เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นออกมาจากเรือนไม้สักหลังงาม ของนายพันแสงและนางรำไพได้สักพักใหญ่ คุณหญิงกรองทองก็เอ่ยถามบุตรชายว่า
“แทนไท ลูกแน่ใจหรือว่าจะรักษาโรคร้ายได้สำเร็จก่อนคืนเข้าหอ”
“ลูกเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นนะ” คุณพระปรีชาย้ำเตือน
“ปิ่นแก้วไม่ใช่ผู้หญิงจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวอย่างคุณแม่ หล่อนไม่รู้ใจตัวเองว่าต้องการอะไรเลยด้วยซ้ำ” แทนไทพึมพำเหมือนกล่าวกับตนเอง
“แม่เป็นห่วงเหลือเกินว่าหนูปิ่นแก้วจะเสียใจ ถ้าหากไม่มีการจัดงานแต่งงาน”
“แต่ผมคิดว่า หล่อนอาจจะดีใจมากกว่า”
น้ำเสียงบอกเล่านั้นไม่ได้บ่งชี้ความรู้สึกของคนพูด
“ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง หากตกเป็นของผู้ชายคนไหน สุดท้ายก็รักผู้ชายคนนั้น แม่ไม่เห็นด้วยที่ลูกจะมานั่งทรมานตัวเองแบบนี้” คุณหญิงกรองทองทอดถอนใจ
ถึงแม้แทนไทไม่ได้เปิดเผยความรักลึกซึ้งที่มีต่อปิ่นแก้วให้คนอื่นรับทราบ แต่คุณพระปรีชาและคุณหญิงกรองทองย่อมรับรู้ได้จากการกระทำของบุตรชาย แทนไทให้เกียรติปิ่นแก้วเสมอมา เมื่อเขารู้ว่าหลงรักคู่หมั้นคู่หมายซึ่งยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กตัวน้อย เขาก็ไม่เคยนอกกายนอกใจหล่อนเลยแม้สักครั้งเดียว ทั้งที่สามารถทำได้
แทนไทยอมสูญเสียพลังชีวิตของตนเอง เพื่อปกป้องดูแลปิ่นแก้วแบบลับ ๆ เขาคอยขัดขวางไม่ให้คนอื่นข่มเหงรังแกหล่อน แม้กระทั่งการโอบกอดหรือหอมแก้มกันแบบเด็ก ๆ เขาก็พร้อมจะดิ้นรนกีดกันทุกคนทุกวิถีทาง
น่าเสียดายที่ปิ่นแก้วไม่เคยล่วงรู้เรื่องนี้เลย
ความคิดถึงทำให้ค่ำคืนแห่งการรอคอยยิ่งเหน็บหนาว ปิ่นแก้วฝืนสู้กับความรู้สึกง่วงงุนแสนทรมาน เพื่อเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของคุณโจรปล้นสวาท คืนนี้ตรงกับวันพระใหญ่เดือนแรมสิบห้าค่ำ หล่อนแน่ใจว่าเขาจะต้องมา แต่ไม่รู้ช่วงเวลาที่แน่ชัดเท่านั้นเอง
ทว่ารอแล้วรอเล่าเขาคนนั้นก็ไม่ยอมโผล่หัวมาให้เห็น ความโกรธความน้อยใจที่ถูกละเลยทอดทิ้ง กระตุ้นให้หญิงสาวลุกไปปิดหน้าต่างห้องและลงกลอนแบบมิดชิดแน่นหนา
“ผู้ชายก็เหมือนกันหมดทั้งโลก ขี้ขลาด ไม่กล้าสู้ความจริง”
หญิงสาวซัดลมหายใจ เดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยความสิ้นหวัง แล้วก็ผล็อยหลับอย่างง่ายดาย โดยหารู้ไม่ว่าชายหนุ่มผู้ที่หล่อนรอคอย เขากำลังนั่งมองหล่อนอยู่ตรงเก้าอี้ข้างหน้าต่างนั่นเอง
