LOGINแดดยามสายส่องลอดแนวต้นไม้ใหญ่หน้าตึกคณะสถาปัตย์ เงาไม้ทอดยาวลงบนทางเดินซีเมนต์เก่า ๆ ที่เธอคุ้นเคยมานานหลายปี
ซีลีนเดินลงมาจากชั้นสามของอาคารเรียน ด้วยเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซซ์ยับนิด ๆ บ่งบอกว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้กลับหอ แถมยังไม่ได้แต่งหน้าแบบทุกที มีแค่ลิปบาล์มบาง ๆ ถูกทาลงริมฝีปากสีชมพูอ่อนพอให้ไม่ดูโทรมเกินไป
เพราะเมื่อคืนหลังจากที่ออกมาจากคลับ เธอก็กลับมาที่ห้องสโมสรคณะอีกครั้ง เพื่อมาจัดกการโพรเจกต์จบที่ทำค้างเอาไว้กับ เพื่อนสนิทและคนอื่น ๆ ในสาขายันตีสาม แล้วหลับยาวอยู่บนโซฟาไม้แข็ง ๆ ในห้องสโมสร เรียนได้ว่าเธอแทบจะกินนอนที่มหาลัยมากกว่าคอนโดตัวเองซะอีก
โชคดีที่วันนี้เธอไม่มีคลาสเรียน เลยไม่ต้องรีบกลับคอนโดไปเปลี่ยนชุด ร่างบางยังคงตั้งใจเลื่อนหน้าจอเข้าแอพสั่งอาหาร เพื่อกดสั่งกาแฟจากร้านประจำของตัวเอง ก่อนจะลงไปรอรับเครื่องดื่มที่หน้าคณะ อย่างน้อยการได้ดื่มกาแฟดี ๆ สักแก้วก็ช่วยเธอมีความสุข สมองปลอดโปร่ง ร่างกายจะได้ตื่นตัวระหว่างรอน้องรหัสของเธอมาถึง
คนตัวเล็กก้าวเดินมาใต้ร่มไม้หลังคณะที่อยู่ติดกับตึกของคณะวิศวะ ท่ามกลางบรรยายที่ร่มรื่นเย็นสบาย ซีลีนทิ้งตัวลงบนโต๊ะหินอ่อนอย่างสบายอารมณ์ แต่แล้วสายตาของเธอกลับสะดุดเข้ากับรถคันหนึ่งที่เพิ่งจอดเทียบข้างฟุตปาธ
ประตูฝั่งคนขับเปิดออก พร้อมกับเจ้ารถที่ก้าวลงมาเธอเป็นผู้หญิงหน้าตาดีจัดว่าสวยมากคนหนึ่ง หญิงสาวเดินลงจากรถพร้อมแก้วกาแฟในมือ ก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งของรถที่มีใครอีกคนกำลังเปิดประตูออกมา ผู้ชายคนนั้น อีกแล้ว
ซีลีนชะงักไปชั่วครู่ แม้จะไม่ได้ตั้งใจมอง แต่ก็ละสายตาไม่ได้ เธอเห็นเขารับแก้วกาแฟในมือหญิงสาวอีกคนมาเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันหลังจากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหันกลับมา
“เช้าคน เย็นคน หน้าตาดี แต่นิสัยติดลบ”
เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะละความสนใจแล้วหยัดกายลุกขึ้นยืนไปรับกาแฟจากแก๊ปที่กำลังขับเข้ามา แต่ดูเหมือนหญิงสาวคนนั้นจะสังเกตเห็นเธอเหมือนกันและคงเข้าใจผิดคิดว่าเธอสนใจผู้ชายคนนั้นจึงส่งสายตาประเมินกวาดมาเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ดูจะฝืน ๆ และไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่
ซีลีนยักคิ้วตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ มองมามองกลับไม่โกงแน่นอน แล้วที่สำคัญเธอไม่ได้สนใจผู้ชายคนนั้นซะหน่อย กลางคืนอยู่กับอีกคน เช้ามากับอีกคน ใครจะไปอยากได้ผู้ชายแบบนี้กัน แต่ทำไมนะ คนเรามักจะต้องเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในตอนหน้าสดทุกที
