ช่วงเช้าของวันใหม่...คณะวิศวกรรมศาสตร์ยังคงวุ่นวายเหมือนเคย เสียงฝีเท้านิสิตนักศึกษาดังกระทบพื้นกระเบื้องแผ่วเบา พร้อมเสียงหัวเราะและการทักทายสลับกันไป
ทว่าภายในโถงล็อกเกอร์ของคณะกลับมีบางอย่างผิดปกติออกไป ทุกคนเหมือนจะมีจุดโฟกัสเดียวกันทั้งคณะ ตรงล็อกเกอร์หมายเลข 21 ซึ่งเป็นล็อกเกอร์ของประธานสภานักศึกษาสาวผู้ขึ้นชื่อในเรื่อง ‘เข้มงวดและดุดันที่สุดในรุ่น’
เธอคนนั้นคือ...ใบหยก หรือ ยลดา ครองฉัตร วิศวกรรมศาสตร์เครื่องกลปีสี่ ประธานสภานิสิตนักศึกษาของ มหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี (EST) (ENGINERING SCIENCE AND TECHNOLOGY INSTUTE) สถาบันเอกชนขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงในระดับประเทศ ที่ใคร ๆ ต่างอยากมีชื่อเป็นหนึ่งในคนที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่
เพราะถ้าไม่ใช่ลูกหลานของคนมีชื่อเสียงโด่งดังและรวยระดับประเทศจะเข้าเรียนได้ยากมาก นอกจากจะเรียนเก่งจนสอบติดเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเรียนทุนของสถาบันจริง ๆ คนทุนน้อยถึงจะมีโอกาสได้เรียน
และใบหยกก็คือหนึ่งในนักเรียนทุนของสถาบันนั่นเอง เพราะแบบนี้เธอถึงถูกเขม่นจากกลุ่มคนที่ชอบเหยียดด้านฐานะ แต่ใบหยกก็ไม่ได้มานั่งสนใจคนพวกนั้นมาก เพราะเธอรู้สึกว่ามันดูไร้สาระสิ้นดี
และตอนนี้ใบหยกก็กำลังยืนอยู่หน้าล็อกเกอร์ส่วนตัว เพื่อจะเปิดเอาของที่ต้องใช้ในการเรียน ผมยาวดำสลวยถูกรวบขึ้นเป็นหางม้ายกสูงอย่างเรียบร้อย ดวงตากลมดุดันและเยือกเย็นดังเช่นทุกวัน ตามสไตล์คนที่มีบุคลิกของการเป็นตัวแทนและผู้นำแบบอย่างที่ดี
แต่แล้ว..เมื่อเธอไขกุญแจประตูล็อกเกอร์ส่วนตัว และเปิดออกมา…
“......” ร่างเพรียวในชุดนักศึกษาที่สะอาดตาก็ถึงกับยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อเจอเข้ากับสิ่งแปลกปลอมตรงหน้า
เธอกะพริบตาสองสามครั้ง ก่อนสายตาจะเพ่งมองสิ่งแปลกปลอมที่วางอยู่ตรงนั้นอย่างโจ่งแจ้ง อันเกิดจากความตั้งใจของใครสักคน
ใบหยกสูดลมหายใจเข้าลึก พลางกัดฟันแน่นอย่างอดทน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ แต่ครั้งนี้สิ่งที่เธอได้เจอมันดูน่าขยะแขยงมากกว่าในทุกวัน
ถุงยางอนามัยเนื้อลื่นสีใสแจ๋ว ที่ภายในบรรจุของเหลวขุ่นข้นสีขาว อันมีสภาพรูปร่างที่ไม่น่าอภิรมย์ แม้เธอจะรู้อยู่แก่ใจว่าของเหลวสีขุ่นด้านในมันเป็นแค่ ‘นมข้นหวาน’ จากการที่เธอได้กลิ่นของมัน แต่สัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงเครื่องเพศนั้น มันทำให้ใบหยกอยากจะจับตัวการที่ก่อเรื่องมาลงโทษด้วยการยัดสิ่งนี้เข้าปากมันสักที
“หึ…พวกปัญญาอ่อน” เธอหัวเราะในลำคอเบา ๆ ดวงตากลมหรี่ลงอย่างคนที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
เธอสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง ก่อนจะหยิบถุงมือยางสีดำออกมาจากกระเป๋า แล้วค่อย ๆ สวมมันลงบนมือเรียวข้างขวาอย่างใจเย็น แม้จะมีเสียงกระซิบเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณ แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นใจใดๆ
เธอใช้ปลายนิ้วหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาราวกับมันเป็น ‘วัตถุต้องสงสัย’ เสียงซุบซิบรอบข้างก็ดังขึ้นอีกระลอกหนึ่ง ด้วยถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างมันปาก
“เฮ้ย…แม่ง! หยิบจริงว่ะ”
“เธอไม่รังเกียจเลยเหรอวะ…หรือว่าชินของจริง...”
