ในใจของคนพูดเจ็บแปลบกับดอกซากุระของจังหวัดยามานาชิที่ทำให้เธอกับเขาจากกันตลอดกาล ข้าวปุ้นก้มหน้าก้มตากินอาหาร กลอกดวงตาไปมากลั้นน้ำตาเอาไว้ นึกถึงทีไรใจของเธอก็อ่อนแอจนอยากร้องไห้ไปเสียทุกที
ส่วนส้มกับแตงกวาหมกมุ่นอยู่กับการดูรูปดอกซากุระบนจอมือถือ วสุรวบรวมความกล้าถามอย่างจริงจังอีกครั้ง
“ถ้าไม่ไปเที่ยวเราคุยกันทางอีเมล แชต หรือโทร. หากันบ้างได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ เจ้านายไปศึกษางานอยากได้อะไรจากตรงนี้บอกข้าวปุ้นได้เลยค่ะ ปุ้นช่วยเต็มที่อยู่แล้ว”
คนฟังส่งยิ้มเจื่อนให้เลขานุการคนสวยที่หลบหลีกเก่งเสมอ เขาคิดต่อว่าหากเริ่มคุยจากเรื่องงานถือว่าเป็นการเริ่มต้น ที่ดี นานวันเข้าเขาอาจมีสิทธิ์
พนักงานราวสิบกว่าคนกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย คนแล้วคนเล่าผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาอวยพรให้กับผู้เดินทางไกล และไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณคนจัดงาน
“ข้าวปุ้นขอบใจมากนะ วันนี้คงเหนื่อยน่าดู อาหารอร่อยทุกอย่าง เครื่องดื่มหอมหวานชื่นใจ งานออกมาดีมาก เรียบง่ายและอบอุ่น จริงไหมคะคุณวสุ ตอนเก็บโทร. หาเราได้นะเดี๋ยวเรามาช่วย”
“อุ๊ย ขอบใจมากจ้า” ข้าวปุ้นยิ้มกว้างกับคนชมไม่สนใจดวงตาแวววาวของเจ้านายที่จ้องมองมา
วสุต้องการบันทึกใบหน้างดงามนี้เก็บไว้ในความทรงจำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกหวั่นไหวขณะที่หัวใจ ดวงน้อยก็วูบโหวงไปกับเข็มนาฬิกาบนฝาผนัง ที่บอกว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดลงทุกที จึงล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือ กดเบอร์โทรศัพท์ที่เพิ่งได้รับจากฝ่ายบุคคลเมื่อตอนสายของวันนี้
(“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณเมธานนท์ใกล้ถึงหรือยังครับ”) เสียงถามเพราะปลายสายควรมาถึงตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้วด้วยว่าต้องประชุมส่งต่อโพรเจกต์ที่สำคัญ จากนั้นจะได้แนะนำตัวกับทีมงาน
(“อ้อ คุณต้องไปแล้วสิ เดินทางปลอดภัยนะ เดี๋ยวมีอะไรผมโทร. หาแล้วกัน ไม่ต้องห่วง เทคอิทอีซี่ สบาย ๆ น่ะ”)
ตื้ด! ตื้ด! ตื้ด…
วสุหัวเสียพอสมควรที่คนปลายขาดความรับผิดชอบ เรื่องแค่นี้เขายังทำไม่ได้แล้วจะปกครองคนได้อย่างไร
‘ฮึ พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ’ สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คนพวกนี้แหละ ไม่ต้องออกแรงเยอะ สมองกลวงก็ไม่เป็นไร แค่มีแบ็กดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่อย่างนั้นจะได้นั่งเก้าอี้ของเขาได้อย่างไร
วสุยิ้มมุมปากเล็กน้อยสมเพชตัวเองที่ต้องทำงานหลังขดหลังแข็ง ฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาพ่นลมหายใจออกสองสามครั้งระบายอารมณ์ขุ่นเคือง และพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติโดยเร็ว