หลังจากที่เธอจ่ายค่ากาแฟเสร็จก็ตั้งใจจะรีบกลับไปนั่งรอน้องรหัสอยู่ที่เดิม แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่เป็นดั่งใจสักนิด เพราะแค่หันหลังกลับมาเธอกับต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นที่นั่งอยู่ไม่ไกล
“วันซวยอะไรน่ะ ฉันถึงต้องมาเห็นมลพิษทางสายตาแต่เช้า”
คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ เหมือนกำลังพูดกับตัวเอง แต่เสียงที่เอ่ยออกไปก็ดังมากพอให้เขาได้ยิน ทว่าชายหนุ่มกลับทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นจากเครื่องมือสื่อสารในมือ แล้วจ้องมองเธอครู่หนึ่งอย่างยียวนกวนประสาท ก่อนจะยักคิ้วให้เธออย่างจงใจ
“อยากนัดดิลเหรอ เสียใจด้วยนะพอดีคิวเต็ม”
เสียงทุ้มต่ำพูดกับเธอออกมาเป็นครั้งแรก หากไม่นับบทสนทนาสั้น ๆ เมื่อคืน แต่ทุกคำที่พูดออกมากลับทำเธอรู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะกรีดใส่หน้าคนตัวโตดัง ๆ
“ถ้าต้องใช้ผู้ชายต่อจากคนอื่น เพราะเขามีอดีตจากความรักที่ล้มเหลวมาก่อน ฉันรับได้”
“…”
“แต่ถ้าฉันต้องใช้ผู้ชายร่วมกับใคร เพียงเพราะเขาเห็นฉันเป็นเพียงตัวประกอบในฉากเลิฟซีนสั้น ๆ ไม่มีค่า ไม่มีตัวตน แบบนั้นฉันเอากับหมาก็ได้”
“ชอบท่าหมา?”
“นี่นาย!!!”
“เพิ่งรู้ว่านางฟ้าสถาปัตย์ปากร้ายกว่าแม่ค้าซะอีก แล้วที่สำคัญฉันไม่มีแฟน นัดดิลได้เป็นเรื่องปกติ ของแบบนี้อยู่ที่ตกลงกันป่ะ วินวินทั้งคู่”
เขาพูดกลับมาตรง ๆ โดยไม่หลบสายตา แต่กลับเป็นเธอเสียเองที่รู้สึกเก้อเขินจนลมหายใจสะดุดเล็กน้อย ที่ต้องฟังเขาพูดเรื่องแบบนี้ในที่โจ่งแจ้ง ก่อนจะรีบปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ ราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร
“ใครถาม”
“ก็เห็นดูสนใจก็คิดว่าอยากรู้”
“ฉันก็อยู่ของฉันตรงนี้ก่อนนายจะมาซะอีก นายจะมาบอกว่าฉันสนใจเรื่องของนายไม่ได้ ใครมันจะไปอยากรู้อะไรเรื่องของนายขนาดนั้น”
“ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามตรง ๆ หรือถ้าไม่เคย แล้วอยากลอง เดียวลัดคิวให้เอาม่ะ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำตอบกลับมานิ่ง ๆ เขาไม่ได้ฟังคำอธิบายก่อนหน้าเลยด้วยซ้ำ เธอหันกลับมาสบตาเขานิ่ง ๆ ไม่ยอมหลบตา ทั้งที่ตอนนี้เธอแทบข่มอารมณ์ความหงุดหงิดที่พลุ่งพล่านในใจไม่ไหว แล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ เพื่อพยายามตั้งสติให้มากที่สุด
“ใครจะไปอยากนอนกับคนปากเสียอย่างนาย”
“หึ เป็นนางฟ้านี่ พาขึ้นสวรรค์ได้จริงป่ะ”
คราวนี้ชายหนุ่มหัวเราะดังออกมาอย่างชัดเจน ก่อนทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาแล้วเดินผ่านเธอไปช้า ๆ พร้อมแก้วกาแฟในมือ
ซีลีนหันกลับมามองแผ่นหลังของเขากำลังเดินห่างออกไปทุกที แต่เธอกลับยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพร้อมความรู้สึกโมโหจนอยากหยุมหัวใครบางคนให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“อ้าวเจ๊! มาอยู่นี่เอง ผมตามหาทั่วคณะเลย!”
