ในร้านเกิดความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง สามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่นลงพื้นได้อย่างชัดเจนคนอื่น ๆ มีสีหน้าเห็นใจพนักงานคนหนึ่งซึ่งทำสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดไปทุกที อย่างไรก็ตามในตอนนี้ผู้จัดการก็เข้ามาขยิบตาให้เธอ และขอให้เธอทำตามความปรารถนาของลูกค้า ท้ายที่สุดแล้วราคาชุดแต่งงานชุดนั้นไม่น้อยเลยกู้หม่างดูสงบนิ่ง รอยยิ้มเยาะเย้ยเผยออกมาท่ามกลางสีหน้าเย็นชาของเขาเจียงชั่นอดไม่ได้ที่จะบีบมือเขา“ช่างมันเถอะอย่าซื้อให้เปลืองเลย” เธอกระซิบกับเขา “ชุดแต่งงานนี้แพงมากและไม่มีประโยชน์…”“รูดบัตรผมได้เลย” กู้หม่างพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ของผมไม่ต้องใช้รหัสผ่าน”จากนั้นผู้จัดการและพนักงานต่างรวมตัวกันเพื่อให้บริการพวกเขากู้หม่างไปสูบบุหรี่อยู่ที่ประตู ระหว่างเจียงชั่นกำลังวัดขนาดตัวอยู่ข้างใน คราวนี้ไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยเธอเลย พนักงานคนก่อนถูกผู้จัดการดุและยืนข้าง ๆ ไม่กล้าทำอะไรเกินเลย นักออกแบบที่เข้ามาช่วยยังคงชื่นชมเธอในสัดส่วนรูปร่างที่ดี แม้แต่ผู้จัดการก็ปฏิบัติต่อเธอในฐานะแขกผู้มีเกียรติ โดยเสิร์ฟชาและของว่างให้เธออย่างสุภาพหลังเดินออกจากร้านขายชุดแต่งงาน เจียงชั่นรู้สึกหดหู่ใจตล
กู้หม่างขมวดคิ้ว สีหน้าดูเคร่งขรึมมากขึ้น หายใจเข้าลึกและวางสายโทรศัพท์เขาเองก็ต้องการกลับไปที่หยางเฉิง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้การกลับไปตอนนี้จะเป็นการแจ้งเตือนให้ใครบางคนรู้ โดยเฉพาะผู้ที่คิดว่าเครื่องบินส่วนตัวของเขาตกและหายสาบสูญ เพื่อก่อปัญหาอีกครั้ง และคิดหาวิธีทำร้ายเขาด้วยวิธีที่เลวร้ายมากขึ้น!“ไข่มุกหรือมุกบุก คุณชอบอันไหน?”กู้หม่างสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหันกลับมาเผชิญหน้ากับดวงตากลมโตสดใสคู่หนึ่ง เธอยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มหวานแหววเหมือนกับชานมในมือ“คุณเป็นอะไรไป?" เจียงชั่นมองเขาด้วยความสงสัย "สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย…”“ผมสบายดี” ความรู้สึกเมื่อถูกมองผ่านดวงตาคู่นี้ ทำให้รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อยเสียงของกู้หม่างรุนแรงและเย็นชา เขามองเธออย่างเฉยเมยแล้วตอบกลับ “ดื่มเองสิ ผมไม่ชอบของหวานแบบนี้”เจียงชั่นตัวแข็งค้างอยู่อย่างนั้น ขณะถือชานมสองแก้ว หลังจากนั้นไม่นานเธอกัดริมฝีปากแล้ววิ่งตามเขาไปเธอเดินตามเขาแต่ไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป แผ่นหลังอันกว้างใหญ่ราวกับกำแพงภูเขาน้ำแข็ง อีกฝั่งของกำแพงคือโลกที่เป็นของเขาแค่คนเดียว เธออยู่ใกล้ภูเขาลูกนี้มาก แต่ไม่สามารถข้ามมันไปได้…