เงาร่างดำทะมึนเคลื่อนขึ้นมาคร่อมเหนือร่างอรชรอย่างเงียบเชียบ ใช่ว่าเขาไม่ต้องการให้หล่อนเห็นหน้า แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้น... เขาไม่สามารถสัมผัสร่างกายของปิ่นแก้วได้จนกว่าหล่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา และเมื่อได้ดูดซับหยาดหยดน้ำหวานแสนบริสุทธิ์ที่กลั่นออกมาจากตัวหล่อน เขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
ปิ่นแก้วเป็นคนขวัญอ่อน หากบอกเล่าความจริงที่เกี่ยวกับตัวเขาให้หล่อนรับรู้ ความสัมพันธ์เปราะบางระหว่างทั้งสองอาจจะพังทลายไม่เหลือซาก
ชายหนุ่มพิศมองใบหน้างามในยามหลับใหลด้วยความลุ่มหลงเสน่หา นิ้วหัวแม่มือของเขาแตะไล้กลีบปากอวบอิ่มของหล่อนอย่างแผ่วเบา
“ถ้าคุณหนูปิ่นแก้วคิดถึงกระผมก็น่าจะยอมรับตรง ๆ ใครกันแน่ที่ไม่กล้าสู้ความจริง” น้ำเสียงทุ้มต่ำแผ่วเบาจนหญิงสาวที่หลับลึกอยู่ในห้วงฝันแทบจะไม่ได้ยิน
เรียวแขนขาวเนียนยกขึ้นโอบรอบต้นคอแกร่ง โน้มใบหน้าคมคายให้ก้มต่ำลงมา ริมฝีปากอิ่มเผยอน้อย ๆ อย่างรอคอย อากัปกิริยานั้น ทำให้ชายหนุ่มหายใจติดขัด
“คุณหนูอยากให้กระผมจูบหรือ” ริมฝีปากหนาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“คนใจเสาะ เดี๋ยวเราจะไม่ได้เจอกันแล้ว” หล่อนละเมอพูด
ขณะนั้นปิ่นแก้วเชื่อมั่นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน เนื่องจากหน้าต่างห้องนอนลงกลอนเอาไว้มิดชิดชายหนุ่มไม่มีทางเปิดเข้ามาได้แน่นอน และนี่คือความฝันของหล่อน หล่อนย่อมมีสิทธิ์ทำตามใจต้องการ
“หาว่ากระผมใจเสาะ คุณหนูใจกล้าแค่ไหนกันเชียว”
“ฉันกล้าแก้ผ้าต่อหน้าคุณก็แล้วกัน ดีกว่าผู้ชายบางคนที่ไม่กล้าเผยใบหน้า”
“โจรปล้นสวาทที่ไหนจะเปิดเผยตัวตน ถ้าคุณหนูอยากเห็นหน้ากระผม ก็ต้องยอมเป็นเมียของไอ้โจรคนนี้เสียก่อน”
“เป็นเมียโจรหรือ” ปิ่นแก้วรำพึง
ฝ่ามือเรียวงามเลื่อนมาสัมผัสใบหน้าของชายหนุ่ม ภาพจินตนาการในความฝันค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้น เมื่อปลายนิ้วของหล่อนแตะไล้ไปตามเครื่องหน้าคมคาย แนวคิ้วดกหนา สันจมูกโด่งสูง ริมฝีปากหยักได้รูป... เขาหล่อมากทีเดียว
“ถ้าลูบคลำใบหน้าของกระผม แล้วคุณหนูยังรู้สึกไม่พอใจ ลองลูบคลำร่างกายของกระผมดูบ้าง เผื่อจะช่วยให้คุณหนูตัดสินใจได้ง่ายขึ้น”
“คุณ... ไม่ได้นุ่งผ้า...” หล่อนอุทานเสียงเบา เมื่อเขาจับฝ่ามือของหล่อนลูบต่ำลงมาจากลำคอสู่แผ่นอกกว้างแกร่ง ก็แน่ล่ะ... นี่คือความฝัน ใครเขาจะแก้ผ้าโทง ๆ ปีนขึ้นเรือนชาวบ้าน
ครั้นลูบลงมาถึงสะดือ หล่อนก็ขืนมือเอาไว้
“ไม่กล้าจับของกระผมหรือ” เขาปลุกปั่น