ซีลีนหันไปตามเสียง ก่อนจะเห็นบอมเดินตรงเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือและเหงื่อที่ผุดขึ้นตามขมับ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคงตามหาเธอมาสักพัก
“หาเจ๊ทำไม เจ๊ไม่ใช่เด็ก”
“ก็นัดกันไว้แล้วเจ๊หายไป นึกว่ากลับไปนอนแล้วซะอีก”
“นอนสิ…นอนอยู่คณะทั้งคืนเลย”
ซีลีนตอบพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ สลัดความคิดและความหงุดหงิดที่มีก่อนหน้าออกไป หวังว่าเธอกับเขาจะไม่ต้องมาเจอกันอีก
“นอนที่คณะ? นี่อย่าบอกนะว่ากลับจากคลับเมื่อคืน เจ๊กลับมาตัดโมต่อที่นี่?”
“ใช่ ปวดหลังแทบบ้า”
“ผมย้ายคณะทันไหมเนี่ย”
บอมเริ่มโอดครวญ เขารู้ว่าการตัดโมกับสถาปัตย์เป็นของคู่กัน แต่ใครจะรู้ว่าจะหนักขนาดต้องกินนอนที่คณะแบบนี้ ขนาดคนที่รักสะอาดอย่างพี่รหัสเขายังจำยอมนอนในคณะ
ซีลีนยกมือนวดคอเบา ๆ แต่พอเหลือบไปเห็นสายตาบอมที่กำลังมองเลยไปทางที่ลมเพิ่งเดินจากไป เธอก็ชะงัก
“มองอะไร”
เสียงหวานเอ่ยถามน้องในสายรหัส ที่กำลังหรี่ตามองมาทางเธอราวกับกำลังจับผิดอะไรบางอย่าง
“แล้วเมื่อกี้เจ๊...ยืนคุยกับใคร?”
“หืม?”
“ผู้ชายที่เพิ่งเดินออกไปนั่น ผมเห็นเจ๊คุยกับเขาตั้งนาน”
ซีลีนเบือนหน้าหนีทันที ทำเป็นมองซ้ายขวาดูนักศึกษาที่เริ่มเยอะขึ้นถนัดตาต่างจากเมื่อตอนเช้าตรูโดยสิ้นเชิง
“เขามาถามทาง ไม่รู้ว่าโผล่มาจากรูไหน แต่คำพูดคำจากวนประสาทชะมัด ดูสิตอนนี้ยังหงุดหงิดไม่หายเลย”
“หงุดหงิด?”
บอมยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด ก่อนจะหรี่ตาลง ขณะเอนตัวเข้ามาใกล้แกล้งกระซิบเสียงเบาราวกับกำลังล้อเลียน
“แต่ผู้ชายคนนั้นก็หน้าตาดีอยู่นะ เจ๊ไม่หวั่นไหวเลยเหรอ ปกติเจ๊เห็นผู้ชายในคณะ ยังไม่ทันคุยก็สะบัดหน้าหนี แต่นี้ยอมคุยด้วยตั้งนาน สเปกเจ๊เลยไหมคนนี้”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะอ้าปากเตรียมด่ารุ่นน้องในสายรหัสตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้จัดการเด็กปากหมา เจ้าตัวก็รีบสาวเท้าหนีไปซะก่อน
หน้าร้านคาเฟ่เก่าหลังคณะ
ซีลีนยืนมองดูคาเฟ่เก่าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากคณะที่เรียนอยู่ เรียกได้ว่าทำเลค่อนข้างดี ขนาดของร้านไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไปสำหรับนักรุ่นน้องของเธอ
“น้องไอ~”
ร่างบางส่งเสียงหวานนำมาก่อนตัว หญิงสาวในเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซซ์สีดำเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาในร้านใหม่ของหลานรหัส เพราะคิดว่าในร้านไม่มีคนอื่น นอกจากเธอกับรุ่นน้องในคณะที่สนิทสนมกันดี แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อพบว่าในร้านนอกจากรุ่นน้องของเธอก็ยังมีคนอื่นอีก
“โอ้ ร้านใหม่ใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย จะเปิดร้านวันไหนครับสุดสวย”
เสียงบอมดังแทรกขึ้นจากข้างเธอ ซีลีนเหลือบมองรุ่นน้องที่มาด้วยกันแล้วก็ยิ้มขำ
“พี่ ๆ รู้ได้ไงคะว่าไอย้ายร้าน?”
เสียงของไอริสดังขึ้นอย่างตกใจนิด ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนตามแบบของเธอ ซีลีนแค่นยิ้มนิด ๆ แล้วตั้งท่าเท้าเอวดุ
“เรานั่นแหละ มีอะไรทำไมไม่บอกให้พวกพี่ช่วย ถ้าพี่ไม่ถามจากพิณเพลงจะรู้ไหมว่าน้องในสายกำลังลำบาก?”
เธอไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงดุ แต่แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย ใจหนึ่งก็หงุดหงิดอีกฝ่ายเล็ก ๆ ที่ไม่ยอมพึ่งใครเลยสักนิด
“ขอบคุณนะคะ แต่ไอเกรงใจ”
น้ำเสียงของไอริสทำให้เธอถอนหายใจเบา ๆ มันผิดจากที่เธอคาดเอาไว้ที่ไหนละ ร่างบางมองหลานรหัสของตัวเองด้วยความอ่อนโยนปนเหนื่อยหน่ายตามประสาคนที่อยากช่วย ทว่าอีกฝ่ายกลับติดเกรงใจจนมากเกินไป แต่ก็เข้าใจว่าไอริสเป็นคนขี้เกรงใจจึงทำได้แค่ส่งยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
“ไม่เป็นไร ๆ อย่าคิดมาก วันนี้พี่เลยพาแรงงานชายหนุ่มสุดหล่ออย่างนายบอมมาช่วยจัดร้าน ใช้งานได้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ”
เธอพูดพลางผลักหลังบอมเบา ๆ ให้เข้าไปรับหน้าที่ใช้แรงงาน เพราะไหน ๆ วันนี้ก็ไม่มีเรียนก็คงจะอยู่ช่วยกันจัดการให้เสร็จ
“เรื่องใช้งานแรงงานบอกพี่มาได้เลย ว่าแต่มีของให้ขนมั้ย กล่องไหนก่อนดี?”
