แชร์

4

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-03 05:11:51

บทที่ 4

หยางอี้มองเด็กสาวและปู่ของเธอ ที่นั่งตัวตรงก้มหน้ามองแต่มือที่วางไว้บนตัก และใช้เวลานี้พิจารณาคนที่ทำให้จิตใจของเขาอยู่ไม่เป็นสุขมาตลอดสิบวัน เด็กสาววัยแค่ประมาณสิบห้าปี หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ผิวพรรณสะอาดหมดจด เพียงแค่นั้นที่เขามองเห็นในตอนนี้

ทรวดทรงแทบจะไม่มี ตัวก็เล็ก ๆ แกน ๆ ถ้าให้พูดตรง ๆ เธอคือผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในบรรดาผู้หญิงที่เขาเคยคบ แต่แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ และคิดถึงเธอได้ขนาดนี้

เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ต้องบ้าแน่ ๆ

“ทำไมถึงเอาแต่นั่งนิ่งล่ะ ถ้าไม่มีอะไรจะพูดฉันจะไปทำงานก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน” ตอนที่ญาติสนิทโทรมาถามไถ่เรื่องนี้ เขาเพิ่งจะลงจากเครื่องได้ไม่ถึงสามชั่วโมง และยอมให้ฝ่ายนั้นบอกที่อยู่แก่พวกเขา โดยอ้างไปว่าพวกเขาคงจะเอาเงินมาคืน เมื่อถูกซักว่าทำไมพวกเขาถึงอยากเจอตนนัก

ปันหยีเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วหันไปมองปู่ พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกใบ้ให้ท่านพูด ในสิ่งที่ได้ปรึกษากันมาก่อนหน้านี้อย่างดีแล้ว

อุดมหันไปหาผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ “กระผมกับหลานอยากจะมากราบขอบพระคุณคุณท่านครับ” เขาพูดพร้อมกับยกมือท่วมหัว

ชายหนุ่มยกมือรับไหว้อีกฝ่ายด้วยท่าทางเคร่งขรึมตามสไตล์ “ผมไม่ใช่คนใจดี แต่ก็ทนเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นไม่ต้องคิดมากหรอก ช่วยได้ผมก็ช่วยทุกคนแหละ”

“ขอบพระคุณท่านมากนะครับ”

“ไม่เป็นไร หมดธุระแล้วใช่ไหม”

“คือปู่ของหนูอยากรู้ค่ารักษาทั้งหมดค่ะ” ปันหยีเห็นปู่รู้สึกเหนื่อยกับการพูด จึงตัดสินใจพูดแทนเสียเอง

“อยากรู้ทำไม จะเอาเงินมาคืนฉันเหรอ”

“ค่ะ เราอยากรู้ยอด เราจะได้หาเงินมาใช้คุณ”

“ถ้าเธออยากจะคืนจริง ๆ ฉันคิดแค่ห้าแสนก็พอ เศษอีกแปดหมื่นกว่าบาทฉันลดให้ เธอจะคืนฉันเมื่อไหร่ล่ะ ฉันจะได้บอกให้ผู้ช่วยเตรียมเอกสารค่ารักษาทั้งหมดมาให้” เขาตั้งใจพูดประชดเท่านั้น และต้องแปลกใจเมื่อเห็นอาการตกใจของเธอสงบลงได้อย่างรวดเร็ว

อุดมอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อได้ยินยอดค่ารักษา มิน่าล่ะ อาการของเขาถึงได้ดีขึ้นผิดหูผิดตาได้เร็วขนาดนี้ เพราะได้ยาดีหมอดีนี่เอง แต่มันก็แพงเหลือเกิน แพงกว่าที่คิดเอาไว้มาก

“ตอนนี้เรายังไม่มีเงินหรอกครับคุณท่าน แต่ผมจะรีบหามาคืนให้เร็วที่สุด”

“ปู่จะหาจากไหนมาคืนผมล่ะ”

คำถามของเขาถึงแม้จะฟังดูเย็นชา แต่อุดมก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยาม ออกจะให้เกียรติด้วยซ้ำไป

“ภรรยาผมมีที่ดินอยู่แปลงหนึ่งที่เพชรบุรีครับ ผมตั้งใจว่าจะเก็บไว้ให้หลาน” ผู้เป็นปู่มองไปที่หลานสาว ลูบศีรษะของเธออย่างรักใคร่และเสียใจในทีเดียวกัน “แต่เขาบอกให้ผมขายที่ดินผืนนั้นเพื่อเอาเงินมาใช้ให้คุณท่านครับ”

