ตอนที่
30
เมื่อความจริงปรากฏ
สายลมยามบ่ายพัดเอื่อยๆ เข้ามาในบ้านของสุริยกานต์ พราวตะวันนั่งอยู่ข้างเตียงผู้เป็นพ่อที่ดูสดชื่นขึ้นมากแล้ว เธอและอรัญญาผู้เป็นแม่กำลังนั่งคุยกับพยาบาลพิเศษที่เพิ่งจะทำกายภาพบำบัดให้สุริยะ
“คุณสุริยะอาการดีขึ้นมากเลยนะคะ” พยาบาลสาวกล่าวพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างอบอุ่น “การกายภาพบำบัดช่วยได้มากจริงๆ ค่ะ”
อรัญญาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ต้องขอบคุณทางโรงพยาบาลมากเลยนะคะที่จัดแพ็คเกจดูแลพิเศษนี้มาให้ แถมยังส่งพยาบาลที่เก่งที่สุดมาดูแลอีก” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
พยาบาลสาวหัวเราะเบาๆ เธอมองทั้งคู่ด้วยแววตาที่เป็นมิตรราวกับไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อไปนี้จะสั่นสะเทือนโลกของพราวตะวันขนาดไหน “คุณโชคดีมากเลยนะคะ ที่ได้ลูกเขยดีขนาดนี้ คุณอคิณกำชับพวกเราทุกวันเลยค่ะว่าต้องดูแลคุณสุริยะให้ดีที่สุด”
คำพูดที่ดูธรรมดานี้เองที่ทำให้หัวใจของพราวตะวันกระตุกวูบ เธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา แต่สองหูของเธอกลับตั้งใจฟังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“คุณอคิณโทรมาเช็คอาการวันละหลายรอบ แถมยังสั่งอาหารเสริมชุดใหญ่มาให้ด้วย บอกว่ากลัวคุณสุริยะจะเบื่ออาหารโรงพยาบาล” พยาบาลสาวยิ้มอย่างชื่นชม
“มิน่าล่ะ...” อรัญญาพึมพำออกมาอย่างประหลาดใจ
“แม่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย มิน่าล่ะอยู่ๆ ก็มีพยาบาลกายภาพบำบัดเข้ามาดูแลพ่อหนู ทั้งๆ ที่แม่ก็ไม่ได้ร้องขออะไรเลย แล้วไหนจะเตียงผู้ป่วยไฟฟ้าที่เข้ามาอีก”
พราวตะวันยืนนิ่งงันไปราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน ทุกอย่างที่เคยเป็นปริศนา บัดนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างหมดสิ้น ความสะดวกสบายที่เกิดขึ้น ความใส่ใจที่คุณพ่อได้รับ อาหารเสริมชุดใหญ่ที่มาส่งหน้าบ้านทุกสัปดาห์ทั้งหมดนี้ไม่ใช่หน้าที่ตามเงื่อนไขในสัญญา
แต่...มันคือความใส่ใจส่วนตัวของอคิณทั้งหมด เธอตระหนักได้ทันทีว่าในขณะที่เธอสร้างกำแพงและผลักไสเขาอย่างเลือดเย็น เขากลับคอยดูแลคนที่เธอรักที่สุดอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบๆ
เมื่อพยาบาลกล่าวลาและเดินจากไป พราวตะวันก็เดินเข้าไปในครัวอย่างเงียบๆ เธอหยิบแก้วน้ำออกมาแล้วรินน้ำใส่แก้วจนเต็ม ก่อนจะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ดื่มมัน ความเย็นจากแก้วน้ำซึมผ่านฝ่ามือเข้ามาสู่ใจของเธอ แต่ความรู้สึกที่เย็นชานั้นก็เทียบไม่ได้กับความร้อนรุ่มที่กำลังถาโถมอยู่ในอก
ความรู้สึกผิดเข้ากัดกินหัวใจอย่างรุนแรง เธอเห็นภาพตัวเองในเดทที่โรงแรมหรู เธอทำตัวห่างเหินและเย็นชาใส่เขา เธอเห็นภาพตัวเองในรถที่เงียบงัน เธอไม่แม้แต่จะหันไปมองเขา เธอเห็นภาพตัวเองในห้องนอนที่เธอเลือกที่จะไปนอนบนโซฟาเพื่อผลักไสเขาออกไปจากชีวิตของเธอ
ทุกการกระทำที่เธอตั้งใจจะทำร้ายเขา กลับทำให้เธอต้องเจ็บปวดเสียเอง พราวตะวันรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน ในขณะที่เธอทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้เขาเกลียดเธอ เขากลับทำทุกอย่างเพื่อดูแลคนที่เธอรักที่สุด
“คุณอคิณ” พราวตะวันพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว
“ฉันทำอะไรลงไป”
