Share

สวาทหวาน
สวาทหวาน
Penulis: ซินเหมย / ณศิกมล

1

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-03 05:10:02

บทที่ 1

“หนูจะไม่เรียนต่อถ้าปู่ไม่ลาออกจากที่นี่”

“ถ้าปู่ลาออกแล้วหนูจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนล่ะลูก” ชายชราวัยหกสิบห้าปีที่หลังงองุ้ม และหน้าตาแก่กว่าอายุมากเพราะต้องทำงานหนัก เอ่ยถามหลานสาวขณะที่กวาดถนนไปด้วย

“กลับไปอยู่บ้านนอกกันสิจ๊ะปู่ ที่บ้านนอกเราเก็บผักตามข้างทางกินก็ได้ โรงเรียนก็เรียนฟรีและอยู่ไม่ไกลด้วย หนูเดินไปโรงเรียนก็ยังได้ แล้วปู่ก็จะได้รักษาตัวฟรีด้วย”

“แต่ที่นี่หนูก็ได้เรียนฟรีเหมือนกันนี่ลูก เรียนที่นี่แหละนะ ไม่ต้องไปเรียนที่บ้านนอกหรอก ที่นั่นกับที่นี่ก็ไม่ต่างกันหรอกสำหรับเรา เพราะเราไม่เหลือใครแล้ว” เมื่อห้าปีก่อนเขายังมีย่าของหลานคอยช่วยกันทำมาหากิน แต่แล้วอยู่ ๆ นางก็มาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน ทิ้งให้เขากับหลานสาวที่กำพร้าพ่อแม่ด้วยสาเหตุเดียวกันเอาไว้ลำพัง

“แต่อย่างน้อยที่บ้านนอกเราก็ยังมีบ้านนี่จ๊ะ ถึงแม้ว่ามันจะเก่าและเล็กแต่มันก็เป็นบ้านของเรา เราไม่ต้องเสียเงินเช่าเขาอยู่แบบนี้นะปู่”

เพชรบุรีมันไม่ไกลจากกรุงเทพก็จริง แต่บ้านเกิดของภรรยาเขาก็ไม่ใช่สถานที่ที่น่าไปอยู่นัก เพราะย่านนั้นมีแต่สวนแต่ไร่ ถ้าไม่มีรถส่วนตัวก็ยากแก่การใช้ชีวิต โดยเฉพาะการเดินทางไปโรงพยาบาล ที่เขาต้องไปตามนัดทุกเดือน

“แต่มันไม่ดีสำหรับหนูหรอกลูก ที่นั่นมีแต่วัยรุ่นติดยา ปู่กลัวว่ามันจะทำร้ายหลานของปู่ แค่ก ๆ ๆ แค่ก ๆ ๆ” อุดมไอจนตัวโยน รู้สึกเหนื่อยจนต้องนั่งพักตรงริมรั้วของบ้านหลังหนึ่ง ที่มีเงาต้นไม้ใหญ่แผ่ปกคลุมให้ร่มเงา

“ปู่เป็นอะไรมากไหมจ๊ะ ดื่มน้ำสักหน่อยนะ” เด็กสาววัยย่างสิบหก รีบเปิดกระเป๋าผ้าเก่า ๆ ที่แขวนไว้กับหูรถเข็น หยิบกระบอกน้ำที่มีน้ำเหลืออยู่น้อยนิดเทให้ปู่ดื่ม

“ขอบใจนะลูก แค่ก ๆ ๆ แค่ก ๆ ๆ” ปู่ดื่มน้ำจนหมดแต่ก็ยังไม่หายไอ

“หนูไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถ้าปู่ไม่กลับไปอยู่ที่บ้านนอก หนูจะไม่เรียนต่อ หนูจะไปทำงานเป็นเด็กนั่งดริงก์ในร้านคาราโอเกะ จะได้มีเงินมารักษาปู่ ไม่เชื่อก็คอยดูสิ” เด็กสาวพูดทั้งน้ำตาเมื่อเห็นอาการไอจนหน้าตาแดงของปู่ ส่วนมือก็โบกพัดสานเก่า ๆ ที่ขาดลุ่ยเพื่อเพิ่มความเย็น

