เสียงส้นรองเท้ากระแทกกับพื้นไม้ของห้องใต้ดินภายในตึกวิศวกรรมเครื่องกลดังลั่น ท่ามกลางเสียงเงียบกริบที่ตึงเครียดกว่าสนามรบ สายตาทุกคู่จับจ้องร่างสูงที่เดินวนไปมาอยู่กลางห้อง พร้อมประกายความโกรธแค้นอันรุนแรง ที่ฉายชัดในดวงตาสีเข้มของเขา
“แม่งเอ๊ย!!!” เวกัสสะบัดเสื้อช็อปออกจากร่าง ก่อนจะเหวี่ยงลงพื้นอย่างหัวเสีย ดวงตาคมแข็งกร้าว ราวกับจะฆ่าคนตายได้เลย
“ประกาศออกไป...ใครทำให้ยัยนั่นมาสยบแทบเท้าฉันได้ ฉันจะรับเข้าแก๊งตำแหน่งที่หก...” เวกัสประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลุยส์ถึงกับผิวปากตอบรับทันที “หัวหน้าเอาจริงว่ะ”
“มันถึงเวลาแล้ว...ที่เราควรจะจัดการกับยัยนั่นให้สาสมสักที” โชนเสริม
“แล้วแบบไหน...ถึงเรียกว่าสาสม” ริกเตอร์เอ่ย
“จะแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น แค่ให้ยัยนั่น...ยอมก้มหัวให้ฉันก็พอ”
“เล่นกับไฟ ระวังไฟไหมตัว” ลมหนาวที่นั่งเงียบอยู่มุมห้อง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เหมือนเตือนเพื่อนว่าให้มีสติให้มากกว่านี้
เวกัสหันขวับไปมองหน้าลมหนาวทันที เมื่อรู้สึกได้ถึงความเอนเอียงไปเข้าทางฝั่งตรงข้ามของเพื่อนรักอย่างลมหนาว
“ถ้ายัยนั่นเป็นไฟ…ฉันก็จะเป็นน้ำมัน เผาให้มันไหม้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย”
ลมหนาวเงียบและหยิบหูฟังขึ้นมาใส่ หากสิ่งที่เขาพูดไม่มีผลดี ลมหนาวก็เลือกที่จะไม่ยุ่งอีกต่อไป ทำให้เวกัสยิ่งอารมณ์ขึ้น เพราะความเดือดดาลไม่ได้ถูกระบายออกไปจากในอกเลย เขาแค้นเธอจนจะอกแตกตายอยู่แล้ว
(วันต่อมา)
ห้องคณะกรรมการนักศึกษาของสถาบัน ในช่วงสอบกลางภาคเต็มไปด้วยเอกสารที่ถูกฉีกทิ้ง เศษกระดาษโน้ตถูกขยำและยัดใส่ใต้โต๊ะของใบหยก พร้อมทั้งการปล่อยข่าวลือที่เป็นเท็จ ว่าเธอใช้เส้นสายเพื่อให้ได้ทุนเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งที่ ทั้งที่ความจริงคือเธอแบกเกรดเฉลี่ยระดับ TOP อันดับหนึ่งมาตลอด 4 ปี
ใบหยกเกิดข้อสงสัย ว่าทำไมถึงมีคนหมายหัวเธอเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่ก่อนนี้จะมีเพียงบางกลุ่มที่กล้าต่อกรกับเธอ แต่มาวันนี้แทบจะทั้งสถาบันที่ลุกขึ้นมากลั่นแกล้งเธอ ราวกับเธอเป็นผู้ร้ายที่มีค่าหัว แล้วแต่ละคนก็ทำเรื่องอุกอาจเหมือนไม่กลัวกฎของสถาบันกันเลยสักนิด ประหนึ่งว่ามีตัวใหญ่บงการอยู่เบื้องหลัง
“ทุกคนสงสัยกันไหม ว่าประธานนักศึกษาสถาบันEST ใช้ลูกไม้อะไรถึงได้เข้ามาเป็นนักเรียนทุนที่มีเกรดเฉลี่ยสูงลิ่วเกือบทุกปี ทั้งที่ปากบอกว่าจน แต่สอบชิงทุนได้เป็นร้อยทุน โอเว่อร์ขนาดนั้น...มันมีแค่ในนิยาย อย่างยัยนั่นถ้าไม่มีเงิน...ก็คงใช่ร่างกายไต่เต้าแน่ ๆ”