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มใสอย่างช้าๆ เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ความสับสนระลอกใหม่ถาโถมเข้ามาในหัวใจของเธอ มันไม่ใช่ความสงสัยในตัวอคิณอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือความสงสัยในความใจร้ายของตัวเองที่เธอมีต่อเขาต่างหาก
พราวตะวันใช้เวลาทั้งบ่ายและทั้งคืนอยู่กับความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามา เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เลย ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของอคิณยังคงฉายชัดอยู่ในความคิดของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เธอรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบดขยี้อย่างช้าๆ เธอนอนคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่ที่เธอหนีออกจากเขาไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่จนถึงตอนที่เธอหนีเขาออกจากหัวหินเธอคิดถึงการกระทำที่เย็นชาของเธอและมันก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดเสียเอง
ในที่สุดพราวตะวันก็ตัดสินใจที่จะกลับไปหาเขา เธอจะต้องไปขอโทษเขา เธอจะต้องไปบอกเขาว่าเธอเองก็รักเขามากเหมือนกัน เธอจะต้องไปบอกเขาว่าเธอไม่ต้องการจะให้ใครมาช่วยดูแลพ่อของเธออีกแล้วนอกจากเธอ
พราวตะวันลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความรู้สึกผิด อรัญญาที่เห็นท่าทีของลูกสาวก็เดินเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“พราวจะไปไหนลูก” อรัญญาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “จะกลับไปหาอคิณใช่ไหม”
พราวตะวันพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ค่ะแม่” เธอตอบเสียงแผ่ว “พราวจะกลับไปหาเขา”
อรัญญาไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่ยิ้มบางๆ แล้วโอบกอดลูกสาวไว้แน่น “ดีแล้วลูก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “แม่ดีใจที่ลูกคิดได้อย่างนั้นนะ”
“พราวขอโทษนะคะแม่” พราวตะวันกล่าว
“พราวขอโทษที่ทำให้แม่ต้องเป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก” อรัญญาตอบ
“ขอแค่ลูกมีความสุข แม่ก็มีความสุขแล้ว”
หลังจากกล่าวลาแม่เรียบร้อย พราวตะวันก็เดินออกมาจากบ้านของพ่อแม่ด้วยหัวใจที่เต้นรัว เธอขับรถกลับไปยังคฤหาสน์ของอคิณด้วยความรู้สึกที่ปะปนกันไปหมด ทั้งความรู้สึกผิด ความรู้สึกรัก และความหวังที่จะได้กลับไปหาเขา
ตอนที่30เมื่อความจริงปรากฎเมื่อพราวตะวันมาถึงหน้าประตูบ้าน เธอก็พบว่าบ้านทั้งหลังเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟที่เปิดอยู่ เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกที่หดหู่เล็กน้อย เธอรู้สึกได้ถึงความอ้างว้างที่เข้าปกคลุมบ้านหลังนี้ มันไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้เลยว่าเขาจะกลับไปปาร์ตี้หรือสังสรรค์กับเพื่อนๆพราวตะวันเดินเข้าไปในห้องทำงานของอคิณ เธอเห็นคอมพิวเตอร์ของเขายังคงเปิดอยู่ แต่เขาไม่อยู่ในห้อง เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เจอเขาในตอนนี้ แต่ก็ตัดสินใจที่จะรอเขาอยู่ที่นี่ เธอเดินไปนั่งลงบนโซฟาแล้วรอเขากลับมาเวลาผ่านไปช้าๆ พราวตะวันนั่งอยู่บนโซฟาจนกระทั่งเธอเผลอหลับไปในที่สุดเมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเช้าแล้ว เธอพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของอคิณ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ“คุณ… คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” พราวตะวันถามเสียงแผ่ว“ผมเพิ่งกลับมาเมื่อไม่นานมานี้เองครับ” อคิณตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน“ผมเห็นคุณหลับอยู่ที่โซฟา ผมก็เลยอุ้มคุณมานอนบนเตียงครับ”พราวตะวันเงียบไป เธอรู้สึกผิดที่เธอหนีเขามาแต่เขาก็ยังคงดูแลเธอเหมือนเดิม“คุณ…” พราวตะวันเริ่มบทสนทนา “ฉันขอโทษ”อคิณ