อุดมหายใจหอบโยนด้วยความเหนื่อย ค่อย ๆ ยกมือที่สั่นเทาไปลูบศีรษะหลานสาวสุดที่รัก สมบัติชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตที่เขาภูมิใจที่สุด

“ก็ได้ลูก เราจะกลับไปที่นั่นกัน แต่หนูต้องสัญญากับปู่ก่อนนะ ว่าจะอดทนกับความลำบากให้ได้”

“หนูไม่กลัวความลำบาก แต่หนูกลัวความสบายจ้ะปู่” ต่อให้ลำบากกว่าทุกวันนี้เป็นสิบ ๆ เท่าเธอก็ยอม เพื่อให้ปู่ได้มีเงินเหลือรักษาตัวบ้าง

“ถ้าอย่างนั้นรอเงินเดือนของปู่ออกแล้วเราค่อยเดินทางกันนะ”

“จ้ะปู่”

เห็นรอยยิ้มของหลานสาว ปู่อย่างเขาก็มีความสุขแล้ว ชายชราค่อย ๆ ฝืนตัวลุกขึ้น หวังจะกวาดถนนให้เสร็จ ๆ เพราะยังเหลืองานดูแลสวนสาธารณะของหมู่บ้านอีก แต่อาการวิงเวียนที่กำเริบหนักกว่าเดิมก็ทำให้เขาทรงตัวไม่อยู่ หงายหลังล้มลงไปไม่เป็นท่า ศีรษะฟาดกับกำแพงรั้วอย่างจัง

“ปู่!” เด็กสาวตะโกนเรียกปู่ดังลั่นด้วยความตื่นตระหนกตกใจ รีบวิ่งเข้าไปประคองร่างที่ทรุดโทรมนั้นไว้ “ปู่ตื่นสิ ปู่จ๋า ปู่ได้ยินหนูไหม”

“อืออออ...” ผู้เป็นปู่พยายามอย่างยิ่งที่จะส่งเสียงให้หลานสาวรับรู้

เสียงขานรับแผ่วเบาของผู้เป็นปู่ทำให้เด็กสาวรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เธอหันมองซ้ายขวาแต่ก็ไม่เห็นใครในรัศมีสายตา นอกจากคฤหาสน์หลังใหญ่โตที่อยู่ภายในรั้วรอบขอบชิด..

และเวลานี้เอง ที่ประตูรั้วของคฤหาสน์หลังที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้กำลังเปิดออก ซึ่งก็คือหลังที่เธอกับปู่กำลังอาศัยหลบแดดอยู่ตอนนี้

“ปู่รอหนูอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวหนูไปตามคนมาช่วยนะ” เธอวางปู่ลงบนพื้นแข็งอย่างเบามือ แล้วรีบวิ่งเข้าไปที่คฤหาสน์หลังนั้น.. เธอฉลาดพอที่จะไม่วิ่งไปทางด้านคนขับ แต่วิ่งไปทางประตูด้านหลังพร้อมกับพนมมือไหว้ “ท่านคะ ช่วยปู่หนูด้วยค่ะ” แล้วอ้อนวอนขอความเมตตาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้

“เกิดอะไรขึ้น!” คิ้วเข้มของบุรุษที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถยนต์คันหรูขมวดเข้าหากัน ส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่คนขับรถออกไปดู แล้วหันไปมองเด็กสาวด้านนอกรถอีกครั้ง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเธอเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้น จึงรีบกดกระจกรถที่ติดฟิล์มดำเอาไว้ให้เลื่อนลง ยังไม่ทันได้เปิดปากถามไถ่เธอก็ฝืนตัวลุกขึ้น แล้ววิ่งตามบอดี้การ์ดของเขาไป

แต่เพียงแค่แวบเดียวที่ได้เห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเด็กสาวเต็มตา ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างวิ่งชนที่หัวใจของเขาอย่างแรง.. อะไรบางอย่างนั้นสามารถทำให้บุรุษวัยสามสิบสองรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วตามเธอไป

“เกิดอะไรขึ้นเอดิสัน”