“กล้าสิ” ปิ่นแก้วไม่พูดเปล่า หล่อนคว้าหมับที่สัดส่วนความเป็นชายของเขาอย่างแม่นยำโดยที่ไม่ต้องใช้ตามอง ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง สูดปากครางเสียงแหบ
“ของลับผู้ชายใหญ่ยาวเหมือนสากอย่างนี้เองน่ะรึ”
ชายหนุ่มมีอารมณ์แบบขำ ๆ เมื่อได้ยินคำถามของหล่อน
“ก็มันเอาไว้ตำเหมือนกัน ขนาดเล็กใหญ่ขึ้นอยู่กับรูปร่างของแต่ละคน”
“ของคุณมันใหญ่โตน่ากลัวเกินไป ฉันไม่อยากเป็นเมียโจรแล้ว”
“ไม่อยาก แต่จับไม่ปล่อย” เขาเย้าแหย่
“นี่มันความฝันของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้น คุณหนูช่วยสานฝันของกระผมให้สำเร็จสมหวังด้วยเถิด”
“คุณฝันอะไร”
“กระผมฝัน อยากจะเป็นผัวของคุณหนูปิ่นแก้ว”
แล้วหล่อนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...“คุณพระ ดิฉันสงสารลูกเหลือเกิน แทนไทต้องเจ็บปวดไปอีกนานสักแค่ไหน” คุณหญิงกรองทองร้องไห้คร่ำครวญในอ้อมกอดของคุณพระปรีชา“จนกว่าเนื้อคู่ตุนาหงันของเขาจะพ้นครรภ์ผู้ให้กำเนิด แทนไทจำเป็นต้องแลกเลือดเนื้อสร้างชีวิตบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับผมและผู้ชายทุกคนในตระกูลชยางกุล”ทั้งสองเฝ้ามองร่างของลูกชายซึ่งนอนดิ้นพล่านอยู่บนเตียงอย่างเวทนา ภาพของแทนไทค่อย ๆ เลือนรางจางหายเหมือนเงาสะท้อนบนผิวน้ำ จนกระทั่งเหลือเพียงก้อนอากาศในห่อผ้า คุณหญิงกรองทองร้องโฮ เพราะมองไม่เห็นลูกชาย“แทนไทอายุครบยี่สิบห้าปีเป็นหนุ่มใหญ่แล้วแท้ ๆ ดิฉันอุตส่าห์โล่งใจนึกว่าเขาจะไม่ได้รับการถ่ายทอดกรรมพันธุ์นี้มาจากคุณพระ”“คุณหญิงเลิกร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายเถิด แทนไทไม่ใช่จะตายเป็นผี เขาเพียงแค่เสียสละกายเนื้อเพื่อพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายเท่านั้นเอง พอถึงเวลาฟื้นคืนชีพ เขาก็มีร่างกายที่หนุ่มแน่นแข็งแรงเหมือนในวัยเบญจเพส”คุณพระปรีชาสรรหาเหตุผลมาปลอบโยนภรรยา แต่ลูกชายตัวดีกลับสอดขึ้นว่า“ถ้าต้
แทนไทถึงกับตะลึงในผลงานอันยอดเยี่ยมของตนเอง เขาประกบริมฝีปากดูดเลียรสชาติหอมหวานของสาวพรหมจรรย์อย่างเอร็จลิ้น ปิ่นแก้วเนื้อตัวสั่นเทาราวกับเป็นไข้หนาวเพราะถูกเขารีดเค้นน้ำในกายแบบต่อเนื่อง การดื่มกินหยาดหยดหล่อเลี้ยงชีวิตบริสุทธิ์ที่หลั่งรินออกมาจากร่างของหญิงซึ่งเป็นเนื้อคู่สวรรค์สร้าง ส่งผลให้แทนไทมีความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น“อื้อ... พี่แทนไท... ปิ่นใจจะขาดแล้ว” หล่อนครวญครางเว้าวอนเขาเหยียดหลังขึ้นพิศดูใบหน้าสวยหวานที่แดงระเรื่อ ดวงตาสีอำพันดุจสัตว์หากินกลางคืนสามารถมองเห็นได้อย่างแจ่มชัดท่ามกลางความมืดร่างกายเปลือยเปล่าของปิ่นแก้วช่างงดงามเย้ายวนราวกับถูกสร้างมาจากมนต์ดำฤษณา ในหัวสมองแทนไทอัดแน่นไปด้วยความคิดหมกมุ่น เขาทำให้หล่อนมีความสุขมากมายขนาดนี้ อย่างน้อยหล่อนก็ควรจะทำตามความปรารถนาของเขาบ้าง!