ทว่าพอเวลาผ่านไปทุกอย่างดูเป็นไปด้วยดี เสียงหัวเราะของ ไอริสดังขึ้นบ้างเป็นระยะ ทำให้ซีลีนรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น ที่น้องไม่ได้เศร้ามากเกินไป แต่ทันใดนั้นสายตาก็สะดุดกับชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนพิงผนัง กอดอกนิ่ง ดวงตาคมเข้มจ้องมายังกลางร้านไม่วางตา แววตานิ่งเย็นจนน่าขนลุก ‘ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร’
ซีลีนไม่ได้พูดอะไร เพียงยืนมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ขณะบอมกำลังยกกล่องช่วยไอริส จังหวะหนึ่งที่ทั้งคู่จะหันมาชนกัน จนต้องมือไปกันหลังคนตัวเล็กเพื่อจะกันไม่ให้ล้ม แต่กลับกลายเป็นว่าไอริสถอยไปชนเข้ากับแผงอกของผู้ชายคนนั้นพอดี และเธอก็เห็นได้ชัดว่าดวงตาของผู้ชายกำลังไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นสักนิด
“เอ่อ…พี่บอมถอยหลังมา จนเกือบชนกันเลยค่ะ”
เสียงไอริสดังขึ้นเบา ๆ เหมือนจะกลบเกลื่อน แต่คนที่ยืนนิ่งอยู่ก็ยังคงไม่ละสายตา
ซีลีนลอบถอนหายใจอีกครั้ง ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนเก่าไอริส แต่กลับแสดงท่าทีหวงจนเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่ ในขณะเดียวกันเธอกำลังจะหันกลับไปดูไอริสอีกครั้ง แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ จากอีกด้าน
“ช่วยขยับหน่อยครับ”
เสียงทุ้มเรียบที่ฟังดูไม่ใส่ใจดังขึ้นข้างหู และทันทีที่เธอหันไปมอง เจ้าของเสียงก็ยืนอยู่ตรงหน้า เขากลับยักคิ้วใส่เธออีกครั้งพร้อมกับโชว์กล่องไม้ในมือ บ่งบอกว่าให้เธอรีบหลีกทาง
ร่างบางชะงักไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนจะขยับตัวให้เล็กน้อย โดยไม่พูดอะไร แค่เลิกคิ้วให้แล้วเบนสายตากลับ แต่ชายหนุ่มกับหยุดยืนตรงก่อนจะหันกลับมาพูดอะไรบางอย่าง
“ตามมาถึงที่ ตกลงอยากนัดดิลใช่ป่ะ”
ซีลีนหันขวับกลับไปมองอีกฝ่าย ดวงตาเบิกกว้างขึ้นนิด ๆ อย่างกรุ่นโกรธกับคำพูดของคนหลงตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะในลำคอ
“เพ้อเจ้ออะไรของคุณ ของบางอย่างใช้แล้วมันก็ไม่ได้น่าใช้ซ้ำ”
ร่างสูงโน้มตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบข้างใบหูคนตัวเล็กที่ยืนตัวแข็งจนไม่กล้าขยับ ตอนเจอกันที่คลับก็คิดว่าสวยแล้ว พอมาเจอตอนเช้าด้วยใบหน้าที่ไร้การเติมแต่ง กลับยิ่งดูสวยมากขึ้นไปอีก
“แล้วถ้าหมาตัวนี้อยากได้นางฟ้าสถาปัตย์ล่ะครับ ต้องทำไงครับ”
ลมสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากหญิงสาวเบา ๆ โดยที่ไม่มีส่วนในของร่างกายสัมผัสกัน มีเพียงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดผิวขาวเนียนละเอียดนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะหยัดกายยืนตรงอีกครั้ง ยักไหล่นิด ๆ แล้วยกกล่องในมือเดินผ่านไปอย่างเงียบ ๆ
ซีลีนได้แต่ยืนนิ่ง ดวงตากลมโตเบิกกว้างเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว แต่หัวใจของเธอกลับเต้นแรงราวกับกำลังจะหลุดออกมาจากอก
