แชร์

2

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-03 05:10:31

บทที่ 2

เด็กสาวรีบปาดน้ำตาและเม้มปากแน่นกลั้นสะอื้น แต่สักครู่ก็เบะปากสะอื้นหนักยิ่งกว่าเดิม

เขาหน้าเสียเมื่อเห็นดังนั้น รู้สึกผิดอยู่ในใจ “ปู่ของเธอจะต้องไม่เป็นอะไร เชื่อฉันสิ”

“ช่วย.. ช่วย.. ปู่หนู ด้วย นะคะ” เธอพูดไปสะอื้นไป

เขาเพียงแต่พยักหน้ารับ แล้วช่วยพยุงปู่ของเธอขึ้นรถที่มาจอดเทียบ ให้เธอกับปู่นั่งเบาะหลังด้วยกัน แล้วเปิดประตูนั่งหน้าคู่กับบอดี้การ์ดของตัวเอง

“จะไปส่งที่โรงพยาบาลไหนดีครับ” เอดิสันขอความเห็นจากเจ้านาย เพราะเรื่องนี้อยู่เหนือการตัดสินใจของเขา

“ไปที่ใกล้ที่สุด ฉันรู้สึกว่าปู่ของเธออาการแย่มาก”

“ท่านคะ” เด็กสาวรู้ว่าตัวเองเสียมารยาท ที่เปิดปากแทรกการสนทนาที่ฟังไม่รู้เรื่องของพวกเขา

“ว่าไง”

“ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ช่วยไปส่งหนูที่โรงพยาบาล...” เธอบอกชื่อสถานพยาบาลที่ระบุไว้ในบัตรทองของปู่

“ปู่ของเธออาการไม่ค่อยดีนะ แน่ใจเหรอว่าจะให้ฉันพาไปส่งที่นั่น..ว่าไง” เขาถามอีกครั้งเมื่อเด็กสาวเอาแต่นั่งนิ่ง มีเพียงสีหน้าเท่านั้นที่แสดงอารมณ์หวั่นวิตกอย่างชัดเจน

“ค่ะ” เธอตัดสินใจเลือกที่จะไปโรงพยาบาลตามบัตรทอง เพราะรู้ตัวดีว่าไม่มีปัญญาจะพาปู่ไปรักษาโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้ได้ และได้แต่หวังว่าปู่จะอาการดีขึ้น

คำตอบของเธอทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มขณะที่มองผู้เป็นปู่ไม่วางตาของเธอ เขาก็เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเธอ

“หนูพอจะสนิทกับหมอที่นั่นอยู่บ้าง หนูจะขอร้องให้เขาช่วยรักษาปู่ของหนูให้หายค่ะ”

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันขณะที่เมินหน้าไปนอกหน้าต่างรถ เธอจะขอร้องให้หมอช่วยอย่างนั้นเหรอ เธอแน่ใจได้อย่างไรว่าหมอจะช่วย เงินตัวเดียวเท่านั้นแหละที่จะช่วยได้ สาวน้อยเอ๋ย ทำไมเธอถึงใสซื่อนักนะ

ยี่สิบนาทีต่อมา ปู่ของเธอก็ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนระดับห้าดาว คณะแพทย์ต่างรายล้อมตรวจเช็กอาการเบื้องต้นของผู้ป่วย หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกส่งต่อไปยังห้องไอซียู เมื่อเขาบอกให้รักษาอย่างดีที่สุด พร้อมกับหยิบแบล็กการ์ดออกมายืนยันคำพูด

เสร็จเรื่องแล้วก็ตั้งใจจะกลับไปทำธุระของตัวเองต่อ จึงเดินไปหาเด็กสาวที่นั่งหน้าเศร้าอยู่หน้าห้องไอซียูเพื่อบอกลา

“ฉันจะกลับแล้วนะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”