“เชี่ย! ใจโคตรนิ่งอ่า”
ใบหยกยังคงไม่พูดอะไร เธอเดินตรงไปยังถังขยะที่มุมห้องโถง แล้วโยนเศษชิ้นส่วนแปลกปลอมนั้นลงไป
ก่อนจะหันกลับมากวาดสายตามองไปรอบตัวช้า ๆ ทีละมุม แววตาคู่นั้นเหมือนมีเข็มแหลมนับพันซ่อนอยู่ มันถึงได้ดูทิ่มแทงและดุกร้าวจนน่าหวาดเสียวเช่นนี้
“น่าเสียดายมันสมองที่สมบูรณ์แบบ แต่เจ้าของกลับไม่คิดจะใช้งานมัน”
คำพูดประโยคนั้นหลุดออกจากปากเธอ ราวกับเปรยขึ้นลอย ๆ แต่ดันวิ่งเข้าใส่ฝูงชนที่แอบซุ่มดูอยู่ทั่วทั้งบริเวณ
ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกประณามด้วยคำพูดที่จี้ตรงจุด จนต้องเบนสายตาหลบกันแทบจะทุกคน ด้วยไม่อาจสู้หน้าเธอ
แต่แล้ว...ในจังหวะนั้นเอง เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของใบหยก จนเธอต้องหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น
“โอ้โห…พึ่งรู้นะว่า...ประธานสภาของมหา'ลัยพวกเรา ชอบเก็บสะสมความทรงจำสุดเสียวเอาไว้ยามคิดถึง...”
เสียงที่ดังขึ้นคือ หลุยส์ หรือ เหมราช ศิริทรัพย์สกุล วิศวกรรมเครื่องกลปีสี่ หนึ่งในสมาชิกของแก๊ง ‘บัญชีดำ’ ที่มี เวกัส หรือ วสุพล พิสุทธิธาดา วิศวกรรมเครื่องกลปีสี่เช่นกัน เป็นหัวหน้าแก๊ง
เวกัสที่ตอนนี้ยืนกอดอกพิงผนังฝั่งตรงข้ามอยู่ ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มกวน ๆ ประดับไว้เต็มใบหน้า แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับไม่กล้าช้อนขึ้นมามองหน้าใบหยกแบบตรง ๆ เพราะภาพในฝันเมื่อคืนมันชัดเจนและเหมือนจริงมากเกินไป จนเขายังสลัดมันออกจากหัวไม่ได้เลย เสียงของเธอเมื่อคืนยังแทรกอยู่ในหัวของเขาราวกับถูกหลอกหลอน
“อย่าบอกนะว่าเมื่อคืน ประธานสภาไปล่าแต้มมา...” โชน หรือ โชติวัฒน์ รัตนานุกูลเกียรติ หนึ่งในสมาชิกแก๊งเอ่ยขึ้น
“คนที่โคตรโชคร้ายคนนั้นเป็นใครวะ เดาได้ว่าของคงขาดนาน หรือไม่ก็อดอยากปากแห้งพอสมควร ไม่งั้นคงไม่สมสู่กับประธานสภาอย่างเธอแน่...สงสัยคงอยากจัดจนเพี้ยนว่ะ ฮ่า ๆ”
