LOGINเคทแค่นหัวเราะเบา ๆ ทอดมองคนไม่รักษาเวลาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วหย่อนสะโพกลงนั่งที่เดิม
“หึ! คุณวินคะ คุณนัดฉันกี่โมงคะ หรือว่านาฬิกาที่บ้านจะตาย”
ทว่าอีกฝ่ายกลับนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร ทำเพียงส่งสายตาคมกริบที่เดาไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหนมาให้
เคทส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะวางโทรศัพท์คืนให้ผู้เป็นเจ้าของบนโต๊ะ แล้วชี้ไปยังถุงเสื้อที่พาดอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ
“ฉันส่งซักแห้งให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วยกมือขึ้นเรียกใครสักคน ไม่ถึงสิบวินาทีก็มีชายในชุดสูทสีดำก้าวเข้ามาหยิบถุงเสื้อผ้า แล้วทั้งคู่ก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไร ทิ้งให้เคทอ้าปากค้างมองตามหลังอย่างไม่เชื่อสายตา
“โคตรเสมอต้นเสมอปลายเลย คำขอบคุณสักคำก็ยังไม่มี สุดยอด! นายมันสุดยอดจริง ๆ!!”
เคทก่นด่าตามหลังคนไม่มีมารยาท ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปยังรถยนต์คันจิ๋วที่จอดอยู่ในลานจอดรถของตึก TK Group
พอคิดถึงเรื่องฝึกงานเทอมหน้า เธอค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยวันนี้ก็ยังมีเรื่องราวดี ๆ อยู่บ้าง
++++++++++++
ความยุ่งวุ่นวายกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบทำให้เคทหลงลืมเรื่องราวของคนไร้มารยาทไปจนหมดสิ้น เธอหย่อนสะโพกลงนั่งที่โต๊ะประจำหลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเป็นคนแรก
ก่อนจะหันขวับไปทางอาคารเรียนอีกฝั่งเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่ดึงดูดความสนใจขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
“แล้วฉันจะหันมองตามทำไมเนี้ย”
เคทส่ายหัวให้ท่าทีที่แปลกประหลาดของตัวเองแล้วหัวเราะเบา ๆ มือเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกดถ่ายรูปตัวเองในมุมต่าง ๆ ไว้อัพลงโซเซียลอย่างเพลินเพลิน
ครืดครืด ครืดครืด
เสียงโทรศัพท์สั่นเตือนสั้น ๆ ทำให้เคททำหน้าฉงนเมื่อพบข้อความจากบุคคลที่หายไปจากชีวิตเธอนานนับอาทิตย์ เธอจึงกวาดสายตามองไปรอบตัว ๆ เมื่อเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยขึ้นมาลึก ๆ
( คนไร้มารยาท : อยู่ไหน )
เคทก้มหน้าลงอ่านข้อความที่โชว์อยู่บนหน้าจออีกครั้ง แล้วตัดสินใจไม่ตอบกลับอะไรกลับไป ก่อนจะคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงกับโต๊ะม้าหินอ่อน
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นรองเท้าผู้ชายยืนอยู่ไม่ไกลจากที่นั่งของเธอมากนัก เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นเจ้าของก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
“รอบนี้ไม่ได้มาแค่ข้อความ แต่มาเป็นตัวเป็นตนเลยแหะ ดูจากหน้าแล้วไม่น่าจะมาเรียนป่ะ”
เคทหันมาพึมพำกับหัวไหล่ตัวเองเบาๆ ปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติแล้วหันกลับไปมองชายหนุ่มอีกครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งแล้วจ้องหน้าไม่หยุด เธอจึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
จำเขาไม่ได้?
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันหลังได้ยินประโยคคำถามจากหญิงสาว กวินไม่พูดอะไรแต่หันหลังเดินกลับไปหาคนสนิทที่ยืนรออยู่แทน
“เอ้า! นอกจากจะไร้มารยาทแล้วยังลืมเอาปากมาด้วยอีก พิการซ้ำซ้อนจริง ๆ”
เคทหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวไปมาขณะมองตามหลังจนชายหนุ่มลับสายตา
“ขำอะไรอยู่หื้ม”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ แขนแกร่งยกขึ้นกอดคอคนตัวเล็กที่นั่งหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวแล้วรั้งเข้าหาตัวอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำ
“เปล่า ๆ แค่เห็นอะไรตลก ๆ เฉย ๆ เอ้อ! แล้วยัยบริ้งค์กับยัยขวัญล่ะ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”
เคทส่ายหัวยิ้ม ๆ ไม่ได้เล่าอะไรมากมาย แล้วเปลี่ยนประเด็นไปที่เพื่อนสนิทแทน
“น่าจะอีกนาน หิวแล้วเหรอ”
“นิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรรอได้”
“จะเริ่มฝึกงานเมื่อไหร่?”
