รอคอยถึงสองอาทิตย์ ในที่สุดวันฝึกงานวันแรกก็มาถึง รถยนต์มินิคูเปอร์คันจิ๋วแล่นเข้ามาจอดในลานจอดรถของบริษัทยักษ์ใหญ่ TK Group โชคดีที่บริษัทอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของเธอมากนัก จึงใช้เวลาเดินทางแค่ 30 นาทีก็มาถึง
เคทก้าวตามหลังพนักงานต้อนรับผ่านกลุ่มพนักงานที่ต่างหันมาจับจ้องจนมองเห็นประตูห้องประชุมเล็ก จากที่เคยมั่นใจจู่ ๆ ก็เกิดรู้สึกประหม่าขึ้นมาดื้อๆ
เธอยิ้มขอบคุณผู้นำทางแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เรียกสติของตัวเองให้กลับมาเต็มร้อยก่อนเคาะประตู
“เข้ามา”
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับ เคทจึงค่อย ๆ ผลักประตูแล้วก้าวเข้าไปด้านใน เธอฉีกยิ้มกว้างให้คนสัมภาษณ์ ก่อนจะกล่าวแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“สวัสดีค่ะ ฑิฆัมพร ธนะปรีดากุล จากคณะบริหารธุรกิจสาขาการจัดการ มหาวิทยาลัย BAC ค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
เคทหย่อนสะโพกลงนั่งบนเก้าอี้ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกลจากคนสัมภาษณ์มากนัก ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มเตรียมพร้อมรับการสัมภาษณ์ในข้อถัดไป
“เรียกพี่ว่าพี่อังก็ได้จ๊ะ พี่จะเป็นคนที่ดูแลเด็กฝึกงานของแผนกบริหารทั้งหมด พี่อ่านประวัติเรามาคร่าวๆ ละ นี่พูดได้ 3 ภาษาใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ มีภาษาไทย ภาษาอังกฤษแล้วก็ภาษาจีนค่ะ”
“ดีเลย ถ้างั้นพี่จะให้เราฝึกงานวนๆ ไปในแผนกบริหารนะ เอาเป็นฝ่ายละเดือนนะจ๊ะ แล้วก็เริ่มงานวันที่ 1 เดือนหน้าได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะพี่อัง ไม่มีปัญหาค่ะ”
“แต่พี่ขออย่างนึงนะ วันทำงานจริงไอ้กระโปรงสอบเนี้ยพี่ขอยาวสักครึ่งเข่าแล้วกัน เดี๋ยวจะโดนท่านประธานเพ่งเล็งเอา”
เพ่งเล็งในที่นี้ความหมายอาจจะไม่เหมือนที่อื่นสักเท่าไหร่ อังมองน้องนักศึกษาฝึกงานแล้วรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาจับใจ
รูปร่างอ้อนแอ้น หน้าตาสะสวย พูดจาฉะฉาน ถ้าทำงานเก่งด้วยแล้วยิ่งไปใหญ่ เธอกลัวเหลือเกินว่าน้องจะอยู่ได้ไม่นานเพราะถูกท่านประธานจับกินเอาเสียก่อน
เคทก้มลงมองความยาวของกระโปรงที่ใส่มาวันนี้แล้วยิ้มเจื่อน รีบพยักหน้ารับอย่างแข็งขันเพราะคิดว่าท่านประธานคงจะไม่ชอบคนใส่สั้นหรือเสื้อผ้าน้อยชิ้นแน่ ๆ ซื้อกระโปรงทีไรเธอเผลอหยิบตามความเคยชินทุกทีเลย
พูดคุยเกี่ยวกับลักษณะงานและสถานที่ทำงานของแต่ละฝ่ายกันอีกไม่นานการสัมภาษณ์ก็จบลง
เคทไหว้ขอบคุณและเอ่ยลาพี่อังที่หน้าห้องประชุม เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วกดลิฟท์ลงไปยังชั้น G
โชคดีจริง ๆ ที่ตานั่นนัดให้เอาโทรศัพท์มาคืนที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามกับตึกนี้พอดีเลย
เคทหย่อนสะโพกลงนั่งรอในร้าน มือเล็กจัดเสื้อผ้าที่วางพาดอยู่บนพนักพิงของเก้าอี้ข้างตัวให้เข้าที่เข้าทาง แล้วจิบชาไทยในมือรอให้ถึงเวลานัดอย่างใจจดใจจ่อ
ดวงตากลมโตหันไปมองประตูทุกรอบที่ได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้น ... แต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ยังไม่มาเสียที
“นี่มันเลยเวลานัดมาสิบห้านาทีแล้วนะ คิดว่าคนอื่นเค้าจะว่างทั้งวันหรือยังไงเนี้ย!”