เมื่อบังเกิดอารมณ์ฮึกเหิมบ้าบิ่น แทนไทก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป ร่างสูงใหญ่ผละออกจากระหว่างขาเรียวงาม ขยับขึ้นไปนั่งคร่อมเหนือใบหน้าขาวสวย ฝ่ามือหนาบีบกรามของหญิงสาวบังคับให้หล่อนอ้าปาก ก่อนจะส่งลำลึงค์แข็งร้อนเข้าไปในโพรงแก้มอุ่นชื้น
คราวนี้ปิ่นแก้วได้รับบทเรียนราคาแสนแพงเพิ่มอีกหนึ่งบทเรียน การพูดความจริงไม่ให้ผลดีเสมอไป แทนไทกดหล่อนนอนหงาย จากนั้นก็ลงมือปลดเปลื้องชุดกระโปรงออกจากร่างอรชรโดยไม่รีรอให้หล่อนมีโอกาสบ่ายเบี่ยง หญิงสาวหายใจหอบกระชั้น เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวชายหนุ่มจับจิต แต่ก็ไม่กล้าต่อต้านขัดขืนร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นยืนเมื่อจัดท่วงท่าให้หล่อนนอนแยกขาชันเข่าสำเร็จ เขาเพ่งพิศเรือนร่างงดงามไร้ที่ติอย่างพึงพอใจ นัยน์ตาคมกริบฉายแววเร่าร้อนในความมืดการถูกจ้องมองโดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ทำให้ปิ่นแก้วรู้สึกตื่นตระหนกและหวาดหวั่นยิ่งกว่าเดิม หัวใจดวงน้อยเต้นระทึกรุนแรง สองเต้าอวบอัดกลมกลึงสะท้อนสะเทือนขึ้นลงราวกับถูกจับเขย่า ผิวพรรณขาวนวลละเอียดอ่อนร้อนวูบวาบเหมือนมีเปลวไฟลามเลีย“พี่แทนไท ตรวจดูเสร็จหรือยังคะ”“พี่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ ในห้องมืดแบบนี้ ใช้ตามองแค่อย่างเดียวคงพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก”ปิ่นแก้วหุบขาเข้าหากันทันทีที่รู้ว่าชายหนุ่มต้องการตรวจดูความบริสุทธิ์ของหล่อนโดยวิธีการอื่นอีก แทนไทแกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด พลาง
ปิ่นแก้วเพิ่งจะสำเหนียกความจริงในวันนี้เอง ว่าบุคคลที่สามารถทำให้หล่อนรู้สึกเกรงกลัวมากที่สุดคือใคร เพียงแค่ได้รู้ว่าแทนไทกำลังรอให้หล่อนไปพบ เพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจกันเท่านั้น มือเท้าของหล่อนก็เย็นเฉียบราวกับถูกนาบด้วยแผ่นน้ำแข็งภาพพจน์ของแทนไทในความทรงจำของปิ่นแก้ว เขาคือสุภาพบุรุษที่แสนดี อบอุ่นอ่อนโยน มีจิตใจโอบอ้อมอารี ไม่เป็นพิษภัยอันตรายกับใครทั้งสิ้น และหล่อนก็คิดเช่นนั้นเสมอมาจนกระทั่งเวลานี้ สิ่งที่ทำให้หล่อนรู้สึกยำเกรง คือคุณงามความดีของเขาต่างหากเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของชายหนุ่ม ประตูไม้สักก็เปิดได้เองเช่นเคย ปิ่นแก้วสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเข้าไปข้างในอย่างประหม่าแล้วประตูก็ปิดล็อคลงทันที!