กระท่อมกลางป่าลึก
“เจ้า!! บังอาจนัก กล้าดีอย่างไรถึงมาหาข้าที่นี่!” อาซาตวาดเสียงลอดไรฟันใส่ชายหนุ่มชุดดำที่ปลดผ้าปิดหน้าออก
“ท่านหญิง”
หญิงสาวรีบขยับตัวหนีอีกฝ่ายที่ก้าวเข้ามาหา เมินต่อสายตาอาลัยอาวรณ์อย่างไร้เยื่อใย
“รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ท่านหญิง ไยจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เล่า”
“ข้าไม่ได้เปลี่ยนอะไรทั้งนั้น แต่ข้าเคยสั่งห้ามเจ้าแล้วใช่ไหมว่าอย่าย่างกรายเข้ามาที่นี่ ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะเดือดร้อน”
“อย่ากังวลไปเลยท่านหญิง ข้าดูดีจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีคนของเกาหรงซานอยู่ที่นี่จึงได้เข้ามาหาท่าน”
“เจ้า!!.. เกาอ๋องเขาเป็นนักรบผู้เก่งกล้า เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มีสายตาที่เฉียบแหลมมาก่อนที่เจ้าจะเกิดด้วยซ้ำ เจ้าทระนงตนเกินไปแล้ว” ตำหนิคนของตัวเองด้วยความโมโ
“ก็ข้าไม่ได้ตื่นมาส่งท่านอ๋อง” หลายวันมานี้เขาอยู่กับนางทั้งวันทั้งคืน กลับมาทำตัวเหมือนสามีคนเดิม เมื่อคืนก่อนหลับไปด้วยกันก็มีบอกไว้ว่าวันนี้จะไปประชุมขุนนางแต่เช้า นางก็ตั้งใจไว้ว่าจะตื่นมาส่งเขา แต่สุดท้ายก็ตื่นไม่ทันนี่แหละที่นางสงสัยว่าตนเองจะหลับเอาเป็นเอาตายอะไรขนาดนั้น ปกติต่อให้นอนดึกดื่นค่อนคืนแค่ไหนก็ไม่เคยตื่นช้ากว่ายามเหม่า แต่ทำไมช่วงนี้นางถึงนอนตื่นสายเป็นชั่วยามเลยเล่า.. คิด ๆ แล้วก็น่าสงสัยยิ่งนัก“ท่านอ๋องท่านไม่ว่าอะไรหรอกเจ้าค่ะ ดูท่านจะชอบด้วยซ้ำที่ฮูหยินหลับสนิทดีแบบนี้”“เสี่ยวต้าน”“เจ้าคะฮูหยิน”“ข้าอยากให้หมอมาตรวจร่างกายสักหน่อย เจ้าไปบอกองครักษ์คนใดคนหนึ่งส่งข่าวไปที่สำนักหมอหลวงทีนะ”“เจ้าค่ะ จะให้หมอหลวงมาตรวจเมื่อไหร่ดีเล่าฮูหยิน”“มะรืนนี้ก็ได้ เพราะพรุ่งนี้เราจะไปไหว้พระกัน ข้าไม่อยากเร่งรีบจนไม่ได้บุญ”“เจ้าค่ะฮูหย
กระท่อมกลางป่าลึก“เจ้า!! บังอาจนัก กล้าดีอย่างไรถึงมาหาข้าที่นี่!” อาซาตวาดเสียงลอดไรฟันใส่ชายหนุ่มชุดดำที่ปลดผ้าปิดหน้าออก“ท่านหญิง”หญิงสาวรีบขยับตัวหนีอีกฝ่ายที่ก้าวเข้ามาหา เมินต่อสายตาอาลัยอาวรณ์อย่างไร้เยื่อใย“รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ท่านหญิง ไยจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เล่า”“ข้าไม่ได้เปลี่ยนอะไรทั้งนั้น แต่ข้าเคยสั่งห้ามเจ้าแล้วใช่ไหมว่าอย่าย่างกรายเข้ามาที่นี่ ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะเดือดร้อน”“อย่ากังวลไปเลยท่านหญิง ข้าดูดีจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีคนของเกาหรงซานอยู่ที่นี่จึงได้เข้ามาหาท่าน”“เจ้า!!.. เกาอ๋องเขาเป็นนักรบผู้เก่งกล้า เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มีสายตาที่เฉียบแหลมมาก่อนที่เจ้าจะเกิดด้วยซ้ำ เจ้าทระนงตนเกินไปแล้ว” ตำหนิคนของตัวเองด้วยความโมโ
เกาหรงซานยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูห้องนอนของลูกสาวสุดที่รัก ที่ค่ำคืนนี้ชายาได้มาใช้อาศัยเป็นที่หลับนอนในช่วงหลายวันมานี้นางย้ายที่นอนไปตามห้องนอนของลูก ๆ ไม่เคยนอนที่ห้องนอนใหญ่แม้แต่คืนเดียวนางคงเกลียดคงโกรธเขามากเลยสินะ คงไม่เชื่อใจเขาอีกแล้ว แม้จะเสียใจแต่เขาก็ไม่โทษนางหรอก ถ้าเป็นเขาก็คงคลั่งถึงขั้นไล่ฆ่าทุกคนที่มาเหยียบย่ำหัวใจเขาไปแล้วแต่นางกลับนิ่งสงบ สยบทุกอย่างด้วยความเยือกเย็น ทำให้เขาหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าเจอศัตรูตัวร้ายง้างหอกอยู่ตรงหน้าแต่แล้วไงเล่า กลัวเกรงแค่ไหนเขาก็ต้องเข้าหานางให้ได้ บอกให้นางรู้ว่านางเป็นชายาเพียงหนึ่งเดียวที่เขารักและยกย่อง มอบหัวใจทั้งดวงให้แบบไม่เคยคิดจะทวงคืน แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงต่อให้ต้องถูกตราหน้าว่าโป้ปดหลอกลวงเขาก็ต้องพูดกับนางคืนนี้ให้ได้ก๊อก ๆ ๆ“ใคร..” เสียงหวานจากภายในห้องดังออกมาอย่างนุ่มนวล“เสี่ยวต้านเจ้าค่ะฮูหยิน”“เข้ามา”“ไปได้แล้ว” เกาหรงซานยกสำรับอาหารจากมือสาวใช้ต้นห้องของชายามาถือไว้ เมื่อบัง
“ท่านอ๋อง” จวงเล่ยขานเรียกให้คนข้างในรู้ว่าตนมาถึงแล้ว และเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต“นั่งสิ” เกาอ๋องบอกองครักษ์คนสนิท“ท่านอ๋องป่วยหรือ สีหน้าไม่สู้ดีเลย”“ป่วยสิ ข้ากำลังป่วยใจอย่างหนัก เพราะชายาของข้านี่แหละ” พูดจบก็ยกกาเหล้าขึ้นมากรอกปาก“ฮูหยินไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์ ไยถึงทำให้ท่านดูทุกข์หนักได้เพียงนี้”“เพราะข้านี่ไงนางถึงได้กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ ข้าไม่ดีเองอาเล่ย ข้าทำผิดต่อนาง แต่ข้าก็ไม่อาจพูดขอโทษนางได้เต็มปาก ข้าอึดอัดใจเหลือเกินอาเล่ย”จวงเล่ยมองนายเหนือหัวที่ยกกาเหล้ากรอกใส่ปากอีกครั้ง กลืนลงคอประหนึ่งเป็นเพียงน้ำชารสดี“ท่านอ๋องเรียกข้ามาเพื่อระบายความในใจหรือ”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”“ท่านอ๋องอย่าให้ราคาข้านักเลย เพราะข้ากลัวว่าข้าจะพลั้งปากบอกให้ฮูหยินรู้”“เจ้าไม่ใช่คนเช่นนั้นหรอกอาเล่ย ข้ารู้จักเจ้าดีพอ ๆ กับรู้จักตัวเองนั่นแหละ”“ท่านอ๋องอย่าดื่มหนักนัก