ที่ดินในจังหวัดเพชรบุรีทำให้เขาหูผึ่งเล็กน้อย เพราะตอนนี้บริษัทของเขาก็กำลังกว้านซื้อที่ดินในจังหวัดนั้นเพื่อทำเป็นโครงการที่ดินจัดสรร

“อยู่แถวไหนของเพชรบุรีล่ะ”

“หุบกะพงครับ”

“ก็ไม่ไกลนี่” นอกจากไม่ไกลแล้ว ยังเป็นละแวกเดียวกับที่เขากำลังกว้านซื้อด้วยสิ “แล้วปู่คิดว่าจะขายได้สักเท่าไหร่ล่ะ”

“ผมไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้หรอกครับ ขายได้เท่าไหร่ก็คงเท่านั้น แต่คงต้องไปคุยกับหลานของเมียก่อน เพราะเขาขอใช้ที่ของเราปลูกมะนาวขาย ก็ต้องไปบอกให้รับรู้เอาไว้ เขาจะได้ขยับขยายไปที่อื่น”

“ปล่อยเช่าให้เขาปลูกมะนาวเหรอ”

“ไม่ได้ปล่อยเช่าอะไรหรอกครับท่าน เมียผมคิดว่าดีกว่าปล่อยให้เป็นที่รกร้าง เลยปล่อยให้เขาปลูกฟรี ๆ ตั้งหลายปีแล้ว แทบไม่เคยได้กลับไปดูเลย”

ได้ฟังถึงตรงนี้คิ้วเข้มของหยางอี้ก็ไหวเข้าหากันเล็กน้อย รู้สึกกังวลใจแทนปู่กับหลานคู่นี้ขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา

“จริง ๆ ปู่ไม่ต้องเอาเงินมาคืนผมก็ได้นะ เงินแค่นั้นสำหรับผมไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย”

“ไม่ได้หรอกครับคุณท่าน จะมากจะน้อยผมก็ต้องหามาใช้เท่าที่ผมทำได้ ผมอาจจะตายก่อนที่จะใช้หนี้คุณท่านหมด แต่หลานสาวผมคนนี้จะใช้หนี้ส่วนที่เหลือแทนผมจนครบแน่นอนครับ”

“ผมเพิ่งพาปู่ไปรักษาเองนะ ปู่ก็มาพูดเรื่องตายแล้วเหรอ เราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยนะ แล้วปู่จะไปเพชรบุรีเมื่อไหร่ล่ะ” เขาเปลี่ยนเรื่องคุยพร้อมกับมองนาฬิกาที่ข้อมือ เมื่อเห็นผู้ช่วยส่งสัญญาณบอกใบ้ “ผมมีเวลาคุยด้วยอีกห้านาทีเท่านั้นนะ”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่กวนคุณท่านแล้วครับ”

หยางอี้มองชายชราที่ร่างกายดูทรุดโทรมเกินกว่าวัย ค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก แม้มีหลานสาวช่วยประคอง

“มะรืนนี้ผู้ช่วยของผมต้องไปทำธุระแถวตำบลเขาใหญ่ ปู่จะไปด้วยไหม” เขาทนให้เด็กสาวต้องลำบากเดินทาง พาปู่ที่ไม่แข็งแรงขึ้นรถโดยสารสาธารณะไม่ได้หรอก

“จริงเหรอคะ!” เด็กสาวเผลอแสดงอาการดีใจออกมาทันที

“ไม่เป็นไรครับคุณท่าน เดี๋ยวผมกับหลานนั่งรถตู้ไปก็ได้ครับ” อุดมปฏิเสธอย่างนุ่มนวลเพราะแค่นี้ก็เกรงใจเขาจะแย่แล้ว.. ที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อกี้เขาเห็นสายตาของบุรุษผู้นี้มองหลานสาวเขาแปลก ๆ ถึงแม้จะแค่เสี้ยววินาทีแต่เขาก็เห็น

“ไปรถทัวร์ก็ต้องเสียค่ารถ แต่ถ้าไปกับคนของผมก็ไม่ต้องเสียสักบาท สะดวกสบายกว่าด้วย ปู่ลองคิดดูสิ ปู่ก็ไม่ค่อยแข็งแรง หลานสาวก็ตัวเท่านี้ ถ้าเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาอย่างคราวก่อนจะทำยังไง”

