ที่แท้กระทั่งพี่น้องที่นางเคยมี เคยช่วยเหลือด้วยใจจริงทุกคนต่างก็เกลียดนาง นางเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว
หนานอิงดึงมีดสั้นออกมาจากเอว เป็นมีดสั้นที่นางแอบพกติดกายในยามที่อยู่หอนางโลม ด้วยกลัวว่าแม่เล้าจะบังคับให้นางขายตัว บัดนี้นางกลับได้ใช้มีดนี้กับคนในสกุลของตนเอง
หนานอิงดึงมีดออกจากฝักท่ามกลางเสียงหวีดร้องของคนที่มุงดูซึ่งส่วนมากเป็นสตรี หนานอิงกำผมของตนเองเอาไว้ใช้มีดสั้นจ่อเข้าที่เรือนผมยาวสลวย
หนานอิงหัวเราะอย่างเย็นชา ปลดปล่อยน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ให้หลั่งออกมาเป็นสาย
ท่านหนานเบิกตาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าหนานอิงกำลังคิดจะทำสิ่งใด
"นี่เจ้าคิดจะทำสิ่งใด นังเด็กสารเลว"
หนานอิงกล่าวอย่างเจ็บปวด
"ร่างกาย เส้นผม ผิวหนัง พ่อแม่เป็นผู้ให้มา ไม่ควรทำลาย แต่บัดนี้ท่านได้ตัดขาดจากข้าแล้ว ข้าหนานอิงก็ไม่ขอที่จะเป็นลูกของท่านเช่นกัน ข้าขอคืนให้ท่านต่อไปเราสองไม่ต้องติดค้างกันอีก"
ท่านหนานกำมือแน่น หนานอิงทำเช่นนี้เป็นการหยามเกียรติของเขาผู้เป็นบิดา นางเป็นคนที่เขาให้ชีวิตมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถตัดสินชีวิตของนางได้
เขาลงมือได้แต่นางห้าม!!!!
หนานอิงตัดผมของตนเองออกมากำใหญ่ แล้วโยนเส้นผมลงพื้นก่อนที่จะยกมุมปากเย็นชา หนานอิงสะอื้นพลางยกมือซ้ายขึ้นมา ข้อมือของนางผอมแห้งเพราะเพิ่งพ้นจากอาการป่วย นางไม่แม้แต่จะหวาดกลัวเมื่อกดมีดแหลมคมลงบนฝ่ามือแล้วกรีดเป็นทางยาวปล่อยให้เลือดรินไหลออกมา
"เส้นผม กับเลือดของข้าขอคืนให้ท่าน บัดนี้เราสองคนตัดขาดกันอย่างกันแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก"
"นังสารเลว คิดจะเหยียดหยามข้าหรือ?"
ท่านหนานไม่สามารถระงับโทสะของตนเองได้อีกต่อไป เขาปรี่เข้ามาตบหนานอิงอย่างแรงจนนางล้มลงไปที่พื้น แก้มของนางบวมเป่งทั้งยังเลือดไหลออกมา
หนานอิงพ่นเลือดออกจากปาก นางในตอนนี้ไร้ค่ายิ่งสมควรตายไปเสียดีกว่า ทั้งหมดเป็นความผิดของนางหรือ ถูกโจรชั่วจับตัว ถูกวางยา ถูกข่มขืน ยังถูกพ่อแท้ ๆ ทำร้ายและยังผลักไสอย่างอำมหิต
ทั้งหมดเป็นความผิดของนางหรือ?