ใบหยกกัดฟันแน่น เพื่ออดทนกับสิ่งที่ได้ยิน คำดูถูกเหยียดหยามใช่ว่าเธอจะไม่เคยได้ยิน แต่สำหรับวันนี้เธอยอมรับว่ามันหนักข้อขึ้น จนภาพลักษณ์ของเธอย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี การถูกมองว่าใช้ตัวเข้าแรกกับผลประโยชน์ มันช่างดูไร้ค่าสิ้นดี ดูสิ้นคิดจนเธอรับไม่ได้ว่าจะได้ยินมันออกมาจากปากของผู้หญิงด้วยกัน
“ยัยพวกนั้นมันโรคจิต! แกไม่จำเป็นต้องทนก็ได้นะใบหยก ควรจะสั่งสอนพวกมันสักที่ให้หลาบจำ”
วิเวียน หรือ รวีวรรณ โชติศิริรัตน์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ปีสี่ เพื่อนรักของใบหยก ที่ดีกรีเป็นถึงลูกสาวเจ้าของบริษัทผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ในประเทศเอ่ยขึ้น เมื่อทนฟังกลุ่มคนไร้สาระพวกนั้นดูถูกเพื่อนรักอย่างใบหยกไม่ได้ คุณหนูที่นิสัยเด็ดขาดอย่างวิเวียนจึงไม่อยากให้เพื่อนยอมและปล่อยผ่านไป เพราะใบหยกเป็นคนที่ไม่ชอบเอาปัญหามาใส่ตัว ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอ
“ช่างเถอะวิเวียน คนพวกนี้ไม่มีค่ามากพอให้ฉันดึงเข้ามาทำให้ตัวเองเป็นทุกข์หรอก ยิ่งฉันไม่อดทนพวกมันก็ยิ่งได้ใจ...อยากทำอะไรก็เชิญ แต่ถ้าทำผิดกฎของสถาบัน ฉันไม่ปล่อยผ่านแน่”
ใบหยกตอบกลับเสียงราบเรียบและใจเย็น เพราะเธอมีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำ ถึงไม่อยากเก็บมาคิดให้มันกระทบจิตใจ จนเป้าหมายของเธอสั่นคลอน
“มีนก็คิดเหมือนใบหยก ถ้าหมามันทำได้แค่เห่า เราก็ควรเดินออกห่าง...ไม่ควรไปหยุดมองมันให้เสียเวลา”
มีน หรือ มินตรา ภิรมย์ภักดี วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ปีสี่ เพื่อสนิทอีกคนของใบหยก เด็กทุนอีกคนที่คะแนนสอบไล่ตามกันกับใบหยกเพียงไม่กี่คะแนน แม้ฐานะทางบ้านจะไม่รวยเท่าวิเวียน แต่ธุรกิจค้าขายอุปกรณ์ไอทีของครอบครัวมินตราก็ทำให้เธอมีกำลังทรัพย์ที่แน่นพอจะใช้ชีวิตในสถาบันนี้ได้อย่างสุขสบายมากกว่า ถ้าเทียบกับใบหยก
“จะรอให้หมามันไล่กัดก่อนว่างั้น?” วิเวียนยังคงเดือดดาล
“แน่นอนว่าไม่...” ใบหยกตอบ
“เราควรตอบโต้กลับไปบ้าง...ไม่ใช่ยอมอย่างเดียว” วิเวียนกล่าว
“ก็จริงนะ ที่วิเวียนพูดก็มีเหตุผล” มินตราเห็นด้วยกับความคิดของวิเวียน ที่ควรตอบโต้บ้าง
“เธอเป็นถึงประธานสภานักศึกษา ควรใช้อำนาจจัดการสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง” วิเวียนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ใบหยก
“ใช่...งั้นเริ่มจากอะไรดีล่ะ” มินตราเสริม
“หึ...ถ้าต้องเริ่ม...ก็คงต้องเริ่มที่ตัวบงการ ในเมื่อจัดการเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ ก็ไล่บี้ตามกฎสถาบัน ว่ากันเป็นข้อ ๆ ตามระเบียบ”
ใบหยกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น คนอย่างเธอถ้าจะต้องร้าย ใครหน้าไหนก็เอาไม่อยู่
“แล้วมาดูกัน...ว่าฉันหรือพวกมันที่ต้องหยุด”
“เยี่ยม!”
