Share

10

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-05 23:37:34

จิตใจของเขาร้อนรุ่มดั่งไฟสุม เมื่อเห็นเด็กสาวอายุราว ๆ ยี่สิบปีเริ่มทยอยออกมายืนที่หน้าร้าน แต่ละนางล้วนแต่งตัวล่อแหลม เชิญชวนให้ผู้ชายที่เดินผ่านไปมาเข้าร้านด้วยท่าทางมีจริต เขาเพ่งมองใบหน้าที่แต่งแต้มสีสันเอาไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหลานสาวของตนอยู่ในนั้น

เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไปเขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของหลานสาววัยใส หัวใจที่บีบคั้นด้วยความเคร่งเครียดในตอนแรกจึงเริ่มรู้สึกดีขึ้น เธอคงไม่ได้โกหกเขาหรอก ชื่อคนมันก็ซ้ำกันได้ทั้งนั้น เขากลับไปรอเธอที่บ้านดีกว่า คิดได้ดังนั้นจึงเดินออกจากมุมที่ใช้พรางตัวแล้วเดินกลับบ้าน

“จะกลับแล้วเหรอหยิน”

“จ้ะ หยินกลับก่อนนะคะพี่ ๆ”

เท้าที่กำลังเดินไปข้างหน้าของอุดมชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงบอกลาคุ้นหูดังขึ้น เขารีบหันหลังกลับไปมองให้แน่ใจ

“หนูหยิน จะกลับแล้วเหรอจ๊ะ”

“ค่ะเฮีย”

“เฮียบอกว่าจะกลับให้บอกเฮียก่อนทุกครั้งไงล่ะ”

“หนูเห็นเฮียคุยโทรศัพท์อยู่ค่ะ ก็เลยไม่กล้ารบกวน”

“รบกงรบกวนที่ไหนกัน สำหรับหนูหยินต้องสำคัญกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เอานี่กลับไปด้วย เฮียเอาของลูกค้ามาให้หนูก่อนเลยนะ เพราะแม่ครัวบอกว่าหนูไม่ยอมสั่งอาหารกับเขา”

“หนูไม่เอาได้ไหมคะเฮีย แค่เฮียจ่ายค่าแรงหนูทุกวันหนูก็เกรงใจมากแล้วค่ะ”

“เฮียเขาอุตส่าห์มีน้ำใจก็รับ ๆ ไว้สิหยิน เด็กดีเขาไม่ดื้อกับผู้ใหญ่หรอกนะ”

“รับไว้เถอะ เอาไปให้ปู่กิน”

“ขอบคุณค่ะ” ปันหยีจำใจต้องรับถุงกับข้าวจากเจ้าของร้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องก้มหน้าหลับตาแน่น เมื่อเขาก้าวเข้ามาใกล้แล้วกอดเธออีกแล้ว

“ต้องแบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเด็กดี”

เด็กสาวเกร็งแขนหนีบเอาไว้กับลำตัวแน่น เมื่อรู้สึกว่ามือใหญ่ของเจ้าของร้านกำลังสอดเข้าไปหาเต้านมของเธอ เธอรังเกียจการกระทำที่เรียกว่าจงใจลวนลามนี้จับขั้วหัวใจ แต่ก็กลัวที่จะแสดงความรู้สึกออกมา

อุดมแทบจะล้มทั้งยืนกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ผู้หญิงหลาย ๆ คนกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ที่เห็นเด็กสาวตัวเล็ก ๆ กำลังหวาดกลัวอยู่ในอ้อมแขนของชายวัยกลางคน ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงกลายเป็นเรื่องสนุกในสายตาของพวกเธอ ทั้ง ๆ ที่มองยังไงก็ดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจ ทำไมพวกเธอถึงใจร้ายกันนัก