หลุยส์หัวเราะออกมาเสียงดัง จนคนทั่วทั้งห้องโถงลั่นเสียงหัวเราะตาม ราวกับโรคติดต่อ
ทว่าเสียงหัวเราะที่ทุกคนระเบิดขึ้นพร้อมกัน กลับทำให้เวกัสไม่รู้สึกขำไปด้วยเลยสักนิด ใบหน้าหล่อเชิดขึ้นเล็กน้อย แววตาคมกริบแอบเหลือบไปมองหน้าเพื่อนอย่างนึกขุ่นเคืองใจ เพราะคำพูดเมื่อครู่ดันสะกิดใจเขาเข้าเต็ม ๆ
สมสู่กับยัยประธานนั่นก็เท่ากับอดอยากปากแห้งอย่างงั้นเหรอ เขาคงเพี้ยนแบบที่เพื่อนว่า ถึงได้ฝันว่ามีอะไรกับยัยนั่นได้
“ดูพวกนายภูมิใจในผลงานกันจังเลยนะ จะบอกอะไรให้นะ...สิ่งที่พวกนายทำมันดูไม่สร้างสรรค์เอาซะเลย เอาเวลาว่างไปอ่านหนังสือสอบหรือไม่ก็ไปตามงานที่ค้างส่งอาจารย์จะดีกว่า” ใบหยกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ปากดีใช้ได้...” ริกเตอร์ หรือ รัชชานนท์ ดำรงรักษ์สกุล อีกหนึ่งในสมาชิก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นตามนิสัยของคนพูดน้อย แม้เขาจะเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊ง แต่ในใจกลับแอบชื่นชมในความเก่งของใบหยกและกลุ่มของเธอ แต่คนที่ริกเตอร์นึกฉุนกลับเป็นเพื่อนในกลุ่มของเธอเสียมากกว่า
ใบหยกกวาดสายตามองไปรอบตัว ตอนนี้เธอเหมือนผู้หญิงตัวคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้ชายถึงห้าคน เธอไล่สายตามองพวกเขาทีละคน จนมาหยุดอยู่ที่...ลมหนาว กรสุวกุล หนึ่งในสมาชิกแก๊ง
‘ชีวิตเป็นของเรา เราเท่านั้นที่จะเป็นคนอนุญาตหรือไม่อนุญาต ให้ใครเข้ามาเป็นความทุกข์หรือความสุขในชีวิตได้...ถ้าเราไม่อนุญาต...ก็ไม่มีใครเข้ามามีบทบาทได้ทั้งนั้น’
ใบหยกทบทวนประโยคข้อความนี้ พร้อมกับพยายามนึกถึงใบหน้าของเขา เจ้าของเพจ...เมื่อลมหนาวมาเยือน และเธอก็ตามสืบจนเจอว่าเจ้าของเพจที่เธอพึ่งพิงในยามท้อ ก็คือเขาคนนี้เอง
ในขณะที่ทุกคนจ้องจะเล่นงานเธอ เขากับเอาแต่นิ่ง และเล่นเกมในมือถืออย่างไม่ใส่ใจเรื่องไร้สาระเหล่านี้ ทำให้ใบหยกคิดว่า คนอย่างเขาไม่ควรเข้ามาอยู่ในแก๊งแกะดำกับพวกนี้เลย
“ไม่ใช่ว่าเป็นยัยนี่หรอกเหรอ...ที่ของขาด...”