“จริงด้วยจ้ะปู่ ไหน ๆ มันก็เป็นทางผ่านของเขาอยู่แล้ว เราติดรถเขาไปดีกว่านะ แทนที่จะเสียค่ารถสองเที่ยว เราก็เสียแค่เที่ยวกลับเที่ยวเดียวเท่านั้น” เด็กสาวขยับปากไปใกล้ ๆ หูของปู่แล้วกระซิบเบา ๆ “เราจะได้มีเงินเหลือใช้หนี้เพิ่มขึ้นอีกหน่อยไงจ๊ะปู่”

“แต่ปู่เกรงใจคุณท่านเขา”

“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก เพราะผมไม่ได้ไปด้วย คนที่ไปคือคนนั้นต่างหาก” เขาชี้ไปที่ผู้ช่วยส่วนตัว ที่ทำทุกหน้าที่ได้อย่างดีไม่มีขาดตก “เขาชื่อไซม่อน เป็นมือขวาของผมเอง”

เด็กสาวหันไปมองตามคำแนะนำ เมื่อเห็นเขาคนนั้นโค้งศีรษะทักทายมาให้พร้อมรอยยิ้ม ก็ยกมือไหว้กลับไปพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร

การกระทำของเธอ ตกอยู่ในสายตาคมดุจเหยี่ยวของหยางอี้ตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่เธอแจกรอยยิ้มให้คนของเขาไปทั่วแบบนี้ เพราะเขาอยากให้เธอยิ้มให้เขาคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

“ผมต้องไปแล้ว เดี๋ยวจะให้เอดิสันไปส่งก็แล้วกันนะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ เรากลับเองได้”

“ไม่เป็นไร นั่งรอก่อนนะ” สั้น ๆ ง่าย ๆ แค่ไม่กี่คำ ทำให้ปู่กับหลานต้องนั่งลงที่เดิม ได้แต่ส่งสายตามองตามร่างสูงสมส่วน หน้าตาหล่อราวเทพบุตรเดินจากไป

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สวาทหวาน   162 ตอนจบ

    พรพิมพ์จับมือของลูกสาวและลูกเขยที่ไหว้ตน ได้แต่พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุขเพราะตื้นตันจนพูดไม่ออก หลังจากนั้นก็หลบให้พ่อแม่ของเจ้าบ่าวได้อวยพรให้ทั้งคู่บ้างแจ็คกี้กล่าวขอบคุณมารดาของเจ้าสาวที่เชื้อเชิญตน แล้วมองใบหน้าที่เปี่ยมสุขของลูกชายสุดที่รัก ที่ต้องแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาอย่างกะทันหัน เพราะดันทำเจ้าสาวคนสวยท้อง“พ่อคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วมั้ง เพราะพ่อรู้ว่าลูกชายของพ่อมีความสุขมาก และจะสุขมากกว่านี้ในอนาคต จริงไหมลูกพ่อ”“ครับคุณพ่อ ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลยครับ” เจ้าบ่าวสุดหล่อตอบบิดาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง แล้วหันไปมองเจ้าสาวคนสวยที่นั่งยิ้มเอียงอายอยู่ข้าง ๆ“ฝากดูแลลูกชายของพ่อด้วยนะหนู ลูกชายพ่อเขารักหนูมากนะ ถ้าเขาหึงหวงหนูไปบ้าง ก็ให้คิดเสียว่าเพราะเขารักหนูมากเกินไป” แจ็คกี้หันไปพูดกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงติดเอ็นดู“ค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวตอบรับพร้อมรอยยิ้มเขินอาย“ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะลูก” บุรุษสูงวัยลูบศีรษะลูกชาย และตบต้นแขนของลูกสะใภ้เบา ๆ ก่อนจะหลีกทางให้ภรรยา “อวย