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมคอส่งสัญญาณว่าถึงเวลาที่ต้องกล่าวลาอย่างเป็นทางการ ทุกคนหยุดพูด ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปยังบุรุษร่างสูง
“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุก ๆ คนมากนะครับที่สละเวลามาส่งผม ขอบคุณมิตรภาพดี ๆ ที่มีให้กัน ทีมเวิร์กจะดีจะแกร่งได้แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียว แต่เป็นพวกคุณ คุณ และคุณ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานอย่างหนัก อ้าว! ปรบมือให้กับตัวเองหน่อย”
“เย่! เย่! เย่!” เสียงดีใจดังกึกก้องพร้อมเสียงปรบมือ พอเงียบเขาจึงพูดต่อ
“ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะพวกคุณจริง ๆ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับ”
“หัวหน้ารีบไปรีบกลับมานะคะ”
“ถ้าไปญี่ปุ่นพวกหนูขอแวะไปหาได้ไหมคะ”
“กินซูชิเผื่อพวกเราด้วยค่ะ”
“เอาละ ๆ ผมมีเช็กลิสต์ของพวกคุณแล้วรับรองว่าจะทำตามที่ทุกคนต้องการแน่นอน จริง ๆ แล้ววันนี้ นายใหม่จะต้องมาแนะนำตัวให้พวกคุณรู้จัก แต่น่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเลยมาไม่ถึงซะที ยังไงก็แล้วแต่ช่วงที่ผมไม่อยู่ทุกคนต้องเป็นเด็กดีนะ ให้ความร่วมมือกับเจ้านายคนใหม่ด้วย ผมต้องออกเดินทางแล้วคงต้องกล่าวลากันจริง ๆ ซะที แต่งานนี้คงจบไม่ได้ถ้าผมไม่พูดขอบคุณเลขานุการคนสวย ขอบคุณครับข้าวปุ้นที่ทำให้งานนี้ออกมาดีเกินคาด”
เสียงปรบมือดังกระหน่ำขณะคนพูดส่งสายตามีความหมายให้กับเจ้าของใบหน้าสีกุหลาบที่ยืนยิ้มอย่างเขินอาย
ส้มกับแตงกวายืนขนาบข้างยกศอกกระทุ้งเอวคอดของเพื่อนสาว อรุณอยู่ด้านหลังส่งเสียงกระซิบขณะเคี้ยวอาการตุ้ย ๆ
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณวสุชอบแกวะปุ้น บอกมา! ฉันตกข่าวช่วงไหน”
แตงกวากับส้มหันหลังไปพร้อมกัน ส้มมองค้อนใส่คนที่ไม่สนทางโลกนอกจากทางกิน แตงกวาพูดลอดไรฟันเบา ๆ
“โอ๊ย เขาอึ๊บกันทางสายตาแล้วหยุดกินสักครู่แล้วมาดูผัวเพื่อนได้ไหมวะ”
คนถูกกล่าวถึงรีบปรามเพื่อนด้วยการกระทุ้งกำปั้นใส่ต้นขาของทั้งสองคน แน่นอนว่าอรุณสนใจเรื่องอึ๊บอั๊บกับเขาเหมือนกัน แต่ต่อมเผือกของเธอนั้นดันแบนแต๊ดแต๋เพราะถูกต่อมรับรสกดทับอยู่
สุดท้ายการสั่งลาแบบเป็นทางการก็จบลงด้วยความประทับใจ พนักงานบางส่วนทยอยกลับไปทำงานของตน
“ปุ้นครับผมไปแล้วนะดูแลตัวเองด้วย ปีหนึ่งคงไม่นานใช่ไหมที่ปุ้นจะรอ” คนตัวโตกลั้นใจถามอีกครั้งขณะกำมือถือที่สั่นไหว เป็นสายของคนขับรถที่รออยู่ด้านล่างเพื่อส่งเขาไปสนามบิน
“หัวหน้าดูแลตัวเองเช่นกันนะคะ กลับมารับตำแหน่งเมื่อไหร่ข้าวปุ้นก็ยังคงทำงานอยู่ตรงนี้ มีอะไรให้ปุ้นช่วยบอกเลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ โชคดีค่ะ เดินทางปลอดภัย”