หนานอิงเกลียด เกลียดทุกคนที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้ บัดนี้นางไร้แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ศักดิ์ศรีถูกทำลาย บิดาไม่ต้องการ จะให้นางมีชีวิตอยู่ภายใต้สายตาของผู้คนที่เหยียดหยามได้อย่างไร
หนานอิงได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้น เป็นเสียงของหนานหมิงและหนานเมิ่งบุตรสาวฝาแฝดของฮูหยินใหญ่ สองคนนี้ที่ผ่านมาล้วนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดนางเพียงใด
หนานอิงเป็นเพียงลูกอนุแต่กลับได้รับความโปรดปรานจากบิดามากกว่าพวกตน สิ่งที่หนานอิงเจอในวันนี้ล้วนสมควรแล้ว ความตกต่ำอย่างที่สุดของหนานอิงคือสิ่งที่พวกนางทั้งสองต่างรอคอย
และในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่หนานอิงมีสภาพยับเยินเช่นนี้
"ออกไปเสีย และอย่าได้บอกผู้ใดว่าเป็นลูกของข้า"
น้ำเสียงเย็นชาของบิดาเอ่ยออกมาอีกครั้ง พร้อมทั้งสะบัดผ้าจากไปโดยไม่ไยดี ผู้คนทยอยเดินหนีนางไม่มีแม้แต่สักคนที่จะเข้ามาช่วยเหลือ คงมีแต่สาวใช้ของนางที่เข้าไปประคองหนานอิงด้วยร่างกายสั่นระริกอีกทั้งยังร้องไห้น้ำตาเป็นสาย
"คุณหนู หากท่านไม่อยู่ข้าก็จะไปกับท่าน"
"อาโจว"
หนานอิงมองอาโจวอย่างซาบซึ้ง ในขณะที่อาโจวฉีกกระโปรงของตัวเองออกเป็นทางยาวช่วยพันแผลที่มือให้นางด้วยความรู้สึกปวดร้าว
"เจ้าจะไปกับข้าได้อย่างไร หากหนีไปกับข้าก็ต้องถูกตามล่า และโทษของทาสที่หนีก็คือตายสถานเดียวเจ้าไม่รู้หรือ"
"คุณหนูแต่บ่าวเป็นห่วง ตั้งแต่เกิดมาคุณหนูไม่เคยลำบากเลยนะเจ้าคะ จะอยู่ได้อย่างไร ท่านอยู่ที่ใดบ่าวก็จะอยู่กับท่านที่นั่น ต่อให้ตายบ่าวก็ไม่กลัว บ่าวจะขอร้องนายท่านให้บ่าวไปกับคุณหนู เขายังให้เงินคุณหนูเขาน่าจะมีใจเมตตาบ้าง"
หนานอิงส่ายหน้า
"เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ข้า....."
หนานอิงบัดนี้ปล่อยวางแล้ว มีดยังอยู่ในมือของนาง ตั้งใจว่าจะฆ่าตัวเองให้ตายเพื่อหลุดพ้นเสีย นางมองมีดอย่างเหม่อลอย แก้มบวมเป่ง จวบจนกระทั่งนางได้ยินเสียงของมารดาหวีดร้องขึ้นมาอีกคราหนึ่ง
"ข้าจะไปช่วยลูกของข้า อิงเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวนะ แม่จะไปช่วยเจ้า ปล่อยข้า อิงเอ๋อร์ของแม่ ปล่อยข้า ข้าจะไปช่วยลูกของข้า"
เสียงของมารดาบัดนี้คล้ายจะเป็นบ้าไปแล้ว หนานอิงเจ็บราวกับมีผู้ใดเอามีดมากรีดที่หัวใจซ้ำ ๆ นางยังตายไม่ได้ นางยังมีท่านแม่ของนางอีกคน นางยังมีบ่าวคนนี้ที่รักนางด้วยใจจริง นางจะตายไม่ได้
"พวกเจ้าจะรอช้าอยู่ไยลากนางออกไป อย่าปล่อยให้หญิงชั้นต่ำผู้นี้เป็นตัวซวยของที่นี่อีก"
คำสั่งของฮูหยินใหญ่พลันดังขึ้น บ่าวผู้ชายสองคนซึ่งเป็นคนของฮูหยินใหญ่ผลักร่างของอาโจวออกจนกระเด็น พวกเขาจับแขนของหนานอิงคนละข้างในขณะที่หนานอิงเองร้องเสียงหลงออกมาเมื่อเห็นว่าอาโจวเองก็กำลังถูกบ่าวของฮูหยินใหญ่ทำร้าย
"อาโจว"
ฮูหยินใหญ่นั่งลงตรงหน้าของหนานอิง จิกศีรษะของหนานอิงให้นางเงยหน้าขึ้นด้วยมือหนึ่ง อีกมือดึงมีดสั้นเล่มนั้นออกมาถือเอาไว้ หนานอิงไม่มีแรงแล้วนางเจ็บไปทั้งร่างจึงถูกแย่งมีดออกจากมืออย่างง่ายดาย
ฮูหยินใหญ่เอ่ยเสียงเยาะหยัน
"เมื่อสักครู่เห็นทำท่าอยากตาย เหตุใดไม่แทงตัวเองเสียเล่า ตายไปเสียจะได้ไม่สร้างความอัปยศให้วงศ์สกุลอีก ความจริงโจรผู้นั้นน่าจะฆ่าเจ้าเสีย เป็นเช่นไรรสรักบนเตียงของโจรตาเดียวถึงใจหรือไม่"
หนานอิงเบิกตากว้าง ฮูหยินใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าหัวหน้าโจรที่ลักพาตัวของนางมีตาบอดข้างหนึ่ง หรือว่า...?