คำพูดเย็นเฉียบที่ถึงคราวหลุดจากปากเวกัส ทำเอาใบหยกหันขวับไปจ้องหน้าเขาทันที ทั้งที่กำลังมองลมหนาวอย่างชื่นชมอยู่
ทว่าพอช้อนสายตาขึ้นไปสู้สายตาคมกริบ ก็ทำให้เธอผงะเล็กน้อย เมื่อเวกัสกำลังยืนจ้องเธอตาเขม็ง ราวกับมีเรื่องโกรธแค้นเธออยู่ในใจ
“หยาบคาย...คิดว่าคนอย่างฉัน จะหมกมุ่นแต่เรื่องอย่างว่าเหมือนพวกนายหรือไง พวกนายคิดว่าการที่พวกนายแกล้งฉันแค่นี้ จะทำให้ฉันร้องไห้ยอมพ่ายแพ้แก่พวกนายงั้นเหรอ...อย่าคาดหวังขนาดนั้นดิ” ใบหยกยกยิ้มมุมปากอย่างไม่แยแส
“หึ...อย่าอวดเก่ง เจอของจริงจะพูดไม่ออก...” เวกัสชี้หน้าเธอ ใบหน้าแสยะยิ้มอย่างนึกหมั่นไส้ ในความหยิ่งผยองของเธอ แต่ใช่ว่าใบหยกจะกลัว เธอกลับเดินเข้าไปหาเขา จนทั้งคู่เผชิญหน้ากัน
“ศึกเริ่มแล้วว่ะ...” ริกเตอร์เอ่ย ในขณะที่ทุกคนมองทั้งคู่ราวกับลุ้นระทึก
“เอาจริงสักทีสิ คุณชาย...อย่าดีแต่บงการอยู่เบื้องหลัง มันไม่แมน”
ใบหยกจ้องหน้าเขานิ่ง ดวงตากลมไม่หลบสายตาเขาแม้เพียงนิด เวกัสที่ยืนกัดฟันแน่นจ้องสบตากับเธออยู่นาน แต่ประกายแวววาวในดวงตากลมตอนนี้ กลับทำให้เขาดันนึกไปถึงแววตาสั่นระริกและเสียงครางดังลั่นยามที่ถูกเขากระแทกความดุดันเข้าใส่แบบไม่ปรานี ทำให้เวกัสเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะรีบเดินหนีเพื่อหลบสายตาดุที่จ้องเขาแบบไม่ยอมกะพริบ
“อ้าว! เวกัส! ไปแล้วเหรอ?” โชนตะโกนไล่หลังเวกัสที่เดินดุ่ม ๆ ออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“มึงจะอยู่หาพ่อมึงเหรอ?”
“อ้าว...ไอ้สัส! ไว้เจอกันนะยัยประธาน...ไปพวกเรา” โชนหันไปบอกสมาชิกที่ต่างกำลังยืนงง เพราะหัวหน้าแก๊งอยู่ ๆ ก็ถอนทัพ ทั้งที่ยังไม่ได้รบเลยสักนิด ริกเตอร์กับลมหนาวถึงกับมองหน้ากันอย่างงุนงง ก่อนจะส่ายหัวและเดินยิ้มตามออกไป
“เฮ้อ! พ่อคะ...หนูจะอดทนกับพวกประสาทแดกพวกนี้ได้อีกนานไหม...อีกแค่ปีเดียวเอง แต่ทำไมมันถึงยิ่งหนักข้อขึ้นทุกวันเลย”
ใบหยกทั้งบ่น ทั้งถอนหายใจเป็นร้อยครั้ง เธอจะต้องอดทนและทำทุกอย่างตามเป้าหมายที่เธอวางไว้ ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน เธอก็จะต้องฝ่าฟัน เพื่อไม่ให้ทุกอย่างที่เธอตั้งใจต้องพังยับเยินอย่างที่เธอไม่อยากให้เป็น
