กระท่อมกลางป่าหลิวอาซาเฝ้ารอการมาถึงของใครคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ยามจื่อแล้วเขาก็ยังไม่มา.. สองคืนแล้วที่เป็นแบบนี้ คิดแล้วก็น่าน้อยใจนัก เขาไม่เห็นนางอยู่ในสายตาก็พอจะเข้าใจได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะเห็นแก่เด็กในท้องนี้บ้าง.. หรือว่านางต้องลงมือจริง ๆ เชือดไก่ให้เขาดูว่าคนอย่างนางทำได้ทุกอย่างเอาเถิด นางจะให้โอกาสเขาอีกสักคืน ถ้าพรุ่งนี้เขายังเงียบหายไปแบบนี้ เขากับนางได้เห็นดีกันแน่สวนดอกไม้เกาต้าชวี่มองน้ำตกจำลองที่ไหลกระทบโขดหินกลางบึงกว้าง มองปลาที่กระโดดขึ้นเหนือน้ำให้เห็นในบางจังหวะ.. ทุกอย่างดูเพลินตา แต่ใจของนางกลับไม่รู้สึกเพลิดเพลินด้วยสักนิด แม้สีหน้าจะปั้นแต่งให้ดูปกติแต่ก็แทบจะไม่ได้ยิ้มให้ใคร“ฮูหยินเจ้าคะ”เสียงเรียกอย่างกริ่งเกรงของสาวใช้ทำให้นางต้องละสายตาจากบึงกว้าง“มีอะไรหรือเสี่ยวต้าน”“กินข้าวสักครึ่งถ้วยเถิดนะเจ้าคะ ข้าไม่อยากถูกท่านอ๋องดุ” สาวใช้ที่จะยกสำรับข้าวคืนให้คนในครัวพูดขึ้นพร้อมสีหน้าหดหู่ สงสารนายหญิงจับใจที่ต้องนั่งจมกองทุกข์ ข้าวปลาแ
เกาหรงซานหงุดหงิดเหลือคณา เมื่อเดินตามหาเมียรักทั่วทั้งสวนดอกไม้แต่ไม่พบนาง ถามหาจากใครก็มีแต่ไม่รู้ ๆ คนสำคัญทั้งคนหายไปแต่ไม่มีใครรู้มันจะเป็นไปได้อย่างไร!!น่าโมโหนัก!!!“ถ้าพวกเจ้ายังหาฮูหยินไม่เจอ ข้าจะตัดเบี้ยของพวกเจ้าทั้งเดือนทุกคน” คำพูดดังกึกก้องของเขาไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับบ่าวรับใช้ในบ้านสักนิด ทุกคนเพียงแต่ก้มหน้ารับฟังอย่างสงบ ไม่มีใครสักคนขยับเท้าออกตามหา ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้กับเขา “ดี!! งั้นก็ฝากบอกฮูหยินของพวกเจ้าด้วยว่าข้าจะไม่กลับมาให้นางเห็นหน้าอีก นางจะได้สบายใจ”คำพูดประกาศก้องที่ดังไปทั่วทั้งสวนดอกไม้ดังเข้าหูของเฟิ่งต้าชวี่เต็ม ๆ น้ำตาเม็ดโตไหลกลิ้งไปทางหางตาทั้งสองข้าง เห็นท้องฟ้าสีสันสดใสมัวหม่นในทันทีร้องไห้อยู่นานกว่าจะปาดน้ำตาทิ้งและลุกจากบริเวณสวนดอกไม้ที่ใช้นอนซ่อนตัวตกบ่ายวันเดียวกันนั้นสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึงมือ เนื้อหาในจดหมายและภาพกระท่อมกลางป่าที่ถูกวาดมานั้นทำให้มือของนางสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้ม ตลอดเวลาที่เขาบอกว่าเข้าวังหลวงเขาโกหกนาง หรือเฉพาะแค่วันนี้ที่เขาไปกระท่อมแห่งนี้ นางสับสนเหลือเกินตกกลางคืนนางก็ต้องนอนจมกองน้ำตาอีกครั้ง เ
