(5ปีก่อน...)
ภายในงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากการจับฉลากของขวัญของพนักงานทั้งบริษัท ชายคนหนึ่งได้รับของขวัญเป็นกล่องคุกกี้หอมหวานกับตุ๊กตาหมีขนฟูตัวใหญ่เป็นรางวัล แนบมากับซองเงินโบนัสของปีนี้ ซึ่งเขาจะได้ใช้จ่ายสำหรับค่าเล่าเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา
“เอาไปให้ใบหยกดีกว่า...ต้องดีใจมากแน่ๆ”
เขามองตุ๊กตาในมือ พลางยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงใบหน้าของลูกสาววัย 17ปี นาน ๆ ทีพ่อที่บ้างานอย่างเขาจะได้มีของขวัญไปฝาก ลูกสาวเขาต้องดีใจมากแน่ ๆ เพียงแค่คิดเขาก็สัมผัสได้ถึงความสุขที่เต็มตื้นในหัวใจแล้ว
เขาวางตุ๊กตาหมีตัวนั้นไว้บนโต๊ะเอกสาร ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ เครื่องจักรตัวใหญ่ซึ้งเขามีหน้าที่ควบคุมดูแล ก่อนจะหันไปทำงานกับเครื่องจักรอีกตัว ที่อยู่ด้านตรงข้ามกันอย่างคุ้นชิน
เสียงเครื่องจักรกำลังทำงาน ดังเป็นจังหวะคงที่ พร้อมกับมีเขาคอยดูแลและระบบควบคุมอยู่ไม่ห่าง
แต่แล้ว...
กึก! ครืนนนน...
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงบางอย่างก็แทรกเข้ามาในโสตประสาทของ
เขา จนเขาต้องรีบหันกลับไปดู และหัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบรัดแน่นขึ้นทันที“ฉิบหายแล้ว...”
เขาสบถเสียงแผ่ว เมื่อเห็นร่างของเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่ง วัยราว ๆ 10-12ขวบปี ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหน กำลังหยิบตุ๊กตาหมีของเขายัดเข้าไปในช่องฟันเฟืองของเครื่องจักรที่กำลังหมุนด้วยแรงมหาศาล
ดวงตาคมเบิกโตจนสั่นเทาไปทั้งร่าง ก่อนจะรีบกระโจนพรวดเข้าไปดึงเด็กคนนั้นออกมา เพราะมือน้อย ๆ ของเธอกำลังจะถูกดูดเข้าไปข้างใน
“เฮ้ย! แม่หนูอย่า!” เสียงตะโกนของเขาแผดดังออกมาด้วยสัญชาตญาณ ที่รับรู้ได้ถึงอันตราย มือขวาของเขากระชากแขนเล็กของเด็กน้อยคนนั้นออกมาได้ทัน แต่แรงหมุนของเครื่องจักรกลับตวัดรัดเอาแขนซ้ายของเขาเข้าไปแทน
“กรี๊ด!!!!!!”
“อร๊ากกก...”
เสียงโลหะหนักที่บดท่อนแขนของเขาดัง ก๊อบ! แก๊บ! ชัดเต็มโสตประสาท ความเจ็บปวดแผ่ซ่านราวกับไฟที่ลุกจากปลายนิ้วแล้ววิ่งเข้าสู่หัวใจ
สายตาของเขาพร่ามัว แต่ยังโอบกอดเด็กน้อยไว้แน่น ป้องกันไม่ให้แม้แต่เศษโลหะแตะต้องโดนร่างของเธอ
ภาพสุดท้ายก่อนหมดสติคือเลือดสีเข้มไหลรินลงบนพื้นคอนกรีต และตุ๊กตาหมีของลูกสาวที่ขาดวิ่นและตกกลิ้งไปไกล ขนสีขาวของมันเปื้อนเลือดของเขาจนแดงเถือกไปทั้งตัว ก่อนสติสุดท้ายจะมืดมนและดับวูบไป...