วิเวียนและมินตราต่างหันมายิ้มให้ใบหยก ถ้าพวกเธอไม่โหด ก็คงไม่ได้มานั่งเป็นประธานและกรรมการในสภานักเรียนแห่งนี้หรอก
หลังจากวันนั้นไม่นาน...เว็บบอร์ดของสถาบันที่เงียบเหงามานานก็กลับคึกคักผิดปกติ
#แก๊งบัญชีดำ #มาเฟียสถาบัน #ข่าวด่วน #ข่าวEST เปิดโปงแก๊งนักศึกษาผิดกฎซ้ำซาก พร้อมหลักฐานแน่น ใครอยากเห็นหน้า คลิกดูได้เลย!
เมื่อมีโพสต์พาดหัวข่าวใหญ่ในเว็บบอร์ดของสถาบัน จากบุคคลนิรนามที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร แถมภายในกระทู้ลับยังมีลิงก์โยงไปยังไดรฟ์เก็บไฟล์ลับ พร้อมตารางแสดงรายชื่อ นิสิต-นักศึกษา ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผิดระเบียบอย่างร้ายแรงของสถาบัน เอกสารเหล่านั้นแนบมาทั้งภาพถ่าย ภาพกล้องวงจรปิด ข้อความลับ ไปจนถึงคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานมัดตัวแน่นหนา จนคนในภาพดิ้นไม่หลุด
และรายชื่อที่ถูกโพสต์ ก็คือ...
โชติวัฒน์ รัตนนุกูลเกียรติ (โชน) รีดไถค่าคุ้มครองจากรุ่นน้องนักศึกษาใหม่
เหมราช ศิริทรัพย์สกุล (หลุยส์) ลวนลามอนาจารนักศึกษาหญิงที่เป็นน้องใหม่ในสถาบัน
รัชชานนท์ ดำรงรักษ์สกุล (ริกเตอร์) ตัดต่อภาพแบล็กเมล์นักศึกษาหญิงที่เคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว
วสุพล พิสุทธิธาดา (เวกัส) คลิปหลุดใช้ห้องพยาบาลเป็นที่ร่วมรักกับนักศึกษาหญิง ซึ่งละเมิดกฎสำคัญของสถาบันอย่างชัดเจน (บัญญัติไว้ตั้งแต่ต้นปี)
แม้จะเป็นโพสต์ในกระทู้ลับ แต่กลับถูกแชร์ต่อในกลุ่มโซเชียลของนักศึกษาในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ความลับนี้จึงกลายเป็นระเบิดตูมใหญ่ที่เกิดขึ้นในสถาบันจนคนทั้งสถาบันอึ้งไปตาม ๆ กัน
ผลกระทบนี้ทำให้คณบดีของสถาบันสั่งเรียกสอบกลุ่มที่มีรายชื่อทันทีและคณะกรรมการฝ่ายความประพฤติก็ลงมติตัดคะแนนขั้นสูงสุด บางคนโดนสั่งพักสิทธิ์กิจกรรมทุกอย่าง บางคนถูกบังคับให้เข้าร่วมโครงการบำเพ็ญประโยชน์อย่างไม่มีข้อยกเว้น ทั้งแก๊งแตกกระเจิงตามข้อกระทำผิด มีเพียงคนเดียวที่ไม่ปรากฏในรายชื่อนั่นก็คือ...ลมหนาว
ปึง!
