LOGIN“อย่าเฮีย! ผมยอมแล้วเฮีย...ผมยอมแล้ว...”
ใบหยกถึงกับรีบถอยออกห่างจนชิดกำแพง พลางถอนหายใจอย่างโล่งอกด้วยความรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่คนเข้ามาช่วยคือ...เวกัส ตัวแรงตัวพ่อแห่งความเสเพล แต่ใบหยกกลับรู้สึกว่าเขาคือคนที่ไว้ใจได้ที่สุดในตอนนี้ ซึ่งมันขัดแย้งกับจิตใต้สำนึกของเธออย่างแรง “ผู้หญิงไม่เล่นด้วยมึงก็ควรถอย...อย่าเอาสันดานเหี้ย ๆ มาใช้ในถิ่นกู...ออกไป!” เวกัสเปล่งเสียงตวาดไล่จนชายคนนั้นสะดุ้งเฮือก แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่ใบหยก ราวกับจะฝากฝังความอาฆาตแค้น เวกัสจึงคว้าข้อมือของใบหยกแล้วดึงให้เธอมาหลบอยู่ข้างหลัง จนใบหยกงุนงงกับสิ่งที่เขาทำ “ออกไป!” เวกัสตลาดไล่อีกครั้ง พลางจ้องชายคนนั้นตาเขม็ง เพียงเห็นสายตาดุดันของเขา ชายคนนั้นก็รีบลนลานออกไป จนภายในห้องน้ำเกิดความเงียบงันเข้าปกคลุม “ทีอย่างนี้...ทำไมไม่เห็นเก่งเลย...ฮึ!” เวกัสเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเชียบที่แสนอึดอัด จนใบหยกต้องพยายามสะบัดข้อมือออกจากการกอบกุมของมือใหญ่ “ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง...ไอ้บ้านี่!” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเวกัสไม่ยอมปล่อยแถมยังกำข้อมือเธอแน่นจนใบหยกเกิดความไม่พอใจ “เธอพูดอย่างนี้กับคนที่พึ่งช่วยชีวิตเธอเหรอ...ฮึ!” เวกัสเอ่ยถามพลางกระชากร่างบางเจ้ามาใกล้ จนใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงลมหายใจเป่ารด “นี่! อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ...ถอยไป!” “ทำเป็นอวดเก่ง ปากเก่ง ฉันไม่น่าช่วยเธอเลยเมื่อกี๊ น่าจะปล่อยให้ไอ้เหี้ยนั่นยำเธอให้ดูสักรอบ จะดูซิว่าจะครางเก่งเหมือนด่าไหม...” เวกัสขู่ด้วยความหมั่นไส้กับท่าทางที่หยิ่งผยองของเธอ “เลว! มันคือแผนเอาคืนของนายสินะ เป็นผู้ชายซะเปล่า แต่เอาคืนผู้หญิงด้วยวิธีสกปรก...วันหลังก็เอากระโปรงมาใส่เหอะ” ใบหยกด่ากราด พลางแกะมือเขาออกจากข้อมือของตัวเอง ราวกับรังเกียจสัมผัสของเขา “แผนเหรอ…เธอคิดว่าฉันต่ำทรามขนาดนั้นเลย?” “พวกนายทั้งแก๊ง ก็ถนัดทำแต่เรื่องต่ำทรามอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...” คำพูดนั้นเหมือนการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างรุนแรง “...หรือต้องให้ฉันเตือนความจำ ด้วยการสาธยายความต่ำทรามของพวกนาย มันน่าจะพูดไม่หมดภายในวันเดียว...ถ้าจะให้พูดก็คงต้อง...