LOGINกลิ่นยาฆ่าเชื้อยังคงคละคลุ้งในอากาศ พราวตะวันนั่งอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของทนายประจำตระกูลวรวิชญ์ มือเรียวสั่นเทาเมื่อหยิบปากกาขึ้นมา
บรรยากาศในห้องเงียบสงัดมีเพียงเสียงปลายปากกาที่กำลังจรดลงบนกระดาษ นายแพทย์ธีระและอคิณนั่งอยู่ไม่ไกล ดวงตาของอคิณจับจ้องมาที่เธอไม่วางตา ความหนักอึ้งในอกทำให้พราวตะวันแทบสำลักออกมา
“เชิญคุณพราวเซ็นตรงนี้เลยครับ” ทนายกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ พลางชี้ไปยังบรรทัดสุดท้ายของสัญญา เอกสารหนาหลายแผ่นวางอยู่ตรงหน้า คำว่า “สัญญาการสมรส” ปรากฏหราอยู่บนหน้าแรก แต่ดวงตาของพราวตะวันพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาและความกังวล
เธอพยายามกวาดสายตาอ่านเนื้อหาแต่ตัวอักษรก็เลือนรางพร่ามัวไปหมด ภาพของพ่อที่นอนหมดสติอยู่ในห้องฉุกเฉินฉายชัดในความคิด ทุกนาทีที่ผ่านไปคือชีวิตของพ่อ
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับหนูพราว สัญญานี้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ทุกอย่าง” นายแพทย์ธีระกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับจะคลายความกังวลให้เธอ คำพูดนั้นทำให้พราวตะวันรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เธอเชื่อใจนายแพทย์ธีระเพราะเขาคือเพื่อนของพ่อ ความเร่งรีบและความตื่นตระหนกทำให้เธอละเลยที่จะอ่านรายละเอียดปลีกย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วรรคสำคัญที่ระบุว่า "คู่สมรสฝ่ายหญิงจะต้องอยู่กินฉันสามีภริยากับคู่สมรสฝ่ายชายและให้กำเนิดทายาทแก่ตระกูลวรวิชญ์อย่างน้อยสองคน จึงจะถือว่าสัญญาสมบูรณ์" เธอจรดปากกาลงบนกระดาษเซ็นชื่อ "พราวตะวัน สุริยกานต์" อย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าหากช้าไปเพียงวินาทีเดียวชีวิตของพ่อจะดับสิ้นลง
วินาทีที่ปากกาถูกยกขึ้นจากกระดาษ พันธะที่ไร้หัวใจก็ถูกผูกมัดขึ้นอย่างสมบูรณ์
ทันทีที่พราวตะวันเซ็นสัญญาเสร็จ นายแพทย์ธีระก็สั่งให้ทีมแพทย์เตรียมห้องผ่าตัดฉุกเฉินทันที บุรุษพยาบาลรีบเข็นเตียงของพ่อเธอเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วยความเร่งรีบ
พราวตะวันยืนมองประตูที่ปิดลงตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ความหวังและความกลัวผสมปนเปกันไปหมด ชีวิตของพ่อแขวนอยู่บนเส้นด้ายและเธอได้แลกมันมาด้วยอิสรภาพของตัวเอง
อคิณเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเธอ มือหนาเอื้อมมาแตะไหล่เธอเบา ๆ อย่างปลอบโยน ทว่าพราวตะวันกลับสะดุ้งเล็กน้อยเธอสะบัดไหล่ออกจากการสัมผัสของเขาอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่สวยมองเขาด้วยความเย็นชา
“อย่ามาแตะต้องฉัน” เธอพึมพำเสียงเรียบ
อคิณถอนหายใจเบา ๆ ความเจ็บปวดฉายชัดในแววตาเพียงชั่วครู่ก่อนจะถูกปกปิดไว้ภายใต้ความสงบนิ่งเช่นเคย เขาเก็บมือกลับไปยืนกอดอกนิ่ง ๆ อยู่ข้างเธออย่างเงียบ ๆ บรรยากาศที่เคยตึงเครียดในห้องผ่าตัดเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง เมื่อเสียงเครื่องมือแพทย์และคำสั่งการผ่าตัดเริ่มดังขึ้นจากภายใน พราวตะวันยืนรออยู่ตรงนั้นนานแสนนาน โดยมีอคิณยืนเป็นเพื่อนเงียบ ๆ ไม่ไปไหน จนกระทั่งหมอเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีครับคุณสุริยะปลอดภัยแล้ว”
คำพูดของหมอเหมือนเสียงสวรรค์ พราวตะวันทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความโล่งอก น้ำตาแห่งความสุขและความอ่อนล้าไหลทะลักออกมา แม่กับพราวฟ้าที่เพิ่งเดินมาถึงก็พุ่งเข้ามากอดเธอไว้แน่น แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์บัดนี้สว่างจ้าขึ้นมาจริง ๆ แต่พราวตะวันรู้ดีว่าแสงสว่างนี้ต้องแลกมาด้วยพันธะที่เธอไม่ต้องการ
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน สถานการณ์ของพ่อดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ชีวิตของพราวตะวันกลับดำดิ่งสู่ความจริงที่เธอพยายามปฏิเสธ
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และอลังการสมฐานะของตระกูลวรวิชญ์ โรงแรมหรูใจกลางเมืองถูกเนรมิตให้เป็นเหมือนดินแดนเทพนิยาย ประดับประดาด้วยดอกไม้นานาชนิด แสงไฟระยิบระยับและแขกเหรื่อผู้มีชื่อเสียงมากมาย
พราวตะวันยืนอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์งดงาม ชุดราตรีแขนยาวผ้าลูกไม้ปักละเอียดเผยให้เห็นเนินอกขาวเนียนและช่วงเอวที่คอดกิ่ว ผ้าคลุมผมยาวประดับด้วยเพชรระยิบระยับขับให้เธอดูราวกับเจ้าหญิงในนิยาย ทว่าใบหน้าสวยหวานกลับซีดเซียว ดวงตาเหม่อลอย ไม่ได้แสดงความยินดีแม้แต่น้อย
กานต์เพื่อนสนิทในชุดเพื่อนเจ้าสาวสีฟ้าอ่อนยืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของกานต์เต็มไปด้วยความกังวลปนความเห็นใจ
“พราวแกสวยมากเลยนะ” กานต์พยายามปลอบใจ แต่ก็รู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ช่วยอะไร พราวตะวันยิ้มรับจาง ๆ
“ฉันอยากให้ทั้งหมดนี้เป็นแค่ฝัน”
“แกอย่าคิดอย่างนั้นเลยนะ อย่างน้อย ๆ สิ่งที่แกทำตอนนี้ก็เพื่อให้พ่อของแกได้อยู่กับแกตอนนี้ไง”
“ก็จริงแต่ฉันก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ที่ต้องใช้ชีวิตคู่กับคนที่ฉันไม่ได้รักและไม่เคยคิดจะรักเสียด้วยซ้ำ”
“ไม่เป็นไรแกแต่งไปก่อนแล้วค่อยหย่าก็ได้ ผู้หญิงสมัยเรื่องหย่ากับสามีไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไร” กานต์พยายามพูดให้เพื่อนสบายใจมากที่สุด
“อืม” พราวตะวันตอบกลับเพื่อนเพียงสั้น ๆ วันแต่งงานของพราวตะวันไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันไว้ ฝันของเธอคือการได้แต่งงานกับฟิล์ม งานแต่งงานของเธอมีแต่รอยยิ้มและความสุขแต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นเลย งานแต่งงานของเธอมีแต่ความเจ็บปวดเต็มไปหมด
เมื่อถึงเวลาเข้าพิธีพราวตะวันเดินเคียงข้างอรัญญาแม่ของเธอส่วนสุริยะพ่อของเธอก็อาการดีขึ้นนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ นายแพทย์ธีระ
ท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อนับร้อยที่จับจ้องมาที่เธอรอยยิ้มและเสียงปรบมืออวยพรดังกึกก้อง แต่พราวตะวันกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในความว่างเปล่า เธอเห็นอคิณยืนรออยู่บนเวทีในชุดทักซิโด้สีดำสง่างามข้าง ๆ เขาคือ ชวิน เพื่อนสนิทที่คอยยิ้มและหยอกล้อเขาอยู่เสมอ
วินาทีที่อคิณเอื้อมมือมารับมือของเธอไปกุมไว้ สัมผัสอุ่นร้อนของเขาทำให้พราวตะวันรู้สึกขนลุกซู่ ราวกับถูกไฟลวก เธอพยายามชักมือกลับ แต่เขากลับกุมไว้แน่นกว่าเดิม ดวงตาคมกริบของอคิณมองลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ ราวกับจะบอกว่า "คุณหนีผมไม่พ้นหรอก" คำปฏิญาณที่ถูกเอ่ยออกมานั้นดูสมบูรณ์แบบในสายตาของทุกคนแต่สำหรับพราวตะวัน มันคือคำสาปที่เธอจะต้องแบกรับไปตลอดชีวิต
กลิ่นหอมของดอกไม้และแชมเปญยังคงอบอวลในห้องเรือนหอที่ประดับประดาไว้อย่างหรูหรา วิจิตรบรรจง
แสงไฟสลัวจากโคมไฟระยิบระยับส่องให้เห็นเตียงนอนขนาดคิงไซส์ที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสด
ทว่าบรรยากาศกลับเย็นยะเยือก พราวตะวันในชุดเจ้าสาวยังคงนั่งอยู่ที่ปลายเตียง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ที่เผยให้เห็นแสงไฟระยิบระยับของเมืองยามค่ำคืน แต่สายตาของเธอกลับว่างเปล่า ไม่ได้สนใจความงดงามภายนอกแม้แต่น้อย
น้ำตาอุ่นร้อนไหลรินอาบแก้มใสอย่างเงียบงัน เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา ความเจ็บปวดที่ถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักถาโถมเข้าใส่
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาปลดล็อกหน้าจอ ภาพของฟิล์ม แฟนหนุ่มที่ยังคงครอบครองหัวใจของเธอปรากฏขึ้น เธอพิมพ์ข้อความระบายความรู้สึก ความสิ้นหวัง และความต้องการความช่วยเหลือจากเขา มือสั่นเทาขณะกดส่งข้อความไปหาชายที่เธอเชื่อว่าคือที่พึ่งเดียวของเธอ
ข้อความถูกส่งออกไปแต่ไร้การตอบกลับ เวลาผ่านไปนานหลายนาที ความเงียบงันยิ่งตอกย้ำความโดดเดี่ยว เธอโทรออกไปหาฟิล์มแต่เสียงรอสายก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนสายตัดไปเอง ไม่มีแม้แต่ข้อความตอบกลับ ไม่มีแม้แต่สายที่ไม่ได้รับ ความรู้สึกถูกทอดทิ้งและความเจ็บปวดจากการถูกหักหลังเพิ่มทวีคูณขึ้นหลายเท่าตัว ไม่ใช่แค่ปัญหาครอบครัวและการแต่งงานที่ไม่ต้องการ แต่คนที่เธอรักและเชื่อใจที่สุดกลับไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนหรืออยากช่วยเหลือเธอเลยสักนิด
พราวตะวันปล่อยโทรศัพท์ลงข้างตัว ปล่อยให้มันหล่นลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย เสียงสะอื้นถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่อาจเก็บงำได้อีกต่อไป เธอฟุบหน้าลงกับหมอน ปล่อยให้ความเจ็บปวดกัดกินหัวใจ ความฝันทั้งหมดที่เคยวาดไว้กับฟิล์มสลายไปในพริบตา เหลือเพียงความว่างเปล่าและพันธะที่ไร้หัวใจที่เธอจะต้องเผชิญหน้าเพียงลำพัง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ที่เมืองใหญ่อีกซีกโลกหนึ่ง ซึ่งห่างไกลจากความทุกข์ทรมานของพราวตะวันนับหมื่นไมล์ฟิล์ม กำลังนั่งหัวเราะคิกคักอยู่ในบาร์หรูแห่งหนึ่ง แสงสีนีออนสว่างไสว เคล้าคลอด้วยเสียงดนตรีจังหวะเร้าใจ เขานั่งอยู่บนโซฟากำมะหยี่สีแดงเข้มรอบตัวเต็มไปด้วยแก้วเครื่องดื่มและเสียงพูดคุยเซ็งแซ่
ข้างกายเขาคือหญิงสาวชาวต่างชาติผมบลอนด์ยาวสลวย ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย เธอซบศีรษะลงกับไหล่ของฟิล์มอย่างสนิทสนม มือของฟิล์มโอบรอบเอวเธอหลวม ๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจและแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าชู้
เขาหัวเราะเสียงดังเมื่อหญิงสาวพูดติดตลกภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่แก้มของเธอเบา ๆ อย่างไม่แคร์สายตาใคร
โทรศัพท์มือถือของฟิล์มที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นครืดหลายครั้ง แสงหน้าจอเตือนว่ามีข้อความเข้า แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามอง
“วันนี้สนุกจังเลยค่ะ ฟิล์ม” หญิงสาวคนนั้นพูดภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
“คุณนี่มันสนุกกว่าที่คิดไว้เยอะเลย” ฟิล์มยกแก้วขึ้นจิบ ยิ้มกว้างอย่างได้ใจ
“แน่นอนสิครับ ที่รัก ผมมีอะไรให้คุณเซอร์ไพรส์อีกเยอะแยะเลย”
เขาไม่ได้นึกถึงข้อความที่เพิ่งเข้ามา ไม่ได้นึกถึงเสียงสะอื้นของพราวตะวัน ไม่ได้นึกถึงพ่อของเธอที่กำลังป่วยหนักหรือพันธะการแต่งงานที่บังคับให้พราวตะวันต้องรับผิดชอบ ในโลกของฟิล์ม มีเพียงความสุขชั่วคราว ความสนุกสนาน และผู้หญิงคนใหม่ที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
ตอนที่99ข่าวลือ หลังจากการปรากฏตัวของแพทย์หญิงมณีรัตน์ ในฐานะแพทย์หัวใจคนใหม่ของโรงพยาบาล บรรยากาศในการทำงานของอคิณก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด มณีรัตน์ไม่ได้มาแค่ทำงาน เธอมาพร้อมความตั้วใจที่จะทวงคืนความสนใจจากรุ่นพี่ที่เธอคิดว่ายังคงมีใจให้เธออยู่ไม่เสื่อมคลาย เธอเชื่อมั่นในสายตาที่เขาเคยแอบมองเธอเมื่อก่อน และมั่นใจว่าเมื่อความห่างไกลหายไป ความสัมพันธ์ย่อมพัฒนาได้ไม่ยาก มณีรัตน์มักจะหาโอกาสเข้าใกล้อคิณอยู่เสมอ เธอใช้ความเชี่ยวชาญของตนเองเป็นข้ออ้างในการติดต่อสื่อสารที่ถี่ขึ้นกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการนำเอกสารสำคัญเกี่ยวแผนกหัวใจเข้าพบที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยตัวเองทุกครั้ง ทั้งที่สามารถสั่งการผ่านเลขานุการได้ หรือการเข้าปรึกษาเรื่องคนไข้ที่ต้องผ่าตัดอย่างละเอียดเกินความจำเป็นในยามวิกาล “ท่านผู้อำนวยการคะ เคสนี้ละเอียดอ่อนมากค่ะ มณีรัตน์อยากปรึกษาเรื่องการเลือกใช้อุปกรณ์ผ่าตัดหัวใจโดยเฉพาะเลยค่ะ” มณีรัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่เธอยืนอยู่ใกล้โต๊ะทำงานของอคิณ เธอตั้งใจให้ร่างกายของเธออยู่ใกล้เขาในระยะที่สัมผัสได้ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ใช้ก็ส่งกลิ่นอ่อน
ตอนที่98คนใหม่ใกล้หัวใจ บรรยากาศที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านไร่ ในช่วงสายของวันยังคงคึกคักไปด้วยลูกค้าประจำและนักท่องเที่ยวที่ตามรอยอินฟลูเอนเซอร์มา พราวตะวันที่ท้องแก่ 6 เดือน เริ่มมีรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ท้องของเธอนูนโตออกมาอย่างเห็นได้ชัด พราวตะวันยังคงยืนลวกเส้นและตักเครื่องก๋วยเตี๋ยวอยู่อย่างนั้น อยู่หลังเคาน์เตอร์ แม้จะไม่ได้ว่องไวเหมือนก่อน แต่ทุกดารเคลื่อนไหวของเธอก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจและพิถีพิถัน ความเหนื่อยล้าเริ่มแสดงออกทางสีหน้าของเธอมากขึ้น บางครั้งเธอต้องใช้มือข้างหนึ่งเท้าเอวเพื่อพยุงตัว และหายใจถี่ขึ้นเมื่อต้องยืนติดต่อกันเป็นเวลานาน ธามไม่เคยปล่อยให้พราวตะวันต้องแบกรับภาระหนักเกินไป เขาคือหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของร้าน ธามเป็นคนคอยเดินเสิร์ฟ รับออเดอร์ เก็บโต๊ะ และดูแลความเรียบร้อยทั้งหมด เขาคอยสังเกตพราวตะวันอยู่เสมอ และจะรีบเข้ามาช่วยทุกครั้งที่เห็นเธอเริ่มหอบหรือแสดงอาการเหนื่อยออกมา ธามที่ตั้งใจมาอยู่บ้านยาวๆ พักผ่อนก่อนจะกลับไปทำงานที่ต่างประเทศแต่เหมือนว่าตอนนี้ธามคงไม่ไปแล้วแน่ๆ “พราวไปนั่งพักก่อนเถอะครับ” ธามเดินมาที่เคาน
ตอนที่97แพทย์หญิงคนใหม่ดูหน้าคุ้นๆ พราวตะวันชะงักไปเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมามองมีนาอย่างรวดเร็วแต่ก็รีบก้มลงทันที ใบหน้าของเธอแสดงความตื่นตระหนกออกมาเพียงเสี้ยววินาที เธอปฏิเสธทันทีอย่างสุภาพแต่หนักแน่น“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ชอบ แต่ฉันขอปฏิเสธการสัมภาษณ์ค่ะ” พราวตะวันกล่าวขึ้นมา“แต่คุณสามารถถ่ายภาพอาหารและถ่ายบรรยากาศในร้านได้เต็มที่เลยนะคะ แต่ขอควากรุณา ห้ามถ่ายติดภาพฉันในวิดีโอเด็ดขาดค่ะ และพราวขอไม่เปิดเผยใบหน้าหรือตัวตนในสื่อสาธารณะทุกช่องทางค่ะ” ธามที่ได้ยินบทสนทนานี้ก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยความสงสัย “พราวครับทำไมไม่ให้สัมภาษณ์ล่ะครับ นี่เป็นโอกาสที่ดีมากๆ เลยนะครับ ร้านจะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น” พราวตะวันมองหน้าธามและจำต้องหาคำตอบเพื่อปกปิดความลับของเธอ “พราวแค่ไม่ชอบออกกล้องเท่านั้นค่ะพี่ธาม” พราวตะวันตอบด้วยรอยยิ้มที่ฝืนเล็กน้อย “พราวอยากใช้ชีวิตสงบๆ ที่นี่ค่ะ ไม่อยากเป็นที่รู้จักหรือตกเป็นเป้าสายตาของใคร” ธามแม้จะไม่ค่อยเชื่อใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตาม มีนาจึงตัดสินใจรีวิวอาหารและบรรยากาศร้านอย่างละเอียด โดยทำตามคำขอของเจ้าของร้านอย่างเคร่งค
ตอนที่96ก๋วยเตี๋ยวโบราณแสนกลมกล่อม ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ชวินกับกานต์ และอคินัยกับพราวฟ้านัดเจอกันเพื่อหาทางช่วยอคิณที่กำลังท้อแท้กับการตามหาพราวตะวัน “ฉันสงสารพี่คินน์นะ แต่ก็คิดถึงพราวมากเหมือนกัน” กานต์พูดด้วยความเป็นห่วงอคิณและความคิดถึงพราวตะวัน” “ใช่กานต์ผมเองก็ไม่ต่างกัน” อคินัยกล่าวขึ้นมาอีกคน “พี่คินน์บอกให้ผมไปจัดการเรื่องคดีของฟิล์มต่อ แต่เรื่องตามหาพี่พราวพี่เขาบอกจะหาเอง แต่สุดท้ายก็ขับรถกลับมาอย่างหมดหวัง ชวินที่นั่งเงียบฟังอยู่นานก็วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะด้วยเสียงดังเล็กน้อย เป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนหันมาสนใจ “เราจะมานั่งเศร้ากันอยู่ไมได้นะ” “แต่เราจะทำยังไงคะพี่ชวิน” พราวฟ้าถามด้วยความเครียด “ไม่มีรู้เบาะแสของพราวเลยจริงๆ” “มันต้องมีแหละสักทาง แต่ตอนนี้ในเมื่อทำอะไรไม่ได้เราก็ทานข้าวกันก่อนแล้วกัน ไว้เราค่อยหาทางไปเรื่อยๆ แม้จะน้อยนิดก็เถอะ แต่ถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอก” ชวินเอ่ยขึ้นมาอย่างหนักใจ ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อพวกเขาตัดสินใจพักเรื่องหนักๆ
ตอนที่95บทพิสูจน์ความรัก ที่บ้านของอคิณ บรรยากาศยังคงเงียบสงบและหนักอึ้งหลังจากที่เขาได้ฟังการสารภาพที่โหดร้ายของฟิล์ม อคิณนั่งอยู่ที่ขอบเตียงอย่างอ่อนล้า มือยังคงกุมกรอบรูปของพราวตะวันที่วางข้างหมอน ความจริงที่ว่าภรรยาของเขาจากไปเพราะถูกจัดฉากและหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ความโกรธแค้นของเขายิ่งทวีคูณ เขาได้มอบหมายให้ทนายจัดการเรื่องคดีของณิชาและฟิล์มอย่างเด็ดขาดแล้ว แต่เรื่องคดีความไม่ได้ทำให้หัวใจเขาหายเจ็บปวดเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตามหาพราวตะวันและลูกของเขา อคิณลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มองออกไปในความมืดมิดของค่ำคืน ความท้อแท้เข้าจู่โจมเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฟิล์มก็ไม่รู้ว่าพราวอยู่ที่ไหน ใครๆ ก็ไม่รู้” อคิณพยายามนึกถึงสถานที่ที่พราวตะวันเคยพูดถึง หรือทุกความสัมพันธ์ที่เธอเคยมี แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนไม่มีทางให้เขาเดิน พราวตะวันเป็นผู้หญิงที่ชอบเก็บความรู้สึกและโลกส่วนตัวสูง เมื่อเธอตัดสินใจหนี เธอย่อมไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ “พี่จะตามหาพราวทที่ไหน ในโลกกว้างใหญ่ใบนี้” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรูปถ่ายของพราวตะวั
ตอนที่94ลูกชายป้าดี “ผมธามครับ ลูกชายป้าดี แล้วก็เป็นเจ้าของบ้านที่คุณพราวเช่าอยู่ครับ” ธามแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น “ผมเพิ่งกลับมาถึงครับ แม่บอกว่าคุณกำลังเตรียมของอยู่ ตรงไหนที่ต้องยกหรือจัดให้เข้าที่ บอกผมได้เลยนะครับ ผมเป็นช่างซ่อมจำเป็นให้ได้ทุกเมื่อนะคะ” การปรากฏตัวและคำพูดที่จริงใจของธามทำให้พราวตะวันรู้สึกโล่งใจและอบอุ่นอย่างประหลาด ความมั่นคงที่แผ่ออกมาจากธามทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีเพื่อนเพิ่มเข้ามาอีกคน “ขอบคุณมากนะคะ” พราวตะวันตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่มาจากใจจริง “แต่ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ค่ะ เรียกพราวเฉยๆ ก็ได้ค่ะ คุณธาม” “ถ้าอย่างนั้นพราวก็เรียกผมว่าพี่ธามไม่ต้องเรียกคุณหรอก” พราวตะวันเงยหน้ามองธามด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง “ก็ได้ค่ะ พี่ธาม ยังไงก็รบกวนอยู่ที่นี่ไปสักพักนะคะ” การที่เธอเรียกเขาว่าพี่ ทำให้ธามรู้สึกดีอย่างประหลาด ราวกับได้รับรางวัลชิ้นใหญ่ที่รอคอยมานาน “ไม่รบกวนเลยครับ เต็มใจมากๆ มีอะไรต้องการให้ช่วยบอกได้เลยครับ” ธามรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ความเขินอายของเขาจะแสดงออกมา “ไหนครับ มีอะไรที่ต้องช่วยยกหรือเ