กู้หม่างคาดเดาแล้วพูดต่ออย่างใจเย็น “ไปที่ห้องแล้วเปิดลิ้นชักในตู้ ข้างในมีกล่องอยู่… เอาไปเถอะ”เจียงชั่นพึมพำ “หืม” เธอทำตามคำแนะนำของเขา และพบกล่องไม้แกะสลักอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของลิ้นชัก ลวดลายบนกล่องได้รับการแกะสลักอย่างวิจิตรและสวยงาม อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อีกด้วยกู้หม่างรับมาแล้วเปิดออก ข้างในมีเครื่องประดับทองคำหลายชิ้น มีทั้งสร้อยคอ ต่างหู แหวน โดยเฉพาะสร้อยข้อมือทองและหยก ซึ่งมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว หยกฝังด้วยทองคำให้ความรู้สึกอบอุ่นโปร่งใส เต็มไปด้วยสีสัน ทั้งยังอลังการอย่างยิ่งเจียงชั่นเบิกตากว้างและมองเขาอย่างไม่มั่นใจ“นี่มัน…”“ก่อนเราสองคนแต่งงานกัน ผมยังไม่ได้ให้ของขวัญหมั้นหมายที่ดีแก่คุณเลยนี่” กู้หม่างจับมือเธอแล้วมองด้วยสายตาเรียบเฉย “ผมตั้งใจชดเชยสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณ ลองดูสิว่ามีอะไรอีกบ้าง หรือคุณไม่พอใจกับมันเหรอ?”มือเล็ก ๆ ของเจียงชั่นกำแน่นและคลายลง รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอแอบมองใบหน้าอันเคร่งขรึมของกู้หม่าง แต่เหมือนสัมผัสได้ถึงความหวานเล็กน้อยในใจเขาเครื่องประดับทั้งหมดนี้สวยงามมาก จนไม่พบข้อบกพร่องใด ๆแต่เขามีของพวกนี้ได้อย่างไร?กู้หม่
รอยยิ้มบนหน้าเจียงชั่นแข็งทื่อ ความโศกเศร้าพัดผ่านเข้ามาในหัวใจหลินอวี่ฉิงพูดถูก การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต เธอเพิ่งแต่งงานโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองเลย ไม่มีแม้แต่สร้างความสัมพันธ์ที่จริงจังก่อนด้วยซ้ำ เธอไม่ได้แค่ทำลายความสุขในชีวิตตัวเองไปหรอกเหรอ?แต่...เจียงชั่นเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดว่า “ทำไมมันช่างน่าสังเพชจริง ๆ เลยนะ แต่ความจริงฉันเองก็ต้องขอบคุณกู้หม่าง ถ้าเขาไม่แต่งงานกับฉัน ก็คงไม่ได้สินสอดตั้งล้านกว่าบาทหรอก!”ตราบใดที่อาการป่วยของแม่เธอดีขึ้น น้องชายสามารถเข้าเรียนและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข นี่ถือเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่สำหรับเธอแล้ว“เอาล่ะ ฉันคงไม่ติดต่อกับใครไปสักพัก!” เจียงชั่นพูดต่อก่อนวางสายโทรศัพท์อย่างเร่งรีบ “วันนี้ฉันกลับบ้านเพื่อเอาเงินส่วนของตัวเอง ไว้ฉันจะแจ้งข่าวดีให้เธอรู้อีกทีหลังได้เงินมานะ!”เจียงชั่นเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้สะพายหลังอย่างระมัดระวัง หลังจากเดินได้ไม่นาน เธอมาถึงถนนย่านการค้าพลุกพล่านที่สุดในเจียงโจว เธอยืนอยู่ริมถนนและมองดูการจราจรแสนวุ่นวาย ระหว่างนี้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง…“เฮ้ น้องสาว