ตอนที่30เมื่อความจริงปรากฏ สายลมยามบ่ายพัดเอื่อยๆ เข้ามาในบ้านของสุริยกานต์ พราวตะวันนั่งอยู่ข้างเตียงผู้เป็นพ่อที่ดูสดชื่นขึ้นมากแล้ว เธอและอรัญญาผู้เป็นแม่กำลังนั่งคุยกับพยาบาลพิเศษที่เพิ่งจะทำกายภาพบำบัดให้สุริยะ “คุณสุริยะอาการดีขึ้นมากเลยนะคะ” พยาบาลสาวกล่าวพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างอบอุ่น “การกายภาพบำบัดช่วยได้มากจริงๆ ค่ะ” อรัญญาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ต้องขอบคุณทางโรงพยาบาลมากเลยนะคะที่จัดแพ็คเกจดูแลพิเศษนี้มาให้ แถมยังส่งพยาบาลที่เก่งที่สุดมาดูแลอีก” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจพยาบาลสาวหัวเราะเบาๆ เธอมองทั้งคู่ด้วยแววตาที่เป็นมิตรราวกับไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อไปนี้จะสั่นสะเทือนโลกของพราวตะวันขนาดไหน “คุณโชคดีมากเลยนะคะ ที่ได้ลูกเขยดีขนาดนี้ คุณอคิณกำชับพวกเราทุกวันเลยค่ะว่าต้องดูแลคุณสุริยะให้ดีที่สุด” คำพูดที่ดูธรรมดานี้เองที่ทำให้หัวใจของพราวตะวันกระตุกวูบ เธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา แต่สองหูของเธอกลับตั้งใจฟังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ“คุณอคิณโทรมาเช็คอาการวันละหลายรอบ แถมยังสั่งอาหารเสริมชุดใหญ่มาให้ด้วย บอกว่ากลัวคุณสุริยะจะเบื
ตอนที่29คำถามจากคนข้างกายณ บ้านของสุริยกานต์ พราวตะวันนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเหม่อลอย แฟ้มภาพวาดที่เคยเป็นเครื่องมือบำบัดจิตใจวางนิ่งอยู่บนตักโดยไม่ได้ถูกเปิดออก พราวฟ้าที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนเห็นท่าทีนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ“พี่พราว…” พราวฟ้าเรียกพี่สาวเสียงเบา พลางทรุดตัวลงนั่งบนพื้นข้างโซฟา“ทะเลาะอะไรกับพี่คินน์รึเปล่า ทำไมพี่ดูไม่มีความสุขเลย”พราวตะวันสะดุ้งเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองน้องสาวแล้วคลี่ยิ้มจางๆ “เปล่า... ไม่ได้ทะเลาะกัน” เธอปฏิเสธเสียงแผ่ว “พี่แค่เหนื่อยเรื่องดูแลคุณพ่อหน่อยน่ะ”“แต่คุณพ่อก็ดูดีขึ้นมากแล้วนี่คะ” พราวฟ้ากล่าว พลางเหลือบมองไปที่พ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างอารมณ์ดี“แล้วทำไมพี่ถึงดูไม่สดใสเลยล่ะ” พราวตะวันหันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่สายตาที่ว่างเปล่าของเธอก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดอยู่แล้ว “พี่ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วงนะ” พราวตะวันพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้มให้น้องสาวแต่ไม่ได้สดใสเท่าไร “ถ้าอย่างนั้นฟ้าไม่กวนแล้วนะคะ พี่พราวก็อย่าคิดมากเลยนะคะ เทคแคร์ค่ะ” พราวฟ้าพูดแล้ว
ตอนที่ 28 ความห่วงใยที่ไม่ถูกมองเห็น --- Part ของอคิณ --- เสียงปิดประตูรถของพราวตะวันยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอคิณ เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน มองบ้านหลังใหญ่ที่บัดนี้เงียบสงัดและอ้างว้างลงไปถนัดตา กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเธอยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศแต่เจ้าของกลิ่นได้จากไปแล้ว เขาเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงขึ้นไปยังห้องนอน ภาพโซฟาที่ว่างเปล่าตอกย้ำความจริงที่ว่าเขาถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังอีกครั้ง อคิณทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงกว้าง ความเหนื่อยล้าจากการทำงานเทียบไม่ได้เลยกับความเหนื่อยล้าในหัวใจของเขาในตอนนี้ ‘ผมทำอะไรผิด...