  • สวาทหวาน   161

    “ยอมสิ ผมมั่นใจว่าคุณแม่ต้องรักลูกของเรา อาจจะรักมากกว่าผมด้วยซ้ำ” เขาแตะแก้มนวลเบา ๆ แล้วส่งยิ้มให้กำลังใจ “ไม่ต้องคิดมากหรอก ท่านจะรักหรือไม่รักก็แล้วแต่ท่านเถอะ ขอแค่เรารักลูกของเราให้มากที่สุดก็พอแล้ว เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเรากันเอง เลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ตกลงไหม”“อือ”“ถ้าอย่างนั้นเตรียมตัวกลับกรุงเทพเลย เรามีงานต้องทำอีกเยอะนะ”“อลันมีงานเหรอ”“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก งานแต่งของเราต่างหากที่สำคัญ อลันใจร้อน อยากจะแต่งให้เร็วที่สุด”“เราจัดงานแต่งแบบง่าย ๆ ก็พอแล้วนะอลัน แค่ให้พ่อแม่ของเรารับรู้ แล้วจัดงานเลี้ยงฉลองแต่คนสนิท ถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ใช้เวลาเตรียมงานแค่อาทิตย์เดียวก็พอ”“เอาแบบนี้ก็ได้ อลันจะส่งข่าวให้เพื่อน ๆ ที่ฮ่องกง บีก็ส่งข่าวให้เพื่อน ๆ ของบี ส่วนเรื่องสถานที่จัดงานเลี้ยงอลันจัดการเอง พรีเวดดิ้งเราค่อยไปถ่ายกันที่ฮ่องกงหรือไต้หวันทีหลังพร้อมลูกก็ได้ ตกลงไหม”“ก็ได้ งันบีจะช่วยหาของชำร่วยนะ”

  • สวาทหวาน   160

    “แต่อลันเคยพูดว่าต้องการแก้แค้นบีที่ทิ้งอลัน” เธอกลายเป็นคนคิดมากจนเกินเหตุ“เราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอบี ผมก็สารภาพไปแล้วไงว่าแค่ข้ออ้าง จริง ๆ แล้วผมตามหาบีก็เพราะผมรักบี ผมไม่เคยลืมบีเลยแม้แต่วันเดียว ผมไม่ได้พูดเพื่อต้องการหลอกบีนะ” เขาจับมือของเธอมาทาบลงบนอกแน่นตึงข้างซ้าย “แต่ผมมีบีอยู่ข้างในนี้จริง ๆ ผมรักบีมากนะ รักมากอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้รับความรู้สึกนี้ของผมไปแม้แต่คนเดียว บีคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้”น้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันทรวง ค่อย ๆ ไหลทะลักออกจากดวงตากลมโต แล้วไหลอาบแก้มนวลที่ซูบตอบลงไปเล็กน้อยอลันใช้นิ้วโป้งค่อย ๆ ปาดน้ำตาให้คนรักอย่างบรรจง “บีเป็นอะไร บอกผมได้ไหม” เขาถามอย่างอาทร แต่เธอกลับร้องไห้หนักกว่าเก่า จนเขาตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลูบหลังปลอบใจร่างบางที่โผเข้ามากอดแนบแน่น ปล่อยให้เธอร้องไห้อยู่เงียบ ๆ.. เนิ่นนานกว่าเสียงร้องของเธอจะซาลง แล้วจูงมือเขาพาเดินเข้าไปในบ้าน“รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม พร้อมจะบอกผม

  • สวาทหวาน   159

    “เวียนหัว กินอะไรไม่ค่อยลงอย่างนั้นเหรอ” พรพิมพ์สะดุดใจกับอาการป่วยของลูกสาว จนต้องถามย้ำให้แน่ใจ“ครับ พี่จินนี่บอกผมอย่างนั้น”“แม่ถามอะไรเธอหน่อยได้ไหมอลัน”“ถามอะไรเหรอครับ”พรพิมพ์จับมือชายหนุ่ม ที่เธอให้ความรู้สึกรักและเอ็นดูตั้งแต่รู้จักครั้งแรก มองเขาด้วยสายตาเคร่งเครียดระคนหวาดหวั่น“เธอต้องตอบแม่ตามความจริงนะ”“แน่นอนครับ”“เธอกับบีคบกันถึงขั้นไหนแล้ว”คำถามของมารดาคนรัก ทำเอาชายหนุ่มถึงกับวางหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว รีบหลบสายตาไปมองทางอื่น เพื่อให้ตัวเองได้ตั้งหลักทางความคิด รู้สึกผิด ละอายแก่ใจ ลำบากใจ ที่ต้องพูดความจริงออกไป เพราะไม่อยากให้คนรักต้องมัวหมองเพียงแค่เห็นท่าทางอึกอักของชายหนุ่มพรพิมพ์ก็เดาได้ทันที ในฐานะของคนเป็นแม่ เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ลูกสาวของเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีหน้าที่การงาน รับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้แล้ว เรื่องแบบนี้กับยุคสมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก“คงข้ามขีดของคำว่าแฟนไปมากแล้วสิ