สัมผัสอุ่นร้อนจากลมหายใจพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของคนตัวโตยังคงลอยอยู่ในอากาศ ทำเอาเธอรู้สึกเก้อเขินจนต้องเบือนหน้าไปอีกทางอย่างรวดเร็ว ‘นายมันหมาบ้าชัด ๆ’
เสียงเครื่องยนต์ดังคำรามตลอดเส้นทาง ลมขับรถตรงดิ่งไปที่คณะ ใบใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์นัก แต่ความคิดในหัวกลับตีกันวุ่นวาย ต่าง ๆ นานา คิดถึงแต่ใครบางคนที่หายไปตั้งแต่เช้าไม่นาน แมคเคลเรล720S All Black คันคุ้นเคยก็เลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถคณะวิศวะฯ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินจากรถตรงไปยังกลุ่มเพื่อนที่กำลังนั่งรวมกันใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกคนได้แต่ชะงักและหันมามองแทบพร้อมกัน เสียงฮือฮาของผู้คนรอบข้างดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นหนุ่มฮอตปรากฏตัว โดยเฉพาะพวกสาว ๆ ที่ดูจะกรี้ดกร้าดเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่ที่มีโปรเจกต์ลมก็ไม่ค่อยได้เข้าคณะเลย“เฮ้ย ไอ้ลม! มาได้ไงวะ ปกติมึงน่าจะอยู่ที่ไซต์”“หน้าเครียดเชียว กูว่าต้องมีเรื่องแน่ ๆ”เสียงทุ้มของเดย์เอ่ยถามทันที เมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามา ตามด้วยเสียงของไนท์ที่หันไปมองตามเสียงของแฝดตัวเองลมเดินเข้ามาหย่อนตัวลงนั่งบนม้านั่งไม้ กวาดตามองพวกมันทีละคน เสยผมขึ้นด้วยท่าทีหงุดหงิด“กูมาหาพวกมึงไม่ได้หรือไง”เขาพูดเสียงเรียบ ก่อนเอนหลังพิงพนัก มือยกโทรศัพท์ขึ้นไถ่ฟีดเลื่อนไปมาอย่างหงุดหงิด เพราะไม่รู้จะไปตามหาอีกคนที่ไหน เขาเลยตัดสินใจขับรถมาหาเพื่อน ๆ ที่คณะแทน“สรุปว
แสงแดดในช่วงสายของวันที่ลอดผ่านผ้าม่านสีเข้มเข้ามา ทำให้ลมค่อย ๆ รู้สึกตัว ก่อนมือหนาจะคว้านหาร่างบางที่เขากอดมาตลอดทั้งคืน แต่ปรากฏว่าข้างกายเขากลับว่างเปล่า มีเพียงร่องรอยยับย่นบนผ้าปูที่ยืนยันว่า เมื่อคืนเขาไม่ได้อยู่คนเดียว กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของร่างบางยังติดอยู่บนปลอกหมอน ในเมื่อเขาเป็นคนอุ้มเธอกลับมาจากที่ไซต์งานมาต่อที่ห้องด้วยตัวเอง แต่เจ้าตัวกลับหายไปไหน“หนีไปอีกแล้วสินะ”ร่างแกร่งหยัดกายลุกเอนหลังพิงหัวเตียง มือหนาเอื้อมคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียง ก่อนจะเปิดเช็กบางอย่าง เพราะเขารู้ดีว่าคนตัวเล็กมักจะชอบโพตทุกอย่างไว้บนสตอรี่ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็ตาม แต่เช้านี้มันกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยเรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ความเงียบในห้องยิ่งทำให้ความรู้สึกข้างในวาวโรจ์นขึ้นมา ลมโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอน ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นนั่ง เสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด“ได้ฉันแล้วจะทิ้งเหรอ”เสียงทุ้มพึมพำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทิ้งเขาไว้คนเดียวบนเตียงแบบนี้ร่างแกร่งลุกขึ้นจากเตียงด้วยร่างกายเปื่อยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยแดงและการขีดข่วนจากปลายเล็บ ลมยังคงเดินหาใครบางคนจน