“จันทร์หน้า แล้วนายล่ะ พ่อเรียกให้ไปเริ่มงานอาทิตย์หน้าเหมือนกันไหม”
“อืม ถ้ามีอะไรก็โทรมานะ เผื่อเธออยากย้ายที่ฝึกงาน”
เคทเลิกคิ้วมองซันด้วยความแปลกใจ ประโยคที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่เธอกลับรู้สึกว่ามันไม่ธรรมดา เหมือนมีความหมายอะไรที่แอบแฝงมากกว่านั้น
ทำให้หวนนึกไปถึงปฏิกิริยาของเพื่อนชายเมื่อตอนที่ได้อ่านอีเมลตอบรับเป็นครั้งแรก
“ที่นี่มัน...มีอะไรพิเศษหรือเปล่า ทำไมนายดูกังวลใจยังไงชอบกล”
เคทเท้าคางหรี่ตาจ้องหน้าเพื่อนชายด้วยความสงสัย พยายามสังเกตสีหน้าแววตาต่าง ๆ ของอีกฝ่ายไปด้วย
ซันเหล่ตามองคนจ้องจับผิดแล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะยกมือขึ้นดีดหน้าผากนูนเบา ๆ อย่างหยอกเย้า
“ก็แค่เป็นห่วงเธอเฉย ๆ”
“ฉันแค่ไปฝึกงานย่ะ ไม่ได้ไปรบ!”
เคทย่นจมูกใส่แล้วหันมาทำทีว่าให้ความสนใจกับการอัพเดตชีวิตลงบนโซเซียล แต่ในสมองกลับกำลังทบทวนคำพูดต่าง ๆ เก็บไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ
ซันเองก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน คงจะรู้อะไรมาไม่มากก็น้อย ดูท่าการฝึกงานครั้งนี้ของเธอ คงจะต้องมีเรื่องอะไรที่น่าเซอร์ไพรส์รออยู่เยอะแน่ ๆ
คชาเดินทอดน่องไปตามชายหาด ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นที่แสนเย็นสบาย คลี่ยิ้มบาง ๆ ด้วยความผ่อนคลาย ดีจริง ๆ ที่มาเที่ยวตามคำเชิญของมิริน ไว้เย็นนี้ค่อยแวะไปทักทายครอบครัวนั้นหน่อยแล้วกันขณะกำลังชื่นชมกับความงามทางธรรมชาติอยู่นั้น พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของใครบางคนที่วนเวียน ติดอยู่ในหัวของเขามาตั้งแต่งานแต่ง คชาแอบเดินตามหลังหมอสาวไปเรื่อย ๆ เว้นระยะห่างพอสมควรเพื่อไม่ให้เธอรู้ตัวสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ทอดมองแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวที่กำลังเดินเหม่อลอยอยู่บนชายหาดด้วยความสงสัย ใบหน้าหวานดูเศร้าหมองเสียจนคชาเกิดความอยากรู้ถึงสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่คชาชะงักฝีเท้า รีบกระโดดเข้าไปหลบหลังต้นมะพร้าวที่อยู่ใกล้ ๆ เมื่อจู่ ๆ หญิงสาวหยุดฝีเท้ากะทันหันพลางเหลียวหลังกลับมามอง คล้ายรู้ตัวว่ากำลังถูกเดินตาม“ก็ไม่มีอะไรนี่นา”นิลขมวดคิ้วทำหน้างุนงง รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกจับจ้องจากสายตาคู่หนึ่ง แต่ทว่าพอเหลียวหลังกลับไปตรวจดู ก็พบว่าผู้คนในละแวกนั้นต่างก็เพ่งความสนใจไปที่กิจกรรมของตัวเอง ไม่มีอะไรผิดปกติอย่างที่เธอนึกสงสัย“สงสัยเราจะดูหนังมากไปจริง ๆ”นิลด
“กล้าดียังไงถึงใส่เสื้อคนอื่นที่ไม่ใช่ผัว”ร่างบางชะงักหยุดทุกความเคลื่อนไหวทันที หลังได้ยินเสียงทุ้มต่ำคำรามอย่างเกรี้ยวกราดข้างๆ หู“พะ...