3 ปะทะ
นายยิ้ม หรือที่ทุกคนเรียกว่าลุงยิ้ม เป็นทหารเก่าปลดเกษียณที่ยังดูแข็งแรง เพราะว่าเขามีบุคลิกที่ดีและดูน่าเกรงขามจึงได้งานทำที่นี่ นายยิ้มเป็นคนจิตใจดียิ้มเก่งตามชื่อ แต่จำต้องทำหน้าเหี้ยมเข้าไว้เพราะทำงานอยู่แผนกรักษาความปลอดภัยหากยิ้มเยอะเดี๋ยวโจรมันไม่กลัว
ภายในลิฟต์ของโชคอนันต์ ชายสูงวัยลอบมองคนที่ยื่นอยู่ด้านข้างตั้งแต่หัวจดปลายเท้า ‘โลกนี้ช่างลำเอียง มันมีอยู่จริง!’ ไอ้หนุ่มนี้มันหล่อของแท้ จะเรียกว่าพระเจ้าทุบเบ้าหน้าให้ก็ไม่แปลก แถมยังดูหะรูหะราเกินคนแถวนี้ สูทสีน้ำเงินที่สวมทับเสื้อยืดคอกลมสีขาว แค่มองเนื้อผ้านายยิ้มก็รู้ในทันทีว่าไม่ได้ซื้อมาจากตลาดนัดข้างโรงงาน รองเท้าผ้าใบสีเดียวกับเสื้อยืดดูเอี่ยมอ่อง มีโลโก้ภาษาอังกฤษตัวซีที่ด้านหลังซ้อนทับกันทำให้เขานึกถามตัวเองในใจ ‘มันใช้กาแนลป้ะวะ’
ยี่ห้อพวกนี้เขาไม่รู้หรอก ทว่าเคยได้ยินเด็กสาวในโรงงานพูดถึงแบรนด์ดังจากอิตาลี เลยจำไว้เผื่อจะได้เอาไปฝอยกับเขาถูก
นายยิ้มก้าวเท้าออกจากลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิด ชายร่างสูงราวสองเมตรในวัยยี่สิบเจ็ดปี ที่ปั้นหุ่นจนงดงามจากการเล่นกล้าม เชิดใบหน้าขึ้นราวกับนายแบบขณะก้าวเท้าตามชายสูงวัย
ต้นกล้าเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถือวิสาสะแยกตัวจากคนนำทาง แล้วกวาดสายตามองสถานที่โดยรอบ ยอมรับว่าตื่นเต้นมากเพราะงานนี้เป็นงานแรกที่เขาจะเปิดโลกกว้างของตัวเอง
แม้รู้ตัวว่าไร้ประสบการณ์แต่ก็ไม่น่าจะยาก เพราะเขาเชื่อในสมองอันชาญฉลาดของตน ที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมาจนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งสาขาบริหารธุรกิจ
อีกด้านหนึ่งของห้อง ถึงงานเลี้ยงจะจบลงแล้วแต่ก็ยังมีพนักงานราวห้าหกคนยืนดื่มชากาแฟและพูดคุยกันอย่างถูกคอโดยไม่ได้สนใจมองนายยิ้มที่เดินจ้ำอ้าวไปหาผู้หญิงที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ใต้โต๊ะอาหาร
“คุณเขมิกาครับ”
“อ้าวลุงยิ้ม ข้าวปุ้นกำลังหากล่องใส่อาหารให้อยู่เลย กะว่าถ้าเสร็จแล้วจะเอาลงไปให้ลุง เนี่ยมีของป้าแพรวกับป้าจอยด้วยนะ ลุงยิ้มหิวไหมคะ”
เลขานุการผู้ใจดีรีบคว้ากระดาษทิชชูเปียกเช็ดมือ จากนั้นก็กุลีกุจอหยิบจาน คีบอาหารใส่จนพูนแล้วยื่นจานให้ ผู้มาเยือน เมื่อเห็นว่าลุงยิ้มกวาดตามองไปทั่วเธอเลยเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“อ้าวไปไหนแล้วหายไปยังกับผี เมื่อกี้ยังตามมาติด ๆ อยู่เลย” ลุงยิ้มบ่นเบา ๆ เกาหัวขณะหันซ้ายแลขวามองหาพ่อ รูปหล่อ ก่อนจะหยิบจานจากมือของคนตรงหน้า