“หยิน!” อุดมก้าวอาด ๆ เข้าไปกระชากหลานสาวออกจากอ้อมแขนอันน่าเกลียดนั้นสุดแรง

“ปู่!” เด็กสาวตกตะลึงเมื่อเห็นปู่ของตน และกลัวจนน้ำตาแตกเมื่อได้เห็นสายตาผิดหวังของท่าน “ปู่มาได้ยังไงจ๊ะ”

 “สวัสดีครับปู่” เมื่อรู้ว่าชายชราที่แต่งตัวมอซอ คือปู่ของเด็กสาวที่ตนเองหมายตาเอาไว้ ชายวัยกลางคนก็ฝืนใจยกมือไหว้พร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตร

อุดมมองชายคนนั้นด้วยสายตาแสดงความรังเกียจอย่างเปิดเผย แล้วคว้าข้อมือของหลานสาว

“กลับไปคุยกันที่บ้าน” ก่อนจะเดินจากไปเขาก็คว้าถุงใส่อาหารในมือของเธอ แล้วโยนลงไปบนพื้นตรงที่เจ้าของร้านและเด็กสาวสี่ห้าคนยืนอยู่

ในห้องเช่าเล็ก ๆ ที่มีของใช้เพียงไม่กี่ชิ้น เด็กสาววัยสิบห้าเศษ ๆ นั่งพับเพียบกุมมือตัวเองเอาไว้บนตัก ก้มหน้าสะอื้นไห้ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม เมื่อปู่ที่เธอรักและเคารพสุดหัวใจไม่พูดอะไรด้วยสักคำ แล้วยังหุงข้าวทำอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก

“หยุดร้องไห้แล้วมากินข้าวซะ”

ผ่านไปพักใหญ่ ๆ ปู่ของเธอถึงได้พูดออกมา แต่มันทำให้เธอสะอื้นไห้หนักกว่าเก่าเสียอีก ได้แต่สั่นศีรษะไปมาเพราะพูดไม่ออก

อุดมวางชามข้าวลงทั้งที่หิวจนแสบท้อง เพราะปกติเมื่อหลานสาวกลับมาถึงจะเริ่มกินข้าวเย็นด้วยกัน เพราะเขาจะเตรียมหุงข้าวรอท่าเอาไว้ก่อนแล้ว แต่วันนี้ต้องช้าไปกว่าเดิมเป็นชั่วโมง

“ถ้าหนูไม่กิน ปู่ก็ไม่กินเหมือนกัน”

ได้ยินดังนั้นเด็กสาวจึงคลานไปหาสำรับกับข้าว เธอคลานไปหยุดอยู่ที่ข้าง ๆ ปู่แล้วก้มลงกราบบนตักของท่าน

“หนูขอโทษที่โกหกปู่ หนูไม่ได้อยากจะโกหกปู่เลยนะจ๊ะ แต่หนูกลัวปู่จะไม่ให้หนูทำงาน”

“ไม่ต้องพูดแล้ว ปู่เข้าใจ ปูไม่โกรธหนูหรอก” อุดมพูดแทรกขึ้นมา สงสารหลานสาวที่พูดไปสะอื้นไปจับใจ เขาไม่ได้โกรธเธอเลยสักนิด แต่โกรธตัวเองต่างหากที่ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูเธออย่างดี ทำให้เธอต้องออกไปหางานทำ ไปอยู่ในที่ไม่ดีแบบนั้น ถ้าบังเอิญวันนี้เขาไม่ได้ไปเจอเธอ อะไรมันจะเกิดขึ้นกับเธอบ้าง..แค่คิดก็ปวดใจแล้ว

“ปู่โกรธหนู ตีหนูยังดีเสียกว่า ปู่ไม่โกรธแบบนี้ หนูยิ่งรู้สึกผิดกว่าเดิมอีก”

“ปู่จะโกรธหลานรักของปู่ได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อสิ่งที่หนูทำก็เพื่อปู่คนนี้”