ภายในห้องใต้ดิน ความเงียบถูกแทนด้วยเสียงปาแฟ้มใส่ผนังอย่างแรง ด้วยฝีมือของหัวหน้าแก๊งอย่างเวกัส ในขณะที่โชนฟาดหมัดลงกับโต๊ะและสบถออกมาอย่างคับแค้นใจ
“ใครมันกล้าเล่นแรงขนาดนี้วะ!!”
เวกัสยืนนิ่ง กรามขบแน่นจนขึ้นสัน ใบหน้าหล่อครุ่นคิดราวกับรู้ว่าเป็นฝีมือใคร
“ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย…ยัยโหดนั่นแน่ ๆ”
“มีแค่คนของสภานักศึกษาเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลภายในระดับนั้นได้...มึงว่ากูพูดผิดไหมเวกัส?” หลุยส์เอ่ยถามเวกัส
“ไม่ผิด…ยัยนั่นจงใจทิ้งระเบิดตรงจุด เป็นการเปิดศึกชัดเจน” เวกัสคาดการณ์
“ที่มึงโกรธเพราะเจ็บใจที่เธอทำให้เสียภาพพจน์ความเป็นราชาของมึง…หรือมึงโกรธที่เธอรู้ว่ามึงเอาผู้หญิงไปกินในห้องพยาบาล...”
“เงียบไปเลยไอ้หนาว…ก่อนที่กูจะหมดความอดทน ไม่พูดเหมือนเดิมดีแล้วมึง...ไอ้เพื่อนเวร!” เวกัสดักคอลมหนาว เมื่อรู้สึกว่าคนพูดน้อยอย่างเขาจะเริ่มพูดมาก
“แม่ง! กูอยากรู้นัก...ว่าไอ้ตัวไหนเป็นคนมือบอนลงข่าวในโซเชียล จับได้นะ...กูจะเยสให้ Error ทั้งระบบเลย”
ริกเตอร์ลั่นวาจาอย่างเลือดเย็น เพราะสิ่งที่เขาทำ ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น แต่คนสร้างกระแสกับจงใจปั่นข่าวให้เหมือนเขากับเพื่อน ๆ ดูต่ำทรามเกินความเป็นจริง
“พวกมึงจำรอยยิ้มของยัยโหดตอนที่อยู่ในห้องประชุมได้ไหม?” โชนถาม
“รอยยิ้มที่น่าบีบคอนั่นน่ะเหรอ...ชาตินี้ทั้งชาติกูจะไม่มีวันลืมเลย”
ภาพของใบหยกยืนสงบนิ่งอย่างมั่นคง พลางจ้องตรงมาที่เขาในวันประชุมใหญ่ ด้วยแววตาไร้ความเกรงกลัวใด ๆ พร้อมแสยะยิ้มราวกับคนที่ได้รับชัยชนะ วนเวียนสลับไปมาในหัวของเวกัส จนต้องกัดฟันแน่นข่มความเดือดดาลเอาไว้
“ในเมื่อเธออยากเล่นเกมนัก ฉันก็จะเล่นกับเธอสักหน่อย...แล้วมาดูกัน ว่าคนอย่างฉัน เวลาเอาจริงมันเป็นยังไง...”