(5ปีก่อน...)ภายในงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากการจับฉลากของขวัญของพนักงานทั้งบริษัท ชายคนหนึ่งได้รับของขวัญเป็นกล่องคุกกี้หอมหวานกับตุ๊กตาหมีขนฟูตัวใหญ่เป็นรางวัล แนบมากับซองเงินโบนัสของปีนี้ ซึ่งเขาจะได้ใช้จ่ายสำหรับค่าเล่าเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา“เอาไปให้ใบหยกดีกว่า...ต้องดีใจมากแน่ๆ”เขามองตุ๊กตาในมือ พลางยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงใบหน้าของลูกสาววัย 17ปี นาน ๆ ทีพ่อที่บ้างานอย่างเขาจะได้มีของขวัญไปฝาก ลูกสาวเขาต้องดีใจมากแน่ ๆ เพียงแค่คิดเขาก็สัมผัสได้ถึงความสุขที่เต็มตื้นในหัวใจแล้วเขาวางตุ๊กตาหมีตัวนั้นไว้บนโต๊ะเอกสาร ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ เครื่องจักรตัวใหญ่ซึ้งเขามีหน้าที่ควบคุมดูแล ก่อนจะหันไปทำงานกับเครื่องจักรอีกตัว ที่อยู่ด้านตรงข้ามกันอย่างคุ้นชินเสียงเครื่องจักรกำลังทำงาน ดังเป็นจังหวะคงที่ พร้อมกับมีเขาคอยดูแลและระบบควบคุมอยู่ไม่ห่างแต่แล้ว...กึก! ครืนนนน...ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงบางอย่างก็แทรกเข้ามาในโสตประสาทของเขา จนเขาต้องรีบหันกลับไปดู และหัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบรัดแน่นขึ้นทันที“ฉิบหายแล้ว...”เ
เสียงส้นรองเท้ากระแทกกับพื้นไม้ของห้องใต้ดินภายในตึกวิศวกรรมเครื่องกลดังลั่น ท่ามกลางเสียงเงียบกริบที่ตึงเครียดกว่าสนามรบ สายตาทุกคู่จับจ้องร่างสูงที่เดินวนไปมาอยู่กลางห้อง พร้อมประกายความโกรธแค้นอันรุนแรง ที่ฉายชัดในดวงตาสีเข้มของเขา“แม่งเอ๊ย!!!” เวกัสสะบัดเสื้อช็อปออกจากร่าง ก่อนจะเหวี่ยงลงพื้นอย่างหัวเสีย ดวงตาคมแข็งกร้าว ราวกับจะฆ่าคนตายได้เลย“ประกาศออกไป...ใครทำให้ยัยนั่นมาสยบแทบเท้าฉันได้ ฉันจะรับเข้าแก๊งตำแหน่งที่หก...” เวกัสประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงจริงจังหลุยส์ถึงกับผิวปากตอบรับทันที “หัวหน้าเอาจริงว่ะ”“มันถึงเวลาแล้ว...ที่เราควรจะจัดการกับยัยนั่นให้สาสมสักที” โชนเสริม“แล้วแบบไหน...ถึงเรียกว่าสาสม” ริกเตอร์เอ่ย“จะแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น แค่ให้ยัยนั่น...ยอมก้มหัวให้ฉันก็พอ” “เล่นกับไฟ ระวังไฟไหมตัว” ลมหนาวที่นั่งเงียบอยู่มุมห้อง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เหมือนเตือนเพื่อนว่าให้มีสติให้มากกว่านี้เวกัสหันขวับไปมองหน้าลมหนาวทันที เมื่อรู้สึกได้ถึงความเอนเอียงไปเข้าทางฝั่งตรงข้ามของเพื่อนรักอย่างลมหนาว“ถ้ายัยนั่นเป็นไฟ…ฉันก็จะเป็นน้ำมัน เผาให้มันไหม้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย”ลม