เคทพ่นลมหายใจอย่างหัวเสีย เหล่ตามองเสื้อผ้าข้างตัวแล้วนึกอยากขยำๆ โยนมันทิ้งลงถังขยะให้มันรู้แล้วรู้รอด
หึ! จะให้เวลาอีก 5 นาทีแล้วกัน
ทว่าผ่านไปจนเลยเวลาที่กำหนดไว้ในใจ อีกฝ่ายก็ยังไม่โผล่มาให้เจอแม้กระทั่งเงา
“ไม่รอมันแล้ว!”
สุดท้ายเคทก็หมดความอดทน เธอหยิบเสื้อผ้าแล้วลุกพรวดขึ้นอย่างเร็วด้วยความหงุดหงิด แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนเธอก็หยุดการเคลื่อนไหวเสียก่อน
ดวงตาจับจ้องไปยังชายแปลกหน้าที่ทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามของโต๊ะด้วยความสงสัย
ในขณะที่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านกับสายตาดูแคลนของเธอเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังพูดจุดประสงค์ในการปรากฏตัวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดียวกับสีหน้าอีกด้วย
“ฉันมาเอาของ”
และไม่หยุดคิดให้เสียเวลา!ใบหน้าคมฟุบลงกลางกายสาวอย่างรวดเร็ว ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียลงบนยอดเกสรระรัว มือกดล็อคร่างบางที่ดิ้นพล่านเอาไว้แน่นแล้วใช้มืออีกข้างกดนิ้วกลางแทรกเข้าไปด้านในจนสุดความยาว“ฮืมมม แน่น”แค่นิ้วยังแน่นขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเกิดเป็นของเขาสอดเข้าไป มันจะแน่นสักแค่ไหน กวินครางงึมงำแล้วเร่งจังหวะปลายลิ้นให้เร็วขึ้น นิ้วมือชักเข้าออกรัวเร็วก่อนเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอีก“อื้อออ เจ็บ!”เคทนิ่วหน้าสะดุ้งกับความคับแน่นกลางกาย ร่างกายร้อนรุ่มไปทั้งตัว รู้สึกเจ็บแปลบและเสียวซ่านปะปนกันไป ขาเรียวเหยียดเกร็งสั่นระริก มือเล็กสอดเข้าใต้เรือนผมดกดำดึงทึ้งเพื่อระบายความเสียวซ่านที่กำลังโจมตีเธออย่างต่อเนื่องร่องรักคับแคบตอดรัดระรัวทำให้เขารับรู้ได้ว่าหญิงสาวกำลังจะแตะเส้นชัยในไม่ช้า เขาเร่งความเร็วของนิ้วมือมากขึ้นพร้อมทั้งดูดดึงยอดเกสรอย่างแรงสะโพกอวบยกลอยขึ้นตามลิ้นร้อนเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงปลดปล่อยน้ำหวานออกมาจนชุ่มฉ่ำ“พะ...พอก่อน อะ อ๊าย”ร่างบางทิ้งสะโพกลงบนที่นอนอย่างหมดแรง เสียวสะท้านจนแก้มนวลแดงระเรื่อกับการเสร็จสมอย่างรุนแรงหอบหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ท้องน้อยว
“รอบนี้เอาเบา ๆ ก็พอ ไม่ต้องให้ถึงตาย”กวินสั่งการเสียงเย็นเยียบทิ้งท้าย ก่อนจะช้อนตัวหญิงสาวขึ้นอุ้มแนบอกเดินออกมายังรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ในโซน VVIP เขาวางร่างบางลงบนเบาะแล้วรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย“เห็นที่วันนี้คงต้องสั่งสอนกันยาว โทษฐานที่เธอหนีเที่ยว!”กวินกล่าวคาดโทษคนเมาแล้วขับรถมุ่งตรงไปยังเพนท์เฮ้าส์ส่วนตัวสุดหรูในย่านสุขุมวิทเพียงไม่กี่นาทีจากคลับ รถยนต์คันหรูก็แล่นเข้าไปจอดในที่ประจำใต้ตึก ลิฟท์ส่วนตัวเคลื่อนขึ้นสูงหลังเขาสแกนลายนิ้วมือแล้วกดชั้นที่ต้องการเขามักจะแวะมานอนที่นี่เป็นประจำเพราะไม่อยากกลับไปเหยียบบ้านหลังเก่า นอกจากเดินทางสะดวกสบายแล้วยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม หมดห่วงเรื่องนักข่าวที่ตามเกาะแกะให้รำคาญใจติ้ง!ประตูลิฟท์เปิดกว้างพร้อม ๆ กับประตูบ้านที่เป็นกระจกขนาดใหญ่เลื่อนเปิดปิดอัตโนมัติ กวินก้าวเท้าเข้าไปในห้องก่อนจะวางร่างบางลงบนเตียงที่ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนย่างกรายเข้ามานอนบนนี้มาก่อน“อืมมม ใครน่ะ?”เคทผุดลุกขึ้นนั่งพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ้อเอ้ เธอเอียงคอแล้วปรือตาพยายามเพ่งมองใบหน้าคมคายตรงหน้าอย่างตั้งใจมือเล็กยกขึ้นประกบสองแก้มสากแล้
Happy birthday to youHappy birthday to youHappy birthday dear SunHappy birthday to you ~ มือเล็กประคองเค้กผลไม้ในมือ ด้านบนปักเทียนวันเกิดเป็นตัวเลข 22 ถูกจุดสว่างไสวส่องให้มองเห็นใบหน้าสวยของหญิงสาวผู้ถือเค้กอย่างชัดเจนหัวใจแกร่งพองโตจนคับอกขณะจ้องมองหญิงสาวก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างบางก้าวเดินผ่านผู้คนมากมายตรงไปหาเพื่อนชายคนสนิท ปากเล็กเอ่ยร้องเพลงคลอไปด้วย ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเจ้าของวันเกิด“Happy birthday มีความสุขมาก ๆ นะ”เคทคลี่ยิ้มละมุนยื่นเค้กให้ซันอธิษฐานแล้วเป่าเทียน เสียงปรบมือประสานกับเสียงโห่แซวชายผู้โชคดีดังสนั่นซันยกแขนขึ้นคล้องคอหญิงสาวรั้งเข้ามาใกล้พลางกระซิบขอบคุณข้างหู ท่ามกลางสายตายินดีปนอิจฉาของบรรดาหนุ่มๆ น้อยใหญ่ที่กำลังมองดูอย่างสนอกสนใจ เพราะหญิงสาวถือได้ว่าเป็นระดับดาวเด่นในคลับเลยก็ว่าได้กวินยกแก้วที่บรรจุแอลกอฮอล์ดีกรีสูงไร้มิกเซอร์ผสมขึ้นดื่มจนหมด ก่อนกระแทกแก้วลงบนเคาน์เตอร์บาร์อย่างแรง สายตาคมกริบจ้องมองคู่ชายหญิงที่ยืนใกล้ชิดกันอยู่อย่างไม่วางตาทั้งสองเอาแต่กระซิบกระซาบกันแล้วหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างมีความสุขราวกับโลกทั้งใบมีเพียง
โชคดีที่ไฟลท์กลับเป็นรอบเช้า เคทจึงไม่ต้องอยู่ใกล้กับเขานานเกินไป เธอยกผ้าห่มขึ้นคลุมปิดหน้าตลอดการเดินทางเพราะยังทำใจมองหน้าหรือพูดคุยกับเขาเหมือนเดิมไม่ได้ เหตุการณ์เมื่อคืนยังคงติดตาตรึงอยู่ในความทรงจำไม่จางหาย ทั้งอายทั้งสับสนปนเปกันไปหมดทันทีที่เดินพ้นประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้า เธอก็รีบหันมาก้มหัว กล่าวอำลาท่านประธานอย่างเป็นทางการ“ขอบคุณที่ให้ลาหยุด ไว้วันจันทร์จะรีบทำรายการสรุปการประชุมไปให้นะคะ สวัสดีค่ะ”กวินมองตามแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาววิ่งหน้าตั้งหนีหายไปแล้วยกยิ้มมุมปาก ทั้ง ๆ ที่ลึกซึ้งกันจนถึงขั้นนั้นแล้ว ทำไมเธอก็ยังคงเว้นระยะห่างจากเขาอยู่ดี แถมดูเหมือนว่ามันจะยิ่งถูกเว้นให้ห่างมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก สงสัยคงต้องทำการกระชับมิตรกันหน่อยแล้วครืดดดด ครืดดดด‘เตชินท์’เสียงโทรศัพท์สั่นเตือนสายเรียกเข้า กวินมองรายชื่อที่โชว์แล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา“เออว่าไง!”( ได้ข่าวว่ามึงเหมาโรงแรมกูหมดเลยเหรอครับคุณกวิน )“เออ! ทำไม? ก็กูรวย!”( พาหญิงไปเชือดไกลนะมึง )“มึงมีธุระกับกูแค่นี้ใช่ไหม แค่นี้นะกูยุ่งอยู่!”กวินตัดสายทิ้งโดยไม่รอให้อีกฝ่
“ถึงคิวของฉันแล้ว”มือหนาอันสั่นเทารีบปลดเปลืองเครื่องแต่งกายของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว แล้วโยนไปกองรวมกันอย่างไม่ใส่ใจ เขาดึงร่างบางให้ขยับเข้ามาใกล้ในท่าเตรียมพร้อม อีกมือหยิบซองอุปกรณ์เสริมออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่กองอยู่ใกล้มือ“ไม่ ไม่นะ ฉันไม่ให้ทำนะ!!”เคททำตาโตหลังมองเห็นท่อนลำใหญ่โตที่กำลังชี้หน้าเธออย่างเต็มตา ขาเรียวหุบเข้าหากันแน่น กระเถิบถอยหนีไปจนสุดทางของระเบียงพลางส่ายหน้าระรัว ร้องปฏิเสธเสียงสั่น“อะไรวะ มาถึงขั้นนี้แล้วเธอคิดว่าจะรอดเหรอ มานี่!”กวินพ่นลมหายใจหนักๆ ด้วยความหงุดหงิดที่หญิงสาวออกแรงดิ้นหนี เขากระชากคนตัวเล็กให้กลับมาอยู่ในท่าพร้อมรบ แต่พอมองเห็นน้ำตาที่เอ่อคลอเต็มสองเบ้าด้วยความหวาดกลัวของคนใต้ร่างก็ทำต่อไม่ลงกวินผละออกห่างแล้วเดินหนีเข้าไปข้างในทั้งที่ยังเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ ทั้งโมโหทั้งอารมณ์ค้าง และตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์จะมานั่งจัดการด้วยตัวเอง แต่ถ้าปล่อยไว้ก็คงนอนทรมานจนเช้าแบบเมื่อคืนอีกถึงเขาจะฟาดฟันมาหลายสนามแต่ก็ล้วนเป็นความเต็มใจของคนทั้งสองฝ่าย และไม่นิยมบังคับข่มขืนใจใครให้นอนกับเขาอีกด้วยเสียงโครมครามดังลอยออกมาจากด้านในห้องนอน ทำเอาเค
ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงก็มีใครบางคนเริ่มเมาอย่างไม่รู้ตัวเสียแล้ว แก้มนวลขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู“ออกไปนั่งดูดาวด้วยกันไหมคะ”เคทเอ่ยชักชวนเสียงใสพลางหอบเครื่องดื่มออกไปวางที่นอกระเบียงโดยไม่รอคำตอบรับ เธอลงมือดึงผ้าห่มสำรองที่เพิ่งได้มาจากแม่บ้านมาปูพื้นและวางหมอนใบโตไว้รองหลังกันเมื่อยสำหรับคนสองคนเสร็จสรรพ แล้วยกมือเล็กขึ้นกวักเรียกอีกฝ่ายให้ตามมาพร้อมรอยยิ้มหวานกวินหัวเราะเบา ๆ กับความน่ารักของเด็กดื้อ เดินตามออกไปนั่งลงข้าง ๆ เธออย่างเอาใจความอึดอัดคลายตัวลงไปพร้อมกับคนทั้งคู่ที่เริ่มเผยตัวตนออกมามากขึ้น อาจจะเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจคนทั้งคู่อย่างช้า ๆเริ่มเกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะ ๆ เคล้าคลอกับเสียงเพลงที่หญิงสาวเปิดทิ้งไว้เพื่อทำลายความเงียบ“ยิ้มก็เป็นนี่คะ ทีหลังยิ้มบ่อย ๆ สิ คุณยิ้มแล้วดูดีออกนะคะ”ราวกับมีกระแสไฟแล่นผ่านไปทั่วร่าง! รอยยิ้มแข็งค้างบนใบหน้าคมคายเมื่อมือเล็กประกบเข้าที่สองแก้มสากแล้วบีบมันเบาๆ กวินจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของเธอที่บัดนี้หยาดเยิ้ม จนให้ความรู้สึกคล้ายกำลังยั่วยวนชายหนุ่มอยู