(ณ วาสุปาร์ค คอนโดหรูใจกลางเมือง ระดับ Super Luxury)
เวกัสนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ที่กำลังเข้าสู่โปรแกรมแฮ็กฐานข้อมูล ที่ไม่มีใครเข้าใช้ได้ นอกจากเขาและคนของเขาเท่านั้น
พึ่บ…
พึ่บ…
พึ่บ…
ทันทีที่เข้าใช้งานได้สำเร็จ ภาพถ่ายก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทีละใบ ภาพเหล่านั้นคือภาพของใบหยก มีทั้งภาพในชุดมัธยม สวมแว่นทรงกลม กำลังยืนอยู่หน้าโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเขตชนบท และภาพใบหยกขณะกำลังล้างจานในโรงอาหารตอนปีสอง และอีกหลายภาพที่เวกัสนั่งดูด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา
“นี่มัน...เรื่องบ้าบออะไรวะเนี่ย”
ภาพของใบหยกกับพ่อ…ที่พิการแขนขาด…ในบ้านเช่าแคบ ๆ ที่ไม่มีแม้กระทั่งตู้เย็นและสิ่งอำนวยความสะดวก สลับกับภาพของเธอที่กำลังจ้องหน้าคณะกรรมการสภานักศึกษา ด้วยดวงตาที่เคลือบแฝงแรงโทสะอย่างมีอำนาจ มันขัดแย้งกันจนแทบจะหาข้อเท็จจริงไม่ได้ว่าอันไหนคือตัวเธอ
“ประธานสภา? เด็กทุนดีเด่น? แต่บ้านกลับไม่มีแม้แต่เครื่องซักผ้า…หรือตู้เย็น” เวกัสพึมพำกับตัวเอง ขณะกำลังเลื่อนดูภาพ
“เธอไม่ได้อยู่รอดเพราะโชคช่วยสินะ…สู้ชีวิตเหลือเกินยัยโหด…”
มือที่คลิกเมาส์รัว ๆ ในตอนแรกถึงกับชะงักเมื่อเบาะแสสำคัญบางอย่างถูกดาวน์โหลดเข้ามาปรากฏชัดอยู่บนหน้าจอ
“เอกสารยื่นขอสมัครการคัดเลือกเข้าฝึกงานในบริษัท วีวีไอที (VVIT) กรุป จำกัด...ลงชื่อ...ยลดา ครองฉัตร”
ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วขึ้นปม ก่อนจะทิ้งตัวพิงไปกับโซฟาอย่างครุ่นคิด
“ทำไมยัยโหดถึงอยากไปฝึกงานที่นั่น...”
นี่คือสิ่งที่เวกัสต้องหาคำตอบ แสงสว่างจากจอสะท้อนเข้าดวงตาของเวกัส ในขณะที่ภายนอกคอนโดตอนนี้ สายฝนกำลังกระหน่ำลงมาไม่หยุด หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขาเลื่อนแสดงภาพสุดท้ายขึ้นมา เป็นภาพที่ใบหยกกอดพ่อเอาไว้แน่นอย่างอบอุ่นใจ อยู่ภายในบ้านไม้หลังโทรม ๆ ตรงเขตสลัมที่แออัด
“บ้าเอ๊ย...”
แววตาของเวกัสแปรเปลี่ยนไปในทันที จนต้องรีบพับหน้าจอเพื่อปิดภาพนั้นลงไปซะ เพราะหัวใจของเขาอยู่ ๆ ก็สั่นหวิวจนเกิดความสงสาร ทั้งที่เธอคือศัตรูที่เขาควรจะจัดการให้เด็ดขาด ให้สมกับความอวดเก่งที่กล้ามาต่อกรกับเขา และแน่นอนว่ามันจะไม่จบลงง่าย ๆ ถ้าเธอไม่ยอมสยบแทบเท้าของเขาก็อย่าหวังว่าชีวิตของเธอจะสงบสุขอีกเลย...