หรือการที่ผมเปิดใจให้คุณเร็วเกินไป...’ เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมทุกอย่างถึงพังทลายลงได้ง่ายดายขนาดนี้ เพียงแค่การปรากฏตัวของผู้หญิงคนเดียวที่เขาพยายามจะลบออกจากชีวิตมาตลอด วันต่อมาที่โรงพยาบาล อคิณจมตัวเองอยู่กับงานอย่างหนัก เขาประชุม สั่งงาน และตรวจคนไข้ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยและน่าเกรงขามกว่าเดิม จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่ชวินมองปราดเดียวก็รู้ว่าเพื่อนรักของเขากำลังแตกสลายจากข้างใน “มึงโอเคนะไอ้คินน์” ชวินเอ่ยถามขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องทำงาน อคิณถอน
ตอนที่27ใต้ชายคาที่อึดอัด พราวตะวันลืมตาขึ้นบนโซฟา ความปวดร้าวที่แล่นไปทั่วแผ่นหลังเทียบไม่ได้กับความรู้สึกอึดอัดที่บีบรัดอยู่ในหัวใจ เธอตื่นก่อนแสงแรกของวันจะมาถึง จัดการเก็บผ้าห่มและหมอนเข้าที่อย่างเงียบเชียบ แล้วก้าวออกจากห้องนอนโดยไม่หันกลับไปมองเตียงกว้าง เมื่ออคิณตื่นขึ้น เขาพบเพียงความว่างเปล่าข้างกายและโซฟาที่ถูกจัดเรียบร้อยราวกับว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าหนักอึ้งจนน่าอึดอัด เสียงช้อนส้อมกระทบจานเป็นเพียงเสียงเดียวที่ทำลายความเงียบงัน พราวตะวันเอาแต่ก้มหน้าทานข้าวราวกับว่าอาหารในจานคือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในโลก “อรุณสวัสดิ์ครับ” อคิณเอ่ยขึ้นเบาๆ “เมื่อคืนนอนไม่สบายใช่ไหม” “ก็ดีค่ะ” เธอตอบโดยไม่สบตา คำตอบสั้นๆ ที่ไร้เยื่อใยนั้นเหมือนกำแพงที่มองไม่เห็น “วันนี้ผมไม่มีประชุมช่วงบ่าย เราไปหาอะไรทำกันข้างนอกไหม เผื่อคุณจะรู้สึกดีขึ้น” เขาพยายามอีกครั้ง ความหวังริบหรี่ฉายอยู่ในแววตา “ไม่ดีกว่าค่ะ” พราวตะวันวางช้อนลงทันที “พอดีฉันมีธุระต้องทำ” เธอลุกขึ้นยืน เป็นการจบการสนทนาอย่างสิ้นเชิง แล้วเดินจากไป ทิ้งให้อค
ตอนที่26คืนที่เงียบงัน บรรยากาศภายในรถยนต์คันหรูเงียบสนิท แสงสีของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนที่วิ่งผ่านกระจกไปอย่างรวดเร็ว ความสุขและความโรแมนติกเมื่อชั่วโมงก่อนได้เลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบที่หนักอึ้งและน่าอึดอัด อคิณกำพวงมาลัยแน่นขึ้นเล็กน้อย เขาเหลือบมองร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นระยะ พราวตะวันเอาแต่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย แสงไฟนีออนสาดกระทบใบหน้าสวยของเธอ เผยให้เห็นแววตาที่ว่างเปล่าและเย็นชา ในหัวของเธอ มีแต่เสียงของนิชาที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา คำพูดเหล่านั้นเหมือนยาพิษที่ค่อยๆ ซึมลึกเข้าไปในหัวใจที่เพิ่งจะเริ่มแข็งแรงของเธอ ความเชื่อใจที่เพิ่งก่อตัวขึ้นอย่างสวยงาม บัดนี้กลับถูกความสงสัยเข้ากัดกินหัวใจของเธอ เดทที่ควรจะพิเศษที่สุด กลายเป็นเพียงการตอกย้ำว่าเธอเป็นเพียงเงาของใครอีกคน เป็นเพียงตัวแทนในสถานที่แห่งความทรงจำของเขา “พราว...” อคิณลองเรียกชื่อเธอเบาๆ ทำลายความเงียบที่น่าทรมาน เธอไม่ได้หันมามอง เพียงแต่ขานรับในลำคอด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน “คะ” ความเย็นชาในน้ำเสียงนั้นทำให้อคิณรู้สึกจุกในอก แต่เข