จูบที่เริ่มจากการรุกเร้าเบา ๆ กลับกลายเป็นไฟราคะที่ลุกโชน ริมฝีปากหนาไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้พัก มือใหญ่เลื่อนจากแผ่นหลังขึ้นมากดท้ายทอยเล็ก รั้งเธอให้รับแรงจูบลึกขึ้นเรื่อย ๆ“อื้อออออ”มือหนาอีกข้างเลื่อนต่ำมาทาบเอวบาง ลากปลายนิ้วไปตามสันโค้งจนเธอสั่นสะท้าน ร่างเล็กที่นั่งบนตักเผลอขยับเบียดแน่นขึ้นทุกครั้งที่เขาดึงให้เข้าใกล้“ต้องการกันไหมครับ”ลมกระซิบเสียงพร่าแนบข้างหู ก่อนจะเล็มจูบลงมาตามแนวสันกรอบหน้า สัมผัสกับผิวเนียนที่แดงจัด“ฉัน…ไม่”คำคัดค้านเอ่ยขึ้นอย่างติด ๆ ขัด ๆ เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวซุกลงมาตรงลำคอขาว มือเล็กเผลอเกาะบ่ากว้างแน่นเพื่อหาที่พยุง เสียงหัวเราะทุ้มพร่าเล็ดลอดจากลำคอเขา เมื่อเห็นร่างบางสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขน“ร่างกายเธอมันกำลังต้องการฉัน”ลมกดจูบหนักลงที่ซอกคอ ฝากทิ้งร่องรอยรักแดงสีกุหลาบอย่างไม่ยอมออมแรง ขณะมือหนาบีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่ม มืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามเอวบางและสะโพกกลม จนเธอคล้อยตามไปกับสิ่งที่เขากำลังนำพาเธอไปคนตัวเล็กเริ่มหอบหายใจถี่ หน้าแดงจัดจนแทบลามไปถึงหู ทั้งร้อน ทั้งอาย แต่กลับมีเพียงเสียงครางกระเส่าที่หลุดออกมาเบา ๆ เท่านั้น“อื้มมม ลม”แต่คนตั
ลมเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับ ด้วยท่าทีไม่เร่งรีบ แต่กลับกดดันจนเธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับกลาย ๆ ร่างบางชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนั่งลงไปอย่างเสียไม่ได้ ทว่าประตูปิดลง กลิ่นกายอุ่นที่คุ้นเคยจากเมื่อคืนก็โอบล้อมเข้ามาในพื้นที่แคบทันทีร่างบางรีบเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่าง เพราะกลัวจะเผลอใจสั่นจากความใกล้ชิดที่ที่เกิดขึ้น“ทำหน้าเหมือนถูกลากมาขาย”น้ำเสียงทุ้มแฝงรอยหัวเราะดังขึ้นจากเบาะข้าง ๆ ซีลีนหันขวับไปมองตาขวางทันที“แต่นายบังคับฉันมาอย่างไม่เต็มใจ”ลมเหลือบตามองเธอเพียงเสี้ยววินาที ริมฝีปากหนายกยิ้มกวน ๆ ก่อนโน้มตัว เอื้อมมือข้างหนึ่งมาดึงสายคาดเบลต์ข้ามตัวเธอแล้วกด ล็อกแน่น ด้วยท่าทีธรรมดาราวกับไม่มีอะไร แต่ใกล้ชิดกันจนลมหายใจของเขาเป่ารดต้นคอ ก่อนที่เข้าจะใช้ปลายจมูกไล้ผิวแก้มเธอเบา ๆ ทำเอาหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง“บังคับ?” เขาทวนคำแล้วกระซิบเสียงต่ำข้างใบหู แต่ไม่ยอมขยับออกไปไหน“ฉันแค่มาตามหาคนรับผิดชอบ เพราะเมื่อคืนมีคนขโมยกอดฉันแน่นไม่ยอมปล่อย”แก้มใสของซีลีนแดงวาบขึ้นทันที เธอยกมือผลักอกเขาแรง ๆ พลางหันหน้าหนี“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะลม!”เสียงหัวเราะทุ้มดังขึ้นในรถ เขายกมือกลับไปจับพวงมาลัยอย่
เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนลอดผ่านผ้าม่านสีขาวร่ำไร ร่างสูงขยับพลิกตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตา ภาพตรงหน้าคือห้องสีขาวเรียบดูสะอาดตาแต่กลับเป็นห้องที่เขารู้สึกไม่คุ้นชิน ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบมันกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดที่บอกตัวตนเจ้าของห้องชัดเจนกรอบรูปหญิงสาวในชุดต่าง ๆ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และกลิ่นน้ำหอมบางเบาที่เป็นเอกลักษณ์ของใครบางคนที่เขาจำได้ดี“ปวดหัวชะมัด”เสียงทุ้มพร่าต่ำเอ่ยกับตัวเอง เขาลุกขึ้นนั่งพลางยกมือกุมขมับความหนักอึ้งจากอาการแฮงค์เมื่อคืน ยังตามมาหลอกหลอนเขาในเช้านี้ สายตาคมยังคงมองหาเจ้าของห้องที่ที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน และเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง“หึ ยัยคุณหนูตัวแสบ”ทว่ายังไม่ทันที่ลมจะทำอะไรต่อ ภาพเลือนรางในหัวก็ปรากฏขึ้นมาในตัวทีละน้อย สัมผัสอ่อนนุ่ม และกลิ่นกายหอมบางเบาเหมือนกลิ่นของเจ้าของห้อง อ้อมแขนที่เขาโอบรั้ง และริมฝีปากนุ่มที่เขาบดจูบซ้ำ ๆ ไม่ยอมปล่อยก็ฉายชัดขึ้นมาริมฝีปากหนายกยิ้มจาง ๆ โดยไม่รู้ตัว แต่ทันทีที่เดินสำรวจไปรอบห้องกลับไม่เจอคนตัวเล็ก ความสงสัยก็แล่นเข้ามาแทนที่“หายไปไหน”เขาพึมพำเบา ๆ ขณะทอดสายตาไปยังผ้าห่มที่พับวางเรียบร้อยข้างกันบนเ
เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยคึกคักในช่วงหัวค่ำค่อย ๆ จางหาย เหลือเพียงเสียงแมลงและสายลมยามค่ำคืนที่พัดผ่านกายแทน โต๊ะไม้ที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนและอาหาร ตอนนี้เหลือแค่แก้วเหล้ากระจัดกระจาย และทีมงานที่กำลังฟุบหน้าลงบนโต๊ะเมาหลับไปทีละคนลมเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้อย่างทิ้งตัว ดวงตาคมแสนเจ้าเล่ห์เริ่มพร่ามัวเล็กน้อย บนตัวเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์อบอวลคละคลุ้งจนคนตัวเล็กต้องส่ายหน้าระอา“นายเมามากแล้วนะ”ซีลีนกดถามเสียงต่ำ ขมวดคิ้วมองร่างสูงที่หมดสภาพไม่ต่างจากคนอื่น ๆ“ใครเมา ไม่มี” เขาตอบเสียงต่ำแหบพร่ายืดยาวจนฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองช้า ๆ“สภาพแบบนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่เมา”“ฉันไม่ได้เมาสักนิด”“ยกไม่พักแบบนั้นจะเหลือเหรอ” เธอบ่นพลางดันแก้วออกห่าง เขาหัวเราะเบา ๆ สภาพของทุกคนตอนนี้ดูไม่ต่างกันเลยสักนิด“ที่ห้าม เพราะเธอเป็นห่วงฉันใช่ไหม ยัยตัวแสบ”“พูดบ้าอะไรของนายเนี่ย”เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากหนาเฉียดแก้มเนียนใสไปเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดศีรษะเบาๆ เพื่อตั้งสติจ้องมองคนตัวเล็กด้วยแววตาพร่ามัว แต่แฝงไปด้วยจริงจังจนหัวใจของเธอเต้นแรง ใบหน้าร้อนผาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ แต่