นายบุญชัยลืมตาขึ้นมาเผชิญหน้ากับปัจจุบัน พลางถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เขาก้มลงมองแขนซ้ายของตนที่เหลือความยาวเพียงข้อศอก รอยตัดเย็บที่เรียบกริบเป็นร่องรอยจากคมมีดของหมอ ที่จำเป็นต้องตัดเนื้อร้ายซึ่งโดนปั่นจนกระดูกแหลกละเอียดออกเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้
แต่ทว่าหัวใจยังคงเจ็บปวด...ไม่ใช่เพราะแขนที่เสียไป แต่เพราะเขาไม่เคยรู้แม้กระทั่งชื่อของเด็กคนนั้น เด็กที่เขาเสี่ยงชีวิตช่วยไว้จนชีวิตของเขาตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แต่พ่อแม่ของเด็กคนนั้นกลับไม่ได้มาถามไถ่หรือแสดงตัวใด ๆ จนตอนนี้
เหตุการณ์ครั้งนั้นพลิกผันชีวิตของเขาให้ดิ่งลงสู่ก้นเหวที่สูงชัน เขากลายเป็นผู้พิการแขนขาดไร้การเยียวยา ไร้หน้าที่การงาน แถมยังถูกโกงเงินประกัน จนลำบากลูกเมีย เงินเก็บที่เอาไว้ให้ลูกเรียนต้องก็เจียดมาใช้จ่ายเป็นค่ารักษาของตน จนอนาคตของลูกแทบจะริบหรี่ เคราะห์ซ้ำกำซัด...ภรรยาที่รักก็ป่วยเพราะตรอมใจจนชิงจากโลกนี้ไปก่อน เหลือเพียงเขากับลูกสาวที่ต้องสู้กันต่อไป
แต่หากย้อนกลับไปในวันนั้นอีกครั้ง เขาก็คงเลือกที่จะช่วยเด็กคนนั้นอยู่ดี เพราะเขาคงปล่อยให้เด็กคนนั้น ถูกเครื่องจักรดูดเข้าไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้เช่นกัน
“อย่างน้อย…พ่อก็ยังได้กลับมาหาใบหยกของพ่อ” เขาพึมพำกับตัวเอง พลางยกยิ้มบางเบา แม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่เคลือบด้วยรสขมปร่าของอดีตที่ผ่านมาก็ตาม
ภายในบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ ในชุมชนเก่า ๆ ที่แออัด เสียงพัดลมตัวเก่าโคลงเคลงอยู่บนเพดานเหนือหัว โต๊ะไม้สีหม่นมีแก้วน้ำสองใบและกับข้าวจานเดียววางอยู่ตรงกลาง
ใบหยกนั่งลงตรงข้ามผู้เป็นพ่อ มือเรียวยังจับปากกาและแฟ้มเอกสารที่หอบกลับมาจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาทำต่อที่บ้าน
บุญชัยผู้เป็นพ่อหันมามองหน้าลูกสาว ก่อนจะยิ้มหน้าระรื่นราวกับมีความสุข ที่ได้เห็นถึงความเพียรพยายามของลูกสาว
“ทำไมวันนี้กลับค่ำอีกแล้วล่ะลูก”
ใบหยกวางแฟ้มลงบนโต๊ะ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มีประชุมโปรเจกต์ค่ะ ปีนี้ต้องทำเป็นกลุ่มด้วย…หนูไม่ถนัดเลย”
“อ้าว...แล้วเมื่อก่อนหนูทำยังไง?” ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้ว และเอียงคอมองลูกสาวด้วยความไม่เข้าใจ
“เมื่อก่อนทำคนเดียวค่ะ ก็เลยได้แบบที่คิดไว้ เพราะไม่ต้องขัดกับใคร แต่ปีนี้…ต้องฟังความคิดเห็นของหลายคน แล้วก็ต้องทำให้คนอื่นพอใจด้วย...ยากกว่าทำงานคนเดียวซะอีก” เสียงเธอแผ่วลง ราวกับเจอโจทย์ที่ยากขึ้นจริงๆ
“มันเหนื่อยใช่ไหมลูก?” บุญชัยเอ่ยถาม ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว
“มันเหนื่อย…แต่ก็ต้องทำค่ะ เพราะถ้าทำสำเร็จ หนูจะมีโอกาสได้ทุนเพิ่ม…แล้วก็จะได้ไปฝึกงานที่VVIT”
ใบหยกพูดด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่น ว่าเธอจะต้องทำมันให้สำเร็จ คนเป็นพ่อจึงยื่นแขนข้างที่โดนตัดขาดทางด้านซ้าย เอื้อมมาแตะที่หลังมือของเธอเบา ๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
“VVITนี่...ใช่บริษัทที่...” บุญชัยเอ่ยถึงบริษัทที่เขาไม่เคยลบลืมจากความทรงจำ แม้มันจะผ่านมานานหลายปี แต่ชื่อบริษัทนี้กับติดตรึงอยู่ในใจเขาไม่เคยลืม ภาพความทรงจำที่มีทั้งดีและแย่แทรกซึมเข้ามาในหัว จนเขาเกิดความกังวลใจ หากลูกสาวสุดที่รักต้องเข้าไปอยู่ในที่แห่งนั้น
“ใช่ค่ะ...” ใบหยกตอบ พลางทอดสายตามองผู้เป็นพ่อนิ่งนาน พลางกวาดสายตาหม่นมองไปที่แขนข้างซ้ายของพ่อ ที่ถูกตัดตรงข้อศอกเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ภาพของพ่อในวันนี้ มันยิ่งทำให้ใบหยกอยากก้าวข้ามขั้นตอนทุกอย่างเข้าไปในบริษัทนั้นด้วยซ้ำ แต่เธอก็จำเป็นต้องมีสติและใจเย็นกับมันให้มาก เพื่อไม่ให้ความตั้งใจที่เธออดทนรอมานานต้องสูญเปล่า
“...บริษัทที่ทำให้พ่อต้องเป็นแบบนี้ บริษัทที่โกงเงินประกันของพ่อ…จนแม่...ฮึก! ต้องตรอมใจตาย” ใบหยกพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แววตาสั่นระริกทุกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต
ความเงียบงัน แทรกซึมเข้ามาชั่วขณะ มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองพ่อลูก ที่กำลังนั่งมองหน้ากัน แววตาแฝงลึกไปด้วยความเจ็บปวดคับแค้นใจ
“แล้วลูก...ยังอยากจะไปฝึกงานที่นั่นอีกเหรอ?”
