การมาเยี่ยมเยือนว่าที่ลูกสะใภ้ในครั้งนี้ คุณพระปรีชาและคุณหญิงกรองทองมีจุดประสงค์จะให้ปิ่นแก้วย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านชยางกุลก่อนวันแต่งงานล่วงหน้าสักหนึ่งสัปดาห์ เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวและเรียนรู้หน้าที่ความรับผิดชอบของนายหญิงบ้านชยางกุลคนต่อไป
นายพันแสงและนางรำไพต่างก็ยิ้มแย้มยินดีกับข่าวนี้ ระหว่างนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหาร ปิ่นแก้วได้แต่ก้มหน้าก้มตารับฟังผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันแบบเงียบ ๆ หล่อนไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงที่จะเอ่ยคำคัดค้าน แม้เรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับอนาคตของหล่อนโดยตรง
บ่ายคล้อย หลังจากที่แขกคนสำคัญเดินทางกลับไปแล้ว ปิ่นแก้วรู้สึกจิตใจว้าวุ่นจนอยู่ไม่เป็นสุข จึงลงมาเดินเล่นในสวนดอกไม้รอบ ๆ เรือน
ชีวิตอันราบรื่นเรียบง่ายของหล่อนเต็มไปด้วยความเงียบเหงา ในแต่ละวันนอกจากเรียนหนังสือหัดทำกับข้าวและฝึกฝนวิชาการเรือนตามหลักสูตรกุลสตรี หล่อนไม่มีเพื่อนสนิทที่สามารถพูดคุยแบบเปิดใจได้เลยสักคน
เมื่อเดินเตร็ดเตร่มาถึงพุ่มดอกมะลิเลียบฝั่งแม่น้ำ หญิงสาวก็ทรุดกายนั่งลงบนพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม เฝ้ามองวัฏจักรชีวิตของเหล่าผีเสื้อแสนสวยและฝูงแมลงปอปีกบาง ซึ่งโบยบินโฉบเฉี่ยวอยู่เหนือกลุ่มกอดอกบัว เพื่อหลอกล่อฝูงปลาและกบเขียดให้กระโดดงับพวกมันอย่างไม่เกรงกลัวความตาย
หล่อนอดไม่ได้ที่จะนึกเปรียบเทียบ... ส่ำสัตว์เหล่านี้มีอายุขัยสั้นอยู่แล้วแต่ก็ยังใช้ชีวิตประมาทโลดโผน พวกมันยึดเอาความสนุกสนานพึงพอใจเป็นใหญ่ ช่างแตกต่างกับมนุษย์ที่มีอายุขัยยืนยาวหลายทศวรรษ หากกลับต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรอบจารีตประเพณีทุกย่างก้าว ราวกับไม่มีอำนาจในการกำหนดเส้นทางเดินของตนเอง
ใครกันหนอช่างว่า โชคดีที่ชาตินี้ที่ได้เกิดเป็นคน ปิ่นแก้วชักจะไม่เห็นด้วยเสียแล้ว... ขณะที่หญิงสาวกำลังเหม่อลอยคิดฟุ้งซ่าน พลันมีเสียงพูดคุยของบ่าวไพร่ดังแทรกขึ้นมา
“วันนี้เอ็งเห็นสร้อยเพชรของคุณหญิงกรองทองหรือเปล่า นังนวล”
“ต้องเห็นสิวะ... ถ้าไม่เห็นสิแปลก เพชรเม็ดใหญ่อย่างกับก้อนหินแหน่ะ แสงเพชรสว่างเจิดจ้าทิ่มแทงนัยน์ตาของข้าจนเกือบบอด คุณหญิงกรองทองเห่อว่าที่ลูกสะใภ้ขนาดนี้ เอ็งคอยดูนะ นังศรี... เดี๋ยวสร้อยเพชรเส้นนั้นก็กลายจะเป็นของคุณหนูปิ่นแก้ว”