น้ำเสียงอ่อนหวานของเธอกับแววตาคู่สวยที่มองมาด้วยความห่วงใยพร้อมการปฏิเสธอย่างนอบน้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทำมันมาตลอด นั่นทำให้วสุจำต้องส่งยิ้มลาด้วยแววตาแสนเศร้า
เขาเชื่ออยู่เสมอว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เฉกเช่นเขาทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ทุนไปศึกษางานต่อที่ต่างประเทศ ผู้หญิงตรงหน้านี้ก็เช่นกัน ตราบใดที่เธอยังไม่แต่งงานเขาย่อมมีหวัง
ในเวลาเดียวกันนั้น ลิฟต์ตัวหนึ่งกำลังลงไปชั้นล่าง ส่วนอีกตัวหนึ่งกำลังขึ้นมาชั้นบน
“ไอ้คนฉวยโอกาส” เสียงจากริมฝีปากกระจับที่ทำให้คนฟังหน้าชา พาลนึกถึงข้อความของเธอ ‘ฉันเกลียดนาย’ ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแก้ไขได้ ทุกอย่างถูกกำหนดตั้งแต่ท่านเรียกตัวเขาเข้าไปพบแล้ว“ผู้กองข้าวโอ๊ตต้องทำอะไรสักอย่างนะผมว่า ในข่าวเบลอหน้าให้ก็จริง แต่เบอร์ห้องกับแฟลตตำรวจชัดเจนแบบนี้ฝ่ายหญิงเขาเสียหาย ผมไม่อยากเสียเพื่อน ไม่ต้องการให้วงการสีกากีที่ประชาชนเคารพดูแย่ไปกว่านี้”ตอนนั้นเขานิ่งเงียบ หากปฏิเสธออกไปก็ดูจะไม่เป็นลูกผู้ชาย เพราะหลักฐานในโลกโซเชียลมัดแน่นว่าเขากับเธอจูบกัน พากันเข้าบ้านตอนดึกและออกจากบ้านเกือบเที่ยง โดยที่เขาเองแทบไม่รู้เลยว่าทุกฝีก้าวอยู่ในสายตาของนักข่าว“ครับผมจะแต่งงานกับเธอเอง”“ดีมากไอ้โอ๊ต กล้าทำกล้ารับแบบนี้สิวะถึงเป็นลูกผู้ชาย เยี่ยม ๆ เดี๋ยวกูขอโทรบอกไอ้ศักดิ์ก่อน”สรรพนามที่ท่านเรียกเพื่อนสนิทต่อหน้าบอกเป็นนัย ๆ ว่านี้คือทางรอดเดียวสำหรับตำรวจไร้เส้นสายอย่างเขา ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเขากำลังต้องมนตร์ของเธออยู่ หรือแค่รักในอาชีพ จนยอมเสียศักดิ์ศรีของตัวเอง…คำต่อว่าของบุตรสาวทำให้ช่อทิพย์หน้าเจื่อน สมศักดิ์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ตามใจจนลูกกลาย
“อ่า…พี่ต้นกล้า”ข้าวปุ้นมองสามีโยกเอวพลิ้ว แท่งร้อนจากที่ขยับเนิบ ๆ นาบ ๆ ก็ดุดันขึ้นจนเกิดเสียงหยาบโลนไม่น่าฟัง เธอชอบความฟิตของเขา ยิ่งเวลาพี่ต้นกล้าออกแรงยิ่งเห็นกล้ามเนื้อของเขาขึ้นมัดสวยงาม ใบหน้าคมเข้มก็ดูเซ็กซี่ยั่วยวนอารมณ์มากดีหน่อยที่เขาสร้างความมั่นคงและมั่นใจให้ ไม่เช่นนั้นเธอคงหึงเจ้าของเอวดุ สะโพกหวาน และมีแท่งร้อนสุดแสนจะอร่อยคนนี้จนไม่ได้หลับได้นอนเป็นแน่“อืม…เมียจ๋า…” ต้นกล้าเพิ่มความเร็วสะโพกสอบ ใช้มือดันขาเรียวไปข้างหน้า แล้วจ้องโพรงแสนรักกลืนกินความแข็งแกร่งของเขาอย่างพอใจ“อือ อย่ามองค่ะ ปุ้นอาย” ก็นี่มันกลางวันแสก ๆ ถึงเขาไม่อายแต่เธออายนี่ ฝันไปเถอะว่าเขาจะฟัง“อ๊าย… อื่อ…” เสียงหวีดร้องระบายอาการเสียดเสียวเมื่อโดนอีกฝ่ายกระทุ้ง แถมเขายังทรมานเธอเพิ่มด้วยการบดขยี้บนตุ่มทับทิบ ที่ทำเธอปั่นป่วนจนต้องดิ้นเร่า ความสุขที่อัดแน่นในกายเธอนี้ใกล้จะระเบิดเต็มทีคนตัวโตเร่งจังหวะอย่างรู้ใจ ยิ่งโพรงแคบรัดตอดตัวตนของเขามากเท่าไรเขายิ่งทวีคูณความเผ็ดร้อน ตอกแท่งร้ายใส่โพรงแคบอย่างใจต้องการไม่นานนักคุณพ่อนักรักกับคุณแม่เสียงพิณต่างก็ประสานมือพากันท่องทุ่งดอกลาเวนเดอร์ สอง