“ปู่ของเธอล้มครับคุณฟิลลิป อาการไม่ค่อยดีเลย” บอดี้การ์ดหนุ่มตอบคำถามของเจ้านาย

“คุณท่านช่วยปู่หนูด้วยนะคะ หนูไหว้ล่ะค่ะ ช่วยปู่หนูด้วยนะคะ” เธอไม่เข้าใจคำพูดภาษาจีนของพวกเขา แต่เธอก็กลัวว่าเขาจะไม่ไยดีคนจน ๆ อย่างเธอกับปู่ จึงคุกเข่ายกมือไหว้อ้อนวอนน้ำตานองหน้า

ฟิลลิป หยาง หรือหยางอี้ หนุ่มฮ่องกงที่มีเชื้อสายอินเดียและโปรตุเกสผสมอยู่ด้วย มองเด็กสาวด้วยความรู้สึกพิเศษแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“หยุดร้องได้แล้ว” เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วหันไปมองหน้าบอดี้การ์ด “พาเขาไปโรงพยาบาล”

“ขอบคุณค่ะคุณท่าน” เด็กสาวยกมือไหว้เขาอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความดีใจ รีบลุกไปช่วยคนของเขาประคองผู้เป็นปู่

ชายหนุ่มผู้เป็นนายมองบอดี้การ์ดที่กำลังช่วยประคองชายชราให้ลุกขึ้นนั่ง เห็นอาการทุลักทุเลที่เกือบจะแนบชิดแบบไม่ได้ตั้งใจของทั้งสอง ก็รู้สึกหึงหวงจนทนดูไม่ได้ ใจของเขามันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ จนเขายังตกใจตัวเอง

“นายไปเอารถมาดีกว่า เดี๋ยวฉันช่วยเธอเอง” เขาไล่บอดี้การ์ดแล้วเสียบแทนที่ ใจยิ่งเต้นแรงเมื่อได้เห็นเธอในระยะใกล้ ๆ แบบนี้ ถึงแม้ใบหน้าเธอจะยังดูเด็กและมอมแมมไปด้วยคราบน้ำตา แต่ก็ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงทีเดียว “หยุดร้องไห้ได้แล้ว รู้ไหมว่าหน้าตาของเธอน่าเกลียดมากแค่ไหนตอนนี้” เขากลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองด้วยการต่อว่าเธอ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สวาทหวาน   82 ตอนจบ

    เห็นสายตาที่เขม่นมองอย่างคาดโทษของภรรยาก็ยักไหล่ใส่อย่างยียวน “ไม่เห็นต้องอายเลย เอดิสันเขาชินแล้ว จริงไหมเอดิสัน”“ครับบอส” คนพูดน้อยตอบรับ“หนูไม่คุยกับคุณแล้ว”“เป็นแม่คนแล้วนะ ถ้างอนเก่งแบบนี้ระวังลูกจะขี้แยนะ” เห็นเธองอนก็ยิ่งเย้าแหย่คนถูกแกล้งค้อนใส่สามีก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถตู้คันหรู เมื่อเขาก้าวตามขึ้นมาก็ซบลงกับต้นแขนแกร่งทันที“หนูง่วงจังเลยค่ะ ขอนอนพักสักหน่อยนะคะ” ตั้งแต่เธอท้องเธอก็กลายเป็นคนนอนง่ายหลับง่าย จนแม่สามียังแซวว่าหลานของท่านคนนี้น่าจะเป็นเด็กเลี้ยงง่าย“ง่วงก็นอนซะ” หยางอี้บอกกับภรรยาขณะขยับตัวรับร่างของเธอให้นอนพิงในท่าที่สบายที่สุด ใช่ว่ารถคันนี้จะคับแคบ เบาะที่เธอนั่งก็สามารถปรับเอนนอนได้เกือบจะร้อยแปดสิบองศา แต่เธอกลับไม่ชอบทำแบบนั้น บอกว่านอนไม่หลับ สู้นอนซุกอกอุ่น ๆ ของเขาไม่ได้“ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าอิ่มเอิบเหลือบมองสามี แล้วจุ๊บที่ปลายคางของเขา “หยินรักคุณอี้ที่สุดเลยค่ะ”คำกระซิบบอกเบา ๆ ที่เธออยากให้