“น่าอิจฉาคุณหนูปิ่นแก้วเสียจริง เกิดมาพร้อมกับโชควาสนาสูงส่ง วันแรกที่ลืมตาดูโลกก็มีมหาเศรษฐียื่นมือเข้ามาอุ้มชูทะนุถนอม มีบ่าวไพร่อย่างพวกเราคอยรับใช้ปรนนิบัติตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเวลาเข้านอน ไม่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนทำมาหากินให้ลำบาก ไม่ต้องหยิบจับอะไรให้ระคายฝ่ามือ ก็มีกินมีใช้อย่างสุขสบายไปทั้งชาติ”
“คนเราน่ะ มีแค่โชควาสนาอย่างเดียวไม่พอหรอกโว้ย นังศรี... มันต้องมีรูปเป็นทรัพย์ช่วยเกื้อหนุนด้วย ถ้าหากหน้าตาผิวพรรณไม่งาม คู่หมั้นของคุณหนูปิ่นแก้วคงไม่มีใจเสน่หาถึงขนาดที่สั่งให้ข้าบริวารเก่าแก่แบบคุณป้าหยก มาคอยดูแลรับใช้ว่าที่เจ้าสาวในอนาคตทุกฝีก้าว คุณแทนไทคงเกรงว่าพวกหนุ่ม ๆ ในเมืองอยุธยาจะมาขายขนมจีบคุณหนู”
“คุณแทนไทนี่ก็แปลกคนเสียจริง คุณหนูปิ่นแก้วสวยหวานหยาดเยิ้มขนาดนี้ยังไม่ยอมมาพบหน้าเลยสักครั้ง คิดไปคิดมา ก็น่าสงสารคุณหนู”
“เอ็งก็แปลกคนเหมือนกัน เมื่อครู่ ยังบอกอิจฉาคุณหนูอยู่แหมบ ๆ”
“แหม... อิจฉาก็ส่วนอิจฉา เอ็งลองนึกดูสิ คนเราน่ะ หมั้นหมายกันไว้ตั้งนมนาน แต่ไม่เคยพูดคุยกันเลยสักคำ ได้เห็นเพียงแค่ภาพถ่าย ตัวจริงจะเหมือนกับภาพหรือเปล่าก็ไม่รู้ อายุอานามหรือก็มากกว่าคุณหนูปิ่นแก้วตั้งยี่สิบห้าปี ถ้าหากคืนเข้าหอเจ้าบ่าวแก่หงำเหงือกหน้าตาอัปลักษณ์ ร่างกายพิกลพิการ ต่อให้มีชีวิตสะดวกสบายอย่างไร แต่ถ้าเวลาอยู่ในห้องนอนต้องทนกล้ำกลืน ก็คงนอนหลับแบบไม่เป็นสุข คนเรานะโว้ย คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก”
“โถ ช่างคิดช่างฝันแทนคนอื่นเสียจริงนะเอ็ง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคู่หมั้นคุณหนูปิ่นแก้วจะเป็นผู้ชายอัปลักษณ์ ไม่ว่าอย่างไร ลูกไม้ก็ย่อมหล่นไม่ไกลต้น... คุณพระปรีชากับคุณหญิงกรองทองรูปงามกันทั้งคู่ คุณพระอายุหกสิบกว่าปียังดูหนุ่มแน่นเหมือนคนอายุแค่สี่สิบปีเท่านั้น ใคร ๆ ก็นึกว่าท่านรุ่นราวคราวเดียวกับคุณหญิง”
“เออ... สาธุฯ ขอให้คุณแทนไทหนุ่มแน่นหล่อเหลาแบบคุณพระปรีชาด้วยเถอะวะ ! ข้าสงสารคุณหนูปิ่นแก้ว ใกล้จะได้เป็นเจ้าสาวอยู่แล้ว แต่หน้าตาไม่สดชื่นแจ่มใสเอาเสียเลย ระยะหลังนี้ข้าไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของคุณหนูสักแอะ”
“จริงของเอ็งว่ะ”
เสียงถกเถียงค่อย ๆ เงียบลงพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังห่างออกไป
ทว่าปิ่นแก้วยังคงนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พฤติกรรมของหล่อนชัดเจนจนคนอื่นสังเกตเห็นได้ขนาดนั้นเชียวหรือ นี่หล่อนเป็นอะไรไป...