เด็กสาวรีบลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้เขา “ขอบคุณท่านมาก ๆ นะคะที่เมตตา” แล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงวอร์ม หยิบกระเป๋าใส่เงินพลาสติกลายการ์ตูนราคาถูก ๆ ที่มีขายตามหน้าโรงเรียนออกมา มองหน้าเขาก่อนจะจับมือเขาแล้ววางกระเป๋าลงไป “หนูจ่ายค่ารักษาคุณท่านแค่นี้ก่อนนะคะ แล้วหนูจะหามาใช้ส่วนที่เหลือให้ครบทุกบาททุกสตางค์ แต่คุณท่านอย่าเร่งหนูนะคะ ขอเวลาหนูหางานทำก่อน ส่วนบัตรประชาชนใบนั้น หนูให้ท่านเอาไว้เพื่อเป็นหลักประกันค่ะ” เด็กสาวอธิบายเมื่อเห็นเขาเปิดดูในกระเป๋า แล้วก้มหน้ามองพื้นอย่างระอายแก่ใจ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังเอาเปรียบเขาอย่างมาก

“ปันหยี แซ่กง” เขาอ่านชื่อของเธอตามตัวหนังสือภาษาอังกฤษ แล้วมองที่วันเดือนปีเกิด.. เธอเพิ่งจะพ้นวัยสิบห้าปีมาแค่สี่เดือนเท่านั้น ยังเด็กอยู่เลย เขาบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่มาตกหลุมรักเด็กที่เพิ่งโตแบบนี้ตั้งแต่แรกพบ “มีชื่อเล่นไหม”

เด็กหญิงที่เพิ่งเข้าสู่วัยแตกสาวได้ไม่นานเงยหน้าขึ้น “ชื่อหยินค่ะ”

“หยิน หยาง” อือ.. เข้าท่าดีนะ

“อะไรนะคะ” คำสุดท้ายเขาพูดว่าอะไรเธอได้ยินไม่ชัดเลย

เขามองหน้าเธอแล้วส่งกระเป๋าคืนให้ “เก็บเอาไว้ใช้ หลังจากปู่หายดีแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที”

“ขอบคุณค่ะ” เธอยอมรับกระเป๋าคืนมาอย่างง่ายดาย เพราะใจจริงแล้วเธอจำเป็นต้องเก็บเงินที่มีอยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทนี้เอาไว้กินไว้ใช้อีกหลายมื้อ

“ฉันไปก่อนนะ”

“ค่ะ สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม มองเขาเดินจากไป “ท่านคะ” และนึกได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อของเขาเลย จึงร้องเรียกและวิ่งไปหา “ท่านชื่ออะไรคะ ถ้าปู่ฟื้นขึ้นมาหนูจะได้บอกกับปู่ถูก”

“ฟิลลิป หยาง จำชื่อของฉันเอาไว้ให้ขึ้นใจล่ะปันหยี”

เด็กสาวรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อเห็นสายตาที่มองมาของชายหนุ่ม สายตาลุ่มลึกที่เธอไม่รู้ว่ากำลังสื่อถึงอะไร เธอได้แต่มองเขาเดินจากไปจนลับสายตา แล้วจึงเปิดกระเป๋าใบน้อยเพราะรู้สึกหิวเหลือเกิน เธอควรไปหาซื้อมาม่ากินสักถ้วยเพื่อประทังความหิว

แต่ธนบัตรใบสีเทาที่ถูกยัดเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้จำนวนห้าใบในกระเป๋า ทำให้เธออึ้งไปเลยทีเดียว.. แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอิ่มตื้อไปด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของเขา

สิบวันผ่านไป

ภายในหมู่บ้านที่มีแต่ระดับมหาเศรษฐีอาศัยอยู่ ปู่กับหลานสาวคู่หนึ่งก็มายืนสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ที่หน้าประตูรั้วของคฤหาสน์ที่หลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านนี้ หลังจากที่กดกริ่งให้สัญญาณกับคนในบ้านไปหนึ่งครั้ง

“อ้าวลุง มีอะไรเหรอ” คนสวนที่วิ่งมาดูเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นเป็นภารโรงของหมู่บ้าน

“ลุงจะมาขอพบเจ้าของบ้านหน่อยน่ะ ท่านอยู่ไหม”

“จะมาขอพบใครล่ะ คุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิง แล้วลุงมีธุระอะไรกับเจ้านายฉันล่ะ” คนสวนถามอย่างแปลกใจ เพราะพวกเขาไม่น่าจะมีธุระต่อกันได้