  • สวาทหวาน   81

    เมื่อได้ฟังเหตุผลของลูกชาย ฝ่ายมารดาก็เริ่มเข้าใจและคล้อยตาม “ที่แกพูดก็มีเหตุผล แม่ก็คงต้องรอไปอีกสองสามปีสินะ” แล้วมองว่าที่ลูกสะใภ้ “จะเรียนไปทำไมก็ไม่รู้ไอ้ด็อกเตอร์เนี่ย เรียนไปสามีเธอก็ไม่ให้ไปทำงานหรอก เพราะเธอมีหน้าที่ผลิตลูกให้เขาอย่างเดียวเท่านั้นแหละ” แม่ลูกนิสัยไม่ต่างกันเลยจริง ๆ อยากพูดอะไรก็พูด ไม่รู้จักใช้คำพูดอ้อมค้อมกันบ้างเลย มันทำให้เธอร้อนวูบวาบด้วยความอับอายไปทั้งใบหน้าแล้วตอนนี้ “หนูอยากเรียนเพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งลูกสะใภ้ของคุณแม่ ภรรยาที่เพียบพร้อมของคุณหยางอี้ และให้ลูกของหนูได้ภูมิใจในตัวแม่ของเขา เหตุผลเท่านี้พอไหมคะคุณแม่” “แล้วไม่คิดถึงตัวเองบ้างเหรอ” แม้จะพอใจมากกับคำตอบของเธอ แต่เบคกี้หยางก็ยังอยากรู้ หญิงสาวหันไปมองคนข้าง ๆ ที่มองอยู่ก่อนแล้ว “ก่อนหน้า

  • สวาทหวาน   80

    “ฉันก็แค่หยอกเล่นเท่านั้น แยกแยะไม่ออกหรือไง” หยางอี้คลี่ยิ้มละมุน เข้าประชิดด้านหลังแฟนสาวแล้วจับบ่าของเธอ “ได้ยินแล้วใช่ไหม ท่านก็แค่อยากหยอกว่าที่ลูกสะใภ้เล่นเท่านั้น” เขาจงใจพูดเสียงดังให้มารดาได้ยิน แล้วลดเป็นเสียงกระซิบเบา ๆ ในประโยคต่อมา “แต่ท่านคงจะเขินถ้าทำตัวเป็นกันเองกับหนูง่าย ๆ เพราะเคยเขม่นเอาไว้เยอะ หน้าตาท่านก็เลยดูจริงจังไปหน่อย” “กระซิบกระซาบอะไรกัน” ผู้เป็นมารดาเขม่นลูกชายที่คลี่ยิ้มกว้างส่งสายตาล้อเลียนมาให้“ก็แค่บอกรักเมีย ไม่อยากให้คุณแม่ได้ยินเพราะกลัวจะถูกหมั่นไส้ครับ” “ไม่ใช่นะคะมาดาม” ปันหยีรีบปฏิเสธแล้วหันไปค้อนใส่คนรักอย่างไม่พอใจ “อย่าพูดแบบนี้สิคะ เดี๋ยวมาดามก็โกรธหนูอีก” “ถ้าคิดจะเป็นลูกสะใภ้ฉันก็ควรเรียกฉันว่าแม

  • สวาทหวาน   79

    หยางอี้สลัดศีรษะไล่ความสะลึมสะลือก่อนกรอกเสียงลงไป “ว่าไงอลัน” (ขอโทษที่โทรมารบกวนนะครับน้าอี้ แต่น้าอี้รู้ไหมครับว่าบีเขาอยู่ไหน) ชายหนุ่มไม่แปลกใจที่ถูกถามแบบนี้ เพราะเด็กหนุ่มก็คงรู้อะไรมาไม่น้อยเหมือนกัน แต่เขาก็รับปากหญิงสาวที่ถูกถามถึงเอาไว้แล้วเหมือนกัน “ไม่รู้สิ ทำไมถึงมาถามหากับฉันล่ะ” (ผมขอร้องนะครับน้าอี้ ได้โปรดบอกความจริงกับผมเถอะครับ ขอแค่บอกว่าเธอไปอยู่ที่ไหน ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง) “..เอาเป็นว่านายไม่ต้องเป็นห่วงเธอหรอก เพราะเธอกลับบ้านเธอไปแล้ว ฉันรู้เพราะวันนี้เธอมาบอกลากับฉัน และเธอก็ขอร้องฉันว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับนายด้วย” (เธอบอกอย่างนั้นจริง ๆ เหรอครับ)