เมื่อก่อนปิ่นแก้วรู้สึกภาคภูมิใจกับตำแหน่งว่าที่เจ้าสาวของนายแทนไทมาตลอด หล่อนไม่เคยชายตาแลบรรดาหนุ่ม ๆ ที่พยายามเข้ามาสานสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว ไม่เคยแม้แต่จะมีความคิดวอกแวกเป็นอื่น จนกระทั่งเรียนจบมศ.8
ตอนนี้นอกจากนายแทนไท ก็มีเพียงผู้ชายคนเดียวที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตของปิ่นแก้ว
“ร่างกายของคุณหนูปิ่นแก้ว แปดเปื้อนกลิ่นของกระผมหมดแล้ว คุณหนูคิดว่าจะสามารถไปแต่งงานกับผู้ชายอื่นได้อีกหรือ สองเต้ากลม ๆ คู่นี้กระผมก็ดูดเลียแล้ว และตรงนี้ด้วย...”เขาขบเม้มติ่งหูของหล่อน ลมหายใจระอุเป่ารดลงบนผิวพรรณบอบบางอ่อนไหว พลางแทรกนิ้วเขี่ยคลึงศูนย์รวมความรู้สึกกลางกลีบอวบอูม“ทำไมคุณหนูปิ่นแก้ว ไม่ตอบกระผม”“คุณโจรกระทำฉันอยู่ฝ่ายเดียว”หล่อนพยายามฝืนร่างกายไม่ให้แอ่นเชิงกรานตอบสนองการปลุกเร้าแสนเร่าร้อน แต่ชีพจรตรงจุดซ่อนเร้นกลับเต้นตุบตุบอย่างควบคุมไม่ได้“คุณหนูจะปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับกระผมเลยอย่างนั้นหรือ”“ฉันไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”“จริงหรือ? แล้วทำไม ...ของคุณหนูฉ่ำแฉะขนาดนี้” คราวนี้ชายหนุ่มเหิมเกริมถึงขั้น ใช้องชาตล้อเล่นกับความรู้สึกของหล่อน เขาประคองปลายลึงค์ถูไถผ่ากลางร่องกลีบอวบอูม ขยับให้ความแข็งขึงบดขยี้ความอ่อนนุ่ม แล้วก็จ่อส่วนหัวบวมบานคาค้ำไว้ที่แอ่งเว้า“หยุดเถิด ได้โปรด...”ปิ่นแก้วแทบจะลืมหายใจ ร่า
ขึ้นสี่ค่ำเดือนเสี้ยวทอแสงริบหรี่รำไร ดวงดาวส่องประกายเจิดจรัสเป็นเจ้าฟ้า บรรยากาศปลอดโปร่งเย็นสบายกำลังดี ถ้าอยู่ที่เรือนไม้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปิ่นแก้วคงนอนหลับไปนานแล้วเพราะหล่อนเป็นคนหลับง่ายทว่าความรู้สึกแปลกถิ่นส่งผลให้หญิงสาวบังเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ในหัวของหล่อนเต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้ชายสองคนหรือสามคน ทั้งสามมีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายคลึงกัน รูปร่าง สีผิว เค้าโครงใบหน้า ทรงผมยาวเคลียไหล่ และกิริยาท่าทางการเคลื่อนไหว หากไม่ได้เจอกับผู้ชายเมื่อตอนกลางวันเสียก่อน ปิ่นแก้วอาจจะเพ้อฝันว่าแทนไทคือคุณโจร ซึ่งมันไม่สามารถเป็นไปได้“ถ้าคืนนี้เป็นวันพระ คงดี”หล่อนทอดถอนใจ พลางมองฝ่าความมืดออกไปนอกหน้าต่าง แว่วเสียงลมพัดใบไม้ดังมาเป็นระลอก ฟังคล้ายกับเสียงดนตรีขับกล่อม...เมื่อหญิงสาวเคลิบเคลิ้มเข้าสู่ห้วงนิทรา เงาดำทะมึนก็ค่อย ๆ ปรากฏเป็นรูปร่าง ที่นี่คืออาณาจักรของนายแทนไท ชยางกุล และเขามีพลังอำนาจแข็งแกร่งมากพอที่จะสัมผัสร่างกายของหล่อนโดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีแทรกซ้อนมิติฝันหรือรอคอยให้ถึงวันพระ!แท
