Mag-log inผู้ชายหน้าตาดี มีฐานะ จะหวังอะไรจากคนแก่ไร้น้ำยาอย่างเขากันล่ะ ถ้าไม่ได้หวังจากตัวหลานสาวที่กำลังเติบโตเป็นสาว และความสวยเริ่มเบ่งบานออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
“ถ้ามันเกี่ยวกับหลานสาวของผม ไม่ว่าจะเรื่องอะไรผมก็ไม่รับทั้งนั้น”
“ผมยอมรับครับว่าเกี่ยวกับหนูหยิน แต่ผมก็อยากให้ปู่รับฟังข้อเสนอของผมก่อน แล้วค่อยเอาไปคิดตรึกตรองดูอีกทีก็ได้ มันไม่มีอะไรเสียหายสำหรับปู่และหนูหยินเลยนะครับ ถ้าปู่ตกลงก็แค่ไปอยู่กับผม แต่ถ้าปู่ไม่ตกลงผมก็ไม่ว่าอะไร” ชายหนุ่มหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้อีกฝ่าย รอให้ชายชราเปิดซอง หยิบโฉนดออกมาดู “ที่ดินของภรรยาปู่ไงครับ.. ถ้าปู่ยอมรับข้อเสนอของคุณฟิลลิป ที่ดินแปลงนี้จะถูกโอนเป็นของปู่ทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น”
อุดมตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน บุรุษคนนั้นนอกจากออกค่ารักษาให้เขาตั้งหลายแสนแล้ว ตอนนี้เขายังเอาที่ดินโดยชอบธรรมของภรรยามาคืนให้แก่เขาอีก ทั้งหมดที่เขาทำไปนั้น ถ้าเขาไม่หวังผลแล้วเขาจะทำไปทำไม
“คุณเอาคืนไปเถอะ” ถึงแม้จะเสียดายเพียงใด แต่เขาก็ต้องตัดใจส่งคืน
“คุณปู่ครับ”
“ผมจะพยายามหาเงินไปใช้หนี้เจ้านายคุณให้เร็วที่สุด ฝากบอกเขาด้วยนะ”
ไซม่อนเข้าใจความรู้สึกของชายชราเป็นอย่างดี แต่สำหรับเขาแล้วคำสั่งของฟิลลิป หยาง หรือหยางอี้สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด เขาจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้
“ตกลงครับ ผมจะบอกกับเจ้านายผมตามนี้” เขารับซองสีน้ำตาลคืนมา แล้วหยิบนามบัตรส่งให้แทน “นี่เป็นนามบัตรของเจ้านายผม ถ้าปู่เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ก็เอานามบัตรใบนี้ไปขอพบเจ้าของบ้านหลังนั้น แล้วผมจะรีบติดต่อกลับมาทันที” ไซม่อนชี้ไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบกลางสวนสาธารณะแห่งนี้
ชายชราอยากจะปฏิเสธ แต่เพราะความมีน้ำใจของพวกเขาก่อนหน้านี้ จึงต้องเอื้อมมือไปรับเอาไว้
“เจ้านายของผมให้ความสนใจหนูหยินมากก็จริง แต่เธอยังเด็กมาก และท่านก็ไม่ได้คิดเกินเลยอย่างที่ปู่เข้าใจนะครับ ท่านก็แค่ต้องการให้ปู่ไปทำงานด้วย ปู่จะได้มีสวัสดิการและส่งเธอเรียนได้อย่างเต็มที่ก็เท่านั้น” พูดตรง ๆ มันยากนักก็ต้องมีลูกล่อลูกชนกันบ้าง สำเร็จแล้วค่อยมาคุยกันใหม่อีกที “ปู่คงไม่อยากให้หลานสาวเพียงคนเดียว ต้องลำบากตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้หรอกนะครับ ยังไงก็ลองเอาไปคิดดูก่อนนะครับ” เขากล่าวทิ้งทายก่อนจะเดินจากไป
สองอาทิตย์ผ่านไป