“ค่ะ...เพราะหนูอยากเข้าไปดูว่าใครที่ทำให้พ่อไม่ได้รับความยุติธรรม…ใครที่มันโกงเงินประกันของพ่อและใครที่มันทำให้พ่อต้องเป็นแบบนี้...หนูจะหาทางเอาคืนมันให้สาสม”
ใบหยกมีแววคับแค้นใจฉายชัดอยู่ในดวงตา จนบุญชัยผู้เป็นพ่อแอบห่วงลูกสาว ว่าลูกจะทำอะไรที่นำอันตรายมาถึงตัว เขาจึงแกล้งหัวเราะขึ้นเบา ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้แล้ว
“เฮ้อ! ลูกสาวพ่อนี่มันดื้อจริง ๆ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะลูก...พ่อไม่ติดใจเอาความอะไรทั้งนั้นแหละ”
“พ่อไม่เอาความ...แต่หนูเอา...หนูไม่ยอมปล่อยผ่านง่าย ๆ หรอก...แล้วพ่อก็ไม่ต้องมาห้ามหนูด้วย...”
ใบหยกยังคงยืนยันในอุดมการณ์ของตัวเอง จนคนเป็นพ่อได้แต่ส่ายหัวแล้วก็แกล้งทำเสียงประชดประชัน
“เฮ้อ...นี่ถ้าพ่อรู้ว่าพ่อมีลูกสาวขาลุยขนาดนี้นะ พ่อจะไปต่อแขนเหล็กซะ จะได้เอาไปฟาดไอ้คนที่มันกล้าทำลายชีวิตครอบครัวเรา...ลูกว่าดีไหม?”
ใบหยกถึงกับหลุดหัวเราะ ทั้งที่ตากำลังแดงก่ำเพราะจะร้องไห้อยู่แล้ว แต่พ่อของเธอก็เป็นซะอย่างนี้ ทุกอย่างในชีวิตคือเรื่องเล็กน้อยสำหรับพ่อเสมอ...เพราะพ่อของเธอคือคนที่เข้มแข็งที่สุดในโลกแล้ว
“พ่อเนี่ยนะ…จะใส่แขนเหล็ก? เดี๋ยวก็ได้ล้มหัวฟาด เพราะหนักแขนอีกหรอก”
ใบหยกแกล้งพูดล้อเล่นกับพ่อ เพราะเธอเองก็รู้ว่าพ่อของเธอแกล้งพูดเพื่อให้เธอสบายใจเช่นกัน
“จะไปยากอะไร...พ่อก็ล้มใส่มันไปเลยไง จะได้หัวฟาดทั้งคู่” พ่อแกล้งทำหน้าทะเล้น
เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังขึ้นในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่แม้ผนังด้านนอกจะได้ยินเสียงทะเลาะกันของเพื่อนบ้าน เสียงรถเก่า ๆ วิ่งผ่านตรอกซอย แต่ในพื้นที่เล็ก ๆ นี้ กลับมีเพียงรอยยิ้มที่พ่อพยายามมอบให้ลูกสาว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังกับเธอราวกับให้กำลังใจ
“ใบหยก…พ่อรู้ว่าลูกเหนื่อย แต่พ่อเชื่อว่าลูกจะต้องทำได้สำเร็จเหมือนทุกครั้ง และพ่อจะอยู่ตรงนี้เสมอ พ่อจะรอดูความสำเร็จของหนูนะลูก”
ใบหยกพยักหน้าเบา ๆ พลางยิ้มออกมาอย่างปลื้มปริ่มในหัวใจ
“ค่ะพ่อ...หนูจะทำให้ดีที่สุด…เพื่อตัวเอง...และเพื่อพ่อนะ”
สองพ่อลูกปลอบโยนกันด้วยอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น และเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ไม่ว่าทั้งคู่จะต้องเจอความลำบากมามากแค่ไหน แต่ครอบครัวนี้ก็ยังอบอุ่น และเป็นที่พึ่งทางใจให้กับทั้งใบหยกและพ่อเสมอ...