  • สวาทหวาน   78

    “มีความสุขดีไหมบี” หยางอี้ถามหญิงสาวที่ยืนตะลึงตาค้างอยู่ในห้อง ส่วนตัว เขาไม่ได้เดินเข้าไป เพราะวันนี้ที่มาก็เพื่อให้เธอรู้ว่าเธอหนีเขาไม่พ้นก็เท่านั้น “คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอบี” “พี่อี้รู้ได้ยังไง” เธอถามเสียงสั่น แววตาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เพราะสิ่งที่เธอทำกับเขาก่อนจะขนของออกมามันไม่ธรรมดาเลย “เธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระขณะที่ยังอยู่ในฮ่องกงอย่างนั้นเหรอบี” เขาย้อนถามเสียงเย็นพอ ๆ กับแววตา “เธอเซ็นสัญญาทำงานกับฉัน และเวลานี้เธอควรไปเริ่มงานที่สาขาในประเทศไทยได้แล้ว แต่เธอก็ยังเอ้อระเหยอยู่ที่นี่ ฉันควรจะทำอย่างไรกับเธอดี แจ้งความดำเนินคดีตามกฎของบริษัท หรือว่าแจ้งความเรื่องที่เธอทำลายข้าวของในคอนโดฉันดีล่ะ ค่าซ่อมแซมไม่เท่าไหร่หรอกนะ แค่ล้านกว่า ๆ เอง ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็ไปติดคุกซะ” หญิงสาวกลัวจนน้ำตาแทบไหล ทั้งหมดที่เธอทำในคืนนั

  • สวาทหวาน   77

    ปันหยีเขินอายกับคำพูดของตัวเองเหลือเกิน แต่ก็อยากจะออดอ้อนเอาใจเขาให้ถึงที่สุด เขาจะได้หายโกรธ เธอขยับตัวไปทางด้านหน้าของเขา มองใบหน้าคมเข้มที่มองเธอด้วยแววตาปรารถนาอย่างไม่ปิดบังโกรธให้ตายเขาก็คงปฏิเสธเรือนร่างขาวอมชมพูที่ใส่พานมาให้ถึงที่แบบนี้ไม่ได้ มือใหญ่จึงเอื้อมไปรวบร่างนุ่มนิ่มมาแนบอก ให้เธอได้รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของเขากำลังเกิดการตื่นตัว“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะหายโกรธเหรอ”“ถ้าไม่หายโกรธก็ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนี้สิคะ” เธอคลี่ยิ้มกว้าง กล้าโต้ตอบใส่เขาเมื่อมือแกร่งนั้นรวบรัดเธอเอาไว้แน่นจนเรือนร่างได้สัมผัสกับของแข็ง ๆ บางสิ่งที่ใต้น้ำชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก มองเธอด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะโน้มหน้าไปหาเรียวปากอวบอิ่ม มอบจูบหอมหวานสะท้านทรวงแด่เธอหญิงสาวหลับตาพริ้มรับจูบ โอบกอดรอบลำคอแกร่ง โต้ตอบเรียวลิ้นที่ล่วงล้ำเข้ามาในปากอย่างช่ำชองมากขึ้น หลังจากได้รับการสั่งสอนมาบ่อยครั้ง สองขาเรียวเกี่ยวกอดสะโพกสอบอย่างรู้หน้าที่เมื่อถูกมือใหญ่เกี่ยวขึ้นมา“เรียกฉันเพราะ ๆ แล้วฉันจะมอบความสุขให้เป็นรางวัล”

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status