เรือนเกาอ๋องเกาหรงซานกลับมาถึงบ้าน เห็นเมียรักกำลังนั่งกินข้าวก็รีบไปนั่งร่วมโต๊ะ“ข้ากำลังหิวอยู่พอดี ขอกินด้วยคนนะยอดรัก” แล้วส่งสายตาบอกป้าจินให้ตักข้าวให้ตน“ป้าจิน ไม่ต้องตักข้าวให้ท่านอ๋อง”“ฮูหยิน”“ทำตามที่ข้าบอก”“เจ้าค่ะ” แม้ฮูหยินจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาที่มองมานั้นก็ทำให้นางไม่กล้าขัด ต่อให้ท่านอ๋องจะดุกว่าพระชายาเพียงใด แต่ทุกคนในบ้านนี้ก็รู้ดีว่าต้องเชื่อฟังคำสั่งของใครมากกว่ากัน“ต้าเอ๋อร์ ไยถึงทำเช่นนั้นเล่า ข้าหิวนะ” เกาหรงซานใจคอไม่ดีเอาเสียเลย แต่ก็ยังทำหน้าทะเล้นหยอกเอิน“ท่านพี่ไม่ต้องมาเอาใจข้าหรอก ข้ารู้ว่าท่านกินอิ่มมาแล้ว จะมาฝืนกินเป็นเพื่อนข้าอีกทำไม”“ข้าหรือกินอิ่มมาแล้ว เจ้าเอาอะไรมาพูด”“ฝ่าบาทคงไม่ปล่อยให้ท่านหิ้วท้องกลับมาเวลานี้หรอก ข้ารู้”“ไม่จริง ฝ่าบาทใจร้ายกับข้านัก ใช้งานข้าเยี่ยงวัวเยี่ยงม้าทุกคืนเจ้าก็รู้ ข้าเหนื่อยและก็หิวมากด้วย ให้ข้ากินข้าวต้มด้วยเถิดนะยอดรักของข้า”ปุก!ถ้วยข้าวต้มที่เพิ่งพร่องไปเล็กน้อยถูกกระแทกลงบนโต๊ะตรงหน้าผู้เป็นสามีจนกระฉอกออกมานอกถ้วย“เช่นนั้นก็เชิญกินให้อิ่มเถิด” พยายามอย่างยิ่งที่จะพูดเสียงหวานกับเข
จวงเล่ยแยกจากพระชายาเกาได้ก็ขี่ม้าตรงดิ่งไปที่กระท่อมลึกกลางป่าหลิว ที่อยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวง เขาไม่ได้เข้าไปใกล้กระท่อมที่ถูกสร้างอย่างดี ผิดกับกระท่อมของชาวบ้าน แต่ส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ในนั้นรับรู้และรอคอยการมาถึงด้วยใจที่ร้อนรุ่มไม่นานบุรุษชาตินักรบผู้สง่างามก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า “ท่านอ๋อง”เกาหรงซานคิ้วขมวด แววตาเกิดคำถาม “เกิดอะไรขึ้น ทำไมสีหน้าถึงเคร่งเครียดเช่นนั้น”“ข้าก็อยากจะถามท่านอ๋องเช่นกัน”“ถามข้า.. เพราะข้าอย่างนั้นหรือ”“ขอรับ เพราะท่านข้าถึงต้องเป็นแบบนี้ ข้ารู้สึกผิดต่อพระชายาเอกยิ่งนัก”“หยุดพูดคำนั้นนะ!” เกาหรงซานเสียงกร้าวใส่คนสนิทพร้อมกับชี้นิ้วใส่ “ต้าชวี่คือพระชายาของข้าเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”จวงเล่ยขบกรามแน่น นัยน์ตาคุกรุ่นด้วยความไม่พอใจมองหน้าผู้เป็นนายเหนือหัว“เช่นนั้นท่านทำแบบนี้ทำไม ถ้าท่านบอกว่าพระชายาเกาเป็นชายาเพียงหนึ่งเดียวของท่าน แล้วนางในกระท่อมหลังนั้นเป็นใครเล่า ทำไมท่านต้องให้ความสำคัญกับนางถึงขั้นโกหกพระชายาด้วย” ท้ายประโยคเขาถามเสียงกร้าวพร้อมชี้นิ้วไปที่กระท่อมอย่างสุดจะทานทนอีกต่อไป“โกหก..” คิ้วเข้มขมวดมุ่นมองหน้าองครักษ์คู่ใจ ใจเริ่