  • สวาทหวาน   158

    เป็นอาทิตย์แล้วที่อลันไม่ได้เจอหน้าคนรัก เขากับเธอได้แต่ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ แต่ละครั้งเธอก็คุยกับเขาน้อยคำจนน่าแปลกใจ วันนี้ก็เป็นเช่นเดิม เธอคุยกับเขาไม่ถึงสองนาทีก็บอกวางสาย มันทำให้เขารู้สึกเครียดกับการเปลี่ยนแปลงที่น่าใจหายของเธอยิ่งนัก จึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนรักของเธอเพื่อถามในสิ่งที่สงสัย(สวัสดีอลัน)“สวัสดีครับเจ้ เจ้พอมีเวลาว่างสักห้านาทีไหมครับ” เขาคุยกับหญิงสาวอย่างนอบน้อม(ว่างจ้ะ คุยมาได้เลย)“คือผมอยากจะคุยเรื่องบีหน่อยครับ”(อ้อ ว่าไงจ๊ะ บีเป็นยังไงบ้างล่ะ กลับมาถึงบ้านแล้วเหรอ)คำถามของจินนี่ ทำให้หัวคิ้วของอลันขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ใบหน้าที่เคร่งเครียดอยู่แล้วยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม“เจ้พูดเหมือนบีไม่ได้ไปทำงานเลยนะครับ” เขาถามเพื่อให้แน่ใจ(อ้าว!) ปลายสายอุทานงง ๆ (เดี๋ยวนะ เจ้ไม่แน่ใจว่าตัวเองทำพลาดหรือเปล่า)“บอกผมมาเถอะครับเจ้” ได้ยินน้ำเสียงลังเลเหมือนไม่อยากพูดต่อของอีกฝ่าย เขาก็ร้องขอความเห็นใจ “บีเขาไปไหนครับ... เจ้ครับ ได้โปรดบอกผมเถอะครับ” เขาอ้อนวอนเมื่ออีกฝ่ายยังเงียบ(...บีเขาไม่ได้บอกอะไรนายเลยเหรออลัน)“เราคุยโทรศัพท์กันทุกวัน แต่ไม่ได้เจอกันเลย เธอบ

  • สวาทหวาน   157

    “ก็ได้จ้ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้อยู่กับแม่ทั้งวันนะลูก”“งั้นผมขอออกไปหาคุณพ่อก่อนนะครับ แล้วเย็นนี้ผมจะกลับมานอนกับคุณแม่” นอกจากไปหาบิดาแล้ว ช่วงบ่ายเขายังมีนัดกับเพื่อน ๆ อีก เขาต้องรีบทำทุกอย่างให้จบในเวลาจำกัด พยายามจะจัดเวลาให้มารดามากที่สุดเพื่อเอาใจท่าน“อย่างนั้นก็ได้ แม่จะรอกินข้าวเย็นด้วยนะลูก”“ครับคุณแม่ ประมาณหนึ่งทุ่มนะครับ”“ได้จ้ะ”ประเทศไทยร้านอาหารของอลัน“ทำไมเหรอบี ไม่อร่อยเหรอ” จินนี่ถามเพื่อนรักอย่างสงสัย เมื่อเธอทำหน้าเบ้ รีบเลื่อนจานสเต๊กเนื้อที่เพิ่งกินไปได้แค่คำเดียวออกห่างตัว“ฉันว่าเนื้อมีกลิ่นแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่อร่อยเหมือนทุกครั้งที่เคยกินด้วย” พรพิมลตอบคำถามแล้วรีบดื่มน้ำตาม เพื่อล้างกลิ่นที่ติดอยู่ในปาก“จริงเหรอ” จินนี่ลองจิ้มเนื้อสเต๊กจากจานของเพื่อนมาดม เมื่อไม่มีกลิ่นแปลกปลอมอะไรก็ลองชิม ค่อย ๆ ละเลียดเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นอย่างที่เพื่อนบอกหรือไม่ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วแปลกใจ เพราะรสชาติปกติดีทุกอย่าง “เธอไม่สบายหรือเปล่าบี สเต๊กเขาก็อร่อยดีนี่นา”“จริงเหรอ”“จริงสิ รสชาติแบบที่เราเคยกินเลย” แล้วค่อย ๆ ขยับตัวโน้มหน้าไปหาเพื่อน “เธอทำแบบนี้แฟนเธอเสียหายนะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status