Mag-log inคฤหาสน์วรวิชญ์ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า พราวตะวันยืนมองประตูรั้วเหล็กดัดขนาดใหญ่ที่เปิดออกช้า ๆ ราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปในความมืดมิดของชีวิตคู่ที่ไม่ได้ปรารถนา
บ้านหลังงามถูกปลูกแยกออกจากคฤหาสน์ใหญ่ของนายแพทย์ธีระและคุณหญิงอรุณี ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนได้อย่างงดงามแต่ความหรูหรานั้นกลับดูว่างเปล่าและโดดเดี่ยวในสายตาของพราวตะวัน
สัมภาระไม่กี่ชิ้นของเธอถูกขนลงจากรถอย่างรวดเร็ว พราวตะวันก้าวเท้าลงจากรถด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในใจ ทุกย่างก้าวที่เดินผ่านสวนหย่อมที่จัดแต่งอย่างประณีต ราวกับเดินเข้าสู่กรงขังทองคำขนาดใหญ่ ลมหายใจของเธอติดขัดเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ถึงความกดดันที่มองไม่เห็น
อคิณเดินนำหน้าเธอไปอย่างเงียบ ๆ ท่าทางของเขาดูมั่นคงและเป็นเจ้าของทุกสิ่งอย่างแท้จริง พราวตะวันเมินหน้าหนี เขาเปิดประตูบ้านหลังใหญ่ที่บัดนี้กลายเป็น "เรือนหอ" ของทั้งสองคน
ภายในโอ่อ่ากว่าที่คิด ห้องโถงกว้างขวาง ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราและงานศิลปะที่ดูมีราคาแพง มันไม่ใช่บ้านแต่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวา
พราวตะวันเดินตามอคิณขึ้นบันไดวนไปยังห้องนอนใหญ่ชั้นบน เขาเปิดประตูห้องให้เธอเข้าไป ห้องนอนนั้นกว้างขวางไม่แพ้กัน มีหน้าต่างบานใหญ่เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ยามเย็นอันกว้างไกล
บนเตียงคิงไซส์ที่ประดับประดาด้วยผ้าไหมสีขาวสะอาดตา มีกลีบกุหลาบโรยอยู่บางส่วน บ่งบอกถึงความเป็น "เรือนหอ" ที่จัดเตรียมไว้ให้
พราวตะวันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกอึดอัดและไม่เป็นส่วนตัวถาโถมเข้าใส่ นี่คือสถานที่ที่เธอจะต้องใช้ชีวิตต่อไปนับจากนี้และมันไม่ใช่ที่ที่เธออยากอยู่เลยแม้แต่น้อย
ในช่วงสาย ๆ ของวันหนึ่ง ขณะที่พราวตะวันกำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่างห้องครัวขนาดใหญ่ของคฤหาสน์หลังใหม่ เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นไม่นานนัก คุณหญิงอรุณีก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า ถือตะกร้าผลไม้และกล่องของขวัญเล็ก ๆ เข้ามาด้วยตัวเอง
“หนูพราวตื่นแล้วเหรอลูก” คุณหญิงอรุณีเดินเข้ามาหาเธอด้วยก้าวที่สง่างาม มือเรียวสวยเอื้อมมาจับมือพราวตะวันเบา ๆ สัมผัสที่อ่อนโยนและอบอุ่นนั้นทำให้พราวตะวันรู้สึกประหลาดใจ เธอคาดหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติที่เย็นชาหรือห่างเหินจากครอบครัวของอคิณแต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม
“สวัสดีค่ะคุณแม่” พราวตะวันกล่าวตะกุกตะกัก พยายามยิ้มตอบ