หนานอิงแสยะยิ้มพร้อมกับพ่นน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดใส่หน้าของฮูหยินใหญ่
ถุ้ย ถุ้ย
ฮูหยินใหญ่หัวเราะอย่างเย็นชา นางค่อย ๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำลายของหนานอิงอย่างใจเย็น อีกทั้งยังกระซิบข้างหูเสียงเบา
"เป็นแค่ลูกอนุ คิดยกตนเทียมลูกสาวข้าหรือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เด็กเอ๋ยเด็กเจ้าน่ะมันคนละชั้นกับข้า ในเมื่อกล้าเสนอหน้าก็ควรได้รับบทเรียนเสียบ้าง แม่ของเจ้าอีกอย่าคิดว่าข้าจะปล่อยให้รอดไปได้"
หนานอิงพลันสะดุ้ง เจ็บชาไปที่หน้าขาเมื่อมีดในมือของฮูหยินใหญ่ถูกปักลงมา ฮูหยินใหญ่หัวเราะด้วยความสะใจ นางเอ่ยอย่างเลือดเย็น
"ข้าคืนมีดให้เจ้าเผื่อคิดอยากฆ่าตัวตาย"
หนานอิงเจ็บจนชาแต่ไม่ไม่ร้องสักแอะ นางกัดฟันพลันถ่มน้ำลายใส่หน้าของฮูหยินใหญ่อีกครั้งแต่ครานี้นางไม่ทันได้คิดก็ถูกฝ่ามือของฮูหยินใหญ่ตบเข้าที่หน้าอีกครั้ง
นางผู้นั้นหัวเราะแล้วเอ่ยว่า
"แผลนี่เอาคืนที่แม่ของเจ้ายั่วยวนท่านพี่ และฝ่ามือนั่นเอาคืนที่เจ้าแย่งสิ่งที่ลูกข้าควรได้รับไปจากเจ้า ลากมันออกไป"
"ขอรับ"
บ่าวสองคนจับแขนหนานอิงคนละข้าง ลากนางออกไปทั้งที่มีดยังปักคาอยู่ที่หน้าขา ในขณะที่อาโจวดิ้นรนคิดเข้าช่วยหนานอิง แต่กลับถูกคนของฮูหยินใหญ่ตีจนสลบ
หนานอิงในตอนนี้ไม่อาจช่วยตนเองได้ ยังเห็นอาโจวถูกเฆี่ยนตีเจ็บช้ำจนแทบใจสลาย กระทั่งจู่ ๆ ฮูหยินใหญ่พลันเอ่ยว่า
"ช้าก่อนอย่าเพิ่งปล่อยมันไป ข้าจะปล่อยให้มันจากไปง่าย ๆ ได้อย่างไร เอามันไปขังไว้ที่เรือนทาส"
บ่าวทั้งสองลังเล
"แต่นายท่านมีคำสั่ง ให้ไล่นางไปนะขอรับ เกรงว่า"
ฮูหยินใหญ่เพียงถลึงตาใส่บ่าวทั้งสอง พวกเขาพลันก้มหน้าลงแล้วลากหนานอิงไปตามคำสั่งทันที หนานอิงไม่ร้องขอชีวิต นางไม่โวยวาย น้ำตาที่หลั่งออกมาบัดนี้เหือดแห้งแล้ว นางจ้องฮูหยินใหญ่เขม็ง หนี้แค้นนี้ของนางฮูหยินผู้นั้นต้องชำระด้วยเลือด
บ่าวผู้หนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
"เรียนนายหญิงมีแขกมาขอพบคุณหนูหนานอิงขอรับ"
ฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วเป็นปม เป็นผู้ใดกันที่รู้ข่าวไวเช่นนี้
