ไป๋จิ่งหยวนตบต้นขาตัวเองฉาดใหญ่ ตระหนักว่าเขาได้ก่อปัญหาใหญ่เข้าแล้ว“ละ… เหล่าเย่ นายต้องช่วยฉันนะ!” ไป๋จิ่งหยวนไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฉันไม่เคยคิดจะแก่งแย่งผู้หญิงกับลูกพี่สามเลยจริง ๆ! อีกอย่าง ผู้หญิงตัวเล็กผอมบางดูอ่อนแออย่างเจียงชั่นไม่ใช่สเปคฉันเลย! ลูกพี่สามต่างหากไปถูกใจอะไรเธอไม่รู้ ... "เย่เชินจิบชาแล้วยิ้มอย่างมีความหมายใช่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าคุณชายคนที่สามของตระกูลฮั่ว ผู้ซึ่งโดดเดี่ยวและไร้ความปรานีมาโดยตลอด นอกจากจะยอมสวมรอยเป็นนักเลงอย่างกู้หม่างเพื่ออยู่ที่นี่แล้ว ยังสนใจเด็กสาวตัวเล็กอย่างเจียงชั่นอีกด้วย“ลูกพี่สามบอกว่าเขาไม่ได้สนใจการแต่งงานครั้งนี้เลย เขาแค่เห็นมันเป็นละครฉากหนึ่งเพื่อปิดบังตัวตน…”“นายเชื่อสิ่งที่เขาพูดไหมล่ะ?” เย่เฉินกลอกตา “เราจะคอยดูก็แล้วกัน ฉันคิดว่าเจียงชั่นคนนี้ไม่ธรรมดา หึ ๆ บางทีถึงตอนนั้นแล้วลูกพี่สามของเราอาจจะไม่อยากกลับหยางเฉิงแล้วก็ได้!”…หลังอาหารกลางวัน กู้หม่างกล่าวกำชับให้เจียงชั่นอยู่บ้าน แล้วออกไปข้างนอกหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก ก่อนจะแต่งงานกับเจียงชั่น เขามักจะเดินขึ้นภูเขาไปตามเส้นทางในหม
“สะใภ้ใหม่คนสวย ทำขนมเปี๊ยะน้ำตาลเป็นหรือเปล่าจ๊ะ?”ผู้ชายหลายคนมารวมตัวกันที่หน้าบ้านของกู้หม่าง ส่งยิ้มโลมเลียร้ายกาจไปทางเจียงชั่นที่จริงมีชาวบ้านคนอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว แต่เพราะพวกอันธพาลกลุ่มนี้มีชื่อเสียงฉาวกระฉ่อน ทำให้ไม่มีใครเต็มใจที่จะเดินลุยลงไปในโคลนตมเพื่อช่วยหญิงสาวพวกเขาได้แต่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ ด้วยสายตาแล้งน้ำใจสิ่งเดียวที่ควรตำหนิ คือเจียงชั่นสวยขนาดนี้ กู้หม่างกลับประมาททิ้งภรรยาสาวสวยไว้ที่บ้านเพียงลำพัง แล้วจะไม่ให้พวกคนเลวฉวยโอกาสได้อย่างไร?หัวใจของเจียงชั่นเต้นแรง ใบหน้าของเธอซีดเซียว แต่ก็ยังคงพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่“ได้ยินมาว่าเจ้าสาวคนใหม่เป็นคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยไม่ใช่เหรอ?”“ไม่น่าแปลกใจเลย ลูกคุณหนูผู้ร่ำรวยไหนเลยจะเคยเข้าครัว เธอจะทำขนมเปี๊ยะน้ำตาลเป็นได้ยังไง?!”“เจ้าสาวคนใหม่ เธอคงไม่เข้าใจธรรมเนียมของหมู่บ้านเราสินะ?”ดวงตาของนักเลงคนหนึ่งจับจ้องไปที่เรือนร่างของเจียงชั่น“ผู้หญิงคนไหนก็ตามที่แต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ของหมู่บ้านเรา จะต้องเข้าครัวทำขนมเปี๊ยะน้ำตาลด้วยตัวเอง แล้วเอาออกไปแจกจ่ายให้ทุกครัวเรือน! เธอแต่งงานมาห