“คุณผู้ชายจ้ะน้า คุณฟิลลิป หยางน่ะค่ะ” เด็กสาวเห็นสายตาสงสัยระคนดูแคลนของอีกฝ่าย ก็รีบพูดชื่อออกไปเพื่อที่ฝ่ายนั้นจะได้เชื่อคำพูดของปู่เธอ

“หือ!” คิ้วหนาไร้ระเบียบของคนสวนขมวดเข้าหากันยิ่งกว่าเก่า “คุณฟิลลิปไม่มีหรอก เจ้านายฉันไม่ได้ชื่อฟิลลิป มาผิดบ้านแล้ว”

“เดี๋ยวสิจ๊ะน้า” ปันหยีรีบเรียกคนในบ้านที่ทำท่าจะเดินหนีเอาไว้ “เรามาไม่ผิดบ้านหรอกจ้ะ วันนั้นคุณฟิลลิปเขาได้ช่วยปู่ของหนูไว้ที่หน้าบ้านนี่แหละ แล้วเขาก็บอกหนูเองว่าเขาชื่อฟิลลิป”

“ข้าบอกว่าบ้านนี้ไม่มีคนชื่อฟิลลิปก็ไม่มีสิอีหนู ข้าจะโกหกทำไมล่ะ”

“โวยวายอะไรวะไอ้ชุ่ม” เสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นก่อนที่จะเดินมาถึง “มีอะไรวะ”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สวาทหวาน   162 ตอนจบ

    พรพิมพ์จับมือของลูกสาวและลูกเขยที่ไหว้ตน ได้แต่พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุขเพราะตื้นตันจนพูดไม่ออก หลังจากนั้นก็หลบให้พ่อแม่ของเจ้าบ่าวได้อวยพรให้ทั้งคู่บ้างแจ็คกี้กล่าวขอบคุณมารดาของเจ้าสาวที่เชื้อเชิญตน แล้วมองใบหน้าที่เปี่ยมสุขของลูกชายสุดที่รัก ที่ต้องแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาอย่างกะทันหัน เพราะดันทำเจ้าสาวคนสวยท้อง“พ่อคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วมั้ง เพราะพ่อรู้ว่าลูกชายของพ่อมีความสุขมาก และจะสุขมากกว่านี้ในอนาคต จริงไหมลูกพ่อ”“ครับคุณพ่อ ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลยครับ” เจ้าบ่าวสุดหล่อตอบบิดาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง แล้วหันไปมองเจ้าสาวคนสวยที่นั่งยิ้มเอียงอายอยู่ข้าง ๆ“ฝากดูแลลูกชายของพ่อด้วยนะหนู ลูกชายพ่อเขารักหนูมากนะ ถ้าเขาหึงหวงหนูไปบ้าง ก็ให้คิดเสียว่าเพราะเขารักหนูมากเกินไป” แจ็คกี้หันไปพูดกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงติดเอ็นดู“ค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวตอบรับพร้อมรอยยิ้มเขินอาย“ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะลูก” บุรุษสูงวัยลูบศีรษะลูกชาย และตบต้นแขนของลูกสะใภ้เบา ๆ ก่อนจะหลีกทางให้ภรรยา “อวย

  • สวาทหวาน   161

    “ยอมสิ ผมมั่นใจว่าคุณแม่ต้องรักลูกของเรา อาจจะรักมากกว่าผมด้วยซ้ำ” เขาแตะแก้มนวลเบา ๆ แล้วส่งยิ้มให้กำลังใจ “ไม่ต้องคิดมากหรอก ท่านจะรักหรือไม่รักก็แล้วแต่ท่านเถอะ ขอแค่เรารักลูกของเราให้มากที่สุดก็พอแล้ว เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเรากันเอง เลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ตกลงไหม”“อือ”“ถ้าอย่างนั้นเตรียมตัวกลับกรุงเทพเลย เรามีงานต้องทำอีกเยอะนะ”“อลันมีงานเหรอ”“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก งานแต่งของเราต่างหากที่สำคัญ อลันใจร้อน อยากจะแต่งให้เร็วที่สุด”“เราจัดงานแต่งแบบง่าย ๆ ก็พอแล้วนะอลัน แค่ให้พ่อแม่ของเรารับรู้ แล้วจัดงานเลี้ยงฉลองแต่คนสนิท ถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ใช้เวลาเตรียมงานแค่อาทิตย์เดียวก็พอ”“เอาแบบนี้ก็ได้ อลันจะส่งข่าวให้เพื่อน ๆ ที่ฮ่องกง บีก็ส่งข่าวให้เพื่อน ๆ ของบี ส่วนเรื่องสถานที่จัดงานเลี้ยงอลันจัดการเอง พรีเวดดิ้งเราค่อยไปถ่ายกันที่ฮ่องกงหรือไต้หวันทีหลังพร้อมลูกก็ได้ ตกลงไหม”“ก็ได้ งันบีจะช่วยหาของชำร่วยนะ”