ตอนพิเศษ ลูกของข้า ความทรงจำของลู่หนิงหวังที่มีเกี่ยวกับบิดาของตนเองนั้นช่างเลือนลางจนจำไม่ได้ เขาไม่เคยรับรู้และเข้าใจความหมายของคำ ๆ นี้ จนกระทั่งเมื่อเขาได้พบเด็กชายสองคนที่มีใบหน้าคล้ายคลึงเขากับหานเซียวเป็นอย่างยิ่งเขาไม่รู้ว่าเด็กสองคนนี้เป็นบุตรของผู้ใดระหว่างเขาและหานเซียว ในยามนั้นเมื่อได้พบและคิดว่าใช่ใจของเขากลับหวาดหวั่นอย่างรุนแรง ว่าได้พบหนานอิงนั้นทำให้เขาหวาดกลัวแล้วการได้พบบุตรชายกลับทำให้ลู่หนิงหวังหวาดกลัวมากยิ่งกว่าลู่หนิงหวังรู้สึกสับสนเขากลัวว่าจะเป็นพ่อที่ไม่ดีพอให้เด็กรักใคร่และไม่รู้ต้องทำตัวเช่นไร เมื่อในยามนั้นหานเซียวส่งเด็กสองคนนี้มาสู่อ้อมแขนของเขา“หากอยากประลอง ก็ประลองกับองค์รักษ์ของข้า”ชั่วขณะนั้นที่หานเซียวชี้มาที่ตัวเขา ความรู้สึกหวาดหวั่นนั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้นจนกระทั่งเด็กน้อยทั้งสองเดินอย่างองอาจมาหาเขาโดยไร้ความหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงกระทั่งมือเล็ก ๆ สองข้างกำลังจับจูงมือของเขาคนละข้าง ในยามนั้นพลันเกิดเหงื่อชื้นขึ้นที่ฝ่ามือ ความรู้สึกไหลเวียนไปจนทั่วร่าง แต่ที่แปลกประหลาดคือความรู้สึกสับสนนั้นกลับหายไปในที่สุดมือของเขาสั่นเทาอยู่
ตอนพิเศษ อยากมีอีกเยอะ ๆในตอนที่หนานอิงกำลังชงชาโดยมีอาโจวคอยช่วยเหลืออยู่นั้นขันทีก็รีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามารายงาน“ทูลหนานเฟย ฝ่าบาททรงว่าราชการเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หนานอิงยิ้มแล้วกล่าวว่า“ดียิ่ง ว่าแต่ว่าเหตุใดเจ้าจึงดูร้อนรนยิ่งนัก”“ทูลพระหนานเฟย ท่านอาจารย์ให้กระหม่อมมาทูลว่ามีคนถวายฎีการ้องเรียนเกี่ยวกับองค์ชายทั้งสองที่ทรงแกล้งบุตรชายของท่านราชครูขอรับ แต่ฝ่าบาทเอาแต่เข้าข้างองค์ชายจึงอยากให้หนานเฟยช่วยทูลฝ่าบาทเรื่องนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”หนานอิงหุบยิ้มโดยทันใด บุตรชายของนางทั้งสองบัดนี้กลายเป็นองค์ชายใหญ่ลู่หานและองค์ชายรองลู่โหยวที่มีพระอาจารย์อ้ายเจิงเป็นคนลงมือสั่งสอนกับมือ เหตุใดจึงได้ไปกลั่นแกล้งบุตรชายของท่านราชครูซึ่งเป็นสหายเรียนด้วยกันได้อันที่จริงก็พี่น้องกันทั้งนั้น ด้วยบุตรชายของท่านราชครูก็คือหลานของนางเอง ด้วยภายหลังมานี้พี่สาวฝาแฝดของหนานอิงนั้นด้วยความรักตัวกลัวตายหลังจากสกุลหนานล่มสลาย นางทั้งสองก็รีบดีดตัวออกจากสกุลหนานโดยไม่คิดข้องเกี่ยวอีกกระทั่งการที่ฮูหยินใหญ่มารดาของพวกนางถูกหนานอิงจัดการพี่สาวทั้งสองก็ยังได้แต่เอ่ยคำว่าอมิตาพุทธไม่คิดแค้นก่อกรรมทำเข็ญต่อไป