”ไม่เป็นไร ผมอยู่นี่แล้ว”กู้หม่างขอให้เธอเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตูเจียงชั่นทำตามอย่างเชื่อฟัง แต่กู้หม่างไม่ได้ตามเข้าไปในบ้าน เธอได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมอยู่ข้างนอก ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้ชายที่ส่งเสียงโหยหวนอยู่นานเธอมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าพวกอันธพาลต่างเดินโซเซ หลังจากถูกกู้หม่างทุบตีสั่งสอน จมูกของพวกเขาฟกช้ำ ใบหน้าบวม บางคนคุกเข่าลงกับพื้นและขอความเมตตาผืนหญ้าในสวนเต็มไปด้วยคราบเลือดดูเหมือนกู้หม่างจะยังไม่พอใจ เขาหยิบไม้หน้าสามที่เธอเพิ่งใช้ฟาดชายคนหนึ่งขึ้นมาฟาดขาอันธพาลตรงหน้า…“ถ้ากล้ามาก่อกวนภรรยาฉันอีก คราวหน้าไม่ใช่แค่ขาแน่ที่หัก!” เสียงของกู้หม่างเย็นชามาก ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความโหดร้ายพวกอันธพาลสองสามคนรีบวิ่งหนีไปพร้อมกับฉี่รดกางเกงเจียงชั่นซ่อนตัวอยู่หลังประตู พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสงบหัวใจที่เต้นรัว แม้แต่การหายใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นไม่ผ่อนลงเลยเวลานี้กู้หม่างเดินกลับเข้ามา เธอเห็นคราบเลือดแห้งบนเสื้อเขา เธอเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไรสักคำ“เมื่อกี้ผมทำให้คุณกลัวหรือเปล่า?” กู้หม่างก้าวไปข้างหน้าและลูบไหล่เธอเบา ๆ ด้วยฝ่ามือใหญ่ของตัวเองเจ
ทั้งสองตกตะลึงครู่หนึ่งพร้อมกันกู้หม่างขยิบตาให้เจียงชั่น บอกให้เธอกลับไปในห้องแล้วเขาไปเปิดประตูด้วยตัวเองที่ยืนอยู่ข้างนอกคือเสิ่นเซียว ที่มีสีหน้ากังวล“กู้หม่าง ฉันได้ยินมาว่านายมีเรื่องกับพวกอันธพาล...” ก่อนเขาจะพูดจบ ก็เหลือบไปเห็นคราบเลือดบนตัวกู้หม่าง อดไม่ได้ที่จะกลั้นอาการหายใจไม่ออก “โอพระเจ้า มันเป็นเรื่องจริง!”“ก็แค่พวกอันธพาลพวกเดียว” กู้หม่างพูดอย่างสงบเยือกเย็น “แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง พวกนั้นไม่ตายหรอก”“ไม่ร้ายแรงเหรอ?” เสิ่นเซียวดึงคอเสื้อเขาแล้วโน้มตัวเข้ามาพูดเสียงดัง “เขาถูกตีจนอวัยวะภายในแตก! ตอนนี้เขาต้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลในเมืองเจียงโจว!”กู้หม่างขมวดคิ้ว แต่สีหน้ายังคงไม่แสดงออกถ้าถามกลับว่าใครให้พวกเขากล้ามาลวนลามเจียงชั่นก่อนล่ะ? แค่ตีจนเกือบตายก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงหรือใหญ่อะไรเลย“ยังไม่พอ มีอีกคนที่นายหักขาเขาด้วย?” เสิ่นเซียวพูดด้วยความวิตกกังวล “นายรู้ไหมว่าพ่อเจ้าพวกนั้นคือใคร…”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันที่ไม่ใช่พ่อพวกมันล่ะ”“โธ่ เพื่อน พวกนั้นก็จะมาแก้แค้นนายน่ะสิ!”กู้หม่างถอดเสื้อออก โยนเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดลงด้านข้าง ก่อนหยิบ