กระท่อมกลางป่าหลิวอาซาเฝ้ารอการมาถึงของใครคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ยามจื่อแล้วเขาก็ยังไม่มา.. สองคืนแล้วที่เป็นแบบนี้ คิดแล้วก็น่าน้อยใจนัก เขาไม่เห็นนางอยู่ในสายตาก็พอจะเข้าใจได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะเห็นแก่เด็กในท้องนี้บ้าง.. หรือว่านางต้องลงมือจริง ๆ เชือดไก่ให้เขาดูว่าคนอย่างนางทำได้ทุกอย่างเอาเถิด นางจะให้โอกาสเขาอีกสักคืน ถ้าพรุ่งนี้เขายังเงียบหายไปแบบนี้ เขากับนางได้เห็นดีกันแน่สวนดอกไม้เกาต้าชวี่มองน้ำตกจำลองที่ไหลกระทบโขดหินกลางบึงกว้าง มองปลาที่กระโดดขึ้นเหนือน้ำให้เห็นในบางจังหวะ.. ทุกอย่างดูเพลินตา แต่ใจของนางกลับไม่รู้สึกเพลิดเพลินด้วยสักนิด แม้สีหน้าจะปั้นแต่งให้ดูปกติแต่ก็แทบจะไม่ได้ยิ้มให้ใคร“ฮูหยินเจ้าคะ”เสียงเรียกอย่างกริ่งเกรงของสาวใช้ทำให้นางต้องละสายตาจากบึงกว้าง“มีอะไรหรือเสี่ยวต้าน”“กินข้าวสักครึ่งถ้วยเถิดนะเจ้าคะ ข้าไม่อยากถูกท่านอ๋องดุ” สาวใช้ที่จะยกสำรับข้าวคืนให้คนในครัวพูดขึ้นพร้อมสีหน้าหดหู่ สงสารนายหญิงจับใจที่ต้องนั่งจมกองทุกข์ ข้าวปลาแ
เกาหรงซานหงุดหงิดเหลือคณา เมื่อเดินตามหาเมียรักทั่วทั้งสวนดอกไม้แต่ไม่พบนาง ถามหาจากใครก็มีแต่ไม่รู้ ๆ คนสำคัญทั้งคนหายไปแต่ไม่มีใครรู้มันจะเป็นไปได้อย่างไร!!น่าโมโหนัก!!!“ถ้าพวกเจ้ายังหาฮูหยินไม่เจอ ข้าจะตัดเบี้ยของพวกเจ้าทั้งเดือนทุกคน” คำพูดดังกึกก้องของเขาไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับบ่าวรับใช้ในบ้านสักนิด ทุกคนเพียงแต่ก้มหน้ารับฟังอย่างสงบ ไม่มีใครสักคนขยับเท้าออกตามหา ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้กับเขา “ดี!! งั้นก็ฝากบอกฮูหยินของพวกเจ้าด้วยว่าข้าจะไม่กลับมาให้นางเห็นหน้าอีก นางจะได้สบายใจ”คำพูดประกาศก้องที่ดังไปทั่วทั้งสวนดอกไม้ดังเข้าหูของเฟิ่งต้าชวี่เต็ม ๆ น้ำตาเม็ดโตไหลกลิ้งไปทางหางตาทั้งสองข้าง เห็นท้องฟ้าสีสันสดใสมัวหม่นในทันทีร้องไห้อยู่นานกว่าจะปาดน้ำตาทิ้งและลุกจากบริเวณสวนดอกไม้ที่ใช้นอนซ่อนตัวตกบ่ายวันเดียวกันนั้นสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึงมือ เนื้อหาในจดหมายและภาพกระท่อมกลางป่าที่ถูกวาดมานั้นทำให้มือของนางสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้ม ตลอดเวลาที่เขาบอกว่าเข้าวังหลวงเขาโกหกนาง หรือเฉพาะแค่วันนี้ที่เขาไปกระท่อมแห่งนี้ นางสับสนเหลือเกินตกกลางคืนนางก็ต้องนอนจมกองน้ำตาอีกครั้ง เ