“ไม่ต้องเรียกคุณแม่หรอกลูกเรียกว่าแม่ก็ได้จ้ะ” คุณหญิงอรุณียิ้มกว้าง
“มาอยู่บ้านใหม่แบบนี้ คงยังไม่คุ้นเคยใช่ไหมจ๊ะ แม่แวะมาดูว่ามีอะไรให้ช่วยไหมหรืออยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า” ท่านมองสำรวจรอบบ้านด้วยสายตาชื่นชม
“บ้านหลังนี้อคิณเขาเลือกและตกแต่งเองเลยนะ แม่รู้ว่าเขาตั้งใจมาก”
พราวตะวันรู้สึกเกรงใจ เธอไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี เพราะท่าทีของคุณหญิงอรุณีนั้นอบอุ่นเกินกว่าที่เธอคาดไว้มันทำให้แผนการ "ทำให้เกลียด" ของเธอเริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย เธอไม่ได้เตรียมรับมือกับการต้อนรับที่อ่อนโยนเช่นนี้
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ เอ่อแม่ค่ะ” พราวตะวันแก้คำเรียกด้วยท่าที
“พราวจัดการได้ค่ะ ไม่อยากรบกวนคุณแม่ค่ะ”
“รบกวนอะไรกันจ๊ะลูกนี่บ้านของลูกแล้วนะ อคิณเขาก็ยุ่งอยู่กับการทำงานทั้งวัน แม่เลยอยากมาดูแลให้หนูรู้สึกสบายใจ” คุณหญิงอรุณีเดินไปสำรวจครัว
“แม่สั่งแม่บ้านมาช่วยจัดเตรียมอาหารเที่ยงไว้ให้แล้วนะ นี่แม่เอาขนมไทยที่หนูชอบมาฝากด้วยนะ แม่จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ พราวชอบขนมชั้นมากเลยใช่ไหมจ๊ะ”
“ขอบคุณนะคะแม่”
คำพูดของคุณหญิงอรุณีทำให้พราวตะวันชะงัก ท่านจำได้กระทั่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอเองก็แทบจะลืมไปแล้ว ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
พราวตะวันไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไรกับความใจดีที่เธอไม่คู่ควร เธอพยายามจะสร้างกำแพงและอคติ แต่ความอบอุ่นของคุณหญิงอรุณีกลับแทรกซึมเข้ามาอย่างช้า ๆ
ในช่วงบ่ายอคิณกลับมาถึงบ้าน พราวตะวันตั้งใจว่าจะเริ่มแผนการทำให้เขาเกลียดเธอทันทีที่เจอหน้า เธอเดินลงมาจากห้องนอนในสภาพที่ไม่ได้จัดแต่งอะไรเป็นพิเศษ เสื้อยืดคอกว้างสีซีด กางเกงขาสั้นยับยู่ยี่ ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับเพิ่งตื่นนอน เธอตั้งใจจะทำลายภาพลักษณ์ของเจ้าสาวผู้เลอโฉมที่เขาเคยเห็น
อคิณที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นหันมามองเธอเล็กน้อย แววตาของเขาไม่ได้แสดงความรังเกียจอย่างที่เธอคาดหวัง กลับกันเขายกยิ้มมุมปากเบา ๆ ราวกับจะหยอกเย้า
“วันนี้คุณดูสบาย ๆ ดีนะครับพราว” อคิณกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พราวตะวันเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวยาวตรงข้ามกับเขา เธอถอดรองเท้าแตะออก แล้วยกเท้าขึ้นเหยียบโซฟาอีกข้างอย่างไม่เรียบร้อยพลางสะบัดปลายเท้าเล็กน้อยให้ดินที่ติดอยู่ร่วงลงไปบนเบาะ