  • สวาทหวาน   160

    “แต่อลันเคยพูดว่าต้องการแก้แค้นบีที่ทิ้งอลัน” เธอกลายเป็นคนคิดมากจนเกินเหตุ“เราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอบี ผมก็สารภาพไปแล้วไงว่าแค่ข้ออ้าง จริง ๆ แล้วผมตามหาบีก็เพราะผมรักบี ผมไม่เคยลืมบีเลยแม้แต่วันเดียว ผมไม่ได้พูดเพื่อต้องการหลอกบีนะ” เขาจับมือของเธอมาทาบลงบนอกแน่นตึงข้างซ้าย “แต่ผมมีบีอยู่ข้างในนี้จริง ๆ ผมรักบีมากนะ รักมากอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้รับความรู้สึกนี้ของผมไปแม้แต่คนเดียว บีคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้”น้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันทรวง ค่อย ๆ ไหลทะลักออกจากดวงตากลมโต แล้วไหลอาบแก้มนวลที่ซูบตอบลงไปเล็กน้อยอลันใช้นิ้วโป้งค่อย ๆ ปาดน้ำตาให้คนรักอย่างบรรจง “บีเป็นอะไร บอกผมได้ไหม” เขาถามอย่างอาทร แต่เธอกลับร้องไห้หนักกว่าเก่า จนเขาตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลูบหลังปลอบใจร่างบางที่โผเข้ามากอดแนบแน่น ปล่อยให้เธอร้องไห้อยู่เงียบ ๆ.. เนิ่นนานกว่าเสียงร้องของเธอจะซาลง แล้วจูงมือเขาพาเดินเข้าไปในบ้าน“รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม พร้อมจะบอกผม

  • สวาทหวาน   159

    “เวียนหัว กินอะไรไม่ค่อยลงอย่างนั้นเหรอ” พรพิมพ์สะดุดใจกับอาการป่วยของลูกสาว จนต้องถามย้ำให้แน่ใจ“ครับ พี่จินนี่บอกผมอย่างนั้น”“แม่ถามอะไรเธอหน่อยได้ไหมอลัน”“ถามอะไรเหรอครับ”พรพิมพ์จับมือชายหนุ่ม ที่เธอให้ความรู้สึกรักและเอ็นดูตั้งแต่รู้จักครั้งแรก มองเขาด้วยสายตาเคร่งเครียดระคนหวาดหวั่น“เธอต้องตอบแม่ตามความจริงนะ”“แน่นอนครับ”“เธอกับบีคบกันถึงขั้นไหนแล้ว”คำถามของมารดาคนรัก ทำเอาชายหนุ่มถึงกับวางหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว รีบหลบสายตาไปมองทางอื่น เพื่อให้ตัวเองได้ตั้งหลักทางความคิด รู้สึกผิด ละอายแก่ใจ ลำบากใจ ที่ต้องพูดความจริงออกไป เพราะไม่อยากให้คนรักต้องมัวหมองเพียงแค่เห็นท่าทางอึกอักของชายหนุ่มพรพิมพ์ก็เดาได้ทันที ในฐานะของคนเป็นแม่ เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ลูกสาวของเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีหน้าที่การงาน รับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้แล้ว เรื่องแบบนี้กับยุคสมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก“คงข้ามขีดของคำว่าแฟนไปมากแล้วสิ