พี่วิน”เคทถอนหายใจโล่งอกเมื่อหันมาพบว่าเจ้าของการกระทำที่แสนหยาบคายเมื่อครู่คือสามีของเธอเอง ดีใจอยู่ชั่วครู่ใบหน้าหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นหงิกงอ ก่อนจะฟาดกำปั้นลงบนอกกว้างอย่างแรง“หายไปไหนมาคะ ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว รู้ไหมว่าเป็นห่วงเนี้ย”“ก็รีบบินกลับมาหาเมียไง”มือหนาถอดเสื้อยืดของตัวออกมาสวมให้หญิงสาวแทนตัวเก่าที่ถูกโยนทิ้งอยู่มุมลิฟท์อย่างไม่ใยดีกวินรั้งร่างบางเข้ามาโอบกอด ซุกไซ้จมูกโด่งเข้ากับซอกคอขาวผุดสูดกลิ่นกายสาวด้วยความคิดถึง มือเอื้อมไปบีบเคล้นเนื้อนุ่มใต้เสื้อยืดที่คลุมหมิ่นเหม่ปิดแค่ครึ่งสะโพก คำรามในลำคอเบา ๆ อย่างรู้สึกดี“คิดถึงผัวบ้างไหมครับ หื้มมม”"ไม่ต้องมาพูดเลย!"เคทเบี่ยงหน้าหลบกวินที่ยื่นหน้าเข้ามาฉกจูบ ทำให้จมูกโด่งฝังเข้าที่แก้มนุ่มแทน ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกจากลิฟท์ตรงไปยังห้องพักอย่างแง่งอนติ้ด!ขาเรียวก้าวออกไปยืนนอกระเบียงโดยไม่สนใจสามีที่กำลังเดินตามมาติด ๆ เมินใส่สามีที่ทำให้เธอเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อคืนอยู
อาทิตย์ถัดมา @โรงแรม Nava สาขาประจำจังหวัดกระบี่“เคท!”หญิงสาวหันตามเสียงเรียก ก่อนจะหวีดร้องด้วยความดีใจทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่เข้ามาทักทายร่างบางถลาเข้าสวมกอดพี่สาวคนสนิทแล้วหอมแก้มซ้ายขวาไปหลายฟอดแทนความคิดถึงมิรินหัวเราะร่ากับความน่ารักสดใสไม่เคยเปลี่ยนของเธอ แล้วกอดตอบอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจหลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงพี่สาวจนหนำใจแล้ว เคทจึงคลายกอดแล้วหันไปยกมือขึ้นประนมไหว้ชายผู้เป็นสามีของพี่สาวอย่างอ่อนช้อย"สวัสดีค่ะพี่ชินท์"เตชินท์ยิ้มรับบาง ๆ มองสาวน้อยด้วยความเอ็นดู คิ้วหนามุ่นเข้าหากับเล็กน้อย เกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาในใจแปลกๆ ว่าครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นความบังเอิญอย่างที่คาดคิดไว้สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณที่มองหาตัวการอีกคนที่คาดว่าน่าจะดักซุ่มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล“หุยยยยย เคทคิดถึงพี่มิรินจังเลย ขอกอดอีกที ๆ ๆ”“ฮ่า ๆ มาเที่ยวไกลเชียวนะ แล้วนี่มากับใครเนี้ย คชาล่ะ? เจ้าตัวเล็กล่ะมาด้วยกันไหม?”มิรินยืดตัวขึ้นพลางชะโงกมองหาเพื่อนชายคนสนิทไปด้วย ถ้ามาด้วยกันก็คงดีเพราะเธอก็ไม่ได้เจอคนทั้งคู่มานานจนแทบลืมหน้าไปแล้วเคทคลายอ้อมกอดออก ส่ายหัวไปมาแล้วเบ้หน้าทำปากคว่ำด้วยความหมั
“ปา ป๊า”คีรินทร์ร้องเรียกเสียงอ้อเอ้ พร้อมกับอ้าแขนออดอ้อน ขอให้คุณพ่ออุ้มเธอเดินเล่นอย่างที่ชอบทำอยู่ทุกวัน“เรียกปะป๊าเหรอครับ หื้มมม เจ้าตัวยุ่ง”กวินช้อนตัวลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาอุ้มแนบอก ชูร่างเล็กขึ้นสูงก่อนจะใช้ใบหน้าซุกหน้าพุงป่อง หยอกเย้าจนลูกสาวส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจดังลั่น“ชอบใช่ไหมครับ จั๊กจี้ใช่ไหมมมม”“ปา ป๊า เอิ๊ก ๆ ปา ป๊า”กวินทำอีกซ้ำ ๆ พลางหัวเราะประสานไปกับเสียงของลูกสาว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกระตุกที่ขากางเกง เขาขบต้นขาลูกสาวเบา ๆ ส่งท้ายก่อนจะก้มลงมองร่างกลมขาวจั๊วะที่เกาะข้อเท้า เงยหน้ามองเขาตาใสแป๋วเพราะอยากเล่นแบบนี้บ้าง“อยากเล่นเหมือนกันเหรอครับคิมหันต์”กวินหัวเราะเบา ๆ กำลังจะส่งลูกสาวตัวน้อยคืนให้เมียรัก เพื่อผลัดเปลี่ยนมาหยอกล้อกับลูกชายบ้าง แต่ไม่ทันอีกคนที่ไวกว่าเควินช้อนตัวหลานชายขึ้นมาอุ้มแนบอก สายตาสงสัยจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้ม ที่เกิดจากการผสมผสานความสวยหล่อของพี่ชายและภรรยาอย่างพินิจพิจารณาเขาใช้ปลายนิ้วจิ้มเข้าไปที่แก้มนุ่มหยุ่นสองสามที ดวงตาฉายแววประหลาดใจขณะมองแก้มป่องที่เด้งดึ๋งสู้มือถ้าเขามีลูกบ้าง จะมีหน้าตาเป็นแบบ