“ลุงจะดื่มน้ำอะไรตามสบายเลยค่ะ ว่าแต่ใครหายไป ใครเป็นผีค่ะ” คนถามไม่ได้สนใจจะฟังคำตอบเพราะรีบเร่งเคลียร์พื้นที่
ข้าวปุ้นรีบคว้ากล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมหลายใบวางไว้ตรงหน้า จัดแจงคีบอาหารใส่กล่องห่อให้ลุงยิ้มกับแม่บ้าน อีกสองคน น้ำใจเหล่านี้เธอไม่ได้หวังเส้นไหว้เพื่อให้ใครมา โปรดปราน แต่เพราะการให้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ทำให้เธอ สุขใจได้ทั้งนั้น
นายยิ้มตักอาหารใส่ปาก จากนั้นวางจานลงบนโต๊ะ หยิบแก้วพลาสติกตักน้ำมะพร้าวยกดื่มเอื้อกใหญ่ ส่งเสียงออกมาอย่างชื่นใจเมื่อต่อมรับรสสัมผัสกับความหอมหวานก่อนจะตอบ
“หัวหน้าใหม่ของคุณครับ ขอผมขึ้นมาดูห้องทำงานก่อนเริ่มงานวันจันทร์” คนพูดกวาดสายตามองหาขณะหยิบอาหารเข้าปากอีกครั้ง นั่นทำให้เลขานุการต้องมองตามและรู้สึกตื่นเต้น ไปด้วย ข้าวปุ้นนึกภาวนาในใจขอให้นายคนใหม่ใจดีเหมือนกับ นายคนเก่าก็พอ เมื่อมองหาแล้วไม่เห็นใครเธอเลยทำงานต่อ
ราวห้านาที ปลายเท้าของชายร่างสูงใหญ่กำลังเดินเข้าใกล้บริเวณงาน สายตาทุกคู่จับจ้องบนใบหน้าโดดเด่น พวกเขารู้ในทันทีว่าเป็นนายใหม่ คงมีแต่ข้าวปุ้นที่มัวแต่นั่งชันเข่าก้มเก็บเศษอาหารที่ร่วงอยู่บนพื้นพรม
“อ้าวคุณเมธานนท์ ไปไหนมาครับผมมองหาตั้งนาน” ชื่ออันคุ้นเคยทำให้มือเรียวชะงัก หันขวับมองตามสายตาของ ชายชรา
เปรี้ยง!
ข้าวปุ้นรู้สึกชาไปทั้งตัวราวกับโดนฟ้าผ่า แข้งขาอ่อนจนต้องนั่งพับเพียบลงกับพื้น เธอรีบก้มหน้าขวับหลบสายตาของ อีกฝ่าย ที่เดาว่าเขากำลังโกรธ สมองอันน้อยตั้งและตอบคำถามเองอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
แฝดพี่ต้นกล้าหรือเปล่าวะ?
ไม่ใช่หรอกนังปุ้น พี่ต้นกล้าไม่ได้ดูดีขนาดนี้
ตัดผมเนี้ยบแบบนี้ไม่ใช่แน่นอน พี่แกรักทรงผมเซอร์ ๆ ทรงนั้นจะตาย ไม่ใช่แน่ ๆ
เสียงหนึ่งแว่วขึ้นในหัวของเธอ “พี่ต้นกล้าค่ะปุ้นชอบ ผมพี่จังเลย นุ้มนุ่ม”
ฮื่อ! ตัดประชด!
ข้าวปุ้นสะบัดหัวเพื่อไล่อาการงงงวยกับคำถามที่หาคำตอบยังไม่ได้ เรือนกายร้อนรุ่มเหมือนคนจับไข้ ขนลุกซู่สัมผัสถึงแรงอาฆาตจากนัยน์ตาสีถ่านตรงหน้า และดูเหมือนว่าจะ มีพลังงานมากจนทำให้มือของเธอเริ่มสั่น
“เอาโต๊ะเลขาฯ หน้าห้องไปตั้งตรงไหนก็ได้ให้ไกลจากลูกกะตาของผม ผมไม่ชอบคนและความวุ่นวาย อ้อ แล้วป้ายชื่อนั่น เขมิกา วรรักษ์ ถ้าจะวางบนโต๊ะกรุณาหันไปทางอื่นไม่ต้องหันมาให้ผมอ่าน สมองผมดี จำชื่อคุณได้แม่น!”
เลขานุการสาวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังปาดเหงื่อที่ผลิอยู่บนกรอบหน้า เพื่อนฝูงรอบข้างต่างพากันตกใจกับเสียงที่ดัง
ความเกลียดชังอันชัดเจนนี้ทำให้ทุกคนยืนนิ่งหยุดการหายใจไปชั่วครู่ นายยิ้มหุบรอยยิ้มลงฉับ มือไม้อ่อนจนจานกระดาษแทบหลุดจากมือ
‘โห่! พูดแรงได้ซะขนาดนี้ก็ต้องเป็นพี่ต้นกล้าตัวจริงเสียงจริงล่ะวะ’
เสียงโอดครวญดังอยู่ในใจของข้าวปุ้นก่อนที่จะรีบตั้งสติขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วตรงปรี่เข้าไปในห้องทำงาน ก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับคนรอบข้างพอตั้งสติได้ก็รีบกรูเข้าไปช่วยผู้เคราะห์ร้าย
นายยิ้มประหลาดใจกว่าเพื่อนเพราะตอนเจอกับพ่อหน้าหล่อยังเป็นคนอยู่เลย ไม่รู้ไปโดนตัวไหนเข้าถึงได้กลายเป็นยักษ์เป็นมารไปเสียอย่างนั้น มันเกิดขึ้นไวมากจนเขาเองไม่ทันได้ ตั้งตัว
ยิ่งเห็นใบหน้างดงามอุณหภูมิในหัวของคนตัวโตยิ่งร้อนขึ้น ไฟแค้นไฟโกรธในจิตใจที่เขาคิดว่ามันมอดดับไปแล้ว แท้จริงก็ไม่ต่างจากลาวาใต้ภูเขาที่คุกรุ่นอยู่ เพียงแค่รอจังหวะที่เหมาะสมก็พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ เขาส่งเสียงเข้ม
“ของของใครก็ให้เขาเก็บเอง คนที่ไม่เกี่ยวข้องทำไมถึงไม่กลับไปทำงาน”
แตงกวาหยุดชะงัก ด้วยว่าสิ่งที่ได้ยินมันช่างไร้เหตุผล แล้งน้ำใจ ขาดภาวะผู้นำ และจงใจแกล้งกันชัด ๆ จึงรีบหันกลับ ไปเผชิญหน้า
“พวกเรารู้ค่ะว่าคุณเป็นนายใหม่แล้วก็เริ่มงานวันจันทร์ วันนี้จะตรวจสอบอะไรคุณก็ทำไปเถอะค่ะ แต่ถ้าจะสั่งอะไรดิฉันขอแนะนำว่าเริ่มวันจันทร์จะดีกว่า อ้อ คงไม่ว่าอะไรถ้าดิฉันจะขออยู่ช่วยข้าวปุ้นเก็บงานตรงนี้จนเสร็จ ฮึ! กินด้วยกันก็ต้องช่วยกันเก็บสิ จริงไหมพวกเรา”
“ไอ้คนฉวยโอกาส” เสียงจากริมฝีปากกระจับที่ทำให้คนฟังหน้าชา พาลนึกถึงข้อความของเธอ ‘ฉันเกลียดนาย’ ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแก้ไขได้ ทุกอย่างถูกกำหนดตั้งแต่ท่านเรียกตัวเขาเข้าไปพบแล้ว“ผู้กองข้าวโอ๊ตต้องทำอะไรสักอย่างนะผมว่า ในข่าวเบลอหน้าให้ก็จริง แต่เบอร์ห้องกับแฟลตตำรวจชัดเจนแบบนี้ฝ่ายหญิงเขาเสียหาย ผมไม่อยากเสียเพื่อน ไม่ต้องการให้วงการสีกากีที่ประชาชนเคารพดูแย่ไปกว่านี้”ตอนนั้นเขานิ่งเงียบ หากปฏิเสธออกไปก็ดูจะไม่เป็นลูกผู้ชาย เพราะหลักฐานในโลกโซเชียลมัดแน่นว่าเขากับเธอจูบกัน