ช่วงเช้าของวันใหม่...คณะวิศวกรรมศาสตร์ยังคงวุ่นวายเหมือนเคย เสียงฝีเท้านิสิตนักศึกษาดังกระทบพื้นกระเบื้องแผ่วเบา พร้อมเสียงหัวเราะและการทักทายสลับกันไปทว่าภายในโถงล็อกเกอร์ของคณะกลับมีบางอย่างผิดปกติออกไป ทุกคนเหมือนจะมีจุดโฟกัสเดียวกันทั้งคณะ ตรงล็อกเกอร์หมายเลข 21 ซึ่งเป็นล็อกเกอร์ของประธานสภานักศึกษาสาวผู้ขึ้นชื่อในเรื่อง ‘เข้มงวดและดุดันที่สุดในรุ่น’เธอคนนั้นคือ...ใบหยก หรือ ยลดา ครองฉัตร วิศวกรรมศาสตร์เครื่องกลปีสี่ ประธานสภานิสิตนักศึกษาของ มหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี (EST) (ENGINERING SCIENCE AND TECHNOLOGY INSTUTE) สถาบันเอกชนขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงในระดับประเทศ ที่ใคร ๆ ต่างอยากมีชื่อเป็นหนึ่งในคนที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่เพราะถ้าไม่ใช่ลูกหลานของคนมีชื่อเสียงโด่งดังและรวยระดับประเทศจะเข้าเรียนได้ยากมาก นอกจากจะเรียนเก่งจนสอบติดเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเรียนทุนของสถาบันจริง ๆ คนทุนน้อยถึงจะมีโอกาสได้เรียนและใบหยกก็คือหนึ่งในนักเรียนทุนของสถาบันนั่นเอง เพราะแบบนี้เธอถึงถูกเขม่นจากกลุ่มคนที่ชอบเหยียดด้านฐานะ แต่ใบหยกก็ไม่ได้มานั่งสนใจคนพวกนั้นมาก เพราะเธอรู้สึกว่ามันดูไร้สาร
“อะ…อื้มมม…เวกัส…”เสียงครางหวานหูปนแหบพร่าดังสะท้อนในความมืดเป็นระลอก สลับกับเสียงลมหายใจหอบกระชั้น เหมือนสายฝนที่กำลังซัดกระหน่ำลงมาไม่หยุดในตอนนี้ในขณะที่ร่างกำยำของชายหนุ่มก็กำลังกระแทกความแข็งแกร่งอย่างหนักหน่วงใส่ร่างบาง ที่นอนอ่อนแรงอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างไม่อาจหยุดยั้ง“อาส์...ฮึ่ม...” ชายหนุ่มส่งเสียงคำรามก้อง พลางขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน เขาต้องอดทนและอดกลั้นความต้องการให้ถึงที่สุด เพื่อที่จะไม่เผลอทำให้เธอเจ็บตัว“อ๊า...เวกัส! เราเจ็บ...นายอย่าเร่งได้ไหม เราไม่ไหวแล้ว...อื้อ...”และแม้ตอนนี้ร่างกายจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอารมณ์ปรารถนา แต่จิตใต้สำนึกกลับบอกชายหนุ่มว่า...นั่นไม่ใช่เสียงที่ควรจะขานชื่อเขาออกมาอย่างอ่อนแรงเพราะความซาบซ่านที่เขามอบให้เพราะนั่นคือเสียงของ ใบหยก...ยัยประธานสภานักศึกษาผู้หัวแข็ง ที่เดินลากเสียงสั่งลงโทษคนของเขาแทบจะทุกครั้งที่เจอ ราวกับเธอจงใจ ที่จะกวาดล้างสมาชิกในแก๊งของเขาเธอคือคน...ที่เขาควรจะเกลียดเข้าไส้ที่สุดในตอนนี้มากกว่า...และเธอก็คือผู้หญิงที่เขาเคยป่าวประกาศว่า...“ถ้ามีแค่ยัยนี่คนเดียวในโลก กูยอมไปบวชตลอดชีวิต...ยังจะดีกว่า”แต่ทว่าต