หลายวันต่อมา...ขณะที่ใบหยกกับคณะกำลังร่วมประชุมหาลือกันในเรื่องโปรเจกต์อยู่นั้น ฝนห่าใหญ่ก็กระหน่ำลงมาอย่างไม่มีความปรานี ท้องฟ้าที่เคยแดดจ้ากลับมืดครึ้มจนดูน่ากลัว ราวกับสวรรค์จงใจจะใช้พายุฝนมาทดสอบความสามารถของทุกคนในไซต์งานแห่งนี้ครื้นนนน!!!เสียงฟ้าร้องคำรามประสานเข้ากับแรงลมที่โหมซัด จนผ้าใบกันแดดปลิวสะบัดไปตามทิศทางลม โครงเหล็กสูงตระหง่านที่กลุ่มวิศวกรรมโยธาร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นกว่าครึ่งทาง สั่นไหวอย่างแรงจนโคลงเคลงเห็นได้ชัด“เฮ้ย! นที...ดูนั่น!” กลุ่มวิศวกรรมโยธาต่างกรูเข้ามารวมกันที่หน้าต่างห้องประชุม เพื่อที่จะดูว่าโครงสร้างที่พวกเขาช่วยกันทำไว้ จะรอดพ้นจากพายุร้ายที่กำลังโหมกระหน่ำในตอนนี้หรือไม่ใบหยกที่ยืนอยู่ใต้ชายคาอาคารเดียวกันกับทุกคนในกลุ่ม สองมือกำเข้าหากันแน่น ดวงตากลมสั่นระริกเต็มไปด้วยแววแห่งความหวาดกลัว“ได้โปรด…อย่าพังนะ…”คำภาวนานั้นดังก้องอยู่ในใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับบทสวด แต่แล้วในเวลาต่อมาก็เกิดเสียงดังสนั่นออกมาจากฐานเหล็กด้านล่าง ตรงจุดที่น่านนทียืนยันนักหนาว่าแข็งแรงตามแบบฉบับ แต่มาตอนนี้กลับแตกร้าวเสียงดัง และเพียงไม่กี่นาทีต่อจากนั้น โครงสร้า
เช้าวันต่อมา...รถหรูของเวกัสแล่นเข้ามาจอดรถหน้าบ้านของใบหยกตั้งแต่เช้า พอพ่อของเธอออกมาเห็นก็ยิ้มรับอย่างเอ็นดู ก่อนจะตะโกนเรียกลูกสาวให้รีบออกมา ใบหยกที่ยังมึน ๆ งง ๆ เลยต้องยอมขึ้นรถมากับเขา เพราะไม่อยากให้พ่อตั้งคำถาม แต่ในใจก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่า...ทำไมเขาต้องอยากมารับมาส่งเธอแบบนี้ด้วยทว่าพอรถเคลื่อนออกไปได้ไม่นาน ใบหยกก็หันไปต่อว่าเขาทันทีเพราะแทนที่เขาจะพาไปดูงาน แต่กลับพาเธอมาที่ร้านอาหาร“ฉันจะไปดูงาน ไม่ได้จะมากินข้าวนะ” เวกัสเหลือบสายตาคมมามองเธอเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“ถ้าเธอไม่กินข้าว ร่างกายจะไม่ไหว งานก็ไม่เดิน แล้วสุดท้ายเธอจะกลายเป็นภาระของกลุ่ม”คำพูดหนักแน่นนั้นทำให้ใบหยกเงียบไป เธอรู้ดีว่าที่ผ่านมาเธอดื้อกับร่างกายตัวเองเกินไป จึงจำใจต้องเดินตามเขาเข้าไปในร้านอาหาร บรรยากาศภายในหรูหรามาก จนเธอได้แต่คิดในใจว่าจะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายพอมานั่งลงบนโต๊ะอาหาร เขาก็สั่งอาหารมาหลายอย่างมาก และอาหารทั้งหมดล้วนเป็นเมนูพิเศษที่เธอแทบไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อน ใบหยกจึงหันไปต่อว่าเขา“นายสั่งเยอะไปหรือเปล่า เยอะขนาดนี้กินไม่หมดหรอก”“กินเท่าที่ไหว เหลือก็ห่อกลับ”