“พี่ พี่แทนไท...”“น้องปิ่นยังจำชื่อพี่ได้ด้วยหรือ”น้ำเสียงเคร่งขรึมเย็นชาที่ดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้หญิงสาวหัวใจสั่นขวัญผวา สองเท้าก้าวไปข้างหน้าด้วยสัญชาตญาณระวังภัย หล่อนยืนหันรีหันขวางพยายามมองหาเขา“พี่แทนไททำแบบนี้ ปิ่นตกใจหมดเลย”“ตกใ
“กระผมจะไม่มีวันลืมค่ำคืนสุดท้ายของเราทั้งสอง”แม้ว่าดวงตาของหล่อนจะมองเห็นเพียงความมืดมน แต่กลิ่นรสและสัมผัสที่หล่อนซึมซับมาจากเขากลับยิ่งแหลมคมปิ่นแก้วแลกจูบกับคุณโจรปล้นสวาทของหล่อนด้วยความเต็มใจ และตอบสนองการเคลื่อนไหวร้อนแรงอย่างเร่าร่าน ชายหนุ่มใช้หมอนหนุนสะโพกผายให้ลอยอยู่เหนือพื้น พลางสอดท่อนเอ็นแข็งร้อนเข้ามาตรงช่องขาหนีบและกระซิบบอกหล่อนให้หุบรัดเขาไว้แน่น ๆเขาเท้าศอกพยุงร่าง ก่อนจะเริ่มโยกแก่นกายบดเบียดเสียดสีกับกลีบแคมอวบอูม หัวหน่าวของเขากระทบกับหัวหน่าวของหล่อน เนื้อหนังเปียกเปลือยถูไถกันอย่างเร่าร้อนถึงอกถึงใจ“อ๊า... คุณโจร... ระ... แรงขึ้นอีกนิด...”“แรงกว่านี้หรือ” สุ้มเสียงเขาหยอกเย้า“ฉันใกล้แล้ว... ทำแรง ๆ เร็ว ๆ” หล่อนแอ่นรับความแข็งเร่า ๆแทนไทรีบถอนตัวออก ไม่ยอมให้หล่อนเสร็จสมล่วงหน้าไปก่อน เขาจับร่างอรชรหนีบขาคู้เข่า พลันเสือกกายเข้าไปในช่องขาหนีบ แล้วก็หวดห่มบั้นท้ายเข้าหาหล่อนด้วยอารมณ์หื่นกระหายรุนแรง ปลายลึงค์บานโร่แทงเสยลงตรงยอดติ่งคัดเต่งของหญิงสาวอย่างแม
“ร่างกายของคุณหนูปิ่นแก้ว แปดเปื้อนกลิ่นของกระผมหมดแล้ว คุณหนูคิดว่าจะสามารถไปแต่งงานกับผู้ชายอื่นได้อีกหรือ สองเต้ากลม ๆ คู่นี้กระผมก็ดูดเลียแล้ว และตรงนี้ด้วย...”เขาขบเม้มติ่งหูของหล่อน ลมหายใจระอุเป่ารดลงบนผิวพรรณบอบบางอ่อนไหว พลางแทรกนิ้วเขี่ยคลึงศูนย์รวมความรู้สึกกลางกลีบอวบอูม“ทำไมคุณหนูปิ่นแก้ว ไม่ตอบกระผม”“คุณโจรกระทำฉันอยู่ฝ่ายเดียว”หล่อนพยายามฝืนร่างกายไม่ให้แอ่นเชิงกรานตอบสนองการปลุกเร้าแสนเร่าร้อน แต่ชีพจรตรงจุดซ่อนเร้นกลับเต้นตุบตุบอย่างควบคุมไม่ได้“คุณหนูจะปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับกระผมเลยอย่างนั้นหรือ”“ฉันไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”“จริงหรือ? แล้วทำไม ...ของคุณหนูฉ่ำแฉะขนาดนี้” คราวนี้ชายหนุ่มเหิมเกริมถึงขั้น ใช้องชาตล้อเล่นกับความรู้สึกของหล่อน เขาประคองปลายลึงค์ถูไถผ่ากลางร่องกลีบอวบอูม ขยับให้ความแข็งขึงบดขยี้ความอ่อนนุ่ม แล้วก็จ่อส่วนหัวบวมบานคาค้ำไว้ที่แอ่งเว้า“หยุดเถิด ได้โปรด...”ปิ่นแก้วแทบจะลืมหายใจ ร่า