“ปู่จ๋า” เด็กสาวกอดปู่แน่น สะอื้นไห้ด้วยความรู้สึกผิด “หนูสัญญาว่าจะไม่โกหกปู่อีกแล้ว หนูจะไม่ไปทำงานที่นั่นอีก พรุ่งนี้หนูจะไปรับจ้างล้างจาน ถึงเงินมันจะน้อยกว่านี้ก็ไม่เป็นไร ปู่จะได้สบายใจ”

“ไม่ต้องไปทำแล้วลูก ปู่ตัดสินใจแล้วว่าจะให้หนูไปเรียนต่อ”

คำพูดของผู้เป็นปู่ทำให้เด็กสาวต้องรีบผละจากอกอุ่นของท่าน ปาดน้ำตาแล้วมองหน้าท่านเพื่อให้แน่ใจว่าท่านไม่ได้กำลังล้อเล่น

“ปู่มีเงินเหรอจ๊ะ”

“ปู่ไม่มีเงินหรอก” ผู้ชายทุกคนมันไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น ข้อนี้เขาตระหนักดี แต่ผู้ชายทุกคนก็มีดีมีเลวต่างกัน และเขาคิดว่าผู้ชายที่ชื่อฟิลลิปคนนั้น น่าจะเลวน้อยกว่าผู้ชายคนอื่น เพราะตั้งแต่ที่คุยกันวันนั้นทุกอย่างก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆ แสดงให้เห็นว่าฝ่ายนั้นเคารพการตัดสินใจของเขามากกว่าการใช้ความรู้สึกส่วนตัว “แต่ปู่รู้ว่าต้องทำยังไง”

“ทำยังไงจ๊ะปู่ ถ้าปู่ต้องทำงานเพิ่มหรือว่าหยุดไปหาหมอเพื่อเก็บเงินให้หนูเรียน หนูไม่เอานะจ๊ะ หนูทำงานสักพักแล้วค่อยไปเรียนนอกระบบในวันอาทิตย์เอาก็ได้จ้ะ”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สวาทหวาน   82 ตอนจบ

    เห็นสายตาที่เขม่นมองอย่างคาดโทษของภรรยาก็ยักไหล่ใส่อย่างยียวน “ไม่เห็นต้องอายเลย เอดิสันเขาชินแล้ว จริงไหมเอดิสัน”“ครับบอส” คนพูดน้อยตอบรับ“หนูไม่คุยกับคุณแล้ว”“เป็นแม่คนแล้วนะ ถ้างอนเก่งแบบนี้ระวังลูกจะขี้แยนะ” เห็นเธองอนก็ยิ่งเย้าแหย่คนถูกแกล้งค้อนใส่สามีก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถตู้คันหรู เมื่อเขาก้าวตามขึ้นมาก็ซบลงกับต้นแขนแกร่งทันที“หนูง่วงจังเลยค่ะ ขอนอนพักสักหน่อยนะคะ” ตั้งแต่เธอท้องเธอก็กลายเป็นคนนอนง่ายหลับง่าย จนแม่สามียังแซวว่าหลานของท่านคนนี้น่าจะเป็นเด็กเลี้ยงง่าย“ง่วงก็นอนซะ” หยางอี้บอกกับภรรยาขณะขยับตัวรับร่างของเธอให้นอนพิงในท่าที่สบายที่สุด ใช่ว่ารถคันนี้จะคับแคบ เบาะที่เธอนั่งก็สามารถปรับเอนนอนได้เกือบจะร้อยแปดสิบองศา แต่เธอกลับไม่ชอบทำแบบนั้น บอกว่านอนไม่หลับ สู้นอนซุกอกอุ่น ๆ ของเขาไม่ได้“ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าอิ่มเอิบเหลือบมองสามี แล้วจุ๊บที่ปลายคางของเขา “หยินรักคุณอี้ที่สุดเลยค่ะ”คำกระซิบบอกเบา ๆ ที่เธออยากให้