สวัสดีค่ะ ไรท์ศรีสวาท นะคะ พาเวกัสกับใบหยกมาขอความเอ็นดูจากคุณรี๊ดบ้านgood ฝากเอ็นดูลูก ๆ ของไรท์ด้วยนะคะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณรี๊กทุกท่านจะถูกใจและมีความสุขกับนิยายของไรท์นะคะ ฝากติดตามเป็นกำลังใจไรรท์ด้วยนะคะ
(5ปีก่อน...)ภายในงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากการจับฉลากของขวัญของพนักงานทั้งบริษัท ชายคนหนึ่งได้รับของขวัญเป็นกล่องคุกกี้หอมหวานกับตุ๊กตาหมีขนฟูตัวใหญ่เป็นรางวัล แนบมากับซองเงินโบนัสของปีนี้ ซึ่งเขาจะได้ใช้จ่ายสำหรับค่าเล่าเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา“เอาไปให้ใบหยกดีกว่า...ต้องดีใจมากแน่ๆ”เขามองตุ๊กตาในมือ พลางยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงใบหน้าของลูกสาววัย 17ปี นาน ๆ ทีพ่อที่บ้างานอย่างเขาจะได้มีของขวัญไปฝาก ลูกสาวเขาต้องดีใจมากแน่ ๆ เพียงแค่คิดเขาก็สัมผัสได้ถึงความสุขที่เต็มตื้นในหัวใจแล้วเขาวางตุ๊กตาหมีตัวนั้นไว้บนโต๊ะเอกสาร ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ เครื่องจักรตัวใหญ่ซึ้งเขามีหน้าที่ควบคุมดูแล ก่อนจะหันไปทำงานกับเครื่องจักรอีกตัว ที่อยู่ด้านตรงข้ามกันอย่างคุ้นชินเสียงเครื่องจักรกำลังทำงาน ดังเป็นจังหวะคงที่ พร้อมกับมีเขาคอยดูแลและระบบควบคุมอยู่ไม่ห่างแต่แล้ว...กึก! ครืนนนน...ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงบางอย่างก็แทรกเข้ามาในโสตประสาทของ เขา จนเขาต้องรีบหันกลับไปดู และหัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบรัดแน่นขึ้นทันที“ฉิบหายแล้ว...”เ
เสียงส้นรองเท้ากระแทกกับพื้นไม้ของห้องใต้ดินภายในตึกวิศวกรรมเครื่องกลดังลั่น ท่ามกลางเสียงเงียบกริบที่ตึงเครียดกว่าสนามรบ สายตาทุกคู่จับจ้องร่างสูงที่เดินวนไปมาอยู่กลางห้อง พร้อมประกายความโกรธแค้นอันรุนแรง ที่ฉายชัดในดวงตาสีเข้มของเขา“แม่งเอ๊ย!!!” เวกัสสะบัดเสื้อช็อปออกจากร่าง ก่อนจะเหวี่ยงลงพื้นอย่างหัวเสีย ดวงตาคมแข็งกร้าว ราวกับจะฆ่าคนตายได้เลย“ประกาศออกไป...ใครทำให้ยัยนั่นมาสยบแทบเท้าฉันได้ ฉันจะรับเข้าแก๊งตำแหน่งที่หก...” เวกัสประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงจริงจังหลุยส์ถึงกับผิวปากตอบรับทันที “หัวหน้าเอาจริงว่ะ”“มันถึงเวลาแล้ว...ที่เราควรจะจัดการกับยัยนั่นให้สาสมสักที” โชนเสริม“แล้วแบบไหน...ถึงเรียกว่าสาสม” ริกเตอร์เอ่ย“จะแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น แค่ให้ยัยนั่น...ยอมก้มหัวให้ฉันก็พอ” “เล่นกับไฟ ระวังไฟไหมตัว” ลมหนาวที่นั่งเงียบอยู่มุมห้อง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เหมือนเตือนเพื่อนว่าให้มีสติให้มากกว่านี้เวกัสหันขวับไปมองหน้าลมหนาวทันที เมื่อรู้สึกได้ถึงความเอนเอียงไปเข้าทางฝั่งตรงข้ามของเพื่อนรักอย่างลมหนาว“ถ้ายัยนั่นเป็นไฟ…ฉันก็จะเป็นน้ำมัน เผาให้มันไหม้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย”ลม