@คฤหาสน์ประจำตระกูลกวินจำต้องพาลูกเมียมายังคฤหาสน์ตามคำสั่ง เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และทนการรบเร้าของคนเป็นปู่ต่อไปไม่ไหวแล้วคิมหันต์และคีรินทร์มีอายุได้ 1 ขวบกว่าๆ กำลังอยู่ในช่วงหัดพูดเป็นคำ ๆ เงยหน้ามองผู้เป็นปู่ตาใสแป๋ว สลับกับปรบมือเปาะแปะทำตามผู้ใหญ่"อ๊ะ! จ๊ะเอ๋! ว่าไงครับหลานปู่ หิวหรือยังงงงง หื้มมม หิวหรือยังงง""แอะ แอะ หม่ำ"กฤษดานั่งหยอกเย้าหลานทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เสียงอ้อเอ้ของหลานตัวน้อยผลัดกันขานรับทุกประโยคที่คุยด้วย น่ารักน่าชังเสียจนคุณปู่ผู้เห่อหลานแต่ไม่ยอมรับ ทั้งรักทั้งหลงจนแทบจะประเคนทุกอย่างให้หมดแล้ว"มาลี! เอาขนมมาให้หลานฉันสิ!""เจ้าค่ะ"ไม่ถึงนาที ขนมนมเนยที่เหมาะสมกับเด็กในวัยนี้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ กวินมองอาการเห่อหลานจนเข้าขั้นวิกฤตของพ่อตัวเองแล้วส่ายหัวไปมาทั้งแก้วแหวนเงินทอง ทั้งของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กที่กองพะเนินจนล้นลัง กว่าลูก ๆ ของเขาจะเล่นครบทุกชิ้นคงกินเวลาไปทั้งปี แถมยังมีที่ดินย่านใจกลางเมืองที่ให้เพื่อรับขวัญหลานคู่แรกของตระกูล มูลค่ากว่าห้าสิบล้านอีกผืนอีกหน่อยถ้าลูก ๆ พูดได้แล้วขอนู้นนี่นั่น เพนท์เฮ้าส์ของเ
“อะ...อะไรของนายเนี้ย!?”คชาสบเข้ากับสายตาคำถามของหญิงสาว เบือนหน้าหนีไปอีกทางพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“รับไปสิ ฉันให้”“อุ้ย! ได้สองช่อติดขนาดนี้ สงสัยเจ้าบ่าวจะอยู่ใกล้ ๆ ตัวนะคะหมอนิล คิกคิก”มิรินกระเซ้าเหย้าแหย่ ขยั้นขยอให้หมอสาวยอมรับช่อดอกลิลลี่ไว้ พลางพยักเพยิดไปทางเพื่อนชาย บอกเป็นนัย ๆ ว่าเจ้าบ่าวคนต่อไปก็อาจจะยืนอยู่แถว ๆ นี้ก็เป็นได้“นั่นสิ! หมอผีที่โสดนาน ๆ อย่างเธอ คงไม่อยากแต่งงานกับภูติผีที่เลี้ยงไว้หรอกใช่ไหม หรือว่าอากาศข้างบนมันดีซะจนไม่อยากลงจากคาน?”“ไอ้…..!!!”นิลกัดฟันกรอด ๆ อยากจะด่าต่ออีกสักชุด แต่พอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวจึงกลืนคำด่าลงท้องไปก่อน เพราะการกระทำของชายหนุ่มทำให้เธอกำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนในงานกว่าครึ่ง"อย่างน้อย ๆ ผีที่ฉันเลี้ยงไว้ก็ไม่ปากเสียแบบนาย!"นิลตีหน้ายักษ์ใส่คชาแล้วสะบัดหน้าเดินหนีอย่างแง่งอน ทั้งหงุดหงิดและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องปล่อยหมาออกมากัดเธอทุกครั้งที่พบกันมิรินเดินเข้ามาหาเพื่อนชายคนสนิท ตบบ่าเขาหนัก ๆ สองสามที นึกอยากจะปรามความปากเสียของเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่คชาคงจะแก้นิสัยนี้ไม่หายแล้วล่ะมั้ง จึงเปลี่ยนเป



![นรสิงห์ [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