หลังเลิกงานอุดมก็เดินออกไปตามถนนของหมู่บ้าน รอรถเมล์ฟรีที่ป้ายรถประจำทางสักพักใหญ่รถก็มาถึง แต่สภาพที่เบียดเสียดกันแน่นของคนบนรถ ทำให้เขาต้องถอดใจที่จะขึ้นไปร่วมชะตากรรม ความมืดที่เริ่มโรยตัวลงมาแทนที่ความสว่าง ทำให้เขาตัดสินใจที่จะเดินเท้าไปเรื่อย ๆ เพราะบ้านพักก็ไม่ได้ไกลจากที่นี่มากนัก แค่สี่ป้ายรถเมล์ก็ถึงแล้ว
แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะไม่เดินกลับเด็ดขาด เพราะระยะทางสั้น ๆ นี้เต็มไปด้วยร้านอาหารที่มีพวกเด็กสาว ๆ แต่งตัวล่อแหลมมานั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าร้านเต็มไปหมด เขาไม่ต้องการให้หลานสาวของเขาได้เจอะเจอกับคนพวกนี้ โดยเฉพาะเวลาที่พวกเธอยั่วยวนหรือเรียกแขกหนุ่ม ๆ เข้าร้าน
เขาเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านป้ายรถเมล์ที่หนึ่ง ที่สอง และที่สาม เหลืออีกเพียงป้ายรถเมล์เดียวก็จะถึงซอยเข้าบ้านแล้ว แต่เขาเหนื่อยเหลือเกิน จึงนั่งลงตรงที่ว่างใกล้ ๆ กับวินรถมอเตอร์ไซค์
“ลุงขอนั่งพักเหนื่อยหน่อยนะ” เขาบอกกับคนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่จอดรอผู้โดยสารอยู่สี่ห้าคัน
“นั่งนี่ก็ได้ลุง” วินมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งยื่นเก้าอี้พลาสติกเก่า ๆ มาให้ เพราะมีผู้โดยสารมาเรียกใช้บริการพอดี
“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม” อุดมนั่งลงพักเหนื่อย มองรถเมล์ฟรีที่ขับผ่านหน้าไป นึกสงสัยว่าทำไมวันนี้คนถึงเยอะนัก หรือว่าเป็นเพราะรถขาดระยะนานเกินไป
“เมื่อตอนบ่ายกูไปกินข้าวที่ร้านผู้ใหญ่ลีมาว่ะ มีเด็กเสิร์ฟมาใหม่ อย่างนี้เลยมึง”
“อะไรของมึงวะอย่างนี้ สวยหรือว่าอวบอึ๋มวะ”
“น่ารักโว้ย แต่ยังเด็กอยู่เลยว่ะ น่าจะเพิ่งสิบห้าสิบหกเท่านั้น แต่หน้าตาสวยน่ารักมาก ถ้าโตเต็มตัวน่าจะสวยมาก ๆ”
“แล้วไง มึงก็เลยจีบน้องเขาสิ”
“จีบอะไรล่ะ กูถามว่าชื่ออะไรยังไม่ยอมบอกกูเลย กูอุตส่าห์ถามดี ๆ เลยนะ”
“ก็มึงมันไม่หล่อ เด็กมันเลยไม่เล่นด้วยน่ะสิ”
“ใครว่าล่ะ กูแอบถามจากผู้จัดการร้านแล้วนะโว้ย เขาบอกว่าตอนนี้เจ้าของร้านเขาเล็ง ๆ อยู่เหมือนกัน มันคงรู้ก็เลยทำเป็นเล่นตัว”
“จะเสร็จพ่อหรือเสร็จลูกกันแน่วะ กูได้ยินมาว่าพ่อกับลูกสันดานเดียวกันเลยนี่ เคยแย่งเด็กในร้านกันด้วยไม่ใช่เหรอวะ”
“คนอื่นกูไม่รู้ แต่ถ้าเป็นน้องหยินกูก็แย่งวะ แม่งโคตรน่ารัก”
การสนทนาของคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไม่ได้สร้างความอยากรู้ให้แก่อุดม แต่ก็ฟังไปเรื่อย ๆ เพราะนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยพอดี จนกระทั่งได้ยินชื่อของเด็กเสิร์ฟคนนั้น ทำไมชื่อถึงได้เหมือนหลานสาวของเขาล่ะ อายุอานามก็ยังใกล้เคียงกันอีก แต่หลานสาวของเขาทำงานที่ร้านขายข้าวแกงแถวโรงเรียนเก่าของเธอนี่..
ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขาลุกไปหาชายหนุ่มที่ขับวินคนนั้น เขาพยายามที่จะยิ้มออกไป
“พ่อหนุ่ม ร้านที่พ่อหนุ่มพูดถึงมันอยู่ตรงไหนเหรอ”
“สนใจเด็กเอ๊าะ ๆ ด้วยเหรอลุง” หนุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างถามยิ้ม ๆ
“อือ พาลุงไปหน่อยสิ ลุงอยากเห็น” อุดมยอมควักธนบัตรสีแดงออกมาจากซองเงินเดือนเพื่อจ่ายเป็นค่ารถ เพราะใจร้อนอยากจะไปให้เห็นกับตาให้เร็วที่สุด “ลุงให้เอ็งหมดนี่เลย”
“ได้เลยลุง” ชายหนุ่มเห็นเฒ่าหัวงูใจป้ำก็รีบสตาร์ตรถพาไปทันที เพราะระยะทางจากตรงนี้ถึงร้านอาหารผู้ใหญ่ลีก็แค่สิบห้าบาทเท่านั้น
อุดมบอกให้รถวินส่งเขาแค่ปากทางเข้าร้าน และยืนหลบมุมคอยสังเกตไปที่ทางเข้าออกของร้านอาหารด้วยใจจดจ่อ ถ้าหลานสาวของเขาทำงานอยู่ที่นี่จริง ๆ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงเธอน่าจะเลิกงาน เพราะเธอจะกลับถึงบ้านราว ๆ สองทุ่มเป็นประจำ และยังมีกับข้าวสองสามถุงติดมือกลับไปด้วยเสมอ
พรพิมพ์จับมือของลูกสาวและลูกเขยที่ไหว้ตน ได้แต่พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุขเพราะตื้นตันจนพูดไม่ออก หลังจากนั้นก็หลบให้พ่อแม่ของเจ้าบ่าวได้อวยพรให้ทั้งคู่บ้างแจ็คกี้กล่าวขอบคุณมารดาของเจ้าสาวที่เชื้อเชิญตน แล้วมองใบหน้าที่เปี่ยมสุขของลูกชายสุดที่รัก ที่ต้องแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาอย่างกะทันหัน เพราะดันทำเจ้าสาวคนสวยท้อง“พ่อคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วมั้ง เพราะพ่อรู้ว่าลูกชายของพ่อมีความสุขมาก และจะสุขมากกว่านี้ในอนาคต จริงไหมลูกพ่อ”“ครับคุณพ่อ ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลยครับ” เจ้าบ่าวสุดหล่อตอบบิดาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง แล้วหันไปมองเจ้าสาวคนสวยที่นั่งยิ้มเอียงอายอยู่ข้าง ๆ“ฝากดูแลลูกชายของพ่อด้วยนะหนู ลูกชายพ่อเขารักหนูมากนะ ถ้าเขาหึงหวงหนูไปบ้าง ก็ให้คิดเสียว่าเพราะเขารักหนูมากเกินไป” แจ็คกี้หันไปพูดกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงติดเอ็นดู“ค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวตอบรับพร้อมรอยยิ้มเขินอาย“ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะลูก” บุรุษสูงวัยลูบศีรษะลูกชาย และตบต้นแขนของลูกสะใภ้เบา ๆ ก่อนจะหลีกทางให้ภรรยา “อวย
“ยอมสิ ผมมั่นใจว่าคุณแม่ต้องรักลูกของเรา อาจจะรักมากกว่าผมด้วยซ้ำ” เขาแตะแก้มนวลเบา ๆ แล้วส่งยิ้มให้กำลังใจ “ไม่ต้องคิดมากหรอก ท่านจะรักหรือไม่รักก็แล้วแต่ท่านเถอะ ขอแค่เรารักลูกของเราให้มากที่สุดก็พอแล้ว เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเรากันเอง เลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ตกลงไหม”“อือ”“ถ้าอย่างนั้นเตรียมตัวกลับกรุงเทพเลย