  • สวาทหวาน   81

    เมื่อได้ฟังเหตุผลของลูกชาย ฝ่ายมารดาก็เริ่มเข้าใจและคล้อยตาม “ที่แกพูดก็มีเหตุผล แม่ก็คงต้องรอไปอีกสองสามปีสินะ” แล้วมองว่าที่ลูกสะใภ้ “จะเรียนไปทำไมก็ไม่รู้ไอ้ด็อกเตอร์เนี่ย เรียนไปสามีเธอก็ไม่ให้ไปทำงานหรอก เพราะเธอมีหน้าที่ผลิตลูกให้เขาอย่างเดียวเท่านั้นแหละ” แม่ลูกนิสัยไม่ต่างกันเลยจริง ๆ อยากพูดอะไรก็พูด ไม่รู้จักใช้คำพูดอ้อมค้อมกันบ้างเลย มันทำให้เธอร้อนวูบวาบด้วยความอับอายไปทั้งใบหน้าแล้วตอนนี้ “หนูอยากเรียนเพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งลูกสะใภ้ของคุณแม่ ภรรยาที่เพียบพร้อมของคุณหยางอี้ และให้ลูกของหนูได้ภูมิใจในตัวแม่ของเขา เหตุผลเท่านี้พอไหมคะคุณแม่” “แล้วไม่คิดถึงตัวเองบ้างเหรอ” แม้จะพอใจมากกับคำตอบของเธอ แต่เบคกี้หยางก็ยังอยากรู้ หญิงสาวหันไปมองคนข้าง ๆ ที่มองอยู่ก่อนแล้ว “ก่อนหน้า

  • สวาทหวาน   80

    “ฉันก็แค่หยอกเล่นเท่านั้น แยกแยะไม่ออกหรือไง” หยางอี้คลี่ยิ้มละมุน เข้าประชิดด้านหลังแฟนสาวแล้วจับบ่าของเธอ “ได้ยินแล้วใช่ไหม ท่านก็แค่อยากหยอกว่าที่ลูกสะใภ้เล่นเท่านั้น” เขาจงใจพูดเสียงดังให้มารดาได้ยิน แล้วลดเป็นเสียงกระซิบเบา ๆ ในประโยคต่อมา “แต่ท่านคงจะเขินถ้าทำตัวเป็นกันเองกับหนูง่าย ๆ เพราะเคยเขม่นเอาไว้เยอะ หน้าตาท่านก็เลยดูจริงจังไปหน่อย” “กระซิบกระซาบอะไรกัน” ผู้เป็นมารดาเขม่นลูกชายที่คลี่ยิ้มกว้างส่งสายตาล้อเลียนมาให้“ก็แค่บอกรักเมีย ไม่อยากให้คุณแม่ได้ยินเพราะกลัวจะถูกหมั่นไส้ครับ” “ไม่ใช่นะคะมาดาม” ปันหยีรีบปฏิเสธแล้วหันไปค้อนใส่คนรักอย่างไม่พอใจ “อย่าพูดแบบนี้สิคะ เดี๋ยวมาดามก็โกรธหนูอีก” “ถ้าคิดจะเป็นลูกสะใภ้ฉันก็ควรเรียกฉันว่าแม

  • สวาทหวาน   79

    หยางอี้สลัดศีรษะไล่ความสะลึมสะลือก่อนกรอกเสียงลงไป “ว่าไงอลัน” (ขอโทษที่โทรมารบกวนนะครับน้าอี้ แต่น้าอี้รู้ไหมครับว่าบีเขาอยู่ไหน) ชายหนุ่มไม่แปลกใจที่ถูกถามแบบนี้ เพราะเด็กหนุ่มก็คงรู้อะไรมาไม่น้อยเหมือนกัน แต่เขาก็รับปากหญิงสาวที่ถูกถามถึงเอาไว้แล้วเหมือนกัน “ไม่รู้สิ ทำไมถึงมาถามหากับฉันล่ะ” (ผมขอร้องนะครับน้าอี้ ได้โปรดบอกความจริงกับผมเถอะครับ ขอแค่บอกว่าเธอไปอยู่ที่ไหน ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง) “..เอาเป็นว่านายไม่ต้องเป็นห่วงเธอหรอก เพราะเธอกลับบ้านเธอไปแล้ว ฉันรู้เพราะวันนี้เธอมาบอกลากับฉัน และเธอก็ขอร้องฉันว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับนายด้วย” (เธอบอกอย่างนั้นจริง ๆ เหรอครับ)