ตอนพิเศษ หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าวันใหม่สำหรับคนไม่มีงานทำก็เป็นธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นขยับตัวหลายครั้งพยายามที่จะตื่น ทว่าร่างกายกลับหนักอึ้ง เพราะตั้งแต่เป็นคุณแม่ป้ายแดงนอกจากจะนอนเก่งแล้ว ครอบครัวธนโภคินยังสปอยล์เธอด้วยอาหารชั้นดี จนทำให้ร่างกายที่ซูบผอมเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้างแล้วข้าวปุ้นหลับตาพริ้ม อดพรายยิ้มไม่ได้เมื่อแก้มนุ่มสัมผัสกับเพชรเม็ดงาม ที่พาลให้เธอนึกไปถึงคนให้ที่คุยอวดอยู่หลายวันว่าเป็นเพชรน้ำดีที่สุดจากจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น‘พี่อยากให้ปุ้นรู้สึกมั่นคงห้ามทิ้งพี่นะ’ คิดถึงตรงนี้หัวใจของเธอก็พองโตกับเงินในบัญชีธนาคาร ที่ตัวเธอเองคิดว่าชาตินี้ไม่น่าจะมีปัญญาหาได้ จึงทำเรื่องเอาสมบัติของแม่ออกมาจากธนาคาร ต่อมาก็ซื้อลิปสติกฝากเดอะแก๊งตามที่เคยให้คำมั่นสัญญากันไว้โครกคราก! กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาตามลมทำให้คนท้องต้องขยับลุก เพราะเจ้าตัวเล็กของเธอกินอาหารตรงเวลา“คุณพ่อทำอะไรให้ทานค่ะวันนี้” เสียงทักใสของคนที่ยื่นอยู่ด้านข้างทำให้พ่อครัวประจำบ้านโน้มหน้าไปหอมแก้มนุ่ม“ใกล้เสร็จแล้วครับผม” ต้นกล้าวางอุปกรณ์ครัวลงบนเคาน์เตอร์ รีบโอบลำตัวข
“เป็นอะไรคะ บอกพี่หน่อยได้ไหม หึ” คนถามพูดยังไม่จบประโยคอีกฝ่ายก็ถลาตัวเข้ามากอด ข้าวปุ้นเงยหน้าขึ้นปลดปล่อยความรู้สึกผิดให้ไหลพรากไปกับน้ำตา เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาปนสะอื้น “พี่ต้นกล้าโกรธปุ้นไหม”ต้นกล้าโอบภรรยาสาวให้นั่งลงบนเก้าอี้เด็ก ส่วนเขานั่งชันเข่าจับคางเล็กเบา ๆ ขยับไปมาอย่างเอ็นดู“พี่จะโกรธปุ้นเรื่องอะไร ไหนบอกพี่สิ”“ก็พี่ต้นกล้าทำงานอย่างหนักแต่ปุ้นคิดว่าพี่ต้นกล้ากับมัดหมี่ อื่อ…อื่อ…วันนั้น วันที่แม่ของนายช่างป่วยปุ้นโทรหาพี่ แต่เป็นมัดหมี่รับสายบอกว่าพี่ต้นกล้านอนอยู่ข้าง ๆ ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น แล้วมัดหมี่อะใส่แต่เสื้อกล้าม อื่อ…อื่อ…ตอนปลุกยังเอานมถูแขนโชว์ปุ้นด้วย เดี๋ยว ดูนี่สิ โพสต์แบบนี้ด้วย ปุ้นเลยคิดว่าพี่ต้นกล้าไม่รักปุ้นแล้ว” ปากกระจับบิดเบี้ยวพูดฟ้องไม่ต่างจากเด็กสามขวบ คว้ามือถือโชว์โพสต์มหาภัย ร้องไห้สะอึกสะอื้นปาดน้ำตาระรัวขณะส่ายนมเลียนแบบท่าทางของอีกคนพูดถึงตรงนี้ความน้อยเนื้อต่ำใจของเธอก็ปะทุขึ้นอีกจนต้องสะอึกสะอื้นหนักยิ่งกว่าเก่า สิ่งนี้ทำให้คนฟังเข้าใจทุกอย่าง ต้นกล้าปลอบใจอีกฝ่ายด้วยการจูบซับน้ำตาทุกหยดบนใบหน้าอ่อนเยาว์ ชูสามนิ้วสบตาพูดอย่างจริงจัง