เรามีงานต้องทำอีกเยอะนะ”“อลันมีงานเหรอ”“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก งานแต่งของเราต่างหากที่สำคัญ อลันใจร้อน อยากจะแต่งให้เร็วที่สุด”“เราจัดงานแต่งแบบง่าย ๆ ก็พอแล้วนะอลัน แค่ให้พ่อแม่ของเรารับรู้ แล้วจัดงานเลี้ยงฉลองแต่คนสนิท ถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ใช้เวลาเตรียมงานแค่อาทิตย์เดียวก็พอ”“เอาแบบนี้ก็ได้ อลันจะส่งข่าวให้เพื่อน ๆ ที่ฮ่องกง บีก็ส่งข่าวให้เพื่อน ๆ ของบี ส่วนเรื่องสถานที่จัดงานเลี้ยงอลันจัดการเอง พรีเวดดิ้งเราค่อยไปถ่ายกันที่ฮ่องกงหรือไต้หวันทีหลังพร้อมลูกก็ได้ ตกลงไหม”“ก็ได้ งันบีจะช่วยหาของชำร่วยนะ”
“แต่อลันเคยพูดว่าต้องการแก้แค้นบีที่ทิ้งอลัน” เธอกลายเป็นคนคิดมากจนเกินเหตุ“เราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอบี ผมก็สารภาพไปแล้วไงว่าแค่ข้ออ้าง จริง ๆ แล้วผมตามหาบีก็เพราะผมรักบี ผมไม่เคยลืมบีเลยแม้แต่วันเดียว ผมไม่ได้พูดเพื่อต้องการหลอกบีนะ” เขาจับมือของเธอมาทาบลงบนอกแน่นตึงข้างซ้าย “แต่ผมมีบีอยู่ข้างในนี้จริง ๆ ผมรักบีมากนะ รักมากอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้รับความรู้สึกนี้ของผมไปแม้แต่คนเดียว บีคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้”น้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันทรวง ค่อย ๆ ไหลทะลักออกจากดวงตากลมโต แล้วไหลอาบแก้มนวลที่ซูบตอบลงไปเล็กน้อยอลันใช้นิ้วโป้งค่อย ๆ ปาดน้ำตาให้คนรักอย่างบรรจง “บีเป็นอะไร บอกผมได้ไหม” เขาถามอย่างอาทร แต่เธอกลับร้องไห้หนักกว่าเก่า จนเขาตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลูบหลังปลอบใจร่างบางที่โผเข้ามากอดแนบแน่น ปล่อยให้เธอร้องไห้อยู่เงียบ ๆ.. เนิ่นนานกว่าเสียงร้องของเธอจะซาลง แล้วจูงมือเขาพาเดินเข้าไปในบ้าน“รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม พร้อมจะบอกผม
“เวียนหัว กินอะไรไม่ค่อยลงอย่างนั้นเหรอ” พรพิมพ์สะดุดใจกับอาการป่วยของลูกสาว จนต้องถามย้ำให้แน่ใจ“ครับ พี่จินนี่บอกผมอย่างนั้น”“แม่ถามอะไรเธอหน่อยได้ไหมอลัน”“ถามอะไรเหรอครับ”พรพิมพ์จับมือชายหนุ่ม ที่เธอให้ความรู้สึกรักและเอ็นดูตั้งแต่รู้จักครั้งแรก มองเขาด้วยสายตาเคร่งเครียดระคนหวาดหวั่น“เธอต้องตอบแม่ตามความจริงนะ”“แน่นอนครับ”“เธอกับบีคบกันถึงขั้นไหนแล้ว”คำถามของมารดาคนรัก ทำเอาชายหนุ่มถึงกับวางหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว รีบหลบสายตาไปมองทางอื่น เพื่อให้ตัวเองได้ตั้งหลักทางความคิด รู้สึกผิด ละอายแก่ใจ ลำบากใจ ที่ต้องพูดความจริงออกไป เพราะไม่อยากให้คนรักต้องมัวหมองเพียงแค่เห็นท่าทางอึกอักของชายหนุ่มพรพิมพ์ก็เดาได้ทันที ในฐานะของคนเป็นแม่ เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ลูกสาวของเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีหน้าที่การงาน รับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้แล้ว เรื่องแบบนี้กับยุคสมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก“คงข้ามขีดของคำว่าแฟนไปมากแล้วสิ