พากันเข้าบ้านตอนดึกและออกจากบ้านเกือบเที่ยง โดยที่เขาเองแทบไม่รู้เลยว่าทุกฝีก้าวอยู่ในสายตาของนักข่าว“ครับผมจะแต่งงานกับเธอเอง”“ดีมากไอ้โอ๊ต กล้าทำกล้ารับแบบนี้สิวะถึงเป็นลูกผู้ชาย เยี่ยม ๆ เดี๋ยวกูขอโทรบอกไอ้ศักดิ์ก่อน”สรรพนามที่ท่านเรียกเพื่อนสนิทต่อหน้าบอกเป็นนัย ๆ ว่านี้คือทางรอดเดียวสำหรับตำรวจไร้เส้นสายอย่างเขา ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเขากำลังต้องมนตร์ของเธออยู่ หรือแค่รักในอาชีพ จนยอมเสียศักดิ์ศรีของตัวเอง…คำต่อว่าของบุตรสาวทำให้ช่อทิพย์หน้าเจื่อน สมศักดิ์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ตามใจจนลูกกลาย
“อ่า…พี่ต้นกล้า”ข้าวปุ้นมองสามีโยกเอวพลิ้ว แท่งร้อนจากที่ขยับเนิบ ๆ นาบ ๆ ก็ดุดันขึ้นจนเกิดเสียงหยาบโลนไม่น่าฟัง เธอชอบความฟิตของเขา ยิ่งเวลาพี่ต้นกล้าออกแรงยิ่งเห็นกล้ามเนื้อของเขาขึ้นมัดสวยงาม ใบหน้าคมเข้มก็ดูเซ็กซี่ยั่วยวนอารมณ์มากดีหน่อยที่เขาสร้างความมั่นคงและมั่นใจให้ ไม่เช่นนั้นเธอคงหึงเจ้าของเอวดุ สะโพกหวาน และมีแท่งร้อนสุดแสนจะอร่อยคนนี้จนไม่ได้หลับได้นอนเป็นแน่“อืม…เมียจ๋า…” ต้นกล้าเพิ่มความเร็วสะโพกสอบ ใช้มือดันขาเรียวไปข้างหน้า แล้วจ้องโพรงแสนรักกลืนกินความแข็งแกร่งของเขาอย่างพอใจ“อือ อย่ามองค่ะ ปุ้นอาย” ก็นี่มันกลางวันแสก ๆ ถึงเขาไม่อายแต่เธออายนี่ ฝันไปเถอะว่าเขาจะฟัง“อ๊าย… อื่อ…” เสียงหวีดร้องระบายอาการเสียดเสียวเมื่อโดนอีกฝ่ายกระทุ้ง แถมเขายังทรมานเธอเพิ่มด้วยการบดขยี้บนตุ่มทับทิบ ที่ทำเธอปั่นป่วนจนต้องดิ้นเร่า ความสุขที่อัดแน่นในกายเธอนี้ใกล้จะระเบิดเต็มทีคนตัวโตเร่งจังหวะอย่างรู้ใจ ยิ่งโพรงแคบรัดตอดตัวตนของเขามากเท่าไรเขายิ่งทวีคูณความเผ็ดร้อน ตอกแท่งร้ายใส่โพรงแคบอย่างใจต้องการไม่นานนักคุณพ่อนักรักกับคุณแม่เสียงพิณต่างก็ประสานมือพากันท่องทุ่งดอกลาเวนเดอร์ สอง
ตอนพิเศษ หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าวันใหม่สำหรับคนไม่มีงานทำก็เป็นธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นขยับตัวหลายครั้งพยายามที่จะตื่น ทว่าร่างกายกลับหนักอึ้ง เพราะตั้งแต่เป็นคุณแม่ป้ายแดงนอกจากจะนอนเก่งแล้ว ครอบครัวธนโภคินยังสปอยล์เธอด้วยอาหารชั้นดี จนทำให้ร่างกายที่ซูบผอมเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้างแล้วข้าวปุ้นหลับตาพริ้ม