ตอนพิเศษ ยามเมื่อฟื้นคืนทุกอย่างเปลี่ยนผัน ดอกเหมยในลานกว้างเบ่งบานและร่วงหล่นตกกระทบร่างสูงของบุรุษกลุ่มหนึ่งที่เดินฝ่าความมืดมิดโดยมีเพียงแสงโคมนำทางเล็ก ๆ คอยส่องกระทบพื้นบุรุษผู้หนึ่งอยู่ในชุดคลุมยาวสีดำปักลายมังกร ใบหน้าคมคายหล่อเหลานัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้า แม้ว่าใบหน้านั้นคล้ายจะอมทุกข์และให้ความรู้สึกสูงส่งและเย็นเยียบ อีกทั้งให้กลิ่นอายของความเหี้ยมโหดเอาเสียดื้อ ๆบุรุษผู้นั้นสูดลมหายใจเข้าลึกสูดดมความหอมของกลิ่นบุปผาเข้าปอด นานแล้วที่เขาไม่เคยได้ทำเช่นนี้ คล้ายกลับว่าความหวังอันลางเลือนของเขาพลันกลับมาชัดเจนอีกครั้ง“ฝ่าบาทระวังพ่ะย่ะค่ะ”อดีตพ่อบ้านจวนอ๋องบัดนี้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกงกงคนสนิทของเขา แม้จะไม่ได้ผ่านพิธีการตอนดั่งเช่นกงกงผู้อื่นแต่เมื่อเขาต้องการก็มิกล้ามีผู้ใดปริปากลู่หนิงหวังก้าวเท้าเร็วกระทั่งไปถึงหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง เมื่อผลักประตูเข้าไปด้านในก็พบอ้ายเจิงและหมอหลวงหัตถ์เทวดาอ้ายเสิ่นบิดาของเขารออยู่ด้านในคนทั้งสองทำความเคารพเขา ลู่หนิงหวังยกมือขึ้นห้าม“ไม่ต้องมากพิธี ข้ากับพวกท่านข้าขอเถิด”ถึงเขาจะเป็นฮ่องเต้ของคนในใต้หล้า ลู่หนิงหวังก็ขอสักที่ท
หนานอิงพยักหน้า จุมพิตปลายคางของหานเซียวอย่างมีความสุขที่ผ่านมาล้วนเป็นนางที่เลี้ยงดูเด็กทั้งสองเพียงลำพัง การคิดตัดสินใจก็ล้วนเป็นนางที่ชี้นำ ในยามนี้การมีหานเซียวเคียงข้างทำให้หัวใจของหนานอิงอบอุ่นยิ่งกว่าจะออกจากห้องก็ฟ้ามืดแล้ว เด็กสองคนบัดนี้วิ่งเข้ามาหานางเหงื่อของพวกเขาโทรมกาย เสื้อผ้าเต็มไปด้วยฝุ่น ฝ่ามือห้อเลือดเล็กน้อยทั้งยังวิ่งเข้ามาร้องไห้โฮกอดขานางพลางฟ้องเสียงสั่น“ท่านแม่ท่านลุงผู้นั้นฝึกวรยุทธ์ให้ข้า ยังให้ข้านั่งท่าม้าอะไรก็ไม่รู้อยู่หลายชั่วยาม เขายังถือไม้จะตีข้าด้วย ป้ายของท่านพ่อเขาก็เอาไปบอกข้าและน้องชายอ่อนแอ ไม่คู่ควรที่จะห้อยมัน”คนผู้นั้นทำหน้าเย็นชา เอ่ยคำหนึ่ง“เป็นบุรุษเรื่องนี้เล็กน้อยยิ่ง