ช่วงเช้าของวันใหม่...คณะวิศวกรรมศาสตร์ยังคงวุ่นวายเหมือนเคย เสียงฝีเท้านิสิตนักศึกษาดังกระทบพื้นกระเบื้องแผ่วเบา พร้อมเสียงหัวเราะและการทักทายสลับกันไปทว่าภายในโถงล็อกเกอร์ของคณะกลับมีบางอย่างผิดปกติออกไป ทุกคนเหมือนจะมีจุดโฟกัสเดียวกันทั้งคณะ ตรงล็อกเกอร์หมายเลข 21 ซึ่งเป็นล็อกเกอร์ของประธานสภานักศึกษาสาวผู้ขึ้นชื่อในเรื่อง ‘เข้มงวดและดุดันที่สุดในรุ่น’เธอคนนั้นคือ...ใบหยก หรือ ยลดา ครองฉัตร วิศวกรรมศาสตร์เครื่องกลปีสี่ ประธานสภานิสิตนักศึกษาของ มหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี (EST) (ENGINERING SCIENCE AND TECHNOLOGY INSTUTE) สถาบันเอกชนขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงในระดับประเทศ ที่ใคร ๆ ต่างอยากมีชื่อเป็นหนึ่งในคนที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่เพราะถ้าไม่ใช่ลูกหลานของคนมีชื่อเสียงโด่งดังและรวยระดับประเทศจะเข้าเรียนได้ยากมาก นอกจากจะเรียนเก่งจนสอบติดเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเรียนทุนของสถาบันจริง ๆ คนทุนน้อยถึงจะมีโอกาสได้เรียนและใบหยกก็คือหนึ่งในนักเรียนทุนของสถาบันนั่นเอง เพราะแบบนี้เธอถึงถูกเขม่นจากกลุ่มคนที่ชอบเหยียดด้านฐานะ แต่ใบหยกก็ไม่ได้มานั่งสนใจคนพวกนั้นมาก เพราะเธอรู้สึกว่ามันดูไร้สาร
“อะ…อื้มมม…เวกัส…”เสียงครางหวานหูปนแหบพร่าดังสะท้อนในความมืดเป็นระลอก สลับกับเสียงลมหายใจหอบกระชั้น เหมือนสายฝนที่กำลังซัดกระหน่ำลงมาไม่หยุดในตอนนี้ในขณะที่ร่างกำยำของชายหนุ่มก็กำลังกระแทกความแข็งแกร่งอย่างหนักหน่วงใส่ร่างบาง ที่นอนอ่อนแรงอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างไม่อาจหยุดยั้ง“อาส์...ฮึ่ม...” ชายหนุ่มส่งเสียงคำรามก้อง พลางขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน เขาต้องอดทนและอดกลั้นความต้องการให้ถึงที่สุด เพื่อที่จะไม่เผลอทำให้เธอเจ็บตัว“อ๊า...เวกัส! เราเจ็บ...นายอย่าเร่งได้ไหม เราไม่ไหวแล้ว...อื้อ...”และแม้ตอนนี้ร่างกายจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอารมณ์ปรารถนา แต่จิตใต้สำนึกกลับบอกชายหนุ่มว่า...นั่นไม่ใช่เสียงที่ควรจะขานชื่อเขาออกมาอย่างอ่อนแรงเพราะความซาบซ่านที่เขามอบให้เพราะนั่นคือเสียงของ ใบหยก...ยัยประธานสภานักศึกษาผู้หัวแข็ง ที่เดินลากเสียงสั่งลงโทษคนของเขาแทบจะทุกครั้งที่เจอ ราวกับเธอจงใจ ที่จะกวาดล้างสมาชิกในแก๊งของเขาเธอคือคน...ที่เขาควรจะเกลียดเข้าไส้ที่สุดในตอนนี้มากกว่า...และเธอก็คือผู้หญิงที่เขาเคยป่าวประกาศว่า...“ถ้ามีแค่ยัยนี่คนเดียวในโลก กูยอมไปบวชตลอดชีวิต...ยังจะดีกว่า”แต่ทว่าต