“พระชายา” เกาหรงซานเอ่ยเรียกเมียรักหลังจากสังเกตมาสักพักแล้วว่านางไม่ค่อยเจริญอาหาร แทบจะคีบข้าวใส่ปากทีละเม็ดเลยก็ว่าได้ “ทำไมถึงไม่กินเลยเล่า อาหารไม่ถูกปากหรือ.. เจ้าเป็นอะไรเล่า!” ตกใจจนเสียงหลงเมื่อเห็นน้ำตาคลอเบ้าของนางหญิงสาวรีบปาดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาทิ้ง ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ข่มกลั้นความหวาดระแวงไว้อย่างที่สุด“ข้าแค่คิดถึงลูก ๆ เท่านั้น”“ข้าจะรีบให้จวงเล่ยไปรับพวกเขากลับมาเดี๋ยวนี้”“ไม่ต้องหรอกท่านพี่”“เช่นนั้นเจ้าก็จะร้องไห้แบบนี้ไม่หยุด”“แต่พี่ชายของพวกเขาก็คิดถึงพวกเขาเหมือนกัน เรื่องแค่นี้ข้าทนได้เจ้าค่ะ” นางคิดเรื่องของเขาทั้งคืนแทบไม่ได้นอน ความเหงาความว้าเหว่ที่บังเกิดจึงทำให้นางพลอยคิดถึงลูก ๆ ไปด้วย “วันนี้ท่านจะเข้าวังหลวงหรือไม่”“..ไปสิ เดี๋ยวข้าก็ต้องไปแล้ว คืนนี้คงจะกลับดึกอีกเหมือนเคย” ชั่งใจอยู่ชั่วเสี้ยวลมหายใจก่อนจะตอบคิ้วเรียวโก่งกระตุกเล็กน้อยเมื่อเขาหลบสายตา ไม่กล้าสบตานางเหมือนแต่ก่อน แม้แต่น้ำเสียงหงุดหงิดหรือคำบ่นพาดพิงถึงองค์ฮ่องเต้ที่เป็นญาติผู้น้องก็ยังไม่มีเหมือนเคย“กรำงานหนักแบบนี้ต้องรักษาสุขภาพให้ดี กินข้าวให้ครบทุกมื้อด้วย อย่าเอาแต่ทำงานจนลื
เจ็ดวันต่อมา“องค์หญิง” ต้าชวี่ย่อกายคารวะสตรีสูงศักดิ์ที่ก้าวเท้าลงจากรถม้าอย่างแช่มช้อย“พระชายา” องค์หญิงเยียนเยื้องย่างอย่างนุ่มนวลไปหาป้าสะใภ้ “ท่านสบายดีใช่หรือไม่”คิ้วเรียวได้รูปไหวเล็กน้อยกับคำถามที่แปลกไปจากเดิม เพราะถ้าองค์หญิงได้เห็นตนเมื่อไหร่ นางก็มักจะถามไถ่แบบเจาะจงไปเลย เช่นดูท่านมีความสุขดีจังเลย เจอท่านทีไรก็ยิ้มแย้มตลอดเวลา วันนี้ข้ามาขอรบกวนท่านหน่อยนะ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะถามใช่หรือไม่แบบนี้ แล้วยังแววตาที่ดูเจือความกังวลแวบหนึ่งนั่นอีก“ข้าสบายดี องค์หญิงเล่า”“ข้าไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ ถึงได้อยากพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวนี่ไง” องค์หญิงวัยสิบเจ็ดปีตอบป้าสะใภ้ที่นางรักและให้ความนับถือเทียบเท่าเกาอ๋องผู้มีศักดิ์เป็นลุง“เป็นอะไรหรือ ให้ข้าเดินทางเป็นเพื่อนดีไหม” ได้ยินดังนั้นก็รีบถามด้วยความห่วงใย“ไม่ต้องหรอก” องค์หญิงรีบปฏิเสธความหวังดีของป้าสะใภ้ “ท่านเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน อยู่บ้านกับเกาอ๋องดีแล้ว แค่ให้เด็ก ๆ ไปด้วยก็พอ” สตรีสูงศักดิ์ที่วางตัวได้ดีเกินอายุกล่าวกับป้าสะใภ้ มองนางด้วยสายตาเป็นมิตร แต่ในสายตาเป็นมิตรนั้นเผลอแสดงความรู้สึกไม่สบายใจออกไปเนือง ๆเฟิ่งต้