ยังร้องไห้งอแงราวเด็กทารก เป็นเช่นนี้จะปกป้องผู้ใดได้”หนานอิงได้ยินเช่นนั้นตกใจยิ่ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันควัน"นายน้อยองครักษ์ของท่านผู้นี้ เหตุใดทำให้ลูกชายข้าเจ็บตัวเช่นนี้ การประลองกับเด็กท่านควรออมมือให้มากมิใช่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บ ข้าไม่ยอมท่านต้องจัดการเขาให้ข้าด้วย"“อิงอิงเจ้าใจเย็น ๆ ก่อน เขาคงไม่ได้ตั้งใจ”หานเซียวทำท่าประหลาด ทั้งยังมองคนของตนด้วยสายต
หนานอิงน้ำตาไหลพราก เมื่อเห็นว่ามารดาร้องไห้เด็กทั้งสองรีบวิ่งเข้ามากอดหนานอิงกอดลูกร้องไห้ นานหลายปีแล้วตั้งแต่บุตรชายฝาแฝดเกิดมาที่นางไม่เคยหลั่งน้ำตาอีก"ท่านแม่ท่านร้องไห้ทำไม ท่านลุงหนวดยาวผู้นี้ทำร้ายท่านหรือ ข้าจะตีเขาให้อย่าร้องนะขอรับ"หนานอิงปาดน้ำตา หานเซียวชี้ที่ตัวเอง"ข้ามิได้รังแกแม่ของเจ้า ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น"หนานอิงยิ้มให้เด็กชายทั้งสอง ก่อนจะส่งเด็กน้อยให้แม่นางเหมยเซียง"ข้าไม่ไป ข้าจะสั่งสอนลุงหนวดยาวผู้นี้ที่กล้ารังแกท่าน"หานเซียวอยากจะหยิกแก้มเด็กน้อย อยากจะโอบกอดพวกเขาแต่สองคนนี้ถือตัวและเหย่อยิ่งเป็นอย่างยิ่ง"อย่ามาแตะข้า คนแปลกหน้ามาประลองกัน"หนานอิงเอ่ยเสียงดุ"ไปอยู่กับท่านยาย แม่มีธุระจะสนทนากับคนผู้นี้"ได้ยินเสียงดุของหนานอิงเด็กทั้งสองถึงกับคอตก"ขอรับ"รับคำพร้อมกันแล้วหันหลังเดินไปหาแม่นางเหมยเซียง หานเซียวจึงเอ่ยขึ้น"หากเจ้าอยากประลอง นั่นคือองครักษ์ของข้าเจ้าประลองกับเขาได้ หากชนะจะให้ข้าทำสิ่งใดก็ได้""จริงหรือขอรับ"เด็กสองคนหันมาแล้วเอ่ยพร้อมกันหานเซียวพยักหน้า องครักษ์ผู้นั้นจึงถูกเด็กถือตัวทั้งสองยอมแตะต้องตัวเขาแล้วลากจูงไปข้างนอกเพื่
หานเซียวและองค์รักษ์ของเขาแอบตามเด็กน้อยอย่างเงียบเชียบ เห็นเด็กสองคนนี้ถูกแยกออกมาจากเด็กผู้อื่นและมีอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาคอยสอนให้เป็นพิเศษก็เกิดสงสัยเป็นอย่างยิ่งเป็นถึงหลานของแม่นางเหมยเซียง เหตุใดจึงไม่ให้มาเรียนที่สำนักศึกษาทั้งที่มีเงินทองมากมายปานนั้น เขารอจนกระทั่งเด็กทั้งสองออกมาแล้วจึงแสร้งไปตีสนิทเพื่อพูดคุยด้วย"ท่านแม่บอกว่าห้ามพูดกับคนแปลกหน้า ข้าไม่บอกท่านหรอกอย่ามาหลอกเด็กเลย"กล่าวจบพวกเขาก็วิ่งด้วยฝีเท้าที่เร็วยิ่ง