ในห้องโดยสารที่มีเพียงเสียงเครื่องยนต์กับจังหวะหายใจของทั้งสอง บรรยากาศกลับเงียบกว่าที่ควรจะเป็น ใบหยกนั่งตัวเกร็ง มือกำชายกระโปรงไว้แน่น พยายามไม่เหลือบสายตาไปมองคนข้าง ๆ แต่กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ที่โชยมาจากร่างสูงกลับก่อกวนหัวใจของเธอให้เต้นระส่ำทว่าเงียบได้ไม่นานนัก รถก็เกิดเบรกกะทันหัน เพราะมีมอเตอร์ไซค์ตัดหน้า ร่างเล็กของใบหยกเกือบจะโผไปชนคอนโซลข้างหน้า โชคดีที่แขนแกร่งของเวกัสคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทัน“ระวังหน่อยสิ!” ใบหยกอุทานทั้งตกใจทั้งเขิน รีบสะบัดแขนเขาออก แต่เวกัสกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วใช้โอกาสนั้นโอบรอบเอวเธอแทน ก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ จนแนบชิดอกแกร่ง“เฮ้! ปล่อยนะ” เธอโวยเสียงดัง ทั้งที่แก้มยังแดงจัดแต่แทนที่จะปล่อย เขากลับเอนตัวนิด ๆ มองตรงไปข้างหน้าอย่างใจเย็น “นั่งเฉย ๆ จะได้ไม่เจ็บตัว”ใบหยกถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง เพราะไม่อยากปะทะกับเขาตอนนี้ ร่างกายเธอไม่มีแรงจะทำศึกกับใคร เลยต้องยอมปล่อยเลยตามเลย ทว่าคนข้าง ๆ กลับแอบอมยิ้มบาง ๆ มุมปากยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัวกระทั่งรถหรูแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าปากซอยซึ่งเป็นทางเข้าบ้านของเธอ เวกัสก็เดินลงมาเปิดประตูให้ราวกับสุภาพบุรุ
เสียงเครื่องมือก่อสร้างดังระงม ตลอดแนวพื้นที่สำหรับสร้างโปรเจกต์หอนาฬิกา เสียงเหล็กกระทบกับค้อนผสานกับเสียงหัวเราะหยอกล้อกันของเหล่านักศึกษาที่ร่วมแรงร่วมใจ ท่ามกลางแสงแดดแรงที่สาดแสงจนพื้นคอนกรีตร้อนระอุ แต่ใบหยกกับกลุ่มวิศวกรรมโยธาของน่านนทีกลับกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ทุกคนแทบจะกินนอนอยู่ตรงไซต์งาน หอบโน้ตบุ๊กมาวางตรงม้านั่งยาวเพื่อปรับแบบ ตรวจเช็กสัดส่วน และแก้ไขรายละเอียดตามความเป็นจริง และทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยพักบ้าง ทำบ้าง สลับกันไป แต่ใบหยกกลับเป็นคนที่ไม่เคยหยุดพัก เธอคอยจด คอยตรวจเช็กและแก้ไข เพื่อปรับให้โครงสร้างสมบูรณ์ลงตัว เสมือนพลังงานในร่างของเธอไม่มีวันหมด“ใบหยก หยุดพักก่อนเถอะ แดดมันแรงนะ”มินตราเอ่ยเตือนพร้อมยื่นขวดน้ำและข้าวกล่องมาให้เธอ แต่เจ้าของร่างเล็กกลับทำเพียงส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ แล้วหันกลับไปจ้องแปลนที่อยู่ในมือต่อเพื่อน ๆ ต่างรู้ว่าเธอทุ่มเทที่สุด เพราะนี่ไม่ใช่แค่โปรเจกต์ธรรมดา แต่มันคือความฝันที่เธออยากให้เป็นสัญลักษณ์ของสถาบัน เป็นร่องรอยที่เธอจะฝากเอาไว้ทว่า…ร่างกายที่ไม่ได้พักก็มีขีดจำกัดบ่ายวันนั้