ฮึก...” พูดไปไม่ทันจบประโยค ใบหยกก็ถึงกับต้องเบิกตาโพลงและยืนตัวแข็งทื่อแบบฉับพลัน เมื่อริมฝีปากอิ่มที่เอ่ยว่าเขาฉอด ๆ ถูกเวกัสโน้มใบหน้าลงมาประกบปิดด้วยปากของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ปากหยักได้รูปจะบดจูบลงบนริมฝีปากนุ่มอย่างรุนแรง จนคนที่ด่าฉอด ๆ ในตอนแรกอึ้งงันและไม่มีโอกาสหลบหนีได้ทันที ใบหยกตกตะลึงตาโต ตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรง เมื่อจูบแรกในชีวิตถูกเขาขโมยไปในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว สัมผัสที่เกิดขึ้นจากความโกรธจัดผสมกับความเดือดดาล ทำให้จูบของเวกัสมีแต่ความหนักหน่วง ร้อนแรง จนลมหายใจของใบหยกขาดห้วง “ฮึก! อื้อ...อ่อย! (ปล่อย!) ฮื่อ!” เธอพยายามดันอกเขาออก แต่แรงของชายหนุ่มกลับมากกว่า ซ้ำยังโอบรัดร่างของเธออย่างแนบแน่น จนเธอหมดแรงที่จะต่อต้าน จูบของเขาทั้งจาบจ้วงและเอาแต่ใจ บดขยี้ริมฝีปากอิ่มราวกับต้องการจะสั่งสอน แถมยังสอดส่งปลายลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากอุ่น ดุนดันลิ้นนุ่มของเธอและกระชากออกมาดูดดื่มอย่างละโมบ ใบหยกถึงกับสั่นเทาไปทั้งตัว ความรู้สึกที่เธอไม่เข้าใจนี้ ทำให้เธอหวาดกลัว อีกทั้งจูบแรกที่เธอถูกเขาฉกชิง มันก็ต่างกับสัมผัสที่เธอฝันถึงลิบลับ จูบแรกที่เธออ่านในหนังเธอวรรณกรรมหรือนวนิยาย มันไม่ได้ป่าเถื่อนและดุดันจนน่ากลัวเช่นนี้ แต่จูบแรกของเธอทำไมมันถึงมีแต่ความเจ็บปวด แสบร้อน และอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกแบบนี้ ความผิดหวังและเสียใจกับการเสียจูบแรกให้ผู้ชายเลว ๆ คนนี้ ทำให้ใบหยกช็อกจนแทบเสียสติ เรี่ยวแรงที่เธอมีมันอ่อนลงจนแน่นิ่ง แล้วไม่นานทุกอย่างก็ดับวูบลงไปในความมืด พร้อมความปวดร้าวที่กัดกินหัวใจของเธอ… “เธอ...” เวกัสถอนจูบออกอย่างเนิบช้า เมื่อรับรู้ได้ถึงร่างกายที่อ่อนระทวยในอ้อมกอดแปลก ๆ พอเงยหน้าขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่าเธอเป็นลมเพราะจูบของเขา เวกัสเผลอกอดกระชับร่างบางของเธอเอาไว้แนบอก สายตาคมชะงักไปอีกครั้งเมื่อเห็นหยดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ตรงหางตาของเธอ “นี่! เธอ...เธอ...ใบหยก...ใบหยกตื่น...” เวกัสพยายามเรียกเธอ แต่เธอก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมา เขาหันมองไปรอบ ๆ ตัวเพื่อคิดหาทางออกว่าจะจัดการกับเธอยังไงดี เพราะใจของเขาตอนนี้มันร้อนรนไปหมดทั้งใจแล้ว “เวกัส! นายทำอะไรเพื่อนฉัน...ไอ้เชี่ย!” เวกัสไม่ทันได้หาวิธีแก้ปัญหา เสียงของวิเวียนก็ดังขึ้น พร้อมมินตราที่รีบวิ่งตามมา “ใบหยก! ใบหยกเป็นอะไรไป...ใบหยกตื่นสิ” ทั้งคู่รีบปรี่เข้ามาดึงร่างของใบหยกออกจากอ้อมแขนของเขา ความรู้สึกของเวกัสเหมือนถูกแย่งของสำคัญ เขาถึงได้ทำเหมือนจะไขว่คว้าตามร่างของเธอ “ไอ้เลว! ไอ้ชั่ว! ไปตายซะ!” วิเวียนตวาดลั่น พลางจ้องหน้าเวกัสราวกับอยากจะฆ่าให้ตาย ก่อนจะพยุงเพื่อนออกไปโดยไม่เหลียวกลับมามองเวกัสอีกเลย เวกัสได้แต่ยืนนิ่ง ราวกับถูกตรึงอยู่กับที่ ภาพริมฝีปากของเธอที่แดงช้ำและหยดน้ำตาที่เขาเป็นคนทำให้รินไหล สะท้อนและฝังลึกลงในใจ จนเขาไม่อาจลบมันออกไปได้เลย เวกัสก่นด่าตัวเองในใจ เขาควรจะสะใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหรอ แต่ทำไม่น้ำตาของเธอถึงทำให้เขารู้สึกใจสั่นหวิวได้ขนาดนี้ ยัยนั่นถึกทนจะตาย แต่ทำไมกลับมาอ่อนไหวกับเรื่องแค่นี้ได้ พอนึกไปถึงสัมผัสที่เขาแนบชิดบดเบียดไปเมื่อครู่ ก็เล่นเอาเวกัสหายใจติดขัด จนรู้สึกอึดอัดไปทั้งหัวใจ...