องครักษ์ทั้งสองต่างมองหน้ากันเด็กสองคนนี้เป็นวรยุทธ์แต่ผู้ใดกันแน่ที่เป็นผู้สอนพวกเขาตามเด็กมาจนถึงหอนางโลมเด็กทั้งสองปีนกำแพงกลับเข้าไปดังเดิมมีบางสิ่งบางอย่างหล่นออกมาจากสาบเสื้อ ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่ทันระวัง องครักษ์ผู้หนึ่งก้มลงเก็บของกำลังจะอ้าปากบอกพวกเขาแต่สิ่งที่อยู่ในมือช่างคุ้นตาเป็นอย่างยิ่งคนทั้งคู่ต่างตกตะลึงแล้วพวกเขาตามเด็กเข้าไปในหอนางโลม ขอพบแม่นางเหมยเซียงเป็นการด่วนและถามเรื่องเกี่ยวกับเด็กอย่างตรงไปตรงมาแม่นางเหมยเซียงคิดว่าคนพวกนี้ไม่กลับไปง่าย ๆ แน่ จนกว่าจะได้คำตอบจึงเอ่ยว่า"นายท่านองครักษ์อย่าได้คิดมากไปเจ้าค่ะ แม่ของเด็
หลายเดือนต่อมาคนของอ้ายเจิงเร่งรุดไปแจ้งว่าหนานอิงคลอดบุตรแล้วแต่เมื่ออ้ายเจิงเร่งออกมาพบนางเขากลับพบเพียงความว่างเปล่าอยู่ที่คฤหาสน์ที่เขาจัดเตรียมไว้ หนานอิงหายไปอย่างไร้ร่องรอยทิ้งเพียงจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ข้ากับลูกที่ผ่านมาขอบคุณท่านมาก ต่อไปพวกเราขอใช้ชีวิตตามลำพังเถิด อ้ายเจิงปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง เขาจะทำเช่นไรดีเล่าครานี้ ทำเมียกับลูกผู้อื่นหายเช่นนี้ครานี้แม้แต่หัวคงไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ที่ผ่านมาหนานอิงเองก็เชื่อฟังมาตลอดมิใช่หรือ แต่เหตุใดครานี้จึงหายไปโดยไม่บอกกล่าวกันเช่นนี้กระทั่งหลานเป็นชายหรือหญิงเขาเองก็ยังไม่รู้ สตรีผู้นี้ทำให้อ้ายเจิงปวดหัวแล้วอ้ายเจิงออกติดตามหาหนานอิงแทบจะพลิกแผ่นดิน แต่กลับไม่พบแม้คนของเขาจะมีอยู่มากมายแต่เขาลืมไปว่ามือสังหารของเขาล้วนเป็นสตรีหนานอิงได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากลู่หนิงหวังให้เป็นหัวหน้ามือสังหาร แน่นอนว่าคนพวกนั้นย่อมรับคำนั่งนางและไม่ยอมปริปากบอกที่ซ่อนของนางให้ผู้ใดรู้อ้ายเจิงจึงต้องคลำทางประดุจคนตาบอด ค้นหาตัวนางด้วยตนเอง ลู่หนิงหวังมีโทสะแล้ว เขาสั่งให้คนวาดภาพเหมือนหนานอิงประกาศหาตัวไปทั่วแคว้น หากผู้ใดจับได้จะมีรางวัลเพราะส