ห้องออกแบบเงียบสงบ หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ทุกคนทยอยกลับกันหมดแล้ว เหลือเพียงใบหยกที่นั่งอยู่กลางโต๊ะ ก้มหน้าขีดเขียนแก้ไขแปลนงานอย่างตั้งอกตั้งใจ แสงไฟจากโคมเพดานส่องลงมาบนใบหน้าของเธอ ทำให้ดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายเปล่งสว่างยิ่งกว่าแสงไฟใด ๆเธอยิ้มออกมาเล็กน้อย เมื่อมองแปลนที่ปรับแต่งจนเสร็จสมบูรณ์ รอยยิ้มสดใสที่ดูมีความสุขผุดขึ้นเล็กน้อย เพียงเพราะได้เห็นผลงานของตัวเองเป็นรูปเป็นร่างจนเสร็จสมบูรณ์แต่ใบหยกกลับไม่รู้เลยว่า ตอนนี้ได้มีร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้เธอจากทางด้านหลังอย่างเงียบ ๆ ฝีเท้าที่ย่างยกเข้ามาลงน้ำหนักเบา ๆ จนแทบไม่เกิดเสียงจนกระทั่ง...ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดต้นคอขาวเนียน ใบหยกสะดุ้งเฮือก รีบหันขวับไปมองทันที และสิ่งที่เธอได้เห็นก็คือใบหน้าคมคายของเวกัส ที่อยู่ใกล้จนเหลือเพียงคืบเดียวหัวใจของเธอเต้นรัว มือไม้ไร้เรี่ยวแรงจนแทบล้ม แต่เวกัสกลับรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดได้ทัน พลางกระซิบเสียงทุ้มแผ่วเบาชิดข้างใบหูของเธอ“อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ดีนะรู้ไหม หืม?”“นะ...นายจะทำอะไร?”ใบหยกถึงกับสั่นไปทั้งตัว เธอรีบใช้แรงทั้งหมดที่เหลือดันแผงอกของเขาให้ออกห่าง
เวลานี้ที่ห้องประชุมใหญ่ของสถาบันดูคึกคักมากกว่าปกติ เพราะวันนี้...เป็นวันแรกที่กลุ่มสภานักศึกษาของใบหยก ได้ร่วมโต๊ะทำงานกับกลุ่มวิศวกรรมโยธาที่จะรับผิดชอบด้านการก่อสร้างชิ้นงานกระทั่งได้เวลาประชุม กลุ่มวิศวกรรมโยธาก็เดินเข้ามาทีละคน ร่างสูงล้วนอยู่ในเสื้อช็อปที่ดูทะมัดทะแมง“สวัสดีครับ!!!” เสียงทักทายเต็มไปด้วยพลัง ราวกับคนที่คุ้นเคยกับสนามงานจริง“สวัสดี…ผมเป็นหัวหน้าทีมที่จะดูแลการก่อสร้างชิ้นงานของโปรเจกต์นี้ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ”นที หรือ น่านนที หัวหน้าทีมวิศวะโยธา หนุ่มร่างสูงผิวขาว ดวงตาคมทว่าเต็มไปด้วยความอบอุ่น กล่าวทักทายทีมของใบหยก ใบหน้าหล่อยกยิ้มบาง ๆ ก่อนยื่นมือออกมาข้างหน้า ใบหยกชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นไปจับมือเขาตอบอย่างสุภาพ“ค่ะ…ใบหยกค่ะ ประธานสภานักศึกษา และหัวหน้าทีมออกแบบ”“อะแฮ่ม...” เสียงกระแอมเบา ๆ ของวิเวียนดังขึ้น พร้อมสายตาเจ้าเล่ห์ที่ทอดส่งมาแซวใบหยก จนเธอต้องรีบดึงมือกลับมา ส่วนมินตราก็อมยิ้มราวกับกำลังสนุกกับบรรยากาศตรงหน้า แต่ใบหยกพยายามไม่ใส่ใจแบบแปลนหอนาฬิกาขนาดใหญ่ถูกนำออกมากางบนโต๊ะตัวยาว ที่มีแสงไฟสะท้อนเส้นลายดินสอที่วาดไว้อย่างพิถีพ