ความกว้างขวางใหญ่โตของบ้านชยางกุล เปรียบเทียบได้เท่ากับตึกหรือคฤหาสน์ เนื่องจากเป็นอาคารปูนสีขาวสองชั้นและปูพื้นด้วยหินอ่อนสีงาช้างทุกตารางนิ้ว โดยฝั่งขวาของอาคารถูกต่อเติมขึ้นเป็นตึกสูงสามชั้นครึ่ง ซึ่งนายแทนไทเป็นผู้ออกแบบเองทั้งสิ้น ความหรูหราแปลกตาอันนำสมัยของตึกทรงแปดเหลี่ยมแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือในหมู่สถาปนิกแม้ว่าปิ่นแก้วหมั้นหมายกับแทนไทตั้งแต่ยังเป็นเด็กแดง ทว่าหล่อนก็ไม่เคยมานอนค้างอ้างแรมที่นี่เลยสักคืน เพียงแค่แวะมาเยี่ยมเยือนทำความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ตามธรรมเนียมแบบนานทีปีหน และการมาของหล่อนในครั้งนี้ ก็ไม่ใช่การมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ หากเป็นการออกเรือนมาอยู่กับครอบครัวของฝ่ายชายในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้เครือญาติทุกคนในตระกูลชยางกุลรู้จักปิ่นแก้วเป็นอย่างดี และเหล่าบ่าวไพร่บริวารก็ปฏิบัติต่อหล่อนเสมือนเจ้านายคนหนึ่ง ซึ่งผู้ที่ยินดีปรีดากับการมาของปิ่นแก้วมากกว่าใคร ๆ เห็นจะเป็นคุณหญิงกรองทอง“หนูปิ่นชอบห้องนอนที่แม่จัดเตรียมไว้ให้หรือเปล่า”“ชอบมากค่ะ ขอบพระคุณคุณแม่ที่เอ็นดูปิ่น” หล่อนตอบอย่างอ่อนหวาน ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยกิริยาแฉล้มแช่มช้อยดูงดงามสมเป็นกุลสตรีทุกกระเบียด “
คุณพระช่วย หล่อนกำลังจะขาดใจตายแน่แล้ว...ปิ่นแก้วถ่างขาอ้าร่อง แอ่นรับก้านนิ้วแข็งแกร่งล่ำสันที่ชักเข้าชักออกในรูสาวแบบลืมอาย หล่อนแหงนหน้ากรีดร้องสุดเสียงเมื่อความรู้สึกรุ่มร้อนสุดแสนรัญจวนปะทุออกมาอย่างรุนแรง“อ๊ะ ! คุณโจร... อ๊า” หล่อนครวญครางเสียงกระเส่า เนื้อตัวสั่นระริกระหว่างที่ชายหนุ่มประกบริมฝีปากดูดดื่มน้ำผึ้งสวาท แก่นใจหญิงหดเกร็งและกระตุกรัดลิ้นร้อนเป็นห้วงถี่“ตอนนี้คุณหนูพร้อมจะเป็นเมียของกระผมแล้ว” น้ำเสียงเขาแหบพร่า ร่างสูงใหญ่เคลื่อนขึ้นมาทาบทับร่างอรชรเอาไว้ ไม่ให้หล่อนหลบหนี พลางเบียดสัดส่วนที่ผงาดแข็งชูชันถูไถความอ่อนนุ่มฉ่ำลื่นอย่างยั่วเย้าชั่วขณะนั้นปิ่นแก้วรู้ดีว่า มีเพียงสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่สามารถเติมเต็มความรู้สึกวูบโหวงทรมานภายในช่องท้อง แต่หล่อนไม่อาจละทิ้งความซื่อสัตย์ต่อคู่หมั้นคู่หมาย แม้จะต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำทุกข์ตรมจากการผิดหวังในความรักครั้งนี้ไปจวบจนลมหายใจสุดท้าย“คุณโจร ปล่อยฉันไปเถิด ได้โปรด...” หล่อนปรือเปลือกตาที่หนักอึ้ง พยามยามเพ่งมองใบหน้าคมสันของชายหนุ่มในความมืดมิด “คุณหนูไม่ได้รักชอบกระผมอย่างนั้นหรือ”เขาหายใจแรงจนแผงอกหนากระเพื่อม