หนานอิงเดินเหม่อลอยมาเรื่อย ๆ นางมิได้ใช้มีดสั้นที่ลู่หนิงหวังและหานเซียวแล้วจึงเก็บเอาไว้ในหีบอย่างดี แต่นางยังพกหยกติดกายอยู่ตลอดเวลาหนานอิงรู้สึกหิวเล็กน้อยพบร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ตรงหน้าจึงเดินเข้าไปสั่งก๋วยเตี๋ยวมาชามหนึ่ง กินอย่างซึมกะทือไร้ชีวิตจิตใจกินไปได้เพียงสองสามคำกลับรู้สึกอยากอาเจียนเป็นอย่างยิ่งหนานอิงจ่ายเงินวิ่งไปอาเจียนที่ข้างกำแพง ศีรษะมึนเล็กน้อยนางนั่งลงรอจนกระทั่งตนเองรู้สึกดีขึ้นจึงคิดว่าตนเองคงเครียดไปจึงเกิดอาการประหลาดหลายวันต่อมาอาการของหนานอิงกลับไม่หายไป แต่นางอดทนและฝืนตนเองเอาไว้นางพบลู่หนิงหวังในยามที่เขามาฝึกซ้อมยิงธนู หนานอิงกลายเป็นองครักษ์ของเขาเต็มตัวจึงต้องคอยอยู่ข้างเขาตั้งแต่เข้าวังมาลู่หนิงหวังเห็นใบหน้าของนางซีดเซียวแรงของลูกศรที่ปักลงตรงเป้าดูเบากว่าเดิมจึงเอ่ยเสียงเย็น"มีตำแหน่งเป็นถึงองครักษ์ของฮ่องเต้แต่กลับปล่อยให้ตนเองไม่สบาย มีโทษโบยสามสิบไม้"อ้ายเจิงถอนหายใจ เขาเอ่ยเบา ๆ "ฝ่าบาทอย่าทรงแกล้งนางเลย"ลู่หนิงหวังเพียงเอ่ยว่า"เห็นวาจาของฮ่องเต้เป็นคำล้อเล่นหรือ ชิชะท่านเสนาบดีผู้นี้คิดจะแข็งข้อกับข้าหรือ"อ้ายเจิงมิได้กลัวเขาอยู่แล้ว
บทที่ 140 ตอนพิเศษ เหตุการณ์หลังความตายของหานเซียวพิธีศพของหานเซียวถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและยังถูกปิดบังมิให้ผู้ใดรู้กระทั่งฝ่าบาทเองด้วยบัดนี้ภายในวังยุ่งเหยิงเป็นอันมาก ลู่หนิงหวังหลังจากจัดการกับกบฏองค์รัชทายาทถูกขับออกไปยังชายแดนทั้ง ๆ ที่ร่างกายพิการแขนขาดตาบอดบัดนี้เหตุการณ์สงบสุข ลู่หนิงหวังเองได้กวาดล้างคนขององค์รัชทายาทจนไม่มีผู้ใดกล้าก่อความไม่สงบเพียงแต่ครานี้หาได้ฆ่าคนดั่งเช่นที่เคยเกิดขึ้นอย่างเช่นในรัชสมัยก่อน ขุนนางให้ปลดจากตำแหน่งส่งไปชายแดนอันกันดารเพื่อใช้แรงงานรวมทั้งเด็กชายอายุสิบสองขวบขึ้นไปสตรีและเด็กต่ำกว่าสิบสองขวบให้ไปเป็นชาวนาปลูกข้าวให้ราชสำนักห้ามมิให้ทายาทถัดไปอีกสิบรุ่นรับราชการหรือประกอบอาชีพอื่น แม้จะถูกคัดค้านว่าอาจทำให้คนพวกนี้หาทางกลับมาแก้แค้นลู่หนิงหวังกลับหาได้สนใจ"ไม่ว่าจะฆ่ามากเท่าใดคนคนพวกนี้คิดการใหญ่อย่างไรก็ต้องหาทางกลับมาล้างแค้น เขาสังหารคนมามากในสงครามย่อมรู้ดีว่าการฆ่ามิใช่ทางออกสำหรับผู้บริสุทธิ์"คนสกุลหนานที่ยังหลงเหลือบัดนี้มาคุกเข่าที่หน้าจวนขอร้องให้หนานอิงช่วยชีวิตพวกเขา บ่าวไพร่ที่เคยดีต่อหนานอิงอาฉีจัดการตามสัญญาปล่อยพวก