Share

บทที่ 14

พอถึงบ้านใหญ่ คนรับใช้เข้ามาเชิญพวกเขาเข้าไป “คุณหญิงกำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวค่ะ พวกคุณนั่งก่อนนะคะ”

ว่าแล้วแม่บ้านก็ไปยกน้ำ เสิร์ฟผลไม้ให้พวกเขา

คุณย่าตระกูลฟู่เกิดในครอบครัวธรรมดา ถึงจะเสพสุขมาครึ่งชีวิต แต่ก็ยังเหมือนคนแก่ทั่วไป ชอบเลี้ยงเด็ก ชอบเข้าครัวทำอาหารและถักผ้าพันคอให้เด็ก ๆ ในบางครั้ง

ถึงลับหลังเด็ก ๆ ตระกูลฟู่จะไม่ถูกกัน แต่ก็ยังเคารพคุณย่าท่านนี้มาก

เวินเหลียงถามคนรับใช้ช่วงที่เปลี่ยนรองเท้า “คุณปู่ล่ะ?”

คนรับใช้ชี้ไปชั้นบน “พักผ่อนอยู่ค่ะ ช่วงนี้คุณท่านซึมมากขึ้นทุกที”

เวินเหลียงกับฟู่เจิงได้ยินแล้วต่างแสดงสีหน้ากังวล

ธุรกิจครอบครัวของตระกูลฟู่เริ่มจากรุ่นคุณปู่และสืบทอดลงมา แต่พัฒนาใหญ่โตในสมัยที่อยู่ในมือของคุณปู่ สมัยเขาหนุ่ม ๆ จึงทำงานจนเสียสุขภาพ พออายุมากร่างกายก็ไม่สู้ดีตลอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังเคยเปลี่ยนตับและกินยากดภูมิคุ้มกันเป็นประจำ

“ผอ.หลินว่ายังไงบ้าง” ฟู่เจิงถาม

ผู้อำนวยการหลินคือผู้อำนวยการโรงพยาบาลเต๋อซิง และเป็นแพทย์ประจำตัวของคุณปู่ด้วยเช่นกัน

“เขาได้พยายามสุดความสามารถค่ะ”

ฟู่เจิงพยักหน้าขรึม

เวินเหลียงไปเป็นลูกมือคุณย่าในห้องครัว

“อาเหลียง เธอออกไปพักข้างนอกเถอะ ไม่ต้องช่วยฉันหรอก ฉันทำเองได้” คุณย่าไล่เวินเหลียงออกไป

เวินเหลียงตอบ “คุณย่าคะ หนูอยู่ข้างนอกก็ไม่มีอะไรทำ มาช่วยคุณย่าดีกว่าค่ะ”

คุณย่ามองเธออย่างไม่เห็นด้วย “ทำไมจะไม่มีอะไรทำ? นั่งอยู่ข้างนอกก็คุยกับอาเจิงสิ”

พอเห็นเวินเหลียงเงียบ คุณย่าก็พูดต่อ “ทะเลาะกับอาเจิงเหรอ? เรื่องข่าวฉันเห็นแล้ว เธอวางใจนะ ฉันต้องช่วยสั่งสอนเขาแน่”

“คุณย่า ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ เรื่องระหว่างหนูกับอาเจิง พวกเราจัดการให้เรียบร้อยเองค่ะ”

“เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ อาเจิงเห็นเธอใจดีก็เลยรังแกเธอ เด็กนั่นอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่นะ เธอคือสะใภ้ตระกูลฟู่เสมอ เด็กนั่นคิดจะหย่าต้องผ่านด่านฉันไปก่อนค่อยว่ากัน”

คุณย่ารู้ดีอยู่แก่ใจ

เวินเหลียงไม่ได้พูดอะไรอีก และไม่ได้แก้ต่างให้ฟู่เจิงด้วย

ในเมื่อเขาต้องการหย่าและบอกแล้วว่าจะอธิบายกับคุณปู่คุณย่าให้ชัดเจนที่นี่ อย่างนั้นก็ให้เขาอธิบายเองเถอะ

เวินเหลียงจะไม่ทำร้ายตัวเองโดยการช่วยเขาปกปิด และจะไม่ทำเรื่องนี้ให้เป็นประเด็น เร่งให้คุณย่าออกหน้าให้เธอ

พอถึงเวลากินข้าว คนรับใช้ขึ้นไปพยุงคุณท่านลงมาจากชั้นบน ฟู่เจิงจึงเข้าไปช่วยจับแขน

เวินเหลียงช่วยคุณย่ายกอาหารขึ้นโต๊ะทีละจาน

ฟู่เจิงพูด “ฝีมือคุณย่านี่ดีเหมือนเมื่อก่อนเลยนะครับ”

คุณย่ามองเวินเหลียงแวบหนึ่งแล้วตำหนิ “ทำไมแกไม่ชมเมียตัวเองบ้างล่ะ? เมนูพวกนี้เวินเหลียงเป็นคนทำ ฉันว่านับวันแกจะไม่เห็นเวินเหลียงอยู่ในสายตามากขึ้นทุกทีแล้วนะ”

ฟู่เจิงชะงักครู่หนึ่ง “ฝีมืออาเหลียงก็ดีครับ”

“กลบเกลื่อน” คุณย่าบ่น

ฟู่เจิง “...”

เขารู้ว่ามีเรื่องคำค้นหายอดฮิต วันนี้คุณย่าจึงเห็นเขารกหูรกตาเป็นพิเศษ

นั่งลงของข้างโต๊ะอาหาร คุณปู่กระแอมชะลูกคอ พูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า “อาเจิง ฉันได้ยินว่านังหนูตระกูลฉู่คนนั้นกลับมาแล้วเหรอ?”

ฟู่เจิงพยักหน้าจริงจัง “กลับมาไม่นานนี้เองครับ”

“ฉันเห็นข่าวเช้าวันนี้แล้ว เมื่อก่อนพวกแกเคยคบหากัน แต่ยังไงตอนนี้ก็เลิกแล้ว แกกับอาเหลียงเป็นผัวเมียกัน ต่อไปห่าง ๆ นังหนูตระกูลฉู่นั่นหน่อย ไม่งั้นแกจะให้อาเหลียงคิดยังไง? ฉันได้ยินว่าบริษัทจะร่วมงานกับเขาด้วยเหรอ ให้อาเหลียงไปประสานงานกับเขา แกไม่ต้องเข้าไปยุ่ง”

ฟู่เจิงวางตะเกียบและมองคุณปู่ด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณปู่ครับ ผมกะว่า...”

“แค่ก ๆ ๆ...”

คุณปู่เริ่มไอขัดจังหวะการพูดของฟู่เจิง “ตอนนั้นพ่อของอาเหลียงช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันเคยให้คำมั่นกับเขา จะดูแลอาเหลียงเหมือนลูกหลานแท้ ๆ ถึงได้เลือกให้อาเหลียงแต่งงานกับแก ก่อนแต่งงาน ฉันเคยถามแกแล้วว่าสมัครใจหรือเปล่า เป็นแกที่ตกปากรับคำเอง ฉันรู้ว่าแกเป็นลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น อาเจิง อย่าเป็นคนไม่มีสัจจะ อย่าให้ฉันต้องดูถูกแก อย่าให้ฉันเสียใจที่รับแกกลับมา”

ฟู่เจิงนิ่งเงียบ

คุณปู่พูดหนักอย่างนี้แล้ว ฟู่เจิงจึงโต้แย้งไม่ได้ แต่การเงียบของเขาก็คือการต่อต้านและยืนกรานแบบไร้เสียง

บรรยากาศตึงเครียด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status