Share

บทที่ 13

เจียงชั่นอึ้งอยู่พักหนึ่ง

หยิ่นเฉิงซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของปลายสายดีใจมาก บอกว่าไม่ใช่แค่มีเงินจ่ายค่ารักษาเท่านั้น แต่ตระกูลเจียงยังจัดการเปลี่ยนวอร์ดให้ด้วย แม่ของเขาถูกย้ายเข้าไปอยู่ในวอร์ด VIP ได้รับการดูแลอย่างสุดกำลัง และรักษาโดยยานำเข้าที่ทันสมัยที่สุด

“พี่สาว ไม่น่าเชื่อเลยว่าพ่อของพี่จะยังคิดถึงแม่อยู่” หยิ่นเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ผมไม่คุยกับพี่แล้วนะ ได้เวลาที่ผมต้องไปเรียนคลาสเย็นแล้ว!”

“จริงด้วย พี่สาว อย่าลืมค่าหนังสือเรียนของผมล่ะ ผมเป็นคนเดียวในชั้นเรียนที่ยังไม่ได้จ่าย!”

“อืม...” เจียงชั่นพึมพำตอบรับ เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยจนกระทั่งหยิ่นเฉิงวางสายไป

เจียงเหยากลายเป็นคนมีมโนธรรมตั้งแต่เมื่อไร?

เจียงหมิงหย่วนคิดถึงแม่ของเธอจริงเหรอ?

ความเป็นไปได้เหล่านี้มีน้อยมาก

เมื่อนึกถึงทัศนคติที่ตระกูลเจียงมีต่อเธอในวันที่เธอกลับบ้าน เธอแทบไม่มีความหวังสำหรับสินสอดหนึ่งล้านห้าแสนกว่าบาทอีกต่อไป

ไม่นึกเลยว่า...

เจียงชั่นรีบซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน ใส่สร้อยข้อมือกลับเข้าไปในกล่องอย่างระมัดระวัง แล้วเก็บมันเข้าที่

โชคดีที่ตัดสินใจไม่ขาย!

เธอหัวเราะ ไล้นิ้วเรียวยาวแตะเครื่องประดับทองคำในกล่องเบา ๆ พลางพูดกับตัวเองว่า “จากนี้ไปฉันจะปกป้องแกอย่างดี จะไม่มีวันขายแกให้ใครอีก!"

กู้หม่างยืนอยู่นอกประตูและมองเข้าไปอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นท่าทางขี้เล่นที่แผ่ลามจากสายตาไปยังหว่างคิ้วของหญิงสาว ริมฝีปากก็ยกยิ้ม ความรู้สึกอบอุ่นแล่นผ่านหัวใจ

เมื่อก้มลงมองโทรศัพท์อีกครั้ง เห็นข้อความเพียงสองคำจากไป๋จิงหยวน : เรียบร้อย

“ดีมาก ไว้ฉันจะตกรางวัลให้”

กู้หม่างมักจะหวงแหนคำพูดดั่งทองคำ และตอบกลับเฉพาะเมื่อเขาอารมณ์ดีเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของไป๋จิ่งหยวนที่ได้รับการตอบกลับจากเขาเกินสองคำ

ในช่วงสุดสัปดาห์ เจียงชั่นกำลังทำความสะอาดบ้าน ส่วนกู้หม่างกำลังชกกระสอบทรายอยู่ในสนาม

เธอยิ้มเบา ๆ ขณะที่ฟังจังหวะการต่อยของเขาไปด้วย แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมชายคนนั้นถึงหมกมุ่นอยู่กับกีฬารุนแรงประเภทนี้ และฝึกฝนมันทุกวัน แต่เธอก็ไม่เคยห้าม แถมยังสนับสนุนมันอย่างเต็มที่

อยู่ชกกระสอบทรายที่นี่ ยังดีกว่าออกไปชกคนอื่นเป็นไหน ๆ

เจียงชั่นทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว กำลังจะเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหาร แต่จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เมื่อกดรับสาย พบว่าเป็นเสียงที่หวีดแหลมและโกรธเกรี้ยวของเจียงเหยา

“นังน้องเวร แกนี่มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ! ไปทำอีท่าไหนกันนะถึงรู้จักกับคุณชายตระกูลไป๋ได้ แกนี่มันได้เชื้อร่านจากแม่มาจริง ๆ!”

“เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรแต่เช้า!”

เจียงชั่นถูกดุด่าโดยไม่มีเหตุผล แถมยังโดนต่อว่าเป็นผู้หญิงหยำฉ่า ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ก็ได้ยินเจียงเหยาแค่นเสียงเยาะเย้ยกลับมาด้วยความโกรธ “ถ้าตระกูลไป๋ไม่สอดมือเข้ามายุ่ง แล้วคุณพ่อเสียที่ดินผืนนั้นไปได้ยังไง? แกรู้ไหมว่าคุณชายตระกูลไป๋ไปพูดอะไรกับเขา? ผู้ชายคนนั้นบอกว่า แม้แต่พ่อแท้ ๆ ยังกล้ายึดสินสอดลูกสาวตัวเอง นับประสาอะไรกับคู่แข่งทางการค้า!”

“เพราะแบบนี้ไง เราเลยเสียที่ดินตรงนั้นไป ไม่เหลืออะไรเลย!”

“แกรู้ไหมว่าคุณพ่อจ่ายค่าโปรเจ็กต์นี้ไปเท่าไร? โปรเจ็กต์นั้นมีมูลค่าถึงหนึ่งพันล้าน! เขาอุตส่าห์ทำงานอย่างหนักมาหลายเดือนกว่าจะได้มา! นังแพศยาเอ๊ย ทั้งหมดเป็นความผิดของแก!”