หลายวันต่อมา...ขณะที่ใบหยกกับคณะกำลังร่วมประชุมหาลือกันในเรื่องโปรเจกต์อยู่นั้น ฝนห่าใหญ่ก็กระหน่ำลงมาอย่างไม่มีความปรานี ท้องฟ้าที่เคยแดดจ้ากลับมืดครึ้มจนดูน่ากลัว ราวกับสวรรค์จงใจจะใช้พายุฝนมาทดสอบความสามารถของทุกคนในไซต์งานแห่งนี้ครื้นนนน!!!เสียงฟ้าร้องคำรามประสานเข้ากับแรงลมที่โหมซัด จนผ้าใบกันแดดปลิวสะบัดไปตามทิศทางลม โครงเหล็กสูงตระหง่านที่กลุ่มวิศวกรรมโยธาร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นกว่าครึ่งทาง สั่นไหวอย่างแรงจนโคลงเคลงเห็นได้ชัด“เฮ้ย! นที...ดูนั่น!” กลุ่มวิศวกรรมโยธาต่างกรูเข้ามารวมกันที่หน้าต่างห้องประชุม เพื่อที่จะดูว่าโครงสร้างที่พวกเขาช่วยกันทำไว้ จะรอดพ้นจากพายุร้ายที่กำลังโหมกระหน่ำในตอนนี้หรือไม่ใบหยกที่ยืนอยู่ใต้ชายคาอาคารเดียวกันกับทุกคนในกลุ่ม สองมือกำเข้าหากันแน่น ดวงตากลมสั่นระริกเต็มไปด้วยแววแห่งความหวาดกลัว“ได้โปรด…อย่าพังนะ…”คำภาวนานั้นดังก้องอยู่ในใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับบทสวด แต่แล้วในเวลาต่อมาก็เกิดเสียงดังสนั่นออกมาจากฐานเหล็กด้านล่าง ตรงจุดที่น่านนทียืนยันนักหนาว่าแข็งแรงตามแบบฉบับ แต่มาตอนนี้กลับแตกร้าวเสียงดัง และเพียงไม่กี่นาทีต่อจากนั้น โครงสร้า
เช้าวันต่อมา...รถหรูของเวกัสแล่นเข้ามาจอดรถหน้าบ้านของใบหยกตั้งแต่เช้า พอพ่อของเธอออกมาเห็นก็ยิ้มรับอย่างเอ็นดู ก่อนจะตะโกนเรียกลูกสาวให้รีบออกมา ใบหยกที่ยังมึน ๆ งง ๆ เลยต้องยอมขึ้นรถมากับเขา เพราะไม่อยากให้พ่อตั้งคำถาม แต่ในใจก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่า...ทำไมเขาต้องอยากมารับมาส่งเธอแบบนี้ด้วยทว่าพอรถเคลื่อนออกไปได้ไม่นาน ใบหยกก็หันไปต่อว่าเขาทันทีเพราะแทนที่เขาจะพาไปดูงาน แต่กลับพาเธอมาที่ร้านอาหาร“ฉันจะไปดูงาน ไม่ได้จะมากินข้าวนะ” เวกัสเหลือบสายตาคมมามองเธอเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“ถ้าเธอไม่กินข้าว ร่างกายจะไม่ไหว งานก็ไม่เดิน แล้วสุดท้ายเธอจะกลายเป็นภาระของกลุ่ม”คำพูดหนักแน่นนั้นทำให้ใบหยกเงียบไป เธอรู้ดีว่าที่ผ่านมาเธอดื้อกับร่างกายตัวเองเกินไป จึงจำใจต้องเดินตามเขาเข้าไปในร้านอาหาร บรรยากาศภายในหรูหรามาก จนเธอได้แต่คิดในใจว่าจะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายพอมานั่งลงบนโต๊ะอาหาร เขาก็สั่งอาหารมาหลายอย่างมาก และอาหารทั้งหมดล้วนเป็นเมนูพิเศษที่เธอแทบไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อน ใบหยกจึงหันไปต่อว่าเขา“นายสั่งเยอะไปหรือเปล่า เยอะขนาดนี้กินไม่หมดหรอก”“กินเท่าที่ไหว เหลือก็ห่อกลับ”