เป็นอาทิตย์แล้วที่อลันไม่ได้เจอหน้าคนรัก เขากับเธอได้แต่ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ แต่ละครั้งเธอก็คุยกับเขาน้อยคำจนน่าแปลกใจ วันนี้ก็เป็นเช่นเดิม เธอคุยกับเขาไม่ถึงสองนาทีก็บอกวางสาย มันทำให้เขารู้สึกเครียดกับการเปลี่ยนแปลงที่น่าใจหายของเธอยิ่งนัก จึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนรักของเธอเพื่อถามในสิ่งที่สงสัย(สวัสดีอลัน)“สวัสดีครับเจ้ เจ้พอมีเวลาว่างสักห้านาทีไหมครับ” เขาคุยกับหญิงสาวอย่างนอบน้อม(ว่างจ้ะ คุยมาได้เลย)“คือผมอยากจะคุยเรื่องบีหน่อยครับ”(อ้อ ว่าไงจ๊ะ บีเป็นยังไงบ้างล่ะ กลับมาถึงบ้านแล้วเหรอ)คำถามของจินนี่ ทำให้หัวคิ้วของอลันขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ใบหน้าที่เคร่งเครียดอยู่แล้วยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม“เจ้พูดเหมือนบีไม่ได้ไปทำงานเลยนะครับ” เขาถามเพื่อให้แน่ใจ(อ้าว!) ปลายสายอุทานงง ๆ (เดี๋ยวนะ เจ้ไม่แน่ใจว่าตัวเองทำพลาดหรือเปล่า)“บอกผมมาเถอะครับเจ้” ได้ยินน้ำเสียงลังเลเหมือนไม่อยากพูดต่อของอีกฝ่าย เขาก็ร้องขอความเห็นใจ “บีเขาไปไหนครับ... เจ้ครับ ได้โปรดบอกผมเถอะครับ” เขาอ้อนวอนเมื่ออีกฝ่ายยังเงียบ(...บีเขาไม่ได้บอกอะไรนายเลยเหรออลัน)“เราคุยโทรศัพท์กันทุกวัน แต่ไม่ได้เจอกันเลย เธอบ
“ก็ได้จ้ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้อยู่กับแม่ทั้งวันนะลูก”“งั้นผมขอออกไปหาคุณพ่อก่อนนะครับ แล้วเย็นนี้ผมจะกลับมานอนกับคุณแม่” นอกจากไปหาบิดาแล้ว ช่วงบ่ายเขายังมีนัดกับเพื่อน ๆ อีก เขาต้องรีบทำทุกอย่างให้จบในเวลาจำกัด พยายามจะจัดเวลาให้มารดามากที่สุดเพื่อเอาใจท่าน“อย่างนั้นก็ได้ แม่จะรอกินข้าวเย็นด้วยนะลูก”“ครับคุณแม่ ประมาณหนึ่งทุ่มนะครับ”“ได้จ้ะ”ประเทศไทยร้านอาหารของอลัน“ทำไมเหรอบี ไม่อร่อยเหรอ” จินนี่ถามเพื่อนรักอย่างสงสัย เมื่อเธอทำหน้าเบ้ รีบเลื่อนจานสเต๊กเนื้อที่เพิ่งกินไปได้แค่คำเดียวออกห่างตัว“ฉันว่าเนื้อมีกลิ่นแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่อร่อยเหมือนทุกครั้งที่เคยกินด้วย” พรพิมลตอบคำถามแล้วรีบดื่มน้ำตาม เพื่อล้างกลิ่นที่ติดอยู่ในปาก“จริงเหรอ” จินนี่ลองจิ้มเนื้อสเต๊กจากจานของเพื่อนมาดม เมื่อไม่มีกลิ่นแปลกปลอมอะไรก็ลองชิม ค่อย ๆ ละเลียดเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นอย่างที่เพื่อนบอกหรือไม่ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วแปลกใจ เพราะรสชาติปกติดีทุกอย่าง “เธอไม่สบายหรือเปล่าบี สเต๊กเขาก็อร่อยดีนี่นา”“จริงเหรอ”“จริงสิ รสชาติแบบที่เราเคยกินเลย” แล้วค่อย ๆ ขยับตัวโน้มหน้าไปหาเพื่อน “เธอทำแบบนี้แฟนเธอเสียหายนะ