คำกล่าวนั้นสั่นสะเทือนหัวใจดวงน้อยของปิ่นแก้ว บัดนี้หล่อนมั่นใจแล้วว่า หล่อนได้ตกหลุมรักชายหนุ่มผู้นี้ รัก...ทั้งที่หล่อนประณามว่าเขาเป็นโจรปล้นสวาท“หากสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความฝัน...คงดี” หล่อนรำพึง“คุณหนูอยากเป็นเมียของกระผมหรือ”น้ำเสียงเขาบ่งบอกถึงอารมณ์ปลาบปลื้ม“ใช่ นี่คือคืนสุดท้ายของเราทั้งสอง มะรืนฉันต้องไปอยู่ที่บ้านชยางกุล เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของนายแทนไท”“คุณหนูพูดราวกับ ไม่ได้รักว่าที่สามี”“ฉันจะรักชอบคนที่ไม่เคยพบปะพูดคุยกันเลยสักครั้งได้อย่างไร ถ้าหากเลือกได้ ฉันอยากให้คุณโจรเป็นเจ้าบ่าวของฉันมากกว่า”“ถ้าเช่นนั้น กระผมจะทำให้คุณหนูปิ่นแก้วสมปรารถนา”ชายหนุ่มก้มลงจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างบรรจง รสชาติจุมพิตอ่อนโยนลึกซึ้งทำให้ปิ่นแก้วเคลิบเคลิ้มมึนเมา ครั้นหล่อนเผลอไผลเปิดทางให้เขาเพียงเล็กน้อย เขาก็ได้ใจ บดเบียดริมฝีปากแทรกลิ้นร้อนเข้ามาดูดดื่มความหอมหวานด้วยความหื่นกระหายแสนละโมบ กระนั้นหล่อนก็ยังพยายามจูบตอบเขาแบบไม่ประสีประสาอาการหวาดหวั่นขัดเขินกึ่งกล้ากึ่งกลัว กระตุ้นความฮึกเหิมของชายหนุ่ม สัมผัสรุกรานจากฝ่ามือหยาบใหญ่ที่เคลื่อนไหวไปทั่วเ
เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นออกมาจากเรือนไม้สักหลังงาม ของนายพันแสงและนางรำไพได้สักพักใหญ่ คุณหญิงกรองทองก็เอ่ยถามบุตรชายว่า“แทนไท ลูกแน่ใจหรือว่าจะรักษาโรคร้ายได้สำเร็จก่อนคืนเข้าหอ”“ลูกเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นนะ” คุณพระปรีชาย้ำเตือน“ปิ่นแก้วไม่ใช่ผู้หญิงจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวอย่างคุณแม่ หล่อนไม่รู้ใจตัวเองว่าต้องการอะไรเลยด้วยซ้ำ” แทนไทพึมพำเหมือนกล่าวกับตนเอง “แม่เป็นห่วงเหลือเกินว่าหนูปิ่นแก้วจะเสียใจ ถ้าหากไม่มีการจัดงานแต่งงาน”“แต่ผมคิดว่า หล่อนอาจจะดีใจมากกว่า”น้ำเสียงบอกเล่านั้นไม่ได้บ่งชี้ความรู้สึกของคนพูด“ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง หากตกเป็นของผู้ชายคนไหน สุดท้ายก็รักผู้ชายคนนั้น แม่ไม่เห็นด้วยที่ลูกจะมานั่งทรมานตัวเองแบบนี้” คุณหญิงกรองทองทอดถอนใจถึงแม้แทนไทไม่ได้เปิดเผยความรักลึกซึ้งที่มีต่อปิ่นแก้วให้คนอื่นรับทราบ แต่คุณพระปรีชาและคุณหญิงกรองทองย่อมรับรู้ได้จากการกระทำของบุตรชาย แทนไทให้เกียรติปิ่นแก้วเสมอมา เมื่อเขารู้ว่าหลงรักคู่หมั้นคู่หมายซึ่งยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กตัวน้อย เขาก็ไม่เคยนอกกายนอกใจหล่อนเลยแม้สักครั้งเดียว ทั้งที่สามารถทำได้แทนไทยอมสูญเสียพลังชีวิตขอ