ในห้องโดยสารที่มีเพียงเสียงเครื่องยนต์กับจังหวะหายใจของทั้งสอง บรรยากาศกลับเงียบกว่าที่ควรจะเป็น ใบหยกนั่งตัวเกร็ง มือกำชายกระโปรงไว้แน่น พยายามไม่เหลือบสายตาไปมองคนข้าง ๆ แต่กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ที่โชยมาจากร่างสูงกลับก่อกวนหัวใจของเธอให้เต้นระส่ำทว่าเงียบได้ไม่นานนัก รถก็เกิดเบรกกะทันหัน เพราะมีมอเตอร์ไซค์ตัดหน้า ร่างเล็กของใบหยกเกือบจะโผไปชนคอนโซลข้างหน้า โชคดีที่แขนแกร่งของเวกัสคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทัน“ระวังหน่อยสิ!” ใบหยกอุทานทั้งตกใจทั้งเขิน รีบสะบัดแขนเขาออก แต่เวกัสกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วใช้โอกาสนั้นโอบรอบเอวเธอแทน ก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ จนแนบชิดอกแกร่ง“เฮ้! ปล่อยนะ” เธอโวยเสียงดัง ทั้งที่แก้มยังแดงจัดแต่แทนที่จะปล่อย เขากลับเอนตัวนิด ๆ มองตรงไปข้างหน้าอย่างใจเย็น “นั่งเฉย ๆ จะได้ไม่เจ็บตัว”ใบหยกถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง เพราะไม่อยากปะทะกับเขาตอนนี้ ร่างกายเธอไม่มีแรงจะทำศึกกับใคร เลยต้องยอมปล่อยเลยตามเลย ทว่าคนข้าง ๆ กลับแอบอมยิ้มบาง ๆ มุมปากยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัวกระทั่งรถหรูแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าปากซอยซึ่งเป็นทางเข้าบ้านของเธอ เวกัสก็เดินลงมาเปิดประตูให้ราวกับสุภาพบุรุ
เสียงเครื่องมือก่อสร้างดังระงม ตลอดแนวพื้นที่สำหรับสร้างโปรเจกต์หอนาฬิกา เสียงเหล็กกระทบกับค้อนผสานกับเสียงหัวเราะหยอกล้อกันของเหล่านักศึกษาที่ร่วมแรงร่วมใจ ท่ามกลางแสงแดดแรงที่สาดแสงจนพื้นคอนกรีตร้อนระอุ แต่ใบหยกกับกลุ่มวิศวกรรมโยธาของน่านนทีกลับกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ทุกคนแทบจะกินนอนอยู่ตรงไซต์งาน หอบโน้ตบุ๊กมาวางตรงม้านั่งยาวเพื่อปรับแบบ ตรวจเช็กสัดส่วน และแก้ไขรายละเอียดตามความเป็นจริง และทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยพักบ้าง ทำบ้าง สลับกันไป แต่ใบหยกกลับเป็นคนที่ไม่เคยหยุดพัก เธอคอยจด คอยตรวจเช็กและแก้ไข เพื่อปรับให้โครงสร้างสมบูรณ์ลงตัว เสมือนพลังงานในร่างของเธอไม่มีวันหมด“ใบหยก หยุดพักก่อนเถอะ แดดมันแรงนะ”มินตราเอ่ยเตือนพร้อมยื่นขวดน้ำและข้าวกล่องมาให้เธอ แต่เจ้าของร่างเล็กกลับทำเพียงส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ แล้วหันกลับไปจ้องแปลนที่อยู่ในมือต่อเพื่อน ๆ ต่างรู้ว่าเธอทุ่มเทที่สุด เพราะนี่ไม่ใช่แค่โปรเจกต์ธรรมดา แต่มันคือความฝันที่เธออยากให้เป็นสัญลักษณ์ของสถาบัน เป็นร่องรอยที่เธอจะฝากเอาไว้ทว่า…ร่างกายที่ไม่ได้พักก็มีขีดจำกัดบ่ายวันนั้