32 ทาสรักเมื่อความเงียบมาเยือนบวกกับความเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศในรถตู้ ดวงตาของคนท้องจากที่ปรือก็หลับไปในที่สุดช่อผกาสั่งให้รถจอดอีกครั้งเพื่อที่จะได้เปลี่ยนที่นั่งกับบุตรชาย ต้นกล้าทะนุถนอมโอบเรือนร่างเล็กที่หลับสนิทให้นอนทับลงบนตัวอยู่ในท่าสบาย ปลายจมูกโด่งพรมหอมผมนุ่มสลวยของเมียรักตลอดเวลา เมื่อความหนาวมาเยือนเรือนร่างบอบบางก็เบียดลำตัวเข้าไปในวงแขนอบอุ่น ลากยาวจนกระทั่งถึงจุดหมาย“ถึงบ้านเราแล้วเดินไหวไหมคะ” เสียงกระซิบจากริมฝีปากอุ่น มอบจูบบางเบาบนหัวกระหม่อมขณะลูบไล้อ่อนโยนบนผิวละเอียด ปลุกคนหลับใหลให้ตื่นหญิงสาวผู้แง่งอนเมื่อรู้สึกตัวก็ดันตัวเองออกจากร่างกำยำ ทว่าก็ไม่ได้เป็นอย่างคิดเพราะถูกเขากอดแน่น จึงเงยหน้าทำตาดุใส่ อยากกัดปลายจมูกโด่งบนใบหน้าคมคายสักที อยากถามเรื่องคาใจในตอนนี้แต่ก็เกรงใจผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหลังและแล้วนัยน์ตาดำขลับที่จ้องดุก็อ่อนลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แค่พูดอ่อนโยนอย่างเดียว ทว่าแววตาของเขาก็อ่อนโยนเช่นกัน“ให้พี่อุ้มไหม”“ไม่ต้อง! ปล่อย!” เสียงดุเบาในลำคอ“อืม…เมียใครวะดุจัง” กระซิบพร้อมกับขโมยความหอมบนแก้มนุ่ม คนที่ยกมือจะทุบก็ลดกำปั้นลงส่
“พูดให้ผมฟังหน่อยว่าไปทำลายชีวิตของใครเข้าอีก”ข้าวเม่าเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แปลกใจพอสมควรที่หัวใจของเธอกำลังสั่นไปกับสายตาดุที่จ้องมองอย่างไม่ลดละ แน่นอนว่าสิ่งที่เธอทำไม่ว่าจะเป็นพี่ต้นกล้าหรือแม้แต่ป้าของเธอก็ต้องโกรธ แต่เขาอาจจะไม่ คิดได้ดังนั้นมือเรียวก็รีบคว้ากระเป๋าสะพายข้างใบขนาดเล็ก หยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปที่ทำให้คนมองหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อเห็นแตงกวาจูบกับชายอื่น“ฉันกลับไปเอารถแล้วถ่ายไว้”“แล้วยังไง”“ฉันปิดหน้าผู้หญิงแล้วส่งไปให้พี่ต้นกล้าน่ะ เขาคงคิดว่าเป็นน้องนายอะสิ”“ไม่คงล่ะครับ คิดแน่นอน ไม่รู้ว่าคุณตีบทนางเอกแตกได้ไงทั้งที่ทำตัวเหมือนพวกนางร้ายขี้อิจฉา”“นี่! ลากฉันมาเนี่ยจะช่วยหรือจะซ้ำเติมไม่ทราบ”“ผมเชื่อว่าคุณคงไม่ได้ตั้งใจ คุณก็แค่อยากให้เขาเจ็บเหมือนที่คุณเจ็บ ก็แค่นั้น” คำปลอบโยนแสนจะธรรมดาที่ทำให้คนฟังรู้สึกซึ้งใจ ด้วยว่าการทำงานในวงการบันเทิงหลายปีมานี้รายล้อมไปด้วยผู้คนที่หวังแต่ผลประโยชน์ หล่อหลอมให้เธอเป็นคนที่ไม่เชื่อใจใครง่าย ๆ และก็ไม่บ่อยนักที่จะมีคนเข้าใจและรับฟังเธอ“นายเชื่อฉันจริง ๆ นะ” เสียงบอกแผ่วเบาที่ทำให้หัวใจของคนฟังเต้นแรง…หลังจากที่ทั้ง