  • สวาทหวาน   78

    “มีความสุขดีไหมบี” หยางอี้ถามหญิงสาวที่ยืนตะลึงตาค้างอยู่ในห้อง ส่วนตัว เขาไม่ได้เดินเข้าไป เพราะวันนี้ที่มาก็เพื่อให้เธอรู้ว่าเธอหนีเขาไม่พ้นก็เท่านั้น “คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอบี” “พี่อี้รู้ได้ยังไง” เธอถามเสียงสั่น แววตาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เพราะสิ่งที่เธอทำกับเขาก่อนจะขนของออกมามันไม่ธรรมดาเลย “เธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระขณะที่ยังอยู่ในฮ่องกงอย่างนั้นเหรอบี” เขาย้อนถามเสียงเย็นพอ ๆ กับแววตา “เธอเซ็นสัญญาทำงานกับฉัน และเวลานี้เธอควรไปเริ่มงานที่สาขาในประเทศไทยได้แล้ว แต่เธอก็ยังเอ้อระเหยอยู่ที่นี่ ฉันควรจะทำอย่างไรกับเธอดี แจ้งความดำเนินคดีตามกฎของบริษัท หรือว่าแจ้งความเรื่องที่เธอทำลายข้าวของในคอนโดฉันดีล่ะ ค่าซ่อมแซมไม่เท่าไหร่หรอกนะ แค่ล้านกว่า ๆ เอง ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็ไปติดคุกซะ” หญิงสาวกลัวจนน้ำตาแทบไหล ทั้งหมดที่เธอทำในคืนนั

  • สวาทหวาน   77

    ปันหยีเขินอายกับคำพูดของตัวเองเหลือเกิน แต่ก็อยากจะออดอ้อนเอาใจเขาให้ถึงที่สุด เขาจะได้หายโกรธ เธอขยับตัวไปทางด้านหน้าของเขา มองใบหน้าคมเข้มที่มองเธอด้วยแววตาปรารถนาอย่างไม่ปิดบังโกรธให้ตายเขาก็คงปฏิเสธเรือนร่างขาวอมชมพูที่ใส่พานมาให้ถึงที่แบบนี้ไม่ได้ มือใหญ่จึงเอื้อมไปรวบร่างนุ่มนิ่มมาแนบอก ให้เธอได้รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของเขากำลังเกิดการตื่นตัว“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะหายโกรธเหรอ”“ถ้าไม่หายโกรธก็ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนี้สิคะ” เธอคลี่ยิ้มกว้าง กล้าโต้ตอบใส่เขาเมื่อมือแกร่งนั้นรวบรัดเธอเอาไว้แน่นจนเรือนร่างได้สัมผัสกับของแข็ง ๆ บางสิ่งที่ใต้น้ำชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก มองเธอด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะโน้มหน้าไปหาเรียวปากอวบอิ่ม มอบจูบหอมหวานสะท้านทรวงแด่เธอหญิงสาวหลับตาพริ้มรับจูบ โอบกอดรอบลำคอแกร่ง โต้ตอบเรียวลิ้นที่ล่วงล้ำเข้ามาในปากอย่างช่ำชองมากขึ้น หลังจากได้รับการสั่งสอนมาบ่อยครั้ง สองขาเรียวเกี่ยวกอดสะโพกสอบอย่างรู้หน้าที่เมื่อถูกมือใหญ่เกี่ยวขึ้นมา“เรียกฉันเพราะ ๆ แล้วฉันจะมอบความสุขให้เป็นรางวัล”

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status