การประชุมเช้าวันนี้อึดอัดมากเจียงชั่นรู้สึกถึงการจ้องมองอย่างคลุมเครือจากฟางจินหยางที่จ้องเธออยู่ รู้สึกว่าดวงตาไม่เป็นมิตรของเฉิงเซียวเซียวก็เฉียบคมราวกับใบมีดด้วยเช่นกันหลังการประชุม ก่อนฟางจินหยางจะเข้ามาคุยกับเธอ เธอยิ้มอย่างสุภาพ และรีบหาข้ออ้างเพื่อออกจากห้องประชุมไปก่อนก่อนเดินออกจากห้อง เธอได้ยินเสียงโกรธของเฉิงเซียวเซียวดังมาจากข้างใน “คุณเป็นอะไรไป? คุณไม่อาจละสายตาไปจากนังขี้เหร่นั่นได้เลยใช่ไหม! คงจริงสินะที่หมาเปลี่ยนสันดานชอบกินขี้หมาตัวอื่นไม่ได้!”หัวใจของเจียงชั่นเต้นรัวเมื่อได้ยินเมื่อเล่าเรื่องนี้ให้หลินอวี่ฉิงฟังตอนพักเที่ยง เธอรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้เกิดขึ้น บริษัทขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดตัว กลับมีศัตรูของเจียงชั่นถึงสองคน“ตอนนี้เราเห็นหน้ากันหมดแล้ว ก็มีแต่ควรระวังตัวและรับมือสถานการณ์ข้างหน้าให้ดี” หลินอวี่ฉิงกระซิบ “ชั่นชั่น ฉันอยู่ฝ่ายขายและไม่ได้มีอำนาจอะไร ซึ่งฉันจะออกรับหน้าแทนเธอไม่ได้ทุกครั้งไป และเฉิงเซียวเซียว ลุงของเธอเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โดยปกติแล้วเธอมักฝักใฝ่ในอำนาจ… การจะรับมือเธอไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ฝ่ายขายเป็นหนึ่งในแผนกที่สำคัญที่สุดของบริษัท” เฉิงเซียวเซียวจงใจเยาะเย้ยในระหว่างการประชุมวาระปกติของบริษัท “ถ้าบางคนไม่มีความสามารถในการขายจริง ๆ คงดีมาก ถ้าไม่ยึดเกาะตำแหน่งนี้ไว้แล้วลาออกไปซะ จะได้เปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถจริง ๆ เข้ามาทำงานแทน!”"บริษัทของเราไม่ใช่สถานที่สำหรับอยู่ไปวัน ๆ รอเกษียณ ทุกคนควรตระหนักเรื่องนี้ไว้ให้ดี คนที่ได้รับคำสั่งแต่ทำตามไม่ได้ ไม่ควรได้รับแม้กระทั่งเงินเดือนพื้นฐานด้วยซ้ำ กรุณาคิดให้รอบคอบเกี่ยวกับทางเลือกในอนาคตด้วยนะคะ!"เจียงชั่นก้มหน้าลง ปมระหว่างคิ้วไม่คลายออกจากกันตลอดทั้งช่วงบ่ายยังไม่พอ เมื่อเธอกลับถึงบ้านหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน เธอเห็นกู้หม่างนั่งอยู่บนโซฟา ดูโทรศัพท์มือถือไม่ละสายตา ทำตัวเหมือนลุงขี้เกียจ ห้องครัวว่างเปล่า เขาไม่มีแม้แต่น้ำร้อนด้วยซ้ำเห็นแบบนั้นแล้ว เจียงชั่นไม่สามารถอดทนเก็บซ่อนความคับข้องใจที่เก็บเอาไว้มาเป็นเวลานานได้จริง ๆ“คุณ… คุณไม่ได้ทำกับข้าวหรอกเหรอ?”กู้หม่างตกใจละสายตาจากโทรศัพท์ผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าแก้มแดงเรื่อ หายใจหอบถี่ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจ ดวงตากลมโ