อดพรายยิ้มไม่ได้เมื่อแก้มนุ่มสัมผัสกับเพชรเม็ดงาม ที่พาลให้เธอนึกไปถึงคนให้ที่คุยอวดอยู่หลายวันว่าเป็นเพชรน้ำดีที่สุดจากจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น‘พี่อยากให้ปุ้นรู้สึกมั่นคงห้ามทิ้งพี่นะ’ คิดถึงตรงนี้หัวใจของเธอก็พองโตกับเงินในบัญชีธนาคาร ที่ตัวเธอเองคิดว่าชาตินี้ไม่น่าจะมีปัญญาหาได้ จึงทำเรื่องเอาสมบัติของแม่ออกมาจากธนาคาร ต่อมาก็ซื้อลิปสติกฝากเดอะแก๊งตามที่เคยให้คำมั่นสัญญากันไว้โครกคราก! กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาตามลมทำให้คนท้องต้องขยับลุก เพราะเจ้าตัวเล็กของเธอกินอาหารตรงเวลา“คุณพ่อทำอะไรให้ทานค่ะวันนี้” เสียงทักใสของคนที่ยื่นอยู่ด้านข้างทำให้พ่อครัวประจำบ้านโน้มหน้าไปหอมแก้มนุ่ม“ใกล้เสร็จแล้วครับผม” ต้นกล้าวางอุปกรณ์ครัวลงบนเคาน์เตอร์ รีบโอบลำตัวข
“เป็นอะไรคะ บอกพี่หน่อยได้ไหม หึ” คนถามพูดยังไม่จบประโยคอีกฝ่ายก็ถลาตัวเข้ามากอด ข้าวปุ้นเงยหน้าขึ้นปลดปล่อยความรู้สึกผิดให้ไหลพรากไปกับน้ำตา เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาปนสะอื้น “พี่ต้นกล้าโกรธปุ้นไหม”ต้นกล้าโอบภรรยาสาวให้นั่งลงบนเก้าอี้เด็ก ส่วนเขานั่งชันเข่าจับคางเล็กเบา ๆ ขยับไปมาอย่างเอ็นดู“พี่จะโกรธปุ้นเรื่องอะไร ไหนบอกพี่สิ”“ก็พี่ต้นกล้าทำงานอย่างหนักแต่ปุ้นคิดว่าพี่ต้นกล้ากับมัดหมี่ อื่อ…อื่อ…วันนั้น วันที่แม่ของนายช่างป่วยปุ้นโทรหาพี่ แต่เป็นมัดหมี่รับสายบอกว่าพี่ต้นกล้านอนอยู่ข้าง ๆ ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น แล้วมัดหมี่อะใส่แต่เสื้อกล้าม อื่อ…อื่อ…ตอนปลุกยังเอานมถูแขนโชว์ปุ้นด้วย เดี๋ยว ดูนี่สิ โพสต์แบบนี้ด้วย ปุ้นเลยคิดว่าพี่ต้นกล้าไม่รักปุ้นแล้ว” ปากกระจับบิดเบี้ยวพูดฟ้องไม่ต่างจากเด็กสามขวบ คว้ามือถือโชว์โพสต์มหาภัย ร้องไห้สะอึกสะอื้นปาดน้ำตาระรัวขณะส่ายนมเลียนแบบท่าทางของอีกคนพูดถึงตรงนี้ความน้อยเนื้อต่ำใจของเธอก็ปะทุขึ้นอีกจนต้องสะอึกสะอื้นหนักยิ่งกว่าเก่า สิ่งนี้ทำให้คนฟังเข้าใจทุกอย่าง ต้นกล้าปลอบใจอีกฝ่ายด้วยการจูบซับน้ำตาทุกหยดบนใบหน้าอ่อนเยาว์ ชูสามนิ้วสบตาพูดอย่างจริงจัง