ห้องออกแบบเงียบสงบ หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ทุกคนทยอยกลับกันหมดแล้ว เหลือเพียงใบหยกที่นั่งอยู่กลางโต๊ะ ก้มหน้าขีดเขียนแก้ไขแปลนงานอย่างตั้งอกตั้งใจ แสงไฟจากโคมเพดานส่องลงมาบนใบหน้าของเธอ ทำให้ดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายเปล่งสว่างยิ่งกว่าแสงไฟใด ๆเธอยิ้มออกมาเล็กน้อย เมื่อมองแปลนที่ปรับแต่งจนเสร็จสมบูรณ์ รอยยิ้มสดใสที่ดูมีความสุขผุดขึ้นเล็กน้อย เพียงเพราะได้เห็นผลงานของตัวเองเป็นรูปเป็นร่างจนเสร็จสมบูรณ์แต่ใบหยกกลับไม่รู้เลยว่า ตอนนี้ได้มีร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้เธอจากทางด้านหลังอย่างเงียบ ๆ ฝีเท้าที่ย่างยกเข้ามาลงน้ำหนักเบา ๆ จนแทบไม่เกิดเสียงจนกระทั่ง...ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดต้นคอขาวเนียน ใบหยกสะดุ้งเฮือก รีบหันขวับไปมองทันที และสิ่งที่เธอได้เห็นก็คือใบหน้าคมคายของเวกัส ที่อยู่ใกล้จนเหลือเพียงคืบเดียวหัวใจของเธอเต้นรัว มือไม้ไร้เรี่ยวแรงจนแทบล้ม แต่เวกัสกลับรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดได้ทัน พลางกระซิบเสียงทุ้มแผ่วเบาชิดข้างใบหูของเธอ“อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ดีนะรู้ไหม หืม?”“นะ...นายจะทำอะไร?”ใบหยกถึงกับสั่นไปทั้งตัว เธอรีบใช้แรงทั้งหมดที่เหลือดันแผงอกของเขาให้ออกห่าง
เวลานี้ที่ห้องประชุมใหญ่ของสถาบันดูคึกคักมากกว่าปกติ เพราะวันนี้...เป็นวันแรกที่กลุ่มสภานักศึกษาของใบหยก ได้ร่วมโต๊ะทำงานกับกลุ่มวิศวกรรมโยธาที่จะรับผิดชอบด้านการก่อสร้างชิ้นงานกระทั่งได้เวลาประชุม กลุ่มวิศวกรรมโยธาก็เดินเข้ามาทีละคน ร่างสูงล้วนอยู่ในเสื้อช็อปที่ดูทะมัดทะแมง“สวัสดีครับ!!!” เสียงทักทายเต็มไปด้วยพลัง ราวกับคนที่คุ้นเคยกับสนามงานจริง“สวัสดี…ผมเป็นหัวหน้าทีมที่จะดูแลการก่อสร้างชิ้นงานของโปรเจกต์นี้ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ”นที หรือ น่านนที หัวหน้าทีมวิศวะโยธา หนุ่มร่างสูงผิวขาว ดวงตาคมทว่าเต็มไปด้วยความอบอุ่น กล่าวทักทายทีมของใบหยก ใบหน้าหล่อยกยิ้มบาง ๆ ก่อนยื่นมือออกมาข้างหน้า ใบหยกชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นไปจับมือเขาตอบอย่างสุภาพ“ค่ะ…ใบหยกค่ะ ประธานสภานักศึกษา และหัวหน้าทีมออกแบบ”“อะแฮ่ม...” เสียงกระแอมเบา ๆ ของวิเวียนดังขึ้น พร้อมสายตาเจ้าเล่ห์ที่ทอดส่งมาแซวใบหยก จนเธอต้องรีบดึงมือกลับมา ส่วนมินตราก็อมยิ้มราวกับกำลังสนุกกับบรรยากาศตรงหน้า แต่ใบหยกพยายามไม่ใส่ใจแบบแปลนหอนาฬิกาขนาดใหญ่ถูกนำออกมากางบนโต๊ะตัวยาว ที่มีแสงไฟสะท้อนเส้นลายดินสอที่วาดไว้อย่างพิถีพ