ก่อนที่เจียงชั่นจะปฏิเสธข้อเสนอนั้น กู้หม่างก็ลากเธอออกจากบ้านทันทีระหว่างทางเธอไม่พูดอะไร แต่สมองขบคิดอย่างรวดเร็วว่าด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดของเธอ เพียงพอที่จะซื้ออะไรบ้างเธอแอบดูกู้หม่าง เขาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและยากจนมาโดยตลอด คงไม่รู้จักร้านอาหารในเมืองเจียงโจวหรอกใช่ไหม?ด้วยระดับความสามารถในการบริโภคของเขา บางทีแผงขายอาหารริมถนนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีนอกจากนี้ ร้านอาหารหลายแห่งยังมีอาหารหลักจำหน่ายไม่จำกัด ซึ่งเพียงพอสำหรับเขาอย่างแน่นอนเจียงชั่นก้มศีรษะลง เม้มริมฝีปากด้วยรอยยิ้มตั้งแต่แต่งงานมาเธอก็กลายเป็นคนประหยัด มักจะซื้อวัตถุดิบราคาถูก ๆ มาประกอบอาหาร แต่เธอเคยได้ยินคนรับใช้ชราคนหนึ่งจากตระกูลเจียงพูดว่า สิ่งที่คู่รักหนุ่มสาวกลัวมากที่สุด คือการสูญเสียความหวานชื่นในชีวิตคู่ บางทีการออกไปกินข้าวข้างนอกเป็นครั้งคราว อาจช่วยทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นถ้าอย่างนั้น... วันนี้เธอควรทำใจให้กว้าง แล้วพาเขาไปกินข้าวข้างนอกดีกว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อเจียงชั่นเงยหน้ามองอีกครั้ง ก็ตระหนักว่าตอนนี้ตัวเธอและกู้หม่างกำลังเดินไปตามถนนการค้าที่พลุกพล่านที่สุดในเมือง และหยุดอยู่
การแสดงออกในท่าทีของเจียงชั่นเปลี่ยนไป หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้นี่เขารู้เบื้องลึกเบื้องหลังเข้าแล้วเหรอ?หรือเขาได้ยินใครพูดอะไรบางอย่าง โดยบอกว่าตระกูลเจียงใช้ลูกสาวนอกกฎหมาย แล้วแสร้งให้มาหมั้นหมายจอมปลอมนี้สำเร็จ? หรือเขารู้เองว่าตัวเองแต่งงานกับลูกสาวตระกูลเจียงตัวปลอม?ผู้ชายทุกคนต่างมีความต้องการของตัวเอง พวกเขาต่างหวังว่าจะได้แต่งงานกับผู้หญิงร่ำรวยและสวยงาม ไม่ใช่เจ้าสาวกำมะลอเหมือนเธอที่มาแต่งงานแทนเจียงชั่นก้มหน้าลงเล็กน้อย ใช้สองมือเล็ก ๆ ถูปลายเสื้อด้วยท่าทีไม่สบายใจเธอบอกตัวเองอย่างสิ้นหวังว่า ตัวเองคงรับผลที่ตามมาไม่ไหว เพราะกู้หม่างเคยทะเลาะวิวาทและติดคุกมาก่อน…ถ้าเขาเอะอะโวยวายขึ้นมา ผลลัพธ์ก็มีแต่หายนะอย่างเดียว!“อา คุณว่ายังไงนะ?” เธอมองเขาด้วยดวงตากลมโตใสซื่อ พยายามใช้สมองเพื่อคิดหาวิธีเปลี่ยนเรื่อง “นั่นสิ พอดีเดือนนี้ฉันยังไม่มีผลงาน เลยต้องทำงานหนักขึ้นตลอดทั้งเดือน! ฉัน... ฉันคงกลับมาทำกับข้าวที่บ้านไม่บ่อยเหมือนเคย ยังไงก็ดูแลตัวเองไปก่อนนะ คุณโอเคไหม?”“ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”กู้หม่างยิ้มและส่งจานข้าวผัดล็อบสเตอร์ครึ่งหนึ่