาติแต่เราสองคนตั้งใจเข้ากระบวนการวิทยาศาสตร์ผลิตลูกแฝด เพราะผมที่ยังอยากมีลูกเพิ่มอีกสองคน แต่ก็สงสารภรรยาสุดที่รักที่ทั้งอุ้มท้องและทรมานตอนคลอด จึงใช้วิธีนี้เป็นทางออก ท้องหนึ่งครั้งได้ถึงสอง เจ็บตอนคลอดทีเดียวก็ได้ลูกสามคนอย่างที่หวังส่วนคนโตก็อายุย่างเข้าห้าขวบ โตพอที่เข้าใจถึงการมีน้อง โดยทุกการตัดสินใจไม่ใช่แค่ผมกับเค้กที่ออกความเห็น แต่จะรวมเขาอยู่ในนั้นเพราะลูกคนโตจะได้รับผลกระทบจากการมีน้องมากที่สุดถ้าเธอบอกว่าไม่! ผมที่อยากมีแค่ไหนก็ตามใจลูกแน่นอนแต่คราวนี้เมื่อได้ธงเขียวผมก็ไม่มีอะไรต้องรอ ตอนนี้หมอเค้กท้องได้เจ็ดเดือน ท้องโตตามปกติของลูกแฝดโดยคุณแม่ก็ยังแข็งแรงและมีแรงมากพอที่จะเดินมาหาผมกับลูกคนโตของเธอ"อยู่นี่ค่า ~" เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่ปรากฏบนแคร่เลื่อนที่สไลด์ออกจากท้องรถ"แยมโรล!!" เด็กสาววัยห้าขวบหน้าตาเปรอะเปื้อนเศษดินและคราบน้ำมันหัวเราะคิกคัก ในขณะที่แม่ของเธอนั้นเบิกตากว้างตกใจกับสภาพของลูก
(ห้ามงอแง ไหนเราตกลงกันแล้วไง พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้ว) เสียงเล็กออกคำสั่งผ่านปลายสาย นอกจากวันนี้เราจะห่างกันทำงานทั้งวันแล้ว ผมกับเธอก็ยังต้องนอนแยกกันในรอบสองปีที่คบกันเลย"ผมไม่รับแล้ว" รับที่หมายถึงคือรับปริญญา เนื่องจากพรุ่งนี้มีงานรับปริญญาที่เรียนจบ หมอเค้กจึงสั่งให้นอนแยกเพราะคนหื่นแบบผมอยู่กับเธอไม่เคยนอนเร็วเลยสักวัน สุดท้ายก็ถูกสั่งให้กลับมานอนที่บ้าน ส่วนเธอก็ไปนอนคอนโดกับพี่การ์ตูนเพื่ออยากให้ผมพักผ่อนเต็มที่เมียน่าฟัดซะขนาดนั้นใครจะปล่อยไปเฉย ๆ ได้ -,-(ยังไงก็ต้องเข้ารับเก็บเป็นความทรงจำ นายรีบไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านะ)"นอนไม่หลับ ไม่ได้นอนกอดเมีย คิดถึง...อยากเห็นหน้า" ผมไม่พูดเปล่า ว่าจบก็รีบคว้ากุญแจเจ้าเสือเทามาถือเพราะทนความคิดถึงไม่ไหวแต่เหมือนจะมีคนรู้ทัน...(วางกุญแจลงแล้วไปนอนค่ะ เจอกันพรุ่งนี้ เค้กมีของขวัญวันเรียนจบเซอร์ไพร์สให้ด้วย)"เซอร์ไพร์สอะไร คืนนี้เลยได้ไหม" คิดถึงใจจะขาดแล้ว ไม่ได้เห็นหน้าเมียทั้งวัน ไม่ได้กอด ไม่ได้ฟัด รู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ(พรุ่งนี้เท่านั้น) เมียใครว่ะ ใจร้ายจัง..."เฮ้อ...พรุ่งนี้เค้กรีบมานะ ผมจะรอ" สุดท้ายผมก็ต้อ