“อะไรนะ...” เจียงชั่นสับสน

คุณชายตระกูลไป๋เป็นใครกัน?

“เธอบ้าไปแล้วเหรอ? เธอเป็นคนไปที่โรงพยาบาลเพื่อเอาสร้อยคอเพชรให้น้องชายฉันด้วยตัวเอง ตอนนี้กลับกุเรื่องเหลวไหลขึ้นมา คุณชายตระกูลไป๋อะไรนั่น ฉันไม่รู้จักเขา และไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด!”

“หยุดเสแสร้งต่อหน้าฉันได้แล้ว! นังเด็กเลี้ยงไม่เชื่อง แกแกล้งทำตัวเป็นผู้หญิงซื่อใสบริสุทธิ์มาโดยตลอด มองจากภายนอกช่างน่าสมเพช แต่ความจริงแล้วเธอมันร้ายสิ้นดี รู้จักวิธียั่วยวนผู้ชายแล้ว! ก่อนหน้านี้เธอคงเคยนอนกับผู้ชายมาแล้วหลายคนใช่ไหมล่ะ? กู้หม่างอะไรนั่นช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้แต่งงานกับคนร่าน ๆ แบบแก!”

"นี่!"

เจียงชั่นตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ จนใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว แต่ไม่หวาดกลัวปัญหา เพราะมีประสบการณ์ถูกยั่วยุ และต้องทนแบกรับความอัปยศอดสูของเจียงเหยามาตั้งแต่เด็ก ช่วงแรกเธอได้แต่ทนอยู่เงียบ ๆ แต่ช่วงหลังประสบการณ์ก็สอนให้เธอสู้กลับ

ถึงอย่างนั้น คราวนี้เธอกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสู้กลับอย่างไร

สิ่งที่เจียงเหยาพูดเป็นอะไรที่เธอไม่เข้าใจเลย!

ขณะที่เธอกำลังอึ้งงง โทรศัพท์ก็ถูกดึงไปจากด้านหลังทันที เจียงชั่นสะดุ้งและหันกลับไป เห็นใบหน้าอันน่ากลัวของกู้หม่าง

เขาพลิกมือถือให้ไมค์โทรศัพท์จ่อปาก และพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ผมไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร แต่ถ้าจะคุยกับภรรยาของผม ก็ควรให้เกียรติเธอบ้าง!"

“ถ้าคุณกล้าพูดคำสกปรกพวกนั้นให้ผมได้ยินอีกเป็นครั้งที่สอง ก็รอรับผลที่ตามมาหลังจากนั้นได้เลย!”

ความรุนแรงที่แฝงอยู่ในคำพูดถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจน เพียงได้ยินเสียงก็ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน

จู่ ๆ ปลายสายก็เงียบสนิท อาจเป็นเพราะเจียงเหยากลัวเกินกว่าจะตอบกลับ

กู้หม่างกดวางสาย คืนโทรศัพท์ให้เจียงชั่น และกลับไปที่สนามเพื่อชกกระสอบทรายอย่างไร้อารมณ์

เจียงชั่นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจจนไม่อาจบรรยายได้ ตั้งแต่เด็กไม่มีใครเคยปกป้องเธอแบบนี้มาก่อนเลย กู้หม่างถือเป็นคนแรก

ในสวน กู้หม่างชกกระสอบทรายสองสามครั้ง จากนั้นถอดถุงมือออกแล้วโยนทิ้งไปข้างหนึ่ง หายใจแรงด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋จิ่งหยวนก็ได้รับข้อความของเขา “นายคุยกับเจียงหมิงหย่วนยังไง?”

ไป๋จิ่งหยวนพิจารณาคำพูดของเขาอย่างรอบคอบ และตอบอย่างระมัดระวัง “ลูกพี่สาม คุณบอกให้ผมหาทางกดดันเขาไม่ใช่เหรอ?”

ทันใดนั้นกู้หม่างก็โทรกลับมา เสียงของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

“ฉันบอกให้นายหยิบยกเรื่องสินสอดมากดดันเขาตอนไหน?”

“ลูกพี่สาม นี่...”

คุณไม่ต้องการแก้แค้นแทนภรรยาตัวเองหรอกเหรอ? ถ้าไม่พูดถึงสินสอดแล้วจะให้พูดถึงอะไรล่ะ?

“ไป๋จิ่งหยวน!” กู้หม่างพูดเน้นคำ “นายเป็นคนฉลาด แต่สมองไม่มีไหวพริบ!”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็วางสายไป ไป๋จิ่งหยวนสับสนอยู่นาน โชคดีที่เขามีกุนซืออยู่ข้าง ๆ พอดี ผู้ชายคนนี้ชื่อเย่เชิน เพิ่งมาจากเมืองหลวงเช่นเดียวกัน

ในฐานะเพื่อนเล่นที่เติบโตมาด้วยกัน เย่เชินระเบิดหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินไป๋จิ่งหยวนอธิบายสาเหตุ

“ลูกพี่สามพูดถูก นายมันมีสมองแต่ไม่มีไหวพริบจริง ๆ!”

ไป๋จิ่งหยวนเขย่ากำปั้น

“ลองคิดดูสิ นายใช้เรื่องสินสอดมากดดันเจียงหมิงหย่วน ถึงสามารถยึดที่ดินของเขามาได้ นี่ไม่ได้เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนหรอกเหรอว่า เรากำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของเจียงชั่น? ตอนนี้แม้แต่ลูกสาวคนโตของตระกูลเจียงยังมองออกว่านายมีสัมพันธ์ลับลมคมในกับเจียงชั่น แล้วคิดว่าลูกพี่สามจะพอใจหรือเปล่าล่ะ?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status