32 ทาสรักเมื่อความเงียบมาเยือนบวกกับความเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศในรถตู้ ดวงตาของคนท้องจากที่ปรือก็หลับไปในที่สุดช่อผกาสั่งให้รถจอดอีกครั้งเพื่อที่จะได้เปลี่ยนที่นั่งกับบุตรชาย ต้นกล้าทะนุถนอมโอบเรือนร่างเล็กที่หลับสนิทให้นอนทับลงบนตัวอยู่ในท่าสบาย ปลายจมูกโด่งพรมหอมผมนุ่มสลวยของเมียรักตลอดเวลา เมื่อความหนาวมาเยือนเรือนร่างบอบบางก็เบียดลำตัวเข้าไปในวงแขนอบอุ่น ลากยาวจนกระทั่งถึงจุดหมาย“ถึงบ้านเราแล้วเดินไหวไหมคะ” เสียงกระซิบจากริมฝีปากอุ่น มอบจูบบางเบาบนหัวกระหม่อมขณะลูบไล้อ่อนโยนบนผิวละเอียด ปลุกคนหลับใหลให้ตื่นหญิงสาวผู้แง่งอนเมื่อรู้สึกตัวก็ดันตัวเองออกจากร่างกำยำ ทว่าก็ไม่ได้เป็นอย่างคิดเพราะถูกเขากอดแน่น จึงเงยหน้าทำตาดุใส่ อยากกัดปลายจมูกโด่งบนใบหน้าคมคายสักที อยากถามเรื่องคาใจในตอนนี้แต่ก็เกรงใจผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหลังและแล้วนัยน์ตาดำขลับที่จ้องดุก็อ่อนลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แค่พูดอ่อนโยนอย่างเดียว ทว่าแววตาของเขาก็อ่อนโยนเช่นกัน“ให้พี่อุ้มไหม”“ไม่ต้อง! ปล่อย!” เสียงดุเบาในลำคอ“อืม…เมียใครวะดุจัง” กระซิบพร้อมกับขโมยความหอมบนแก้มนุ่ม คนที่ยกมือจะทุบก็ลดกำปั้นลงส่
“พูดให้ผมฟังหน่อยว่าไปทำลายชีวิตของใครเข้าอีก”ข้าวเม่าเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แปลกใจพอสมควรที่หัวใจของเธอกำลังสั่นไปกับสายตาดุที่จ้องมองอย่างไม่ลดละ แน่นอนว่าสิ่งที่เธอทำไม่ว่าจะเป็นพี่ต้นกล้าหรือแม้แต่ป้าของเธอก็ต้องโกรธ แต่เขาอาจจะไม่ คิดได้ดังนั้นมือเรียวก็รีบคว้ากระเป๋าสะพายข้างใบขนาดเล็ก หยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปที่ทำให้คนมองหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อเห็นแตงกวาจูบกับชายอื่น“ฉันกลับไปเอารถแล้วถ่ายไว้”“แล้วยังไง”“ฉันปิดหน้าผู้หญิงแล้วส่งไปให้พี่ต้นกล้าน่ะ เขาคงคิดว่าเป็นน้องนายอะสิ”“ไม่คงล่ะครับ คิดแน่นอน ไม่รู้ว่าคุณตีบทนางเอกแตกได้ไงทั้งที่ทำตัวเหมือนพวกนางร้ายขี้อิจฉา”“นี่! ลากฉันมาเนี่ยจะช่วยหรือจะซ้ำเติมไม่ทราบ”“ผมเชื่อว่าคุณคงไม่ได้ตั้งใจ คุณก็แค่อยากให้เขาเจ็บเหมือนที่คุณเจ็บ ก็แค่นั้น” คำปลอบโยนแสนจะธรรมดาที่ทำให้คนฟังรู้สึกซึ้งใจ ด้วยว่าการทำงานในวงการบันเทิงหลายปีมานี้รายล้อมไปด้วยผู้คนที่หวังแต่ผลประโยชน์ หล่อหลอมให้เธอเป็นคนที่ไม่เชื่อใจใครง่าย ๆ และก็ไม่บ่อยนักที่จะมีคนเข้าใจและรับฟังเธอ“นายเชื่อฉันจริง ๆ นะ” เสียงบอกแผ่วเบาที่ทำให้หัวใจของคนฟังเต้นแรง…หลังจากที่ทั้ง