  • สวาทหวาน   158

    เป็นอาทิตย์แล้วที่อลันไม่ได้เจอหน้าคนรัก เขากับเธอได้แต่ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ แต่ละครั้งเธอก็คุยกับเขาน้อยคำจนน่าแปลกใจ วันนี้ก็เป็นเช่นเดิม เธอคุยกับเขาไม่ถึงสองนาทีก็บอกวางสาย มันทำให้เขารู้สึกเครียดกับการเปลี่ยนแปลงที่น่าใจหายของเธอยิ่งนัก จึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนรักของเธอเพื่อถามในสิ่งที่สงสัย(สวัสดีอลัน)“สวัสดีครับเจ้ เจ้พอมีเวลาว่างสักห้านาทีไหมครับ” เขาคุยกับหญิงสาวอย่างนอบน้อม(ว่างจ้ะ คุยมาได้เลย)“คือผมอยากจะคุยเรื่องบีหน่อยครับ”(อ้อ ว่าไงจ๊ะ บีเป็นยังไงบ้างล่ะ กลับมาถึงบ้านแล้วเหรอ)คำถามของจินนี่ ทำให้หัวคิ้วของอลันขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ใบหน้าที่เคร่งเครียดอยู่แล้วยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม“เจ้พูดเหมือนบีไม่ได้ไปทำงานเลยนะครับ” เขาถามเพื่อให้แน่ใจ(อ้าว!) ปลายสายอุทานงง ๆ (เดี๋ยวนะ เจ้ไม่แน่ใจว่าตัวเองทำพลาดหรือเปล่า)“บอกผมมาเถอะครับเจ้” ได้ยินน้ำเสียงลังเลเหมือนไม่อยากพูดต่อของอีกฝ่าย เขาก็ร้องขอความเห็นใจ “บีเขาไปไหนครับ... เจ้ครับ ได้โปรดบอกผมเถอะครับ” เขาอ้อนวอนเมื่ออีกฝ่ายยังเงียบ(...บีเขาไม่ได้บอกอะไรนายเลยเหรออลัน)“เราคุยโทรศัพท์กันทุกวัน แต่ไม่ได้เจอกันเลย เธอบ

  • สวาทหวาน   157

    “ก็ได้จ้ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้อยู่กับแม่ทั้งวันนะลูก”“งั้นผมขอออกไปหาคุณพ่อก่อนนะครับ แล้วเย็นนี้ผมจะกลับมานอนกับคุณแม่” นอกจากไปหาบิดาแล้ว ช่วงบ่ายเขายังมีนัดกับเพื่อน ๆ อีก เขาต้องรีบทำทุกอย่างให้จบในเวลาจำกัด พยายามจะจัดเวลาให้มารดามากที่สุดเพื่อเอาใจท่าน“อย่างนั้นก็ได้ แม่จะรอกินข้าวเย็นด้วยนะลูก”“ครับคุณแม่ ประมาณหนึ่งทุ่มนะครับ”“ได้จ้ะ”ประเทศไทยร้านอาหารของอลัน“ทำไมเหรอบี ไม่อร่อยเหรอ” จินนี่ถามเพื่อนรักอย่างสงสัย เมื่อเธอทำหน้าเบ้ รีบเลื่อนจานสเต๊กเนื้อที่เพิ่งกินไปได้แค่คำเดียวออกห่างตัว“ฉันว่าเนื้อมีกลิ่นแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่อร่อยเหมือนทุกครั้งที่เคยกินด้วย” พรพิมลตอบคำถามแล้วรีบดื่มน้ำตาม เพื่อล้างกลิ่นที่ติดอยู่ในปาก“จริงเหรอ” จินนี่ลองจิ้มเนื้อสเต๊กจากจานของเพื่อนมาดม เมื่อไม่มีกลิ่นแปลกปลอมอะไรก็ลองชิม ค่อย ๆ ละเลียดเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นอย่างที่เพื่อนบอกหรือไม่ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วแปลกใจ เพราะรสชาติปกติดีทุกอย่าง “เธอไม่สบายหรือเปล่าบี สเต๊กเขาก็อร่อยดีนี่นา”“จริงเหรอ”“จริงสิ รสชาติแบบที่เราเคยกินเลย” แล้วค่อย ๆ ขยับตัวโน้มหน้าไปหาเพื่อน “เธอทำแบบนี้แฟนเธอเสียหายนะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status