“ก็บอกไปแล้วไงว่าพ่อไม่อยู่บ้าน!” เจียงเหยายิ้มอย่างภาคภูมิใจ “พ่อคงลืมไปแล้วว่าวันนี้ลูกจะกลับบ้าน! แถมเธอแต่งงานกับคนแบบนั้น คิดเหรอว่ากลับมาแล้วพ่อจะอยู่รอต้อนรับเธอ? ฮ่า ๆ ๆ นี่ยังน่าอายไม่พออีกเหรอเนี่ย!”“ฉันไม่ต้องการอะไรแบบนั้นหรอก!”เจียงชั่นเดินและหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงเหยา “ฉันแค่ต้องการค่าสินสอด!”“ค่าสินสอด?”เจียงเหยาเลิกคิ้วขึ้นและมองเธอด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย “สินสอดอะไรของเธอ? ฉันไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ!”เจียงชั่นตกตะลึงมาก หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบหลุดจากร่างขณะนั้นความคับข้องใจ ความโกรธ และความเกลียดชังทั้งหมดถาโถมเข้ามาในหัวใจ เธอรู้ว่าตัวเองมีภูมิหลังต่ำต้อย และถูกตราหน้าว่าเป็นลูกสาวนอกกฎหมายตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดมาในโลกใบนี้ แต่เรื่องของภูมิหลังไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถเลือกเกิดได้ แม้จะอยู่ในความมืดมนมาหลายปี เธอก็ยังพยายามอย่างหนักที่จะก้าวออกจากจุดดำมืดนี้เธอเชื่อว่าไม่มีผู้หญิงธรรมดาคนไหนที่จะเห็นด้วยกับคำขอไร้สาระแบบนี้เพื่อขอแต่งงานแทน!ทั้งหมดนี้เธอแค่อยากจะช่วยแม่ตัวเองเท่านั้นแล้วทำไมเธอถึงต้องมาสูญเสียความหวังเล็ก ๆ แบบนี้ไปด้วย!เจี
เมื่อกู้หม่างเปิดประตู เขาเห็นเจียงชั่นออกมาจากครัวพร้อมกับอาหารสองจานใบหน้าเล็ก ๆ ที่แต่เดิมเศร้าเล็กน้อยเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันทีเมื่อเห็นเขารอยยิ้มเป็นแค่การบังคับฝืนตัวเองเล็กน้อยกู้หม่างล้างมือแล้วนั่งที่โต๊ะ หลังจากฝึกมาทั้งวันก็หิวโซ อาหารตรงหน้านี้ยิ่งดูน่ารับประทานเขาหยิบชามขึ้นมาและเริ่มกิน ขณะที่เจียงชั่นนั่งเงียบโดยไม่ขยับตัวทำอะไร“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอเจียงชั่นชะงักและส่ายหน้า“ถ้าอย่างนั้นรีบกินก่อนเถอะ” กู้หม่างวางชิ้นเนื้อบนชามเธอ “แค่มองก็อิ่มแล้วเหรอ?”เจียงชั่นก้มหน้าลงและเม้มริมฝีปาก ตอนนี้เธอไม่มีความอยากอาหารจริง ๆ เวลานี้โทรศัพท์มีข้อความจากหยิ่นเฉิงน้องชายของเธอ “พี่สาว ค่ารักษาพยาบาลของแม่จะจ่ายเมื่อไรเหรอ? ถ้าไม่รีบจ่ายหมอจะหยุดให้ยา!”ทั้งหัวใจเหมือนถูกบีบรัด เธอมองไปที่ลิ้นชักในตู้โดยไม่รู้ตัวเธอใส่เครื่องประดับทองทั้งหมดที่กู้หม่างมอบให้ครั้งล่าสุดเข้าไป โดยเฉพาะสร้อยข้อมือทองคำและหยก ซึ่งน่าจะคุ้มค่าเงินมากเมื่อเอาไปแลกเปลี่ยน…“ทำไมสีหน้าเป็นงั้นล่ะ?” ทันใดนั้นเสียงทุ้มลึกก็ขัดจังหวะความคิดของเธอเจียงชั่นหันกลับมาได้สติ
กู้หม่างเงียบอยู่ที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์อย่างไรก็ตาม แม้ทางโทรศัพท์ ไป๋จิ่งหยวนก็สามารถเดาได้ว่าเขาต้องมีใบหน้าเหมือนภูเขาน้ำแข็งโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆทักษะที่เด่นชัดที่สุดของเขา คือต่อให้ตายก็ไม่เปิดเผยความรู้สึก“ลูกพี่สาม” ไป๋จิ่งหยวนกระแอมสองครั้ง “คุณไม่มีอะไรจะพูดเหรอ?”“จะให้พูดอะไร?” เสียงของกู้หม่างฟังดูเหมือนกำลังยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มจริง ๆ “ฉันยกให้เธอไปแล้ว เธอจะเอาไปทำอะไรต่อมันก็เรื่องของเธอ เธอคงมีเหตุผลที่เอามันไปขาย”“แต่นั่นคือ 'ลมทองคำน้ำค้างหยก' ที่คุณยายทวดของคุณสวมมันติดตัวตลอดเชียวนะ!”กู้หม่างไม่ได้พูดอะไร เพิ่มน้ำหนักให้กับดัมเบล เมื่อเขายกมันขึ้นอีกครั้ง กล้ามเนื้อก็ยิ่งกระชับขึ้น ความแข็งแกร่งแทบปะทุเหมือนกับภูเขาไฟระเบิด“เธอขายสร้อยข้อมือได้เงินไปเท่าไร?”“ก็…” ไป๋จิ่งหยวนยิ้ม “เธอไม่ได้ขาย!”กู้หม่างขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเห็นผู้หญิงตัวเล็กคนนี้อยู่ไม่สุขและมองไปที่ลิ้นชักตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนั้นเขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าเธออยากเอาเครื่องประดับไปขายถึงอย่างไร เงินค่าสินสอดหนึ่งล้านห้าแสนกว่าบาทก็ถูกเจียงเหยายักยอกไป แต่เธอต้องรีบหาเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล
หลังอาหารเย็น เจียงชั่นหั่นผลไม้แล้วนำมาวาง จากนั้นจึงนั่งลงข้างกู้หม่างชายคนนั้นถือโทรศัพท์แล้วมองอย่างจดจ่อ เจียงชั่นโน้มตัวเข้าไปดูอย่างอยากรู้อยากเห็น คิดว่าเขากำลังเล่นเกม แต่ไม่คาดคิดว่าเขากำลังดูเว็บไซต์ภาษาต่างประเทศ หน้าจอเป็นภาพผู้คนสวมชุดสูทและเนคไท คาดเดาว่าคงเป็นบรรดานักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเจียงชั่นสะดุ้ง จากนั้นกู้หม่างก็หันหน้ามาทันที เจียงชั่นอยู่ใกล้มากจนเธอไม่ทันระวัง จมูกแทบจะแตะปลายจมูกของเขา ทั้งสองมองหน้ากันอย่างว่างเปล่า ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา แม้กระทั่งหัวใจก็เต้นแรง“มีอะไร?” กู้หม่างกระซิบถาม“ปะ… เปล่าค่ะ” เจียงชั่นนั่งข้างเขาตามเดิมอย่างงุ่มง่าม มือเล็ก ๆ ทั้งสองประสานกันด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “คุณกำลังดูข่าวอยู่เหรอคะ?”“ใช่ ข่าวการเงิน”“คุณสนใจเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”กู้หม่างหันหน้ากลับมาอีกครั้ง ดวงตาเฉียบคมราวนกอินทรีคู่นั้นดูเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “แล้วคุณคิดว่าคนที่เคยมีประวัติทะเลาะวิวาทจนติดคุกควรสนใจหรือเปล่าล่ะ?”“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย!” ใบหน้าของเจียงชั่นเปลี่ยนเป็นสีแดง “ฉันแค่รู้สึกประหลาดใจ ไม่ค