"ฉันมาแล้ว ~" เจ้าของเสียงใสเรียกรอยยิ้มของผมที่กำลังขันน็อตอยู่ใต้ท้องรถ จากนั้นก็รีบวางทุกอย่างในมือโดยไม่เอาอะไรอีก สไลด์ตัวออกมาจนเห็นใบหน้าหวาน ๆ ของแฟนสาวที่ตั้งใจก้มมาหาผมในระยะประชิด"ยั่วผมแบบนี้ไม่ดีเลยรู้ไหม?" ผมจ้องมองใบหน้าหวานที่ผ่านมาสองปีก็ไม่เคยเบื่อที่จะมองเลยสักวัน มีแต่จะหลงมากขึ้นกว่าเดิมตกหลุมรักซ้ำ ๆ กับรอยยิ้มพราวเสน่ห์ของเธอ จากที่ซ่อมรถเหนื่อยมาทั้งวันก็หายเป็นปลิดทิ้งทันที"เปล่าสักหน่อย" หมอเค้กถอนตัวออกมา ใบหน้าแดงระเรื่อ จะกี่ปีเธอก็ยังเขินผมจนรู้สึกมันเขี้ยวเหมือนเดิม"หึ..." ผมเค้นเสียงชอบใจกับคนตรงหน้า ไม่ยอมลุกขึ้นเพราะอยากนอนมองใบหน้าหวาน ๆ ของเธอ"เหงื่อเต็มไปหมดเลย" มือบางเอื้อมมาเช็ดเหงื่อที่เต็มกรอบหน้ากำลังจะไหลเข้าตาผมอย่างไม่คิดรังเกียจ"หล่ออยู่ไหม?" ผมแสร้งถามไปอย่างนั้น อยากได้ยินคำตอบกวน ๆ ของเธอที่พลอยทำให้ผมอารมณ์ดี"ไม่อะ นอกจากจะไม่หล่อก็ยังมีแต่กลิ่นน้ำมันเครื่อง" เธอยู่หน้าใส่ผม จากนั้นก็ทำท่าตลก ๆ จนผมขำออกมา"เลิกเล่นแล้วรีบไปล้างเนื้อล้างตัวได้แล้ว ฉันคิดถึงแม่" หญิงสาวยื่นมือส่งมาให้ ถึงปากจะบอกเหม็นอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ก็ยอมใช้ม
เช้าวันหยุดที่ไคเลอร์ทิ้งตัวนอนบนโซฟาโดยมีหนังสือสอบเล่มเล็กวางอยู่บนหน้าอก เขาพลิกหน้าหนังสือไปมา ขณะหัวพักอยู่บนตักของหมอเค้กที่กำลังนั่งพิงพนักโซฟาอ่านประวัติคนไข้เช่นเดียวกันกระทั่งมีเสียงที่ทำลายความเงียบลง น้ำเสียงของคนที่เสียสมาธิที่สนใจใบหน้าหวานของแฟนมากกว่าตัวหนังสือที่ลายตา"วันนี้ไปเยี่ยมแม่กี่โมง""ก็น่าจะบ่ายโมงนะ" น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่ง ราวกับมีบางอย่างในใจจนพูดขึ้นต่ออีกครั้ง "ไปด้วยกันไหม?"พอได้ยินคำชวนนั้น ไคเลอร์ก็วางหนังสือลงในทันที หัวใจเต้นแรงอย่างไม่ทันตั้งตัวผงกหัวขึ้นและเบิกตาเล็ก ๆ"ฮื้อ...เค้กชวนผมเหรอ?" เขาเงยหน้าขึ้นจากตัก สีหน้าเหมือนเด็กเพิ่งได้รับคำชวนไปทัศนศึกษาครั้งแรก"อื้ม อยากไปไหม" เธอไม่สบตา แต่เสียงนั้นเต็มไปด้วยความลังเลเล็ก ๆ คล้ายคนไม่มั่นใจว่าเขาอยากเจอเรื่องหนักกับเธอหรือไม่"อยาก" ไคเลอร์ตอบในทันที น้ำเสียงหนักแน่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา"ทำไมต้องดีใจขนาดนั้น" เจ้าของใบน้าคมทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น มันไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเลยสักนิดเดียว"แฟนชวนไปเจอว่าที่แม่ยายเลยนะครับ ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ" เขาว่าพลางยิ้มตาหยี แกล้งทำเสียงล้อเลียนเบา ๆ เพื่อใ
"หมอทำอะไร" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นในเช้าวันใหม่ที่ห้องของเธอ หลังจากที่เขาแต่งตัวพร้อมไปเรียนจึงพาเธอกลับมาเปลี่นเสื้อทำงานที่ห้องเธอบ้าง ไคเลอร์จึงยืนพิงกรอบประตูดวงตาคมจ้องเธออย่างไม่ละสายตา"ก็เปลี่ยนชุด แล้วก็...แต่งหน้านิดหน่อย" หญิงสาวเหลือบมองเขาผ่านกระจก มือยังถือลิปกลอสที่เพิ่งแต้มบนริมฝีปาก"แต่งทำไม?" ไคเลอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวกระทั่งมาถึงตัวของเธอที่เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ไม่อยากขยับหนี"ทำไม ไม่สวยเหรอ?" หมอสาวหันกลับมาทางเขาเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มคล้ายหยอกล้อ เสียงในลำคอฟังดูเหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังนัก"สวย...แต่สวยเกินไป ผมหวง" คำพูดนั้นทำเอาหัวใจเธอกระตุกวูบ ความหวงที่ไม่ได้ตะโกนดัง ๆ แต่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนิ่ง ๆ กับแววตาคู่นั้น กลับทำให้รู้สึกหน้าแดงจนปิดไว้ไม่อยู่"หึ...มีแฟนสวยไม่ดีหรือไง จะได้ไม่โดนใครเขานินทา" แต่ก็ยังใจดีสู้เสือพูดต่อ กอดอกมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มพอใจ"ถึงไม่แต่งก็สวย ใครนินทาผมจะซัดหน้ามันเอง" เขาพูดจริงจังแบบไร้แววล้อเล่น แล้วเดินเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นทำให้กลิ่นน้ำหอมบนตัวอ่อน ๆ คละเคล้ากับไออุ่นยามเช้า"ทีนายยังฉีดน้ำหอ
กลิ่นหอมจาง ๆ ของสบู่เหลวลอยมาเตะจมูกคนที่นอนหลับใต้ผ้าห่มผืนหนา หมอเค้กลืมตาขึ้นช้า ๆ พลางกะพริบตาปรับภาพที่มัวหมอง แสงไฟหัวเตียงสีนวลช่วยให้ห้องดูอบอุ่นจนเธอหลับสบายไปหลายชั่วโมงแต่นี่ไม่ใช่เตียงของเธอ…ทันทีที่กวาดตามองรอบ ๆ ห้องก็มั่นใจว่าที่นี่ไม่ใช่คอนโดของเธอเช่นกันหมอเค้กขยับตัวนั่งพิงหัวเตียง กำลังตั้งสติจะลงจากเตียงนอนทว่าใครอีกคนที่ออกมาจากห้องน้ำก็ทำเธอชะงักเสียงฝีเท้านุ่มนวลใกล้เข้ามา ก่อนเจ้าของคอนโดจะปรากฏตัวในเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มธรรมดาและกลิ่นหอมฟุ้งที่มาจากความหอมของเจ้าของห้อง"ตื่นแล้วเหรอ?" ไคเลอร์ว่าพร้อมกับย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ ห่างกันพอประมาณแต่รับรู้ได้ถึงความใกล้ชิดที่กำลังก่อตัว"ทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ" ดวงตาที่หันไปเห็นนาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาค่ำมากพอสมควร ด้วยความเหนื่อยคงทำให้เธอเผลอหลับบนรถจนไม่รู้สึกตัว"ปลุกตั้งหลายรอบ หมอตื่นที่ไหน""สงสัยเหนื่อยไปหน่อย" หมอเค้กยิ้มแห้ง ๆ เคยบอกเขาว่าเป็นคนรู้สึกตัวง่ายเอง แต่เอาเข้าจริงก็นอนหลับเป็นตายทุกครั้ง"ต่อไปนี้ห้ามขึ้นแท็กซี่รู้ไหม คนไปรับไปส่งต้องเป็นผมและพี่การ์ตูนเท่านั้น" ไคเลอร์ออกคำสั่งด้วยความเป็นห่วง ทำเอาหม