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหละค่ะ” พราวตะวันตอบเสียงห้วน พยายามทำตัวให้ดูห่างเหินและไม่สนใจ อคิณเลิกคิ้วเล็กน้อยเขาถอดเสื้อสูทออกแล้ววางพาดไว้บนพนักเก้าอี้ พลางคลายเนคไทออก ท่าทางผ่อนคลายของเขาทำให้พราวตะวันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“ทำไมคุณไม่ไปอาบน้ำให้เรียบร้อยคะ ตัวก็เหม็น เหงื่อออกซก คงจะสกปรกน่าดู” พราวตะวันแกล้งทำจมูกฟุดฟิด ราวกับได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ ทั้งที่จริงแล้วเขาไม่มีกลิ่นเหม็นเลยแม้แต่น้อย อคิณยิ้มบาง ๆ
“ผมเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล ก็ต้องมีกลิ่นบ้างเป็นธรรมดาครับ” เขาลุกขึ้นเดินตรงมาหาเธอพราวตะวันนั่งตัวแข็งเกร็งไปทั้งตัวแต่เขากลับไม่ได้เดินมาใกล้มากนัก เขาเดินอ้อมไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วกลับไปนั่งที่เดิมราวกับเธอไม่มีตัวตน
“คุณไม่ต้องมาทำเป็นใจดีใส่ฉันหรอกนะคะ” พราวตะวันกล่าวต่อ เสียงเริ่มแข็งขึ้น
“ฉันรู้ว่าคุณแค่เสแสร้งฉันจะไม่ยอมโดนคุณหลอกง่าย ๆ หรอก” อคิณเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ มองเธอด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา รอยยิ้มบนใบหน้าเขาจางหายไปเล็กน้อย
“ผมไม่เคยคิดจะหลอกคุณ” อคิณตอบเสียงเรียบ
“แต่ถ้าคุณอยากให้ผมเป็นคนร้ายกาจอย่างที่คุณคิด ผมก็จะยอมเป็นให้คุณเห็นเอง” คำพูดของเขาทำให้พราวตะวันรู้สึกประหลาดใจ แผนการของเธอดูเหมือนจะไม่ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้เลย
เมื่อค่ำคืนมาเยือนบรรยากาศในห้องนอนใหญ่ยิ่งทวีความอึดอัด พราวตะวันยืนอยู่ข้างเตียงโดยมีอคิณยืนอยู่ไม่ห่างนัก กลีบกุหลาบที่โรยอยู่บนเตียงยังคงส่งกลิ่นหอมหวานแต่กลับเป็นกลิ่นที่เธอรู้สึกขมขื่น
“ฉันจะไม่นอนบนเตียงเดียวกับคุณ คุณนอนไปบนเตียงเถอะ ฉันจะไปนอนที่อื่น” พราวตะวันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว ดวงตาจ้องมองเขาอย่างท้าทาย
อคิณมองเธอด้วยแววตาที่สงบนิ่ง แต่มีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ลึก ๆ เขาถอนหายใจเบา ๆ พลางเดินไปหยิบหมอนและผ้าห่มสำรองที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า
“ไม่ต้องหรอกครับพราว” อคิณกล่าว
“ผมจะนอนที่พื้นเอง” พราวตะวันเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะตอบรับง่ายดายเช่นนี้เธอคาดหวังว่าเขาจะพยายามบังคับหรืออย่างน้อยก็โต้เถียง อคิณปูที่นอนปิกนิกลงบนพื้นข้างเตียงอย่างเรียบร้อย เขาไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจหรือหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย
“ผมจะให้เกียรติคุณ” อคิณกล่าวขณะที่เขาล้มตัวลงนอนบนพื้น ดวงตาคมกริบมองขึ้นมาที่เธอ
“ผมจะรอจนกว่าคุณจะเต็มใจให้ผมเข้าไปใกล้คุณเอง จนกว่าคุณจะยอมเปิดใจและมองเห็นว่าผมเป็นใคร” พราวตะวันยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น มองแผ่นหลังกว้างของเขาที่นอนอยู่บนพื้น ความรู้สึกผิดบางอย่างแล่นเข้ามาในใจ เธอพยายามทำตัวให้เขารังเกียจแต่เขากลับแสดงความเข้าใจและให้เกียรติเธออย่างไม่คาดคิด ความอดทนของเขาทำให้แผนการของเธอยากขึ้นกว่าที่คิดไว้มาก
เธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พยายามข่มตาให้หลับแต่ภาพของอคิณที่นอนอยู่บนพื้นกลับวนเวียนอยู่ในความคิด นี่คือสงครามที่เธอตั้งใจจะชนะ แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ค่ำคืนแรกในกรงทองผ่านไปพร้อมกับความรู้สึกหลากหลายที่ตีวนอยู่ในใจของพราวตะวัน
ตอนที่100พังทลายในรุ่งอรุณ เช้าตรู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านไร่ อากาศยังคงเย็นสบายและชื้นเล็กน้อยจากน้ำค้างยามดึก แสงอาทิตย์ยามเช้าเริ่มสาดส่องลงกระทบหลังคาจากที่มุงอย่างเรียบง่าย พราวตะวันในชุดคลุมท้องกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ยหลังเคาน์เตอร์ไม้เก่าๆ ที่เธอใช้เป็นพื้นที่เตรียมงาน เธอพยายามใช้เวลาช่วงเช้าที่เงียบสงบนี่คัดพักและเตรียมเครื่องก๋วยเตี๋ยวให้เรียบร้อยก่อนที่ลูกค้าจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามา แม้ท้องจะแก่ขึ้นเรื่อยๆ จนอายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เจ็ดแล้ว แต่เธอก็ยังคงสนุกกับกิจวัตรเหล่านี้ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อเช็กดูเรื่องราวต่างๆ เธอแทบไม่ค่อยได้ใช้โซเชียลเลยนับตั้งแต่หนีมาอยู่ที่นี่ เพราะกลัวว่าการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกจะทำให้อคิณตามหาเธอเจอ แต่บางครั้งเธอกก็อดไม่ได้ที่จะเปิดดูความเคลื่อนไหวบ้าง นิ้วเรียวเลื่อนผ่านหน้าจอไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ในที่สุด ดวงตาของเธอก็สะดุดเข้ากับรูปภาพและพาดหัวข่าวจากเพจซุบซิบนินทาชื่อดัง ที่เพื่อนคนหนึ่งได้แชร์ไว้ในหน้าฟีดสาธารณะ หัวใจของเธอพลันหยุดเต้นทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้น เพราะเขาคืออคิณ
ตอนที่99ข่าวลือ หลังจากการปรากฏตัวของแพทย์หญิงมณีรัตน์ ในฐานะแพทย์หัวใจคนใหม่ของโรงพยาบาล บรรยากาศในการทำงานของอคิณก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด มณีรัตน์ไม่ได้มาแค่ทำงาน เธอมาพร้อมความตั้วใจที่จะทวงคืนความสนใจจากรุ่นพี่ที่เธอคิดว่ายังคงมีใจให้เธออยู่ไม่เสื่อมคลาย เธอเชื่อมั่นในสายตาที่เขาเคยแอบมองเธอเมื่อก่อน และมั่นใจว่าเมื่อความห่างไกลหายไป ความสัมพันธ์ย่อมพัฒนาได้ไม่ยาก มณีรัตน์มักจะหาโอกาสเข้าใกล้อคิณอยู่เสมอ เธอใช้ความเชี่ยวชาญของตนเองเป็นข้ออ้างในการติดต่อสื่อสารที่ถี่ขึ้นกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการนำเอกสารสำคัญเกี่ยวแผนกหัวใจเข้าพบที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยตัวเองทุกครั้ง ทั้งที่สามารถสั่งการผ่านเลขานุการได้ หรือการเข้าปรึกษาเรื่องคนไข้ที่ต้องผ่าตัดอย่างละเอียดเกินความจำเป็นในยามวิกาล “ท่านผู้อำนวยการคะ เคสนี้ละเอียดอ่อนมากค่ะ มณีรัตน์อยากปรึกษาเรื่องการเลือกใช้อุปกรณ์ผ่าตัดหัวใจโดยเฉพาะเลยค่ะ” มณีรัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่เธอยืนอยู่ใกล้โต๊ะทำงานของอคิณ เธอตั้งใจให้ร่างกายของเธออยู่ใกล้เขาในระยะที่สัมผัสได้ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ใช้ก็ส่งกลิ่นอ่อน
ตอนที่98คนใหม่ใกล้หัวใจ บรรยากาศที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านไร่ ในช่วงสายของวันยังคงคึกคักไปด้วยลูกค้าประจำและนักท่องเที่ยวที่ตามรอยอินฟลูเอนเซอร์มา พราวตะวันที่ท้องแก่ 6 เดือน เริ่มมีรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ท้องของเธอนูนโตออกมาอย่างเห็นได้ชัด พราวตะวันยังคงยืนลวกเส้นและตักเครื่องก๋วยเตี๋ยวอยู่อย่างนั้น อยู่หลังเคาน์เตอร์ แม้จะไม่ได้ว่องไวเหมือนก่อน แต่ทุกดารเคลื่อนไหวของเธอก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจและพิถีพิถัน ความเหนื่อยล้าเริ่มแสดงออกทางสีหน้าของเธอมากขึ้น บางครั้งเธอต้องใช้มือข้างหนึ่งเท้าเอวเพื่อพยุงตัว และหายใจถี่ขึ้นเมื่อต้องยืนติดต่อกันเป็นเวลานาน ธามไม่เคยปล่อยให้พราวตะวันต้องแบกรับภาระหนักเกินไป เขาคือหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของร้าน ธามเป็นคนคอยเดินเสิร์ฟ รับออเดอร์ เก็บโต๊ะ และดูแลความเรียบร้อยทั้งหมด เขาคอยสังเกตพราวตะวันอยู่เสมอ และจะรีบเข้ามาช่วยทุกครั้งที่เห็นเธอเริ่มหอบหรือแสดงอาการเหนื่อยออกมา ธามที่ตั้งใจมาอยู่บ้านยาวๆ พักผ่อนก่อนจะกลับไปทำงานที่ต่างประเทศแต่เหมือนว่าตอนนี้ธามคงไม่ไปแล้วแน่ๆ “พราวไปนั่งพักก่อนเถอะครับ” ธามเดินมาที่เคาน
ตอนที่97แพทย์หญิงคนใหม่ดูหน้าคุ้นๆ พราวตะวันชะงักไปเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมามองมีนาอย่างรวดเร็วแต่ก็รีบก้มลงทันที ใบหน้าของเธอแสดงความตื่นตระหนกออกมาเพียงเสี้ยววินาที เธอปฏิเสธทันทีอย่างสุภาพแต่หนักแน่น“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ชอบ แต่ฉันขอปฏิเสธการสัมภาษณ์ค่ะ” พราวตะวันกล่าวขึ้นมา“แต่คุณสามารถถ่ายภาพอาหารและถ่ายบรรยากาศในร้านได้เต็มที่เลยนะคะ แต่ขอควากรุณา ห้ามถ่ายติดภาพฉันในวิดีโอเด็ดขาดค่ะ และพราวขอไม่เปิดเผยใบหน้าหรือตัวตนในสื่อสาธารณะทุกช่องทางค่ะ” ธามที่ได้ยินบทสนทนานี้ก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยความสงสัย “พราวครับทำไมไม่ให้สัมภาษณ์ล่ะครับ นี่เป็นโอกาสที่ดีมากๆ เลยนะครับ ร้านจะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น” พราวตะวันมองหน้าธามและจำต้องหาคำตอบเพื่อปกปิดความลับของเธอ “พราวแค่ไม่ชอบออกกล้องเท่านั้นค่ะพี่ธาม” พราวตะวันตอบด้วยรอยยิ้มที่ฝืนเล็กน้อย “พราวอยากใช้ชีวิตสงบๆ ที่นี่ค่ะ ไม่อยากเป็นที่รู้จักหรือตกเป็นเป้าสายตาของใคร” ธามแม้จะไม่ค่อยเชื่อใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตาม มีนาจึงตัดสินใจรีวิวอาหารและบรรยากาศร้านอย่างละเอียด โดยทำตามคำขอของเจ้าของร้านอย่างเคร่งค
ตอนที่96ก๋วยเตี๋ยวโบราณแสนกลมกล่อม ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ชวินกับกานต์ และอคินัยกับพราวฟ้านัดเจอกันเพื่อหาทางช่วยอคิณที่กำลังท้อแท้กับการตามหาพราวตะวัน “ฉันสงสารพี่คินน์นะ แต่ก็คิดถึงพราวมากเหมือนกัน” กานต์พูดด้วยความเป็นห่วงอคิณและความคิดถึงพราวตะวัน” “ใช่กานต์ผมเองก็ไม่ต่างกัน” อคินัยกล่าวขึ้นมาอีกคน “พี่คินน์บอกให้ผมไปจัดการเรื่องคดีของฟิล์มต่อ แต่เรื่องตามหาพี่พราวพี่เขาบอกจะหาเอง แต่สุดท้ายก็ขับรถกลับมาอย่างหมดหวัง ชวินที่นั่งเงียบฟังอยู่นานก็วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะด้วยเสียงดังเล็กน้อย เป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนหันมาสนใจ “เราจะมานั่งเศร้ากันอยู่ไมได้นะ” “แต่เราจะทำยังไงคะพี่ชวิน” พราวฟ้าถามด้วยความเครียด “ไม่มีรู้เบาะแสของพราวเลยจริงๆ” “มันต้องมีแหละสักทาง แต่ตอนนี้ในเมื่อทำอะไรไม่ได้เราก็ทานข้าวกันก่อนแล้วกัน ไว้เราค่อยหาทางไปเรื่อยๆ แม้จะน้อยนิดก็เถอะ แต่ถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอก” ชวินเอ่ยขึ้นมาอย่างหนักใจ ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อพวกเขาตัดสินใจพักเรื่องหนักๆ
ตอนที่95บทพิสูจน์ความรัก ที่บ้านของอคิณ บรรยากาศยังคงเงียบสงบและหนักอึ้งหลังจากที่เขาได้ฟังการสารภาพที่โหดร้ายของฟิล์ม อคิณนั่งอยู่ที่ขอบเตียงอย่างอ่อนล้า มือยังคงกุมกรอบรูปของพราวตะวันที่วางข้างหมอน ความจริงที่ว่าภรรยาของเขาจากไปเพราะถูกจัดฉากและหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ความโกรธแค้นของเขายิ่งทวีคูณ เขาได้มอบหมายให้ทนายจัดการเรื่องคดีของณิชาและฟิล์มอย่างเด็ดขาดแล้ว แต่เรื่องคดีความไม่ได้ทำให้หัวใจเขาหายเจ็บปวดเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตามหาพราวตะวันและลูกของเขา อคิณลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มองออกไปในความมืดมิดของค่ำคืน ความท้อแท้เข้าจู่โจมเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฟิล์มก็ไม่รู้ว่าพราวอยู่ที่ไหน ใครๆ ก็ไม่รู้” อคิณพยายามนึกถึงสถานที่ที่พราวตะวันเคยพูดถึง หรือทุกความสัมพันธ์ที่เธอเคยมี แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนไม่มีทางให้เขาเดิน พราวตะวันเป็นผู้หญิงที่ชอบเก็บความรู้สึกและโลกส่วนตัวสูง เมื่อเธอตัดสินใจหนี เธอย่อมไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ “พี่จะตามหาพราวทที่ไหน ในโลกกว้างใหญ่